บทที่ 30 – ต่อให้ยกเรื่องไปถึงพระราชวังทอง สิ่งที่ข้าพูดก็มิมีผิดเพี้ยน!
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 30 – ต่อให้ยกเรื่องไปถึงพระราชวังทอง สิ่งที่ข้าพูดก็มิมีผิดเพี้ยน!
“นายท่าน เหตุผลที่ข้าเลือกติดตามท่านมาไม่ใช่เพราะความสามารถของท่านเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะข้าต้องการกำจัดการคุกคามจากเกาเทียนหยู บุตรชายของเสนาบดีเจ้ากรมครัวเรือน ในฐานะผู้หญิงที่เกิดมาต้อยต่ำ ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้แผนนี้เพื่อปกป้องความบริสุทธิ์ของข้า ข้าต้องขอโทษท่านอย่างมาก!”
หลินเป่ยฟานเงยหน้าขึ้นด้วยความรู้สึกตะลึงงัน "ทำไมเจ้าไม่บอกข้าก่อนหน้านี้?"
หลี่ซือซือก้มหน้าลงด้วยความละอายใจ “ขอโทษด้วยเจ้าค่ะ นายท่าน! ข้ากลัวเกินกว่าจะบอกท่าน เพราะกลัวว่าท่านจะตำหนิข้า แต่หลังจากใช้เวลากับท่าน ท่านปฏิบัติต่อข้าดีเกินไปจนข้ารู้สึกผิด ข้าจึงไม่สามารถเก็บเป็นความลับได้อีกต่อไป นั่นคือเหตุผลที่ข้าบอกท่านในตอนนี้…”
หลินเป่ยฟานวางตะเกียบลงและถอนหายใจออกมา “ถ้าเจ้าบอกข้าก่อนหน้านี้ ข้าจะได้ทำให้รุนแรงมากขึ้น รับประกันเลยว่าข้าจะทำให้แขนข้างหนึ่งของเขาเดี้ยงเสีย! น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้ทำเช่นนั้นอีกแล้ว!”
หลี่ซือซือรู้สึกสับสนอย่างยิ่ง "ท่านหมายความว่ายังไงหรือเจ้าคะ? ข้าไม่เข้าใจเลย"
“ให้ข้าบอกเจ้าเองว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนี้ เมื่อข้าไปที่สถาบันจักรพรรดิเพื่อรับตำแหน่งของข้า” หลินเป่ยฟานเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสั้นๆ
หลี่ซือซือยิ่งสับสนมากขึ้นไปอีก
เขาทุบตีเกาเทียนหยูและสหายของเขาในวันแรกที่เริ่มทำงาน?
ช่างบ้าบิ่นและบุ่มบ่ามอะไรเช่นนี้!
นางนึกภาพไม่ออกเลยด้วยซ้ำ!
“นายท่าน ถ้าท่านทุบตีเกาเทียนหยู แล้วบิดาของเขาล่ะ…?” หลี่ซือซือดูกังวลมาก
ส่วนหลินเป่ยฟานกลับไม่รู้สึกอะไรด้วยซ้ำ "ไม่ต้องกังวล แม้ว่าพวกเขาอาจจะอยู่ในตำแหน่งที่สูง แต่ข้าก็ยังเป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดินีอยู่ดี พวกเขาจะทำอะไรข้าได้บ้างล่ะ? นอกจากนี้ ข้ายังปฏิบัติตามกฎทุกประการ!”
"จริงเจ้าค่ะท่าน!" หลี่ซือซือรู้สึกโล่งใจเมื่อนึกถึงความเป็นมาของหลินเป่ยฟาน
“เช่นนั้นก็กินข้าวกันต่อเถอะ อย่าปล่อยให้เรื่องเด็กเหลือขอพวกนั้นส่งผลกระทบต่ออารมณ์ของเจ้าเลย!” หลินเป่ยฟานหยิบตะเกียบขึ้นมาอีกครั้ง
“นายท่านไม่ตำหนิข้าที่ปิดบังเรื่องนี้จากท่านงั้นเหรอ?” หลี่ซือซือถามออกมาด้วยความระมัดระวัง
หลินเป่ยฟานยิ้มออกมา "ทำไมข้าต้องตำหนิเจ้าด้วย? ข้ารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเจ้ามีแรงจูงใจแอบแฝงเมื่อเจ้าเลือกที่จะติดตามข้ามา! พฤติกรรมของเจ้าที่ต้องการจะกำจัดเกาเทียนหยูเป็นที่เข้าใจได้ อีกทั้งมันยังไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อข้าอยู่แล้ว ข้าจะตำหนิเจ้าทำไมกัน?”
"ขอบคุณที่ท่านเข้าใจ!" หลี่ซือซือถอนหายใจด้วยความโล่งอกและยิ้มออกมาอีกครั้ง
ขณะที่นางกิน นางก็ชำเลืองมองไปทางหลินเป่ยฟานที่กำลังเพลิดเพลินกับอาหารของเขา ดวงตาของนางดูคล้ายกับชุ่มชื้นขึ้นมาทันใด
สมบัติล้ำค่าหาได้ง่าย แต่การหาบุรุษที่ห่วงใยจากใจจริงเป็นเรื่องที่ยากแท้!
ในยุคที่บุรุษเหนือกว่าสตรี การแต่งงานไม่สามารถเลือกได้ตามต้องการ มันจึงเป็นเรื่องยากมากสำหรับสตรีทุกคนที่จะหาคู่แต่งงานที่เหมาะสมได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนางที่มาจากหอนางโลม มันยิ่งยากขึ้นไปอีก
แต่ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้านาง ได้ตอบสนองทุกความต้องการของนาง!
“ถ้าเพียงแต่ท่านไม่ใช่ข้าราชการที่ทุจริตล่ะก็...” นางได้แต่ถอนหายใจออกมา
จากนั้นนางก็ดุตนเองที่โลภเกินไป
การมีใครสักคนที่สามารถเข้าใจ ห่วงใยและยอมรับนางได้ถือว่าเป็นพรที่ยิ่งใหญ่อยู่แล้ว!
นางไม่ควรขอมากเกินไปด้วยซ้ำ!
ในขณะนั้นเอง ต้าหลี่ได้รีบวิ่งเข้ามาอย่างกังวล “นายท่าน มีเรื่องแปลกเกิดขึ้น! มีข้าราชการจำนวนมากได้ล้อมรอบคฤหาสน์ของเราแล้ว!”
หลินเป่ยฟานหัวเราะออกมาอย่างแผ่วเบา เจ้าพวกคนหนุ่มสาวและตาแก่มาเคาะประตูกันแล้วสินะ! “นายท่าน…” หลี่ซือซือดูกังวลพอสมควร
“ไม่ต้องห่วง ข้าจะกลับมา!” หลินเป่ยฟานเดินไปที่ประตูอย่างใจเย็น ซึ่งเขาเห็นว่าคฤหาสน์ของเขาถูกล้อมรอบไปด้วยเหล่าข้าราชการจริงๆ ผู้นำเป็นข้าราชการระดับสูงของราชสำนัก ซึ่งเป็นคนที่เขาได้พบก่อนหน้านี้ในวันนั้น
นอกจากนี้ ยังมีคนจำนวนมากจ้องมองจากรอบข้างอีก
“ท่านข้าราชการระดับสูงทั้งหลาย อะไรนำพาพวกท่านมายังที่นี่?” หลินเป่ยฟานถามด้วยความสับสน
เสนาบดีเจ้ากรมครัวเรือน เกาเทียนเย่าถามออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว “หลินเป่ยฟาน อย่าแสร้งทำเป็นโง่ต่อหน้าข้า! เจ้าทำร้ายลูกชายข้าหรือ?”
“ท่านเกา ลูกชายของท่านคือ…”
“เกาเทียนเหยา!” ในที่สุดหลินเป่ยฟานก็จำได้ “เขาเป็นคนที่ดูผมเผ้ารุงรังและมีใบหน้าเหมือนพังพอนสินะ เขาดูไม่เหมือนท่านเลยนะ ข้าเกือบจำเขาไม่ได้แล้ว”
ใบหน้าของเกาเทียนเย่าพลันเปลี่ยนเป็นสีดำทะมึน เขากำลังเยาะเย้ยลูกชายของข้างั้นหรือ?
เมื่อยิ่งโกรธ เขาก็ยิ่งใจร้อนมากขึ้น “หลินเป่ยฟาน อะไรทำให้เจ้ามีสิทธิ์ตีลูกชายของข้า?”
"ใช่แล้ว! เจ้าเป็นใครถึงมาตีลูกชายของข้า ทั้งที่เป็นเพียงข้าราชการธรรมดาเท่านั้น?” ข้าราชการอีกคนหนึ่งเอ่ยถาม
“เหตุไฉนเจ้าถึงทำเช่นนั้น?”
ข้าราชการคนอื่นๆ ก็ถามเขาเสียงดัง
หลินเป่ยฟานส่ายแขนเสื้อของเขาและยืดตัวขึ้นอย่างภาคภูมิใจพร้อมกับตะโกนว่า “ข้าเป็นอาจารย์ของสถาบันจักรพรรดิและพวกเขาเป็นศิษย์ที่ร่ำเรียนในสถาบันจักรพรรดิ! พวกเขามาสายอย่างโดยตลอด ขาดเรียน ไม่เคารพข้าและทำร้ายร่างกายข้าด้วย ในฐานะผู้ฝึกสอน ข้ามีหน้าที่ลงโทษพวกเขา ท่านสุภาพบุรุษ ข้าเพียงทำตามกฎของสถาบันจักรพรรดิและลงโทษพวกเขาเท่านั้นเอง ข้าทำผิดอะไรกัน?”
หลินเป่ยฟานชี้ไปที่ท้องฟ้าและพื้นพสุธา จากนั้นจึงพูดขึ้นดังลั่นอย่างมั่นใจ “ต่อให้ยกเรื่องไปถึงพระราชวังทอง สิ่งที่ข้าพูดก็มิมีทางผิดเพี้ยนไปได้!”
"เจ้า!!!" เหล่าข้าราชการพวกนี้โกรธมาก
อีกฝ่ายตีลูกชายของพวกเขา แต่ยังกล้าทำตัวหยิ่งผยองเช่นนี้ได้อย่างไรกัน? นี่มันไร้สาระสิ้นดี!
“หลินเป่ยฟาน ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีความแค้นส่วนตัวกับข้าหรือ?” ใบหน้าของเกาเทียนเย่าและคนอื่นๆ พลันมืดลงด้วยความโกรธ
หลินเป่ยฟานยิ้มน้อยๆ ออกมา “จะเป็นเช่นนั้นได้ยังไงกัน? ข้าแค่ทำตามกฎและข้อบังคับเพื่อไม่ให้ผิดหวังในพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทเท่านั้นเอง ท่านสุภาพบุรุษ นั่นคือสิ่งที่ท่านเองก็ควรจะทำไม่ใช่หรือ?”
เหล่าข้าราชการไม่กล้าปฏิเสธ แม้ว่าพวกเขามักจะทำอะไรลับหลังองค์จักรพรรดินีอยู่เสมอ แต่พวกเขาก็ต้องรักษาหน้าตาเอาไว้
ไม่อย่างนั้นคงเกิดเรื่องเป็นแน่
“โอ้ จริงสิ ท่านสุภาพบุรุษทั้งหลาย ได้โปรดแจ้งให้บุตรหลานของท่านมาตรงเวลาในวันพรุ่งนี้ด้วย! มิฉะนั้นข้าจะต้องปฏิบัติตามกฎของสถาบันจักรพรรดิ ขับไล่พวกเขาและไม่รับพวกเขาให้เข้ามาร่ำเรียนอีก!”
"เจ้ากล้าดียังไง!!!" ข้าราชการเหล่านี้คล้ายกับถูกจุดต่อมความโกรธขึ้นอีกครา