บทที่ 29: แกะอ้วนเป็นฝูง คงได้เวลาตัดขนแกะแล้ว!
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 29: แกะอ้วนเป็นฝูง คงได้เวลาตัดขนแกะแล้ว!
การโจมตีครั้งนี้เป็นอันตรายถึงชีวิตอย่างแท้จริง มันทำให้ชายหนุ่มร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดขณะที่ผิวหนังและเนื้อของเขาผลิแตกออก
ทุกคนถึงกับตื่นตะลึง
พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าหลินเป่ยฟานจะลงมือทำจริง!
แถมเขาใส่สุดเต็มเหนี่ยวด้วย!
เขาไม่กลัวที่จะทำให้เสนาบดีเจ้ากรมครัวเรือนขุ่นเคือง ไม่กลัวความตายเลยหรือ?
หลินเป่ยฟานถือไม้ไว้ในมือ เขาหันศีรษะไปหานักเรียนคนอื่นๆ และพูดว่า “และเจ้าผู้ที่ทำผิดพลาดเช่นเดียวกับเขา ก็จะถูกตีด้วยไม้โบยสี่ร้อยครั้ง! เจ้าจะเลือกเงินหรือชีวิต?”
เหล่าศิษย์ที่เหลือต่างกลัวจนน้ำตาไหลพราก
แน่นอนว่าพวกเขาเลือกชีวิต แต่ปัญหาคือพวกเขาไม่เหลือเงินกันแล้ว! เงินบางส่วนถูกมอบให้กับลูกของเจ้ากรมครัวเรือนไป!
พวกเขาไม่เคยคิดว่าพวกเขาเองก็จะต้องโดนลงโทษด้วย!
“พวกเราขอติดท่านไว้ก่อนได้หรือไม่?” พวกเขาถามออกมาอย่างน่าสงสาร
หลินเป่ยฟานโบกไม้โบยและแค่นเสียงออกมา “เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?”
พวกเขาดึงเหรียญเงินออกจากกระเป๋าอย่างเงียบๆ
ในท้ายที่สุด หลินเป่ยฟานก็ได้อีก 600,000 ตำลึงจากกลุ่มศิษย์พวกนี้ เขาดูพึงพอใจมาก “ฝูงแกะอ้วนหากจะให้ได้ค่ามากที่สุดต้องอย่าฆ่าในคราวเดียว ต้องถอนขนมันไปเรื่อยๆ!”
จากนั้นหลินเป่ยฟานก็บังคับใช้กฎของโรงเรียน
เขาไม่ได้ตีแรงเหมือนเมื่อก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนกำลังจะตายจนร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด
“อย่ากรีดร้อง! เจ้ารู้ไหมว่าเมื่อข้าตีเจ้า มันก็ทำให้ข้าเจ็บปวดเช่นกัน?” หลินเป่ยฟานพูดขณะทุบตีพวกเขาด้วยหัวใจของเขาที่กำลังรู้สึกเจ็บปวด
“แล้วท่านจะตีเราทำไมเล่า?” เหล่าศิษย์ผู้เป็นลูกหลานของข้าราชการต่างรู้สึกทั้งเจ็บปวดและเสียใจ
“เพราะข้าชอบความรู้สึกปวดใจ!” หลินเป่ยฟานพูดออกมาอย่างทะเล้น
เหล่าศิษย์ของข้าราชการต่างก็คิดกับตนเองว่า: เจ้าคนผู้นี้ช่างเป็นคนที่น่ารังเกียจเสียนี่กระไร!
หลังจากบังคับใช้กฎของโรงเรียนแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าต่อต้านเขาเลย
พวกเขาทั้งหมดนอนอยู่บนพื้นอย่างไร้ชีวิต
หลินเป่ยฟานโยนไม้โบยลงไปและพูดว่า “ข้าหวังว่าเจ้าจะจำบทเรียนนี้และปรับปรุงตัวเองด้วย! จงมาเรียนพรุ่งนี้ตรงเวลา แม้ว่าเจ้าจะนอนอยู่ก็ต้องมา! มิฉะนั้นข้าจะลงโทษพวกเจ้าอย่างรุนแรง! เข้าใจไหม?”
"เราเข้าใจแล้ว!" เหล่าศิษย์ผู้เป็นลูกของข้าราชการต่างก็ตอบอย่างอ่อนแรง
“นอกจากนี้ บอกศิษย์ผู้อื่นที่ไม่เข้าเรียนรู้ด้วย! ถ้าพวกเขาไม่มาพรุ่งนี้ ข้าจะบอกให้พวกเขารู้ว่าทำไมบุปผาถึงสีแดงได้ขนาดนี้!” หลินเป่ยฟานกล่าว
"ขอรับ!" พวกเขาตอบกลับอีกครั้ง
ในขณะนั้นเอง หลิวฮัวเย่และซุนเทียนเทาก็วิ่งเข้ามาอย่างกังวล
หลิวฮัวเย่น่าสงสารมาก เขาทั้งแก่ ผอมและอ่อนแอ พอวิ่งแบบนี้ มันก็เหมือนร่างกายของเขาแทบจะทรุดได้ทุกเมื่อ
พวกเขาที่เห็นภาพนองเลือดตรงหน้าก็แทบจะเป็นลมกันอยู่แล้ว เสียงของหลิวฮัวเย่ถึงกับสั่นสะท้าน “ท่านหลิน ท่าน…ท่านตีพวกเขาทำไม?”
หลินเป่ยฟานโค้งมือของเขาและพูดอย่างใจเย็นว่า “รายงานอาจารย์ใหญ่หลิว กลุ่มศิษย์พวกนี้รังแกผู้อื่น! ไม่เพียงแต่พวกเขามักจะมาสายและโดดเรียน แต่พวกเขายังไม่แสดงความสำนึกผิดหลังจากถูกตักเตือน ทั้งยังคิดดูถูกและทุบตีข้า ซึ่งเป็นความผิดร้ายแรงมาก! ดังนั้นตามกฎระเบียบของสถาบันการศึกษาจักรพรรดิ ข้าจึงลงโทษพวกเขา โปรดตรวจสอบด้วยครับอาจารย์ใหญ่!”
หลิวฮัวเย่กลัวมากจนใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาว! เขาจะตรวจสอบเรื่องนี้ได้ยังไงกันเล่า? เขาตอนนี้อยากจะบีบคอหลินเป่ยฟานด้วยซ้ำ!
“ท่านหลิน ท่านรู้สถานะของพวกเขาหรือไม่?”
"แน่นอนว่าข้ารู้!”
หลินเป่ยฟานกล่าวอย่างใจเย็นว่า “คนผู้นี้มีชื่อว่าเกาเทียนหยู บุตรชายของเสนาบดีเจ้ากรมครัวเรือน เกาเทียนเย่า! ส่วนคนผู้นี้คือลูกของรองเจ้ากรมครัวเรือน...”หลินเป่ยฟานแนะนำพวกเขาทีละคน
พอจบแล้ว เขาก็พูดอย่างชอบธรรมว่า “ในฐานะที่เป็นลูกชายของข้าราชการราชสำนัก พวกเขาควรมุ่งเน้นไปที่การเรียนอย่างหนักและรับใช้ราชสำนัก แต่พวกเขากลับฝ่าฝืนกฎ เพิกเฉยและทำลายกฎระเบียบของสถาบันการศึกษาจักรพรรดิ ข้าจึงต้องลงโทษพวกเขาอย่างเคร่งครัด! ทว่าข้าจะปล่อยพวกเขาไปในครั้งนี้ เนื่องจากพวกเขาเป็นศิษย์ของข้า และข้าก็จะไม่ขับไล่พวกเขาออกจากสถาบันจักรพรรดิด้วย”
“ท่านหลิน ท่านสับสนและเข้าใจผิดอย่างสิ้นเชิงเลย…” หลิวกล่าวอย่างเป็นห่วง หลินเป่ยฟานจึงถามว่า “พวกเขาทำผิดและข้าลงโทษพวกเขาตามกฎระเบียบของสถาบันจักรพรรดิ มันมีอะไรผิดปกติงั้นหรือ?”
“ไม่มี…” หลิวฮัวเย่ตอบ หลินเป่ยฟานถามอีกครั้งว่า “ในฐานะผู้อำนวยการของสถาบันการศึกษาจักรพรรดิ ข้าต้องรับผิดชอบต่อความประพฤติระเบียบวินัยและผลการเรียนของเหล่าศิษย์ทั้งหลาย มันผิดกฎของสถาบันจักรพรรดิที่จะลงโทษพวกเขาในความผิดของพวกเขาด้วยหรือ?”
“ไม่ …” หลิวฮัวเย่ตอบอีกครั้ง
“ในเมื่อไม่มีอะไรผิดปกติ แล้วท่านจะโทษข้าทำไม?” หลินเป่ยฟานถามอย่างมั่นใจ
“แค่กๆ ข้าไม่เถียงท่านแล้ว ข้าแค่จะบอกว่าสิ่งต่างๆ ที่ทำไปแม้นจะดูถูกต้อง แต่ใช่ว่ามันจะต้องเป็นเช่นนั้นเสมอไป ท่านน่ะยังเด็กเกินไป!”
หลิวจากไปพร้อมกับโบกแขนเสื้อของเขา “ข้าจะไม่สนใจเรื่องพวกนี้แล้ว ท่านรับผิดชอบทุกอย่างและอย่าดึงข้าเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ล่ะกัน!”
“ไม่ต้องห่วงท่านอาจารย์ใหญ่!” หลินเป่ยฟานกล่าวเสียงดัง
เมื่อมองไปที่ร่างที่จากไป เขาก็ดูหมิ่นอีกฝ่ายภายในใจ “ยิ่งอายุมากขึ้นเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งขี้ขลาดมากขึ้นเท่านั้น!” ในท้ายที่สุด เหล่านายน้อยพวกนี้ก็ถูกแบกไปโดยลูกน้องของพวกเขา
หลินเป่ยฟานยังคงทำงานต่อไป ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและหลังเลิกงาน เขาก็กลับเรือนไปอย่างมีความสุข
ในมื้อค่ำ หลี่ซือซือถามด้วยรอยยิ้มว่า “วันนี้เป็นวันแรกในการทำงานของท่าน เป็นเช่นไรบ้างหรือ? บอกข้าทีได้ไหม?”
"ได้อยู่แล้ว!" หลินเป่ยฟานแตะตำลึงในหน้าอกของเขาและพูดอย่างมีความสุขว่า “เพื่อนร่วมงานของข้าที่สถาบันจักรพรรดิเป็นคนดีมาก เหล่าศิษย์ทั้งหลายเองก็กระตือรือร้นพอสมควร ข้ารู้สึกว่ามันเป็นสถานที่ซึ่งเหมาะกับข้ามาก เหมาะเป็นอย่างยิ่งเลย!”
"ถ้างั้นก็ดีแล้ว เช่นนี้ซือซือวางใจได้เสียที" หลี่ยิ้มเล็กน้อย หลังจากกินสองคำแล้ว นางก็วางตะเกียบลงด้วยความไม่สบายใจและมองไปทางหลินเป่ยฟาน
นางลังเลและถามว่า “ที่จริงข้ามีเรื่องไม่สบายใจบางอย่างอยากจะบอกท่านมาโดยตลอด แต่ถ้าข้าไม่พูด ข้าก็จะรู้สึกผิด ดังนั้นข้าจึง…”
"เรื่องะไรหรือ? อย่าเก็บไว้ในใจของเจ้าเลย หากเก็บมันไว้ เจ้าอาจจะรู้สึกปวดใจก็ได้นะ!” หลินเป่ยฟานถามขณะรับประทานอาหารลงไป
"เจ้าค่ะ ถ้าอย่างนั้น...!" ในที่สุดหลี่ก็รวบรวมความกล้าและกำลังพูดมันออกมา
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay