ตอนที่แล้วบทที่ 131 โอสถหยานหลิง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 133 เฟิงซินหยูมาถึง

บทที่ 132 สายเลือดขั้นสูง


บทที่ 132 สายเลือดขั้นสูง

“โอสถหยางหยวนระดับ 2?” หลินเทียนกล่าวด้วยความอสูรใจ

ถึงแม้ว่าโอสถหยางหยวนจะราคาถูกที่สุดในโอสถระดับ 2 แต่สำหรับราคา 150 ตำลึงต่อเม็ด มันก็ยังเป้นราคาที่สูงอยู่ดี ซึ่งราคานี้คือสำหรับโอสถระดับ 2 ขั้นต่ำเท่านั้น

หากเป็นโอสถหยางหยวนระดับ 2 ขั้นสูง ราคาจะสูงมากถึง 500 ตำลึงเลยทีเดียว

ซึ่งถ้าขายโอสถระดับ 2 จริงๆ เขาคิดไม่ออกเลยว่า มันจะทำเงินให้เขามหาศาลขนาดไหน

ก่อนหน้านี้ พวกเขาขายโอสถรวบรวมปราณขั้นสูง ในราคา 40 ตำลึง มันยังทำให้พวกเขาทำเงินได้มากมาย

หลินเทียนและหลินคัง ได้ส่วนแบ่งเม็ดละ 2 ตำลึง ยังทำให้พวกเขาได้เงินมหาศาล

ไม่อย่างนั้นหลินเทียนจะซื้อชาในราคา 500 ตำลึงมาดื่มได้ยังไง?

เพราะตอนนี้เขามีเงินแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่สนุกไปกับมัน

“ถูกต้องท่านพ่อ โอสถหยางหยวนระดับ 2 ขั้นสูงสุด ข้าวางแผนที่จะตั้งราคาไว้ที่เม็ดละ 200 ตำลึงเท่านั้น” หลินเป่ยเต่ากล่าว

เม็ดละ 200 ตำลึง ราคานี้สมเหตุสมผลมาก เพราะประสิทธิภาพของโอสถหยวนหยางหนึ่งเม็ด เทียบเท่าโอสถรวบรวมปราณ 10 เม็ด ซึ่งจริงๆ แล้ว ผลของมันจะมากกว่านี้แน่นอน

เนื่องจากหลินเป้ยเคยกินแล้วได้ค่าประสบการณ์จากโอสถหยวนหยางมาก่อน เขาจึงสามารถตัดสินจากค่าประสบการณ์ของเขาได้

ค่าประสบการณ์ของหลินเป้ย คือการแปลงค่าปราณจิตวิญญาณเป็นข้อมูลตัวเลขโดยระบบ

หลินเป้ยพอเข้าใจในค่าประสบการณที่เขาได้รับมาบ้างแล้ว เหตุผลที่ได้รับแต้มประสบการณ์ในการสังหารสิ่งมีชีวิต ก็เพราะระบบกลืนปราณจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตที่ตายแล้ว ให้กับเขานั่นเอง

แต่ส่วนหนึ่งของระบบน่าจะเอาไปด้วย และส่วนหนึ่งก็ส่งคืนให้กับหลินเป้ย ดังนั้นเมื่อเขาสังหารไม่ว่าสัตว์อสูรหรือคน แต้มประสบการณ์ของหลินเป้ยก็จะเพิ่มขึ้น

“อย่างไรก็ตามท่านพ่อ ท่านติดอยู่ในขอบเขตปรมาจารย์นักรบขั้นแรกมานานแล้ว อีกไม่นานท่านก็จะบ่มเพาะได้ ข้าอยากให้ท่านกินโอสถหยวนหยาง เพื่อเพิ่มปราณจิตวิญญาณให้มากขึ้น และท่านไม่ต้องเป็นห่วง โอสถที่ข้ากลั่นนี้ไร้ผลข้างเคียง ท่านสามารถกินได้เรื่อยจนท่านเบื่อมันเลย” หลินเป่ยกล่าวต่อ

หลินเป้ยไม่สนใจจำนวนโอสถที่คนของเขาจะใช้ เพราะยังไงเขาก็กลั่นมันได้เรื่อยๆ อยู่แล้ว

นอกจากนี้หลินเป้ยยังไม่ขาดแคลนสมุนไพร  สมุนไพรที่ปลูกในระบบไร่นาเซียนและในโกดัง เขามีมากมายมหาศาลแล้ว

“ตกลง งั้นข้าจะไปแจ้งให้หลินคังมาที่ร้าน ในวันพรุ่งนี้เลย” หลินเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม.

ช่วงนี้หลินคังว่างจริง เขาคิดถึงการเปิดร้านที่ผ่านมามาก ตอนนี้เขาได้แต่ช่วยงานที่ตระกูลเท่านั้นเอง

ในอดีตเขาช่วยงานตระกูลได้เงินถึง 800 ตำลึงต่อเดือน ซึ่งในตอนนี้ เขารู้สึกว่ามันช่างน้อยนิดจริงๆ

“ตกลง ท่านไปแจ้งหลินคังได้เลย”หลินเป้ยพยักหน้า

หลินเป้ยมีความประทับใจที่ดีต่อหลินคัง และเขาก็เชื่อใจหลินคังอยู่บ้างไม่น้อย

หลังจากออกจากเมืองชิงหลินในอนาคต หลินเป้ยวางแผนที่จะให้โอกาสหลินคังในเวลานั้น ตำแหน่งของหลินคังในตระกูลหลินจะมั่นคงมากอย่างแน่นอน และในเวลานั้น หลินเป้ยยังวางแผนที่จะให้หลินคังเข้ามารับช่วงส่วนแบ่งกำไรโอสถสงบจิต

ตราบใดที่หลินคังยังมีชีวิตอยู่ ผลกำไรจะอยู่ในมือของเขา ด้วยความมั่งคั่งจำนวนมหาศาลในมือ  แน่นอนว่าเขาจะได้เป็นหัวหน้าตระกูลหลินคนต่อไปอย่างแน่นอน

ตอนนี้ตระกูลหลินยังไม่ได้เลือกผู้สืบทอด เนื่องจากหลินวู่จี้ยังอยู่ในช่วงจุดสูงสุดของชีวิต เขาเป็นปรามาจารย์นักรบขั้นสูงสุด และภายใต้สถานการณ์ปกติ เขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึง 150 ปี

อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่มีโอสถสงบจิต ทำให้หลินวู่จี้มีโอกาสเข้าสู่ขอบเขตมหาปรมาจารย์นักรบ และอายุขัยของเขาอาจถึง 200 ปีในเวลานั้น

ช่วงชีวิตของราชานักรบ(หวู่หวาง)คือ 300 ปี และจักรพรรดินักรบ(หวู่ฮวง) สามารถมีอายุได้ถึง 500 ปี

ยิ่งฐานบ่มเพาะสูง อายุขัยก็จะยิ่งนานขึ้น ซึ่งหมายความว่าถ้าใช้ชีวิตปกติ ย่อมมีอายุยืนนาน ส่วนมากผู้ฝึกตนที่ตายไปก่อนนั้น ถ้าไม่เกิดจากการบาดเจ็บจนกระทบรากฐาน ก็โดนยาพิษทำให้พลังชีวิตหายไปเลยทำให้อายุขัยสั้นลง

หลินเทียนพยักหน้า จากนั้นไปที่คฤหาสน์ตระกูลหลิน เพื่อคุยกับหลินคังเกี่ยวกับการเปิดร้านอีกครั้งในวันพรุ่งนี้

หลังจากนั้น หลินเป้ยก็ดูที่ระบบห้างสรรพสินค้า เพื่อดูว่ามีอะไรที่สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพการต่อสู้ของเสี่ยวเฮยได้หรือไม่

ตอนนี้เสี่ยวเฮยอยู่ที่ระดับ 3 ขั้น 10 แล้ว และแก่นแท้สัตว์อสูรระดับ 4 ยังคงส่งผลอยู่ ทำให้ตอนนี้เสี่ยวเฮยที่อยู่ในบ้านสัตว์อสูรที่เร่งความเร็วขึ้น มีความก้าวหน้าอย่างมาก แต่สำหรับเขา มันก็ยังรู้สึกช้าไปอยู่ดี

เดิมที หลังจากที่สัตว์อสูรโตเต็มวัย ระดับการพัฒนาจะช้ากว่ามนุษย์มาก แต่อายุขัยของพวกมันนั้นเหนือกว่ามนุษย์หลายเท่า พวกมันมีด้านที่ไม่ดี แต่ก็มีด้านดีเช่นกัน

ระบบบอกว่า หลังจากที่เสี่ยวเฮ่ยไปถึงระดับ 3 ขั้น 10 แล้ว หากเขาต้องการให้เสี่ยวเฮยพัฒนาต่อ ต้องยกระดับสายเลือของหมาป่าสีคราม

ตราบใดที่ใช้คะแนนเพื่อซื้อฟังก์ชั่นการพัฒนาสายเลือด หมาป่าสีครามทุกตัว สามารถพัฒนาเป็นสัตว์อสูรหมาป่าระดับสูงขึ้นได้

เนื่องจากระดับสูงสุดของหมาป่าสีครามเป็นเพียงระดับ 3 เว้นแต่จะเป็นสายเลือดที่กลายพันธุ์ หรือปรากฏการณ์การสายเลือดหวนคืนบรรพบุรุษ หรือการกลืนกินสมบัติทางธรรมชาติบางอย่าง ถึงจะทำให้หมาป่าสีครามทะลวงขีดจำกัด ไปเป็นสัตว์อสูรระดับ 5 หรือระดับ 6 ได้

ระดับต่อไปของหมาป่าสีคราม สามารถเลือกที่จะพัฒนาเป็นสัตว์อสูรระดับ  5 ได้โดยตรง แต่ราคาอัปเกรดต้องใช้ 50 ล้านแต้ม

แน่นอนว่ามันสามารถพัฒนาเป็นสัตว์อสูรระดับสี่ก่อนได้เช่นกัน แต่คะแนนต้องใช้ 10 ล้านแต้ม

สำหรับการวิวัฒนาการของสัตว์อสูรระดับ 4 ไปเป็นสัตว์อสูรระดับ 5 นั้น ต้องใช้คะแนน 50 ล้านแต้ม

แต่การอัพเกรดในทีเดียวเป็นระดับ 5 เลยนั้น ระบบมีส่วนลดให้เหลือเพียง 50 แต้มเท่านั้น

นี่ถือได้ว่าเป็นระบบมอบทางเลือกให้หลินเป้ย ขึ้นอยู่กับว่าเขาเลือกอย่างไร

ตราบใดที่สัตว์อสูรได้รับการอัพเกรด หมาป่าสีครามทั้งหมดจะถูกฉีดสายเลือดของสัตว์อสูรเข้าร่าง ดังนั้นพวกมันจึงกลายเป็นสัตว์อสูรที่วิวัฒนาการแล้ว

ในอนาคต เมื่อแลกเปลี่ยนเป็นลูกสัตว์อสูร และมันจะกลายเป็นลูกสัตว์อสูรที่พัฒนาสายเลือดแล้วด้วย

แน่นอนว่าการแลกเปลี่ยนลูกหมาป่าสีครามจะไม่หายไป และหลินเป้ยก็สามารถแลกเปลี่ยนพวกมันได้ในอนาคต แต่บ้านสัตว์อสูรสามารถเก็บสัตว์อสูรได้เพียงชนิดเดียวเท่านั้น และสัตว์อสูรที่ไม่ใช่ประเภทเดียวกันไม่สามารถอยู่ในที่เดียวกันได้

หลังจากระดับขั้นสูงแล้ว มันก็จะเป็นสัตว์อสูรอีกประเภทไปเลย เว้นแต่หลินเป้ยจะเปิดบ้านสัตว์อสูรอีกหลังเพื่อรองรับหมาป่าสีครามสายพันธ์ดั่งเดิม

“มันยากนิดหน่อยที่จะเลือก” หลินเป่ยสับสนเล็กน้อย

10 ตำลึงก็เป็นแรงกดดันมหาศาลเช่นกัน แม้ว่าการขายโอสถจะได้กำไรดี แต่ยอดขายก็มากกว่าหนึ่งแสนตำลึงต่อวันเท่านั้น หลังจากหักค่าใช้จ่าย และส่วนแบ่งแล้ว เขาก็สามารถหาเงินได้ 12,000 - 30,000 ตำลึงต่อวัน

ในเมืองเล็กๆ ยอดขายที่น่าอัศจรรย์ภายในหนึ่งวันนี้ ย่อมทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนล้วนอิจฉา

แต่เงินจำนวนนี้ยังไม่เพียงพอ หลินเป้ยมีเงินมากกว่า 10 ล้านก่อนหน้านี้ และเขาได้รับเงินมากมายจากการสังหารผู้เชี่ยวชาญสำนักเทียนไห่สองคน

นอกจากนี้ เขายังได้รับเงินอีก 2 ล้านตำลึงจากการรักษาหลิวหยิน

ในสองวันที่ผ่านมา หลินเป้ยใช้เงินราวกับน้ำไหล ตอนนี้เขาเหลือเงินเพียงแค่ 3 ล้านตำลึงเทานั้น ซึ่งมันยังห่างไกลจาก 10 ตำลึง

สำหรับ 50 ล้านตำลึง หลินเป่ยยิ่งหมดหนทางมากขึ้น 10 ล้านยังหาไม่ได้ ก็ไม่ต้องมองหา 50 ล้านแล้ว

เพียงแค่คิดว่าจะต้องใช้ 50  ล้านแต้ม เพื่อเลื่อนจากระดับ 4 ไปเป็นสัตว์อสูรระดับ 5 หลินเป้ยก็ได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่นในตอนนี้

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด