ตอนที่ 527 หยูชิชิ
ตอนที่ 527 หยูชิชิ
ปัจจุบันแมวเหลืองสี่หูกำลังเดินเข้ามาในอาคารและมันก็คลานเข้าไปหมอบแทบเท้าของเซี่ยเฟย
เหตุการณ์นี้ทำให้หยูชิชิทำตัวแปลก ๆ และเมื่อเธอได้เห็นแมวรูปร่างน่าเกลียดจากหางตา ใบหน้าของเธอก็เริ่มซีดเซียวลงกว่าเดิม
“จำเอาไว้ หลังจากนี้เธอจะเป็นเจ้านายของนาย นับจากนี้ไปนายจะต้องทำทุกอย่างตามคำสั่งของเธอ” เซี่ยเฟยเริ่มออกคำสั่งเสียงดังกับแมวเหลืองสี่หูเพื่อไม่ให้มันก่อปัญหาในอนาคต
แมวประหลาดรีบพยักหน้ารับอย่างเร่งรีบ เพราะการที่มันได้ไปพร้อมกับเจ้าของใหม่มันก็จะหลุดพ้นจากเซี่ยเฟยและขนอุยทันที ซึ่งมันเป็นสิ่งที่สัตว์อสูรตัวนี้กำลังต้องการมากที่สุด
อย่างไรก็ตามเมื่อหยูชิชิได้พบว่าแมวเหลืองสี่หูกำลังจ้องศีรษะมาหาเธอ มันก็ทำให้ใบหน้าของเธอซีดเซียวราวกับคนตาย
สาวใช้ทั้งสองคนที่เดินทางมาพร้อมกับหยูชิชิก็รู้สึกหวาดกลัวแมวตัวนี้ด้วยเหมือนกัน แต่เพราะว่าพวกเธอกลัวจะถูกเจ้านายของตัวเองตำหนิ พวกเธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องพยายามระงับความหวาดกลัวภายในใจของตัวเองไว้และยืนประจำตำแหน่งของพวกเธอต่อไป
“ไปหาเจ้านายใหม่ได้แล้ว” เซี่ยเฟยออกคำสั่งและแมวเหลืองสี่หูก็รีบพุ่งเข้าไปหาหยูชิชิทันที
ท่าทางของแมวตัวนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น แต่น่าเสียดายที่รูปลักษณ์ภายนอกของมันน่าเกลียดมากจนเกินไป ดังนั้นถึงแม้ว่ามันจะพยายามทำให้เจ้านายพอใจ แต่ในสายตาของคนอื่นท่าทางของมันกลับเต็มไปด้วยความน่ากลัว
กรี๊ดดดด!!
หยูชิชิกรีดร้องออกมาเสียงดังพร้อมกับกระโดดเข้าไปกอดสาวใช้ด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด
พฤติกรรมของเจ้านายใหม่ทำให้แมวเหลืองรู้สึกสับสนมาก แต่มันก็พยายามแลบลิ้นออกมาเลียขาของหยูชิชิเพื่อเอาใจเจ้านายคนใหม่
อย่างไรก็ตามลิ้นสาก ๆ ของมันก็ทำให้เสียงกรีดร้องของหยูชิชิรุนแรงขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองข้างราวกับสายน้ำ ส่วนสาวใช้ทั้งสองคนที่เดินทางมาพร้อมกับเธอก็กำลังหวาดกลัวไม่แตกต่างกันมากนัก ทั้งสามคนจึงกอดกันและกันเอาไว้แน่นเนื่องมาจากว่าพวกเธอรู้สึกกลัวแมวตัวนี้มาก
“เธออยากได้แมวตัวนี้เองไม่ใช่เหรอ? แล้วตอนนี้เธอร้องไห้แบบนั้นไปทำไม?” เซี่ยเฟยพึมพำขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ
เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องหยูซานสุ่ยก็รีบวิ่งออกมาจากหลังสวน และทันใดนั้นเขาก็ตระหนักว่าแผนการที่เขาวางเอาไว้ได้ถูกทำลายลงไปแล้ว เขาจึงพยายามจะเข้าไปแก้ไขสถานการณ์โดยเร็วที่สุด
“หัวหน้ารีบเรียกแมวตัวนั้นกลับมาเร็วเข้า!” หยูซานสุ่ยพูดอย่างกระวนกระวาย
ในความเป็นจริงเขาก็อยากจะเข้าไปช่วยเหลือคุณหนูเจ็ดด้วยตัวเองเหมือนกัน แต่แมวตัวนั้นมีรูปร่างน่ากลัวมากเกินไปทำให้เขาไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้มันแม้แต่นิดเดียว
“ทำไมล่ะ? คุณหนูเจ็ดชอบแมวตัวนั้นไม่ใช่เหรอ?” เซี่ยเฟยเลิกคิ้วถามเมื่อเขาสัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาดของเหตุการณ์นี้
“ไม่... ไม่…” หยูซานสุ่ยพูดติดอ่างโดยที่เขาก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องอธิบายสถานการณ์นี้ออกมายังไง
“อ๋อ! ฉันเข้าใจแล้ว แมวตัวนั้นยังแสดงความรักต่อเจ้านายใหม่ไม่มากพอสินะ” เซี่ยเฟยตะโกนออกไปเสียงดังพร้อมกับพยักหน้ากับตัวเอง
เมื่อแมวเหลืองได้รับคำสั่งใหม่ มันก็รีบกระโจนตัวของมันออกไปวางอุ้งเท้าหน้าทั้งสองข้างเอาไว้บนไหล่ของหญิงสาว และเริ่มเลียใบหน้าของเจ้านายคนใหม่อย่างรักใคร่
กรี๊ดดดดด!!!
การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันนี้ทำให้หยูชิชิกรีดร้องออกมาเสียงดังมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเซี่ยเฟยก็แอบคิดภายในใจว่าเสียงของเธอคงจะดังออกไปในระยะไกลกว่า 10 กิโลเมตรแล้วล่ะมั้ง
เพี้ยะ!
หยูซานสุ่ยตบหน้าตัวเองอย่างรุนแรงและพึมพำอะไรบางอย่างเหมือนกับว่าทุกอย่างคือความผิดของเขา เซี่ยเฟยจึงเรียกแมวเหลืองกลับมาแล้วบอกให้มันนอนอยู่เฉย ๆ ที่มุมห้อง
“ว่าไงคุณหนูเจ็ด ตอนนี้คุณพอจะอธิบายเรื่องทุกอย่างได้แล้วหรือยัง?” เซี่ยเฟยเริ่มถามอย่างคาดคั้นเมื่อเขารู้สึกว่าเขาแกล้งผู้หญิงคนนี้มากพอแล้ว
สาวใช้ทั้งสองคนต้องค่อย ๆ ประคองร่างของหยูชิชิไปนั่งพักที่เก้าอี้ แล้วมันก็จำเป็นจะต้องใช้เวลาสักพักเพื่อให้เธอสงบสติอารมณ์ของตัวเองลง
จากนั้นเธอก็เริ่มเล่าว่าหยูซานสุ่ยได้ไปขอพบเธอเป็นการส่วนตัว และเรื่องแมวตัวนี้ก็เป็นเรื่องที่ หยูซานสุ่ยต้องการที่จะทำให้เซี่ยเฟยได้รับความอับอาย
หยูซานสุ่ยที่รับฟังเหตุการณ์อยู่ด้านข้างก็มีเหงื่อไหลท่วมออกมาทั่วทั้งร่างกาย เพราะท้ายที่สุดหยูชิชิก็เป็นคุณหนูเอาแต่ใจและมันก็ดูเหมือนกับว่าเธอจะโยนความผิดทุกอย่างมาให้กับเขาแล้ว
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่สามารถที่จะออกไปพูดจาหักล้างคำพูดของหยูชิชิได้ เพราะเธอถูกเรียกขานกันในนามคุณหนูใจทราม ดังนั้นถ้าหากว่าเขาทำให้เธอรู้สึกขุ่นเคืองใจสถานการณ์ของเขาก็คงจะเลวร้ายมากยิ่งกว่าสถานการณ์ในปัจจุบัน
หลังจากรับฟังคำบอกเล่าที่เต็มไปด้วยน้ำตา เซี่ยเฟยก็เริ่มประมวลเหตุการณ์ทุกอย่างภายในใจ
“เอาล่ะคุณหนู ในเมื่อคุณไม่ต้องการแมวตัวนี้แล้วคุณก็กลับไปเถอะ แล้วหยุดทำเรื่องแบบนี้ในอนาคตด้วย” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเย็นชา
น้ำเสียงอันเย็นชาของเซี่ยเฟยทำให้หยูชิชิรู้สึกไม่พอใจมาก เพราะเธอไม่เคยถูกปฏิบัติตัวแบบนี้มาก่อน เพราะแม้แต่หยูเจียงซึ่งเป็นผู้นำตระกูลก็ยังคอยดูแลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดี มันจึงไม่เคยมีใครพูดจาด้วยน้ำเสียงเย็นชาแบบนี้กับเธอเลยแม้แต่คนเดียว
หญิงรับใช้รีบเดินนำคุณหนูออกไปที่ประตู แต่ก่อนที่หยูชิชิจะเดินออกจากอาคารแห่งนี้ไปเธอก็ยกมือทั้งสองข้างมาเท้าสะเอวและหันไปตะโกนใส่เซี่ยเฟยอย่างไม่พอใจว่า
“จำเอาไว้เลย ฉันจะเอาเรื่องวันนี้ไปฟ้องคุณปู่!!!”
“เฮ้ไอ้เหมียว! เจ้านายใหม่ของนายกำลังจะกลับแล้วนะ นายไม่คิดจะไปส่งเจ้านายใหม่หน่อยเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะชี้นิ้วไปที่หยูชิชิ
แมวเหลืองสี่หูรู้สึกหวาดกลัวเซี่ยเฟยมาก ดังนั้นเมื่อมันได้รับคำสั่งมันจึงรีบกระโจนเข้าหาหยูชิชิอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าหยูชิชิกับสาวใช้ทั้งสองต่างก็รีบวิ่งหนีไปอย่างเกรงกลัวโดยไม่คิดที่จะต่อปากต่อคำกับเซี่ยเฟยอีกต่อไป
ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าทำให้หยูซานสุ่ยรู้สึกตกตะลึง เพราะเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเซี่ยเฟยจะกล้าทำอะไรแบบนี้กับคุณหนูเจ็ด ผู้ซึ่งเป็นหลานคนโปรดของผู้นำตระกูลด้วย
“เรื่องวันนี้จะกระทบกับฉันด้วยไหมเนี่ย!?”
—
สัตว์อสูรที่ถูกฝึกให้เชื่องทุกตัวต่างก็ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยความจงรักภักดี ดังนั้นเมื่อแมวเหลืองได้รับคำสั่งมันจึงพาหยูชิชิไปส่งถึงบ้านอย่างปลอดภัย ก่อนที่มันจะเดินกลับมาที่สวนเสือคำรามด้วยท่าทางอันสง่างาม
ขณะเดียวกันการกระทำของแมวตัวนี้ก็ทำให้หยูชิชิไม่สามารถรักษาความสง่างามของเธอเอาไว้ได้อีกต่อไปแล้ว สภาพที่เธอกลับมาบ้านคือภาพที่รองเท้าเธอหายไปข้างหนึ่ง, ต่างหูของเธอหายไปข้างหนึ่ง, ผมของเธอชี้ฟูกระจัดกระจายแล้วมันก็มีแม้กระทั่งเศษกิ่งไม้ใบหญ้าที่ติดอยู่ตามตัวของเธอ
สภาพของสาวใช้ทั้งสองก็ไม่ดีไปกว่ากัน ซึ่งระหว่างที่กำลังพยายามหนีแมวเหลืองอยู่นั้น พวกเธอก็ถึงกับลืมใช้ยานพาหนะที่ใช้อยู่เป็นประจำ พวกเธอจึงต้องวิ่งหนีด้วยเท้าทั้งสองข้างและพึ่งพากฎแห่งมิติที่พวกเธอได้เรียนมาเพียงแค่ไม่นาน
ยิ่งหยูชิชิคิดถึงเรื่องในวันนี้มากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นไปเท่านั้น และถึงแม้ว่าเธอจะร้องไห้ต่อหน้าของเซี่ยเฟยแล้วแต่ชายหนุ่มก็ยังไม่คิดที่จะปล่อยเธอไป แล้วมันก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาต้องการที่จะกลั่นแกล้งเธอถึงสั่งให้แมวน่าเกลียดนั่นไล่ตามเธอมาแบบนี้
“น้อง 49 เป็นอะไรหรือเปล่า?” ชายหนุ่มวัย 20 ต้น ๆ กล่าวถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง
ในความเป็นจริงหยูชิชิคือทายาทอันดับที่ 49 เพียงแต่ว่าชื่อของเธอมีความหมายว่า 77 เธอจึงมักจะถูกเรียกว่าคุณหนูเจ็ดจนติดปาก
ขณะเดียวกันถึงแม้ว่าชายหนุ่มผู้มีชื่อว่าหยูไท่โจวคนนี้จะมีนามสกุลหยูเช่นเดียวกันกับเธอ แต่สถานะของทั้งคู่ก็แตกต่างกันมาก เนื่องมาจากว่าหยูชิชิเป็นสมาชิกหลัก ขณะที่หยูไท่โจวเป็นสมาชิกทั่วไป จึงทำให้ระดับชั้นของทั้งคู่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
ที่สำคัญไปกว่านั้นหยูชิชิยังถือว่าเป็นสาวงามอันดับ 1 ที่สวยที่สุดในตระกูล มันจึงมีผู้ชายใฝ่ฝันที่จะได้ครอบครองเธอเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็ไม่พ้นหยูไท่โจวด้วยเช่นกัน แต่เนื่องมาจากหยูชิชิถูกเลี้ยงดูราวกับไข่ในหินผู้ชายส่วนใหญ่จึงไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเธอ
แต่ในวันนี้สภาพของหยูชิชิตกอยู่ในสภาพที่น่าอเนจอนาถอย่างเห็นได้ชัด หยูไท่โจวจึงตระหนักว่าโอกาสของเขามาถึงแล้ว ซึ่งถ้าหากว่าเขาสามารถทำให้หยูชิชิประทับใจได้สำเร็จ บางทีสถานะของเขาก็อาจจะทะยานไปขึ้นสวรรค์
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับนาย ออกไปจากที่นี่!” หยูชิชิกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความก้าวร้าว
“น้อง 49 บอกพี่มาเถอะว่าน้องไปเจออะไรมา เดี๋ยวพี่ชายคนนี้จะทวงความยุติธรรมให้กับน้องเอง” หยูไท่โจวยังคงกล่าวอย่างยิ้มแย้มโดยไม่สนใจท่าทางก้าวร้าวของเธอเลยแม้แต่น้อย
ในความเป็นจริงหยูชิชิเกลียดผู้ชายที่ชอบฉวยโอกาสแบบนี้เป็นที่สุด แต่ในขณะที่เธอกำลังจะอาละวาดออกมา จู่ ๆ มันกลับมีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวของเธอ
“พี่ไท่โจว” หยูชิชิกล่าวด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความน่าสงสาร และเสียงที่นุ่มนวลของเธอก็แทบที่จะทำให้หัวใจของหยูไท่โจวแตกสลาย
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ฉัน... ฉันถูกรังแก…” หยูชิชิกล่าวพร้อมกับเรียกน้ำตาออกมาคลอเบ้า
“ใคร? มันเป็นใคร?! เดี๋ยวพี่ชายคนนี้จะไปจัดการมันคนนั้นให้กับน้องเอง” หยูไท่โจวร้องคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว
“เขาคือเซี่ยเฟยผู้จัดการคนใหม่ของสวนเสือคำราม เขาปล่อยให้สัตว์อสูรในสวนออกมาทำร้ายฉัน” หยูชิชิกล่าวเบา ๆ ราวกับกระซิบ
“พี่จำได้ว่าอีกสองวันจะเป็นเวลาที่นักสู้ที่พึ่งเลื่อนระดับจะได้เลือกวิชาการต่อสู้ของตัวเอง ในเวลานั้นเซี่ยเฟยจะต้องอยู่ในแอ่งน้ำ 3 วัน 3 คืนเพื่อแย่งชิงวิชากับนักสู้คนอื่น ๆ ตอนนั้นพี่ชายคนนี้จะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้มันออกมาจากสถานที่แห่งนั้นอีกต่อไป” หยูไท่โจวกล่าวอย่างดุดัน
“ถ้าอย่างนั้นฉันขอฝากเรื่องนี้เอาไว้กับพี่ไท่โจวด้วย” หยูชิชิกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน
“ไม่ต้องห่วง ฉันมีนักสู้ที่พึ่งเลื่อนระดับอยู่ในสังกัดของฉันหลายคน ฉันจะพยายามทำให้แอ่งน้ำนั้นเป็นสุสานของมันเอง”
—
การทำงานในสวนเสือคำรามของเซี่ยเฟยในวันแรกไม่ค่อยราบรื่นนัก เพราะไม่เพียงแต่สัตว์อสูรส่วนใหญ่จะรู้สึกตกใจกลัวเสียงร้องคำรามของขนอุยจนเสียชีวิตไปเท่านั้น แต่เขายังถูกหยูซานสุ่ยกับหยูชิชิแกล้งในระหว่างการทำงานอีกด้วย
หยูซานสุ่ยมีโอกาสได้เห็นความสามารถของเซี่ยเฟยด้วยดวงตาของตัวเองมาแล้ว เขาจึงสารภาพความผิดและสาบานว่าเขาจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อีกในอนาคต
ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยยังไม่ต้องการสร้างศัตรูมากจนเกินไป และเขาก็ยังจำเป็นจะต้องพึ่งพาตระกูลหยูในระหว่างที่เขายังอาศัยอยู่ภายในดินแดนแห่งนี้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจปล่อยเรื่องนี้ไปไม่จัดการหยูซานสุ่ยอย่างเด็ดขาดเหมือนกับที่เขาเคยทำในอดีต
ยิ่งไปกว่านั้นอัตราการบริโภคพลังงานของพวกเขายังเป็นเหมือนคำสาป และเซี่ยเฟยก็ยังไม่สามารถหาทางแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้ ซึ่งหลังจากที่เขาตัดสินใจแลกคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 2 จำนวน 100 ชิ้นที่ร้านของห่าวผิงอีกครั้ง มันก็ทำให้ชายหนุ่มเหลือหัวใจจักรวาลเพียงแค่ 1 ตันเท่านั้น
หากว่าเขายังไม่สามารถหาวิธีแก้ไขเรื่องนี้ได้ในเร็ววัน ขนอุยก็คงจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องกลับไปดูดซับพลังงานจากหัวใจจักรวาลสีม่วงเหมือนเดิม และการที่พวกเขาขาดคริสตัลต้นกำเนิดมันก็จะส่งผลกระทบต่อความเร็วในการพัฒนาของเซี่ยเฟยด้วยเหมือนกัน
วันรุ่งขึ้น
สวนเสือคำรามในวันนี้เงียบสงบมาก เพราะสัตว์อสูรส่วนใหญ่ได้เสียชีวิตไปจนหมดแล้ว ส่วนสัตว์อสูรราชาที่เหลืออีกสองตัวก็ประพฤติตัวเป็นอย่างดี โดยพวกมันนอนหมอบอยู่บนพื้นหญ้าอย่างสงบเสงี่ยมไม่กล้าที่จะส่งเสียงรบกวนออกมาเลยแม้แต่น้อย
นับตั้งแต่วันก่อตั้งเป็นต้นมาสวนเสือคำรามไม่เคยสงบแบบนี้มาก่อน เหล่าบรรดาเจ้าหน้าที่ภายในสวนจึงตระหนักว่าการติดตามรับใช้เซี่ยเฟยก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่เลวร้าย เพราะอย่างน้อยพวกเขาก็ไม่จำเป็นจะต้องกังวลว่าพวกเขาจะถูกสัตว์อสูรจู่โจมในทุก ๆ วัน
วันที่ 3 เซี่ยเฟยก็เริ่มเก็บข้าวของตั้งแต่เช้า เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญที่เขาจะต้องเข้าไปในแอ่งน้ำ ซึ่งมันเป็นจุดสำคัญที่จะกำหนดว่าเขาจะเดินทางบนเส้นทางของผู้ใช้กฎได้อย่างราบรื่นมากแค่ไหน
ผู้ที่จะเข้าไปในแอ่งน้ำได้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ใช้กฎที่พึ่งได้รับตำแหน่งเพียงแค่ไม่นาน ซึ่งมันก็มีผู้ใช้กฎบางคนที่ต้องการจะเดินทางเข้าไปในแอ่งน้ำอีกครั้ง เนื่องมาจากว่าพวกเขาไม่พอใจกับวิชาการต่อสู้ที่มีอยู่ในปัจจุบัน
แน่นอนว่าการจะได้รับโอกาสใหม่อีกครั้งย่อมไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน ดังนั้นผู้ที่จะสามารถเข้าไปในแอ่งน้ำใหม่ได้เป็นครั้งที่ 2 มันก็มีเฉพาะทายาทสายตรงของตระกูลหยู หรือผู้ที่ทำผลงานได้เป็นอย่างดีในช่วงระยะเวลา 3 เดือนนี้เท่านั้น
เซี่ยเฟยหามุมมืดยืนรอการเปิดแอ่งน้ำอย่างเงียบ ๆ แล้วมันก็มีสายตาที่ไม่เป็นมิตรคอยจับจ้องมองมาทางเขาเป็นระยะ ๆ
“เซี่ยเฟย นายสังเกตเห็นไหม? คนพวกนั้นจะต้องมีแผนการร้ายอะไรบางอย่างกับนายแน่ ๆ” อันธกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
***************