บทที่ 90 เกี้ยวของเว่ยจงเซียน
บทที่ 90 เกี้ยวของเว่ยจงเซียน
เมื่อนางมีอายุมากขึ้น หลู่ถิงก็ยิ่งอยากมีบุตรมากขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะนั้น มีนางสนมผู้หนึ่ง เสียชีวิตขณะคลอดบุตร ได้ทิ้งองค์ชายอ้วนท้วนไว้เบื้องหลัง
องค์จักรพรรดิคิดถึงมิตรภาพเก่าๆ ของเขากับนางสนม จึงมอบองค์ชายให้หลู่ถิงเลี้ยงดู
หลู่ถิงดีใจมาก และถือว่าองค์ชายเป็นบุตรของนางเอง
นางร้องไห้ตามเมื่อเด็กน้อยร้องไห้ หัวเราะตามเมื่อเด็กน้อยหัวเราะ นางเก็บอุจจาระและฉี่ของเด็กน้อยด้วยตัวเอง
ภายใต้การดูแลของนาง องค์ชายสามารถเขียนได้เมื่ออายุ 4 ขวบ และเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้เมื่ออายุ 5 ขวบ เขาได้รับความโปรดปรานอย่างมากจากจักรพรรดิ
แม้ว่าการดูแลเด็กน้อยผู้นี้ จะใช้เวลาส่วนใหญ่ของนาง แต่นางก็ยังคงรักษาวังหลังให้เป็นระเบียบเรียบร้อยได้ดี
เมื่อนางสนมคนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ และพวกนางไม่มีความสุขเลย โดยเฉพาะนางสนมผู้ให้กำเนิดโอรสองค์โตของจักรพรรดิ
ว่ากันว่า มารดามีค่ามากกว่าบุตร ดังนั้นนางสนมจึงคิดว่า องค์จักรพรรดิควรยกเลิกสถานะหลู่ถิง และตั้งนางเป็นจักรพรรดินีของเขา
และให้บุตรชายของนางเป็นไท่จื่อ(รัชทายาท)
ภายใต้การกระตุ้นของนางสนมผู้นี้ เหล่านางสนมจำนวนมากก็เข้าร่วม และเริ่มก่อปัญหาในวังหลัง
แต่หลู่ถิงสามารถจัดการกับการต่อสู้เล็กๆ น้อยๆ เหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย และได้รับคำชมอย่างสูงจากจักรพรรดิ
นางสนมผู้นี้เลยวางแผนว่า นางต้องใช้การเคลื่อนไหวที่โหดเหี้ยมเพื่อผลักให้หลู่ถิงลง
นี่คือเวลาที่นางจะใช้ไท่จื่อ เป็นส่วนหนึ่งของแผน
ในตอนเย็น หลู่ถิงชอบดูพระอาทิตย์ตกมาก
ในเวลาที่พระอาทิตย์ตกดิน แสงพระอาทิตย์ตกบนท้องฟ้าสวยงามที่สุด
ในขณะที่นางพาองค์ชายไปชื่นชมในวันนั้น จู่ๆ นางกำนัลราชสำนักก็วิ่งเข้ามาด้วยความตื่นตระหนกและบอกหลู่ถิงว่าไท่จื่อตกลงไปในสระบัวโดยไม่ได้ตั้งใจ
สระบัวลึกแถมโคลนด้านล่างหนามาก ตกลงไปจมน้ำตายอย่างแน่นอน
หลู่ถิงรีบไป แต่ไม่มีใครอยู่ที่สระบัวเลย
พื้นผิวสระน้ำสงบราวกับมีไร้คนจมน้ำ
หลู่ถิงกำลังนึกสงสัยในใจ แต่ไท่จื่อเดินมาอีกทางหนึ่ง แล้วพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า "ต้าเหนียง ท่านสวยมาก ท่านรู้ไหมว่า ข้าคิดถึงท่านมากแค่ไหน"(ต้าเหนียง ท่านแม่ใหญ่หรือท่านป้า)
"ไร้ยางอาย!"
ไท่จื่อผู้สง่างามพูดคำดังกล่าวออกมา ทำให้หลู่ถิงสั่นสะท้านด้วยความโกรธ
แต่ไท่จื่อไม่สนใจ และเขาก็พุ่งเข้าโอบกอดหลู่ถิงด้วยแขนที่เปิดกว้าง
ไท่จื่อเติบโตขึ้นมาก เขาทั้งสูงและองอาจ ด้วยแขนเพียงข้างเดียว หลู่ถิงไม่มีทางหนีรอดแน่นอน
"อย่า อย่าเข้ามา..." หลู่ถิงถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก
แต่มีสระบัวอยู่ข้างหลังนาง ทำให้ไม่มีทางที่จะถอยได้
ไท่จื่อรีบวิ่งไปข้างหน้าด้วยรอยยิ้มอันลามก หลู่ถิงรู้สึกหวาดกลัวมาก จนนางเอามือกุมศีรษะและย่อตัวหลบใต้อ้อมแขนของไท่จื่อ มุดหนีออกไป
ไท่จื่อกระโดดแรงเกินไป เขาเลยกระโจนลงไปในสระบัวเสียงดังตูม
"ต้าเหนียง ช่วยข้าด้วย ข้าว่ายน้ำไม่เป็น ..." ไท่จื่อกำลังดิ้นรนอยู่ในน้ำ
ไท่จื่อว่ายน้ำไม่เป็นงั้นเหรอ?
หลู่ถิงไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อน แม้แต่องค์ชายน้อยที่อยู่เคียงข้างนาง ก็ยังกลายเป็นเจ้าแห่งน้ำตั้งแต่ยังเล็ก
“องค์จักรพรรดินี ไท่จื่อไม่รู้จักวิธีว่ายจริงๆ” นางกำนัลผู้ที่เรียกหลู่ถิงมาที่นี่ นางกำลังแอบมองอยู่ในที่ลับ แต่เมื่อนางเห็นสิ่งนี้ นางก็รีบเข้ามาหาด้วยสีหน้าตกใจ
"ต้าเหนียง ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย..." ไท่จื่อสำลักน้ำไปหลายอึกแล้ว
หลู่ถิงก็ตื่นตระหนกในขณะนี้ นางผลักสาวกำนัลลงน้ำแล้วตะโกน: "รีบไปช่วยไท่จื่อเดี๋ยวนี้!"
นางกำนัลโดนพลักลงน้ำ โดยมีไท่จื่อกำลังดิ้นรนอย่างหนักข้างๆ แล้วนางจะว่ายน้ำได้อย่างไร?
ด้วยคสามหวาดกลัว ไท่จื่อจับนางกำนัลด้วยกำลังทั้งหมด เขาพยายามปีนขึ้นไปบนร่างของนางกำนัล
เมื่อบุคคลตกอยู่ในอันตราย ไม่มีใครสนใจว่าเจ้าเป็นไท่จื่อหรือจักรพรรดิ
นางกำนัลกอดขาของไท่จื่ออย่างสิ้นหวัง และนางก็พยายามดิ้นรนที่จะปีนขึ้นไปที่ขอบสระน้ำด้วย
หลู่ถิงนั่งยองๆ ริมสระ พยายามเหยียดมือไปข้างหน้าให้มากที่สุด
แต่สุดท้ายเมื่อทั้งคู่เข้ามาใกล้อีกนิด นางก็เห็นนางกำนัลลากไท่จื่อลงสระบัว
หลู่ถิงนั่งตะลึงอยู่ริมสระน้ำ ลืมร้องขอความช่วยเหลือ
นางสนมผู้ให้กำเนิดไท่จื่อรู้สึกว่าได้เวลาแล้ว นางจึงพาคนไปเอาศพของหลู่ถิงกลับคืนมา แต่สิ่งที่พบคือร่างของบุตรชายของนางเอง
ไท่จื่อจมน้ำตาย ทำให้ราชสำนักและสาธารณชนตกตะลึง
จักรพรรดิโกรธมาก และไม่ฟังเหตุผลของหลู่ถิง นางถูกปลดจากตำแหน่งจักรพรรดินี และถูกโยนเข้าไปในตำหนักเย็น
นางสนมผู้ให้กำเนิดไท่จื่อ สูญเสียอำนาจในวังหลังเนื่องจากบุตรนางตาย ทำให้นางเริ่มบ้าคลั่ง ซึ่งสามารถอธิบายได้ว่าเป็นนางทำร้ายตัวเอง
แต่ด้วยเหตุนี้ ทำให้นางมักจะคิดที่จะแก้แค้นแทนบุตรชายของนางอยู่เสมอ
ในคืนที่มืดมิน นางพาขันทีที่ภักดีต่อนางเข้ามาในตำหนักเย็น และมัดหลู่ถิงไว้บนเตียง ขณะที่นางกำลังหลับอย่างรวดเร็ว
เมื่อหลู่ถิงตื่นขึ้นมา นางก็นอนอยู่บนเตียงโดยไม่สามารถขยับตัวได้ และสิ่งที่ปรากฏตรงหน้านางคือใบหน้าที่ดุร้ายอย่างยิ่งของนางสนม
“เจ้าฆ่าบุตรชายของข้า ข้าจะทำให้เจ้าต้องทนทุกข์ทรมาน และบุตรชายของเจ้าจะต้องตายอย่างอนาจ…” นางสนมถือมีดทำครัว และฟันหลังของหลู่ถิงอย่างแรงด้วยมีดขณะที่นางพูด
หลู่ถิงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด แต่นี่คือตำหนักเย็น ย่อมไม่มีใครที่จะได้ยิน
ถึงแม้ว่าใครที่ผ่านมาจะได้ยิน แต่ก้ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
ทุกคนในวังรู้ข่าวลือว่าตำหนักเย็นมีผีสิง
นางสนมยังคงแกว่งมีดอยู่ และกรีดเปิดหลังของหลู่ถิงอย่างรุนแรง
"ซิงเหอ ซิงเหอ..." หลู่ถิงไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดอีกต่อไป สติสัมปชัญญะของนางพร่ามัว นางพึมพำชื่อหนึ่ง และความมืดค่อยๆ กลืนลมหายใจของนาง
บันทึกใน "คัมภีร์แห่งชีวิตและความตาย" สิ้นสุดลงที่นี่
องค์ชายที่หลู่ถิงเลี้ยงดูคือหลี่ซิงเหองั้นเหรอ?
ไม่น่าแปลกใจที่จักรพรรดิองค์ปัจจุบันจะไม่ชอบหลี่ซิงเหอ สาเหตุที่แท้จริงอยู่ที่นี่นั่นเอง
หยางจิ่วปิดฝาโลงศพ และวางยันต์ทั้งสองไว้ที่ตำแหน่งเดิม
【เย็บศพห้าสิบเอ็ดศพ โฮสต์จะได้รับรางวัลเป็นมู่ยี่เทียนเซี่ย(มารดาแห่งแผ่นดิน) 】
มู่ยี่เทียนเซี่ย(มารดาแห่งแผ่นดิน) เป็นโอสถเม็ดสีทองคำ
ผู้หญิงคนไหนก็ตามที่กินเข้าไป นางจะสามารถกลายเป็นจักรพรรดินีได้ในที่สุด
สิ่งนี้กลายเป็นจริง ไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้หญิงทารกที่รอป้อนอาหาร หรือหญิงชราในวัยเจ็ดสิบก็ตาม
เป็นไปได้งั้นเหรอ?
หากมอบโอสถนี้ให้กับหญิงชราที่ขาก้าวเข้าไปในโลงศพหนึ่งข้าง ซึ่งหญิงชราอาจจะเข้าไปอยู่ในโลงศพได้เต็มตัวจริงๆ ในคืนนั้น แล้วนางจะมาเป็นมารดาแห่งแผ่นดิน(จักรพรรดินี) ได้อย่างไร?
ระบบคงสรุปแล้วว่า คงไม่มีใครโง่พอที่จะใช้ของล้ำค่าเช่นนี้กับหญิงชราที่กำลังจะตาย
หลังจากเก็บโอสถ อากาศเย็นอันชั่วร้ายที่บุกรุกร่างกายของเขา ทำให้หยางจิ่วรู้สึกตัวสั่น แต่เม็ดเหงื่อกลับห้อยไหลย้อยอยู่บนหน้าผากของเขา
ความงามของศพในอักขระเทียนช่างดุร้ายมาก
เมื่อหยางจิ่วเปิดประตู เขาเห็นเว่ยจงเซียนยืนอยู่ที่ลานบ้านพร้อมกับผู้คนมากมาย
"หยางจิ่ว เจ้ายังมีชีวิตอยู่ เยี่ยมจริง" เว่ยจงเซียนยิ้มทันทีที่เห็นหยางจิ่ว
หยางจิ่วเดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ และพูดขณะเดินว่า "ข้าเองก็เกือบตายแล้ว"
"ข้ายังมีโอสถต้าฮวน(โอสถแห่งการชำระคืน) อยู่ที่นี่ ข้าไม่เต็มใจที่จะใช้มัน เจ้าสามารถกินมันแทนข้าได้เลย" เว่ยจงเซียนพูดและยื่นโอสถให้หยางจิ่ว
โอสถต้าฮวนเป็นของดี ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มพลัง แต่ยังช่วยขับสารพิษและความเย็นอีกด้วย มันมีประโยชน์มากมาย
หยางจิ่วรับมันแล้วกลืนลงไป และพูดด้วยความเคารพ: "ขอบคุณผู้ว่าราชการ"
“เป็นยังไงบ้าง ด้านในเรียบร้อยดีไหม?” เว่ยจงเซียนถามด้วยรอยยิ้ม
หยางจิ่วกล่าวว่า: "โชคดีที่ข้าไม่ทำให้ท่านต้องอับอาย"
"ดีมาก กลับไปพักผ่อนซะ" เว่ยจงเซียนตบไหล่หยางจิ่วเพื่อแสดงกำลังใจ
ในตอนนี้เอง ร่างกายของหยางจิ่วสั่นมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่โอสถต้าฮวนส่งผล เขาก็ดิ้นรนกับความหนาวเย็นในร่างกายของเขาที่กำลังถูกขับออกมา
"พวกเจ้าา! รีบไปนำเกี้ยวของข้ามาที่นี่ด่วย แล้วรีบพาใต้เท้าหยางกลับไป" ใบหน้าของเว่ยจงเซียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย และเขาสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หยางจิ่วอยากจะปฏิเสธ แต่ขาของเขาใช้งานไม่ได้ เขาจึงไม่ปฏิเสธดีกว่า
เว่ยจงเซียนพาผู้คนเข้าไปในห้องหมายเลข 9 อักขระเทียน เพื่อตรวจสอบร่างกายของหลู่ถิงหลังจากยืนยันว่าเย็บอย่างถูกต้องแล้ว เขาก็สามารถรายงานต่อจักรพรรดิได้
เกี้ยวของเว่ยจงเซียนมีขนาดใหญ่และหรูหรา ทำให้นั่งสบายมาก
ถ้าเทียบกับยุคปัจจุบัน มันคือ Bugatti Veyron Tiger!
ระยะทางจากตำหนักยมบาลไปยังร้านเย็บศพหมายเลขเก้า ค่อนข้างไกลเล็กน้อย
ทำให้ช่างเย็บศพจำนวนมากตื่นตระหนก ที่เห็นหยางจิ่วนั่งบนเกี้ยวหรูของเว่ยจงเซียน และพวกเขาทั้งหมดก็ออกมาดู
โดยเฉพาะกั๋วฉินเหนียง นางมองไปที่หยางจิ่วด้วยสายตาชื่นชม
นางปรารถนาที่จะกลายเป็นช่างเย็บศพที่เก่งที่สุดในจักรวรรดิเว่ย อย่างไรก็ตาม เมื่อนางเริ่มต้นบนเส้นทางนี้ นางก็ตระหนักได้ว่านางไม่มีอะไรเลย นางยังมีอะไรอีกมากให้เรียนรู้ และหนทางยังอีกยาวไกล
เสี่ยวซวนจื่อค่อยๆ พยุงหยางจิ่วเข้าไปในร้านเย็บศพ เขาหันหน้าไปแล้วพูดว่า "เจ้าสองคนอยู่ที่นี่เพื่อดูแลใต้เท้าหยาง"
“ไม่ ไม่ ไม่ต้อง!” หยางจิ่วรีบปฏิเสธ
เขาจะนอนโดยมีขันทีสองคนเฝ้าเขาได้อย่างไร?
ด้วยคำยืนกรานอย่างจริงจังของหยางจิ่ว เสี่ยวซวนจื่อไม่มีทางเลือกนอกจากพาทุกคนกลับไป
หยางจิ่วจุดไฟให้ลุกโชนยิ่งขึ้น จากนั้นจึงปีนขึ้นไปบนเตียงและเข้านอนทันที
ข้ารู้สึกหนาวมากเกินไปแล้ว!
ในเวลานี้ หยางจิ่วเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของหญิงสาว อย่างน้อย พวกนางก็สามารถให้ความอบอุ่นกับข้ายามหลับไหลได้