บทที่ 27: ไม่ว่าเจ้าจะมีความสามารถแค่ไหน หากเจ้าตายที่เรือนโดยไม่ประสบความสำเร็จ ก็คงมิมีผู้ใดสังเกตเห็น!
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 27: ไม่ว่าเจ้าจะมีความสามารถแค่ไหน หากเจ้าตายที่เรือนโดยไม่ประสบความสำเร็จ ก็คงมิมีผู้ใดสังเกตเห็น!
ไม่เพียงแต่พวกเขาไม่เข้าใจ แต่หัวใจของพวกเขาคล้ายกับถูกแทงทะลุด้วย
ท่านบอกว่าท่านแค่หน้าตาดี แถมยังโชคร้ายที่มีความสามารถมากกว่าเราเนี่ยนะ
นอกจากพรสวรรค์แล้ว ยังประสบความสำเร็จมากกว่าเราอีก
ยิ่งไปกว่านั้น ยังกล้าบอกว่าเพื่อเป็นการกระตุ้น จึงพูดเหน็บแหนมพวกเรา!
ท่านไม่ใช่คนดีเลยสักนิด!
หลินเป่ยฟานไม่สนใจสายตาที่ไม่พอใจของทุกคน เขาไอออกมาและพูดต่อ: “เราเพิ่งพูดถึงแรงผลักดันในการศึกษาไป! ด้วยการหาจุดมุ่งหมายในการศึกษาและหาอ่านหนังสือดีๆ เท่านั้น จึงจะสามารถร่ำเรียนไปได้ดี!”
ทุกคนพยักหน้าทันที: "มีเหตุผล!"
“ต่อไป เรามาคุยกันดีกว่าจะอ่านหนังสือประเภทไหนดี?”
ศิษย์คนหนึ่งพลันยกมือขึ้นตอบ: “ตามที่ท่านอาจารย์บอก เราควรอ่านสี่ตำราห้าคัมภีร์!”
หลินเป่ยฟานยิ้มเล็กน้อย: "มีอะไรอีกไหม?"
อีกคนจึงตอบขึ้นมาว่า: “เราควรอ่านบทกวีและหนังสือประวัติศาสตร์ด้วย!”
รอยยิ้มของหลินเป่ยฟานยังคงไม่เปลี่ยนแปลง: "มีอะไรอีกไหม?"
“ท่าน คณิตศาสตร์นับหรือไม่?”
“อันที่จริง มันก็แค่การอ่านหนังสือที่เจ้าสนใจเท่านั้น! หากเจ้าต้องการเป็นข้าราชการ ก็แค่อ่านสี่ตำราห้าคัมภีร์! หากเจ้าต้องการเป็นแพทย์แทนที่จะเป็นข้าราชการ เจ้าก็ไปอ่านหนังสือทางการแพทย์! ถ้าอยากเป็นทหาร ก็อ่านตำราพิชัยสงคราม! หากพวกเจ้าสนใจในประวัติศาสตร์ เจ้าก็สามารถอ่านบันทึกของนักประวัติศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ได้”
“การอ่านหนังสือที่พวกเจ้าสนใจและเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เจ้าสนใจ จะทำให้พวกเจ้าประสบความสำเร็จ! หากเจ้าไม่ต้องการเป็นข้าราชการ แต่ฝืนบังคับตัวเองให้อ่านสี่ตำราห้าคัมภีร์ มันจะเจ็บปวดมากและเจ้าก็จะเรียนรู้ได้ไม่ดีเช่นกัน!”
"บนโลกมีสิ่งที่ให้ทำได้ 360 อย่าง ทุกคนล้วนแล้วแต่มีความถนัดของตนเอง! เจ้าสามารถไล่ตามความสนใจของเจ้าได้เลย การศึกษาเล่าเรียนเพื่อเป็นข้าราชการไม่ใช่ทางออกเดียว!”
ทุกคนเริ่มทำความเข้าใจใหม่
“ประเด็นที่สามคือสิ่งที่สำคัญที่สุด: หลังจากที่เจ้าอ่านหนังสือจบแล้ว เจ้าต้องไตร่ตรองตนเองในสามแง่มุมอย่างจริงจัง!”
หลินเป่ยฟานยิ้มออกมา: “เพียงเท่านี้ เจ้าก็จะมีการเรียนรู้ที่มั่นคงและทั่วถึง บรรลุผลสองเท่าด้วยความพยายามครึ่งหนึ่ง!”
ในขณะนี้เอง ศิษย์อีกคนยกมือขึ้น: “แต่ท่านหลิน ข้าทบทวนตัวเองทุกวัน แต่ข้ายังไม่มีความคืบหน้าในการเรียนเลย ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ล่ะ?”
หลินเป่ยฟานยิ้มอย่างใจเย็น: “นั่นเป็นเพราะวิธีไตร่ตรองของเจ้าผิด!”
ศิษย์ผู้นั้นรู้สึกสับสนมาก: “วิธีการไตร่ตรองผิดหรือ? เช่นนั้นมีทางอื่นอีกไหม?”
"มีอยู่แล้ว!" หลินเป่ยฟานยิ้มเล็กน้อย: “ให้ข้าสอนเจ้าเอง!”
นักเรียนเข้าใกล้มากขึ้น เพื่อต้องการดูว่าหลินเป่ยฟานจะสอน “การไตร่ตรอง” เขาอย่างไร
ในยามนั้นเอง หลินเป่ยฟานดึงกระจกทองแดงออกมาจากที่ไหนไม่ทราบ เขาชูมันขึ้นไปที่ใบหน้าของศิษย์ผู้นั้นและถามว่า “ศิษย์ผู้น้อย ข้าขอถามเจ้าว่าเจ้าน่าเกลียดไหม?”
ศิษย์ผู้นั้นมองไปที่ใบหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยสิวในกระจกแล้วเหลือบมองไปที่ใบหน้าที่ไม่มีใครอาจเทียบเทียมได้ของหลินเป่ยฟาน
เขาได้แต่พยักหน้าอย่างน่าเศร้า: "น่าเกลียด!"
“ข้าขอถามเจ้าอีกครั้ง เจ้ามีเงินหรือไม่?” หลินเป่ยฟานถามเสียงดัง
ศิษย์ผู้นั้นรู้สึกเศร้ามากยิ่งขึ้น: "ไม่!"
“ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้ามีภรรยาหรือยัง?”
ศิษย์ผู้นั้นน้ำตาไหลพรากและตอบว่า “ไม่ ข้าไม่มี!”
ทันใดนั้นหลินเป่ยฟานก็โกรธมาก “ดูเจ้าสิ น่าเกลียดและจน ทั้งยังไม่มีภรรยา จงไปทำการสอบของจักรพรรดิเลย! มิฉะนั้นคนอย่างเจ้าที่น่าเกลียด ยากจนและไม่มีภรรยาคงจะตายที่เรือนโดยไม่มีใครสังเกตเห็นด้วยซ้ำ!”
ศิษย์เหล่านั้นหัวเราะขึ้นมา แต่ส่วนหนึ่งก็เริ่มรู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดของเขา
หลินเป่ยฟานเขย่าแขนเสื้อและพูดว่า “นี่คือวิธีการไตร่ตรองที่ถูกต้อง เข้าใจไหม?” พวกเขาพยักหน้า
เสียงระฆังพลันดังขึ้น ถึงเวลาเรียนแล้ว พวกเขาจึงบอกลาหลินเป่ยฟาน
เขายังคงสำรวจที่สถาบันจักรพรรดิต่อไป เพื่อทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม เขาสำรวจจนไปถึงที่ประตูโดยไม่รู้ตัว และเห็นกลุ่มคนหนุ่มสาวที่เดินเข้ามา กระทั่งทหารรักษาการณ์ก็ไม่กล้าหยุดพวกเขา หลินเป่ยฟานขมวดคิ้ว “พวกเขาเป็นใคร? ทำไมเจ้าไม่หยุดพวกเขาไว้? สถาบันจักรพรรดิเป็นสถานที่สำคัญสำหรับการบ่มเพาะพรสวรรค์ เจ้าสามารถแบกรับความรับผิดชอบได้หรือไม่หากเกิดอะไรขึ้น?”
ทหารรักษาการณ์คนหนึ่งรีบรายงานว่า “พวกเขาเป็นศิษย์ของที่นี่จริงๆ ขอรับ!”
"ศิษย์หรือ?" หลินเป่ยฟานขมวดคิ้วมากขึ้นไปอีก “ถ้าพวกเขาเป็นศิษย์ที่ร่ำเรียนที่นี่ ทำไมพวกเขาถึงยังไม่เข้าไปศึกษาเล่าเรียนอีก?”
ทหารรักษาการณ์ยิ้มอย่างขมขื่น “พวกเขาทั้งหมดเป็นบุตรของข้าราชการระดับสูงในราชสำนัก ที่มีอำนาจมากมาย เราไม่สามารถสร้างความขุ่นเคืองให้พวกเขาได้ ดังนั้นโดยปกติแล้วเราจึงได้แต่ทำเป็นไม่เห็นขอรับ!”
หลินเป่ยฟานโกรธมาก “เจ้าจะปล่อยให้พวกเขาทำทุกอย่างที่พวกเขาต้องการ เพียงเพราะบิดาของพวกเขามีอำนาจได้ยังไงกัน? สถาบันจักรพรรดิเป็นสถานที่สำคัญสำหรับการบ่มเพาะพรสวรรค์ หากพวกเขาทำเช่นนี้ได้ ศิษย์ผู้อื่นจะมองเช่นไร? คนนอกจะไม่หัวเราะเยาะหรอกหรือ?”
ทหารรักษาการณ์ก้มศีรษะลง “ข้าไม่มีอำนาจที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวขอรับ”
หลินเป่ยฟานพลันตะโกน “ข้าเป็นผู้อำนวยการที่นี่และข้าไม่สามารถเพิกเฉยต่อสิ่งนี้ได้!” ด้วยเหตุนี้ เขาจึงตะโกนออกมาว่า “หยุดอยู่ตรงนั้นเสีย!”