บทที่ 26: เจ้ามีอะไรนอกเหนือจากรูปลักษณ์ที่ดูดี?
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 26: เจ้ามีอะไรนอกเหนือจากรูปลักษณ์ที่ดูดี?
ทุกคนค่อยๆ เงียบลงและตั้งใจฟังคำสอนของหลินเป่ยฟาน บางคนถึงขั้นหยิบปากกาและกระดาษออกมาจุ่มแปรงลงในน้ำลาย เพื่อเตรียมที่จะจดบันทึกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ก่อนที่จะทำอะไร พวกเจ้าต้องมีแรงผลักดันเสียก่อน! ตราบใดที่พบเจอสิ่งกระตุ้น มีทิศทางและความสนใจ เจ้าก็จะสามารถทำสิ่งต่างๆ ให้สำเร็จได้ด้วยความพยายามเพียงครึ่งหนึ่งและจะไม่ยอมแพ้ไปครึ่งทาง!”
ทุกคนพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว
“คำพูดของท่านสมเหตุสมผลมากขอรับ!”
“เมื่อมีแรงจูงใจ เราก็จะสามารถศึกษาได้อย่างจริงจัง!”
“พูดต่อเลยขอรับท่าน!”
หลินเป่ยฟานยิ้มเล็กน้อย “งั้นข้าขอถามพวกเจ้าทุกคนที่นี่ อะไรคือแรงจูงใจในการศึกษาของพวกเจ้า?”
หลินเป่ยฟานมองไปรอบๆ และชี้ไปที่นักเรียนคนหนึ่งที่ดูเหมือนหนอนหนังสือ “ศิษย์คนนั้น จูงใจในการเล่าเรียนของเจ้าคืออะไร? บอกข้าได้ไหม?”
อีกฝ่ายตื่นเต้นและตอบกลับมาว่า “เพื่อประสบความสำเร็จ เพื่อกลายเป็นข้าราชการ เพื่อประโยชน์ของประชาชน!”
หลินเป่ยฟานพยักหน้า “อุดมคติของเจ้าสอดคล้องกับความเป็นจริงดี!”
จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่อีกคนหนึ่ง “แล้วเจ้าล่ะ? แรงจูงใจในการศึกษาของเจ้าคืออะไร?”
อีกคนที่ถูกถามตื่นเต้นมาก “เพื่อส่งเสริมจักรวรรดิอู๋ให้เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปอีก!”
หลินเป่ยฟานพยักหน้า “อุดมคติของเจ้าสูงส่งมาก ไม่เลวเลย!”
จากนั้นเขาก็ชี้ไปที่อีกคนหนึ่ง “แรงจูงใจของเจ้าคืออะไร?”
“เอ่อ บอกตามตรง ตระกูลของข้ายากจนมาก! ข้าเรียนเพียงเพื่อให้มีชีวิตที่ดีขึ้นและไม่อยากให้ครอบครัวของข้าต้องหิวโหย!” ศิษย์ผู้นั้นรู้สึกอายและก้มศีรษะลง
หลินเป่ยฟานพยักหน้าอีกครั้ง “อุดมคติของเจ้าเข้ากับความเป็นจริง ดีมาก!”
หลินเป่ยฟานถามคนอีกหลายคน แต่ละคนมีเหตุผลที่แตกต่างกัน
บางคนไม่สามารถตอบได้
ในที่สุด หลินเป่ยฟานก็ยิ้มและพูดว่า “แรงจูงใจของทุกคนไม่เหมือนกัน แท้จริงแล้วไม่ว่าแรงจูงใจจะเป็นเช่นไร มันก็ควรค่าแก่การเคารพ! อันที่จริงในยุคนี้ การเรียนถือได้ว่าเป็นการลงทุนที่ถูกและคุ้มค่าที่สุด!”
“หากเจ้าไม่สามารถเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ได้ เจ้าสามารถเรียนเพื่อเป็นข้าราชการและสร้างประโยชน์ต่อผู้คน!”
“ถ้าสมองของเจ้าไม่ดี เจ้าก็สามารถเรียนเพื่อเป็นคนฉลาดได้!”
“ถ้าเจ้ายังไหว เจ้าสามารถเรียนได้ การเรียนสามารถขยายขอบเขตของเจ้าและเพิ่มความรู้ของเจ้าให้กว้างไกลยิ่งขึ้น!”
“หากเจ้าขาดแคลนเงิน พวกเจ้าก็สามารถสร้างเงินจากมันได้!”
หลินเป่ยฟานส่ายศีรษะและถอนหายใจ “ประโยชน์ของการเรียนมีมากเกินไปจริงๆ และพวกมันสามารถสนองทุกสิ่งที่เจ้าต้องการได้! ตราบใดที่เจ้าศึกษาเล่าเรียนอย่างจริงจัง เจ้าก็จะได้สิ่งตอบแทนกลับมาเสมอ! หากเจ้าไม่สามารถหาเหตุผลหรือแรงจูงใจในการศึกษาได้ ก็จงอย่าเสียเวลาเลย!”
ทุกคนพลันเริ่มตระหนักได้ พวกเขาเคยสงสัยว่าเหตุอันใดต้องร่ำเรียน ในความคิดของพวกเขา สิ่งนี้มันคลุมเครือเป็นอย่างมาก
เพื่อเป็นข้าราชการ เพื่อร่ำรวย เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน หรือเพื่อชีวิตที่ดีขึ้น...
แต่สิ่งที่หลินเป่ยฟานพูดนั้นทำให้พวกเขาเข้าใจง่ายยิ่งขึ้น
มันทำให้พวกเขาเริ่มคิดบางอย่างขึ้นมาได้
พวกเขามองไปทางหลินเป่ยฟานด้วยความชื่นชม
เขาสมควรที่จะเป็นนักข้าราชการระดับสูงที่ติดอันดับหนึ่งในการสอบของจักรพรรดิสามครั้งซ้อนอย่างแท้จริง สิ่งที่เขาพูดเต็มไปด้วยสิ่งที่ไตร่ตรองมาแล้วอย่างดี!
ในยามนั้นเอง ศิษย์ผู้หนึ่งได้ถามออกมาว่า “ท่านหลิน อะไรคือแรงจูงใจในการศึกษาของท่านเหรอ?”
ทุกคนหันไปมองเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"ท่านหลินเฉิน แรงจูงใจในการศึกษาของท่านคืออะไร?”
"บอกพวกเราได้ไหม?"
“เราอยากรู้จริงๆ!”
หลินเป่ยฟานถอนหายใจและพูดว่า “ข้าจะไม่ปิดบังพวกเจ้า ชีวิตของข้ามีแต่ความทุกข์ ข้าเติบโตมาด้วยคำปรามาสและถูกเยาะเย้ยจากผู้อื่นอย่างเสมอมา เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงทัศนคติของพวกเขา ข้าจึงพยายามอย่างหนักและตั้งใจศึกษา!” คนอื่นๆ ตกตะลึงและคลุกกรุ่นไปด้วยอารมณ์ภายในใจ
“ท่านหลินถูกเยาะเย้ยและวิพากษ์วิจารณ์งั้นเหรอ?”
“นี่มันอุกอาจมาก! ท่านหลินเป็นคนที่โดดเด่นมาก จะมีใครดูถูกเขาได้อย่างไรกัน?”
“พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้ใดดีผู้ใดแย่!”
“บอกมาว่าใครพูดแบบนั้น แล้วข้าจะจัดการพวกเขาให้เอง!”
หลินเป่ยฟานรู้สึกประทับใจมากที่กังวลเรื่องของเขา เขาจึงยิ้มออกมา: “ขอบคุณที่ห่วงใย แต่ยามนี้เรื่องทุกอย่างก็ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ในความเป็นจริง เมื่อคิดย้อนกลับไป สิ่งที่พวกเขาพูดนั้นล้วนเป็นความจริง! หากไม่มีคำปรามาสของพวกเขา ข้าคงไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ข้ามีในวันนี้!”
“พวกเขาพูดอะไรเกี่ยวกับท่านงั้นหรือ?”
"บอกพวกเราได้ไหม?" ทุกคนรู้สึกสงสัยกันมาก
คำว่าอะไรกันถึงส่งผลกระทบต่อจิตใจของท่านหลินเป่ยฟานอย่างลึกซึ้ง จนทำให้เขาได้กลายเป็นผู้สอบข้าราชการคะแนนสูงสุดเป็นเวลาสามปีติดต่อกัน? หลายคนหยิบปากกาและกระดาษออกมาเตรียมจดทุกคำพูด
“ข้าใช้คำสบประมาทของพวกเขาเพื่อกระตุ้นตัวเอง พวกเขากล่าวว่า ‘ไม่มีคนดีในหมู่คนที่หน้าตาดี’ พวกเขาเยาะเย้ยข้าและพูดว่า ‘เจ้าน่ะมีอะไรนอกเหนือจากรูปลักษณ์ที่ดีของเจ้าอีกไหม?’ และพวกเขาก็พูดต่อไปอีกว่า ‘ด้วยรูปลักษณ์ของเจ้า คงจะไม่มีใครเชื่อว่าเจ้าเป็นขอทานแน่ ถ้าเจ้าออกไปขออาหาร'” หลินเป่ยฟานหวนคิดถึงสิ่งเหล่านั้นและกำหมัดแน่น
“นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าพยายามอย่างหนักเพื่อพิสูจน์ว่าพวกเขาพูดผิดไป! ข้าไม่ได้มีแค่รูปลักษณ์ที่ดี แต่ข้ายังมีความสามารถอีกมากมาย! ไม่เพียงแต่ข้าจะมีความสามารถมากกว่าพวกเขาเท่านั้น แต่ข้ายังศึกษาเล่าเรียนอย่างหนักอีกด้วย!”
เขาพลันตะโกนดังลั่นออกมา “ดังนั้นพวกเจ้าเองก็น่าเกลียดและไม่มีอะไรดีเลย!”
เหล่าศิษย์ต่างหัวเราะอย่างประหม่า พวกเขาไม่อาจสามารถเข้าใจความรู้สึกของหลินเป่ยฟานได้เลย พวกเขามองหน้ากัน บางคนถึงกับหยิบกระจกออกมาเพื่อตรวจสอบหน้าตาตัวเอง ก่อนจะหันกลับไปมองหลินเป่ยฟานด้วยความละอายใจ
“เราไม่สามารถเข้าใจความรู้สึกของท่านเลยขอรับ”