นักรบพันธุ์ผสม บทที่ 186 - ในความคิด
“เอาล่ะ! ตรงนี้น่าจะปลอดภัยพอสมควรแล้ว อย่างที่นายรู้ ฉันหลวมตัวรับปากช่วยเหลือนายก็เพราะคะแนนจีโนเท่านั้น และถ้าให้พูดอย่างตรงไปตรงมา มันไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย นายน่าจะต้องเพิ่มให้ฉันอีก!!” เดวิดไม่อ้อมค้อมอะไรทั้งสิ้น สองมือของเขากอดอยู่ที่อก สายตาจ้องกดดันดราวินเขม็ง
พวกเขาทั้ง 3 คนหลบออกมาจากจุดเกิดเหตุได้หลายกิโลเมตร ก่อนที่เดวิดจะเป็นคนเรียกให้ทั้งหมดหยุดเดินทางก่อน และรีบเรียกเก็บค่าใช้จ่ายในการช่วยเหลือของเขาทันที เดวิดไม่อยากจะเดินทางร่วมกับ 2 คนนี้นานนักเลย
“ฉันรู้ ๆ! แต่ตอนนี้คะแนนในบัญชีของฉันมันมีไม่พอนะสิ!” ดราวินรีบตอบกลับมา รอยยิ้มของเขานั้นดูขมขื่นทีเดียว
แต่ก็ไม่เท่ากับสีหน้าของเดวิดในตอนนี้หรอก ได้ยินคำพูดของลูกหนี้กล่าวออกมาแบบนี้ ดวงตาของเขาก็ลุกโชนขึ้น “นายหมายความว่ายังไง? หา! คิดจะเบี้ยวกันอย่างนั้นเหรอ?”
“ไม่! ไม่! ไม่มีทางอยู่แล้ว ไม่ใช่อย่างที่นายคิดเลย สาบานได้! พอดีฉันใช้คะแนนที่มีอยู่ในบัญชีออกไปจนเกือบหมดแล้ว แต่มันจะมีเพิ่มอีกตอนที่กลับไปถึงสถาบัน ไม่เอาน่า! ฉันไม่เบี้ยวนายแน่ คะแนนแค่นี้เอง นายรออีกหน่อยก็แล้วกันนะ” ดราวินรีบระล่ำระลักอธิบายออกมา คิ้วของเขาย่นน้อย ๆ เหมือนกำลังคำนวนค่าใช้จ่ายทั้งหมดของตัวเองอยู่
เดวิดจ้องเข้าไปในดวงตาของดราวินอยู่เนิ่นนาน จนแน่ใจว่าเจ้าอ้วนคนนี้ไม่ได้โกหก “ก็ได้! ฉันจะยอมเชื่อใจนายสักครั้ง” เสียงของเขาไม่ได้เต็มใจนัก แต่มันก็ไม่ได้มีทางเลือกอื่น เขาหันตัวกลับเพื่อจะจากไปในทันที ก่อนที่จะต้องหันหลังกลับมาอีกครั้ง
“โอ้! แต่ต่อให้เชื่อใจแค่ไหน ธุรกิจก็คือธุรกิจ! นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะคิดดอกเบี้ยวันละ 10 เปอร์เซ็นต์จนกว่านายจะโอนคะแนนมาให้ฉันครบตามจำนวน”
“เดวิด!! นายจะหน้าเลือดเกินไปหน่อยแล้วมั้ย? นี่มันเป็นการขูดรีดกันชัด ๆ ฉันยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้หรอก!” ดราวินตะโกนออกมาอย่างโมโห ใบหน้าของเขาแดงกล่ำไปหมด ถึงแม้ว่าการหาคะแนนจีโนจะไม่ใช่เรื่องที่ยากลำบากมากนักสำหรับดราวิน แค่ต้องผลิตเซรัมพื้นฐานบางอย่างขึ้นมาก็เท่านั้น แต่มันยังมีค่าใช้จ่ายอื่นที่รอเขาอยู่อีก ยกตัวอย่างเช่นการซื้อเกราะพลังงานมาทดแทนชิ้นที่ถูกเจ้ามือสังหารนั่นพังลงไป การเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ทำให้เขาต้องใช้คะแนนจีโนมากเกินกว่าที่คิดไปหลายเท่าตัวแล้ว
“นายต้องยอม! ไม่อย่างนั้นฉันจะลอกคราบนายเสียตอนนี้เลย! จะเอาอย่างนั้นใช่มั้ย?” ใบหน้าของเดวิดมีร้อยยิ้มจาง ๆ แต่น้ำเสียงนั้นแสดงการข่มขู่ออกมาอย่างชัดเจน
“ได้ ๆ! ให้ตายสิ ตกลง! ไปเลย! นายรีบ ๆ ไปตามทางของนายได้แล้ว!” ดราวินกัดฟันกรอด ก่อนจะเอ่ยตกลงกับเงื่อนไขของเดวิด และรีบไล่ให้เขาจากไปทันที ดราวินกลัวว่าตัวเองจะอดใจเอาไว้ไม่อยู่ และเผลอพุ่งเข้าใจมตีเดวิด นั่นมันจะทำให้เรื่องยุ่งยากขึ้นอีกเยอะ เขาต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวเองอีกมากแน่!
“เยี่ยม! ตกลงกันได้ก็ดี เอาล่ะ ฉันไปก่อนล่ะนะ” เดวิดหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข ก่อนที่จะหมุนตัวกลับ หางตานั้นเหลือบไปมองสลิเธนที่นั่งเงียบอยู่บนหินก้อนใหญ่แวบหนึ่ง ดูเหมือนว่าเขากำลังใช้วิธีที่พิเศษบางอย่างรักษาตัวเองอยู่
ถ้าให้ว่ากันตามตรงแล้ว เดวิดนั้นรู้สึกทึ่งและชื่นชมในความแข็งแกร่งของสลิเธนอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ตามการประเมินของเขา เจ้าหมอนี่แข็งแกร่งกว่าฟิลลิดาที่ไม่ได้ใช่ชุดรบเสียอีก เพียงแต่ประสบการณ์ในการต่อสู้ยังน้อยเกินไปบ้างเท่านั้น ถ้าทั้งคู่ต้องปะทะกันจริง ๆ เดวิดคิดว่าฟิลลิดาจะสามารถเอาชนะได้โดยไม่ต้องใช้ชุดรบ ประสบการณ์ กระบวนท่าและความคล่องแคล่วของเธอสามารถลบช่องว่างของความแข็งแกร่งนี้ได้อย่างสบาย บางทีเธออาจจะชนะได้โดยไม่มีรอยขีดข่วนด้วยซ้ำ
เหมือนกับว่าเขาจะรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองอยู่ได้ สลิเธนลืมตาขึ้นมาจ้องกลับไปที่เดวิดทันทีเหมือนกัน ในแววตานั้นมีความไม่ยินยอมปรากฏอยู่ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าสลิเธนไม่เชื่อและไม่ยอมรับกับผลการปะทะกันก่อนหน้านี้เลย
เดวิดได้แต่ส่ายหน้าให้กับแววตาแบบนี้ และเลือกที่จะไม่กล่าวอะไรออกมา แค่พุ่งตัวหายเข้าไปในป่าทึบเท่านั้น
........
“นายไปเจอกับเจ้าบ้านี่มาจากที่ไหนกันแน่?” ไม่แปลกที่เขาจะสงสัย และเอ่ยถามดราวินออกมาแบบนี้ สลิเธนไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเดวิดเลยแม้แต่น้อย
“แมงมุมดำส่งข้อมูลมาให้ฉันน่ะ พวกเขาบอกว่าอาจจะมีใครบางคนที่แข็งแกร่งพยายามปล้นคะแนนจีโนของฉัน! ตอนแรกมันก็ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจมากนักหรอก แต่หลังจากที่พวกนั้นส่งข้อมูลเข้ามาเพิ่มเติม ฉันก็ตัดสินใจจ้างคนคุ้มกันเอาไว้ 3 คนด้วยกัน” ดราวินหยุดพูดลงชั่วคราว เพราะกำลังตั้งท่าจะกระโดดขึ้นไปนั่งบนกิ่งไม้ใหญ่ที่อยู่สูงจากพื้นพอสมควรก่อน แน่นอนว่าเขาทำได้สำเร็จ
“และหลังจากนั้น ข้อมูลของเขาก็ถูกส่งมาเพิ่มขึ้นอีก 1-2 ครั้ง มันระบุถึงความแข็งแกร่งที่เกินคาดของเขา นั่นทำให้ฉันเริ่มระวังตัวมากขึ้น และคิดว่าคนคุ้มกัน 3 คนที่จ้างมาน่าจะไม่มีประโยชน์ ฉันจึงเริ่มคิดหาวิธีการอื่นที่จะรับมือกับเขา แล้วตอนนั้นเอง แมงมุมดำแจ้งความเป็นไปได้ว่ากำลังจะมีคนลอบสังหารมาให้ฉันรู้เป็นครั้งแรก นั่นแหละ! ฉันเลยคิดแผนที่จะดึงเขาเข้ามาเป็นพวกแทน ทำให้เขาเป็นหนี้บุญคุณฉัน และทำให้เขารับปากที่จะช่วยเหลือครั้งหนึ่งจนได้ ดูเหมือนว่าเขาจะทำตามคำขอนั่นไปแล้วด้วย” ดราวินยักไหล่เบา ๆ เมื่อกล่าวจบ ก่อนที่จะเอนกายพิงกับต้นไม้เพื่อพักผ่อน
ดูเหมือนว่าสลิเธนจะยังไม่หายสงสัย “หนี้บุญคุณ? หนี้บุญคุณอะไรทำไมต้องจ่ายเงินด้วย?”
ดราวินกระแอมออกมาเบา ๆ เหมือนมีอะไรติดคอ ย้อนนึกไปถึงคำพูดของเดวิดตอนที่คุยกันผ่านเครือข่ายภายนอก ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ ออกมาพร้อมกับส่ายหัว “ฉันไม่มั่นใจนักว่าเขาจะเป็นคนที่รักษาสัญญาหรือเปล่า เลยเสนอผลตอบแทนให้เขาเป็นแรงจูงใจเพิ่มเข้าไปอีกนะ ดูเหมือนว่ามันจะได้ผลดีใช่มั้ย?” เขายักไหล่อีกครั้ง ก่อนจะกล่าวต่อ
“แต่ฉันก็ไม่ได้คิดเหมือนกันว่าเขาจะแข็งแกร่งมากถึงขนาดนี้ ตอนแรกฉันแค่คิดจะให้เขาช่วยนายบ้างเท่านั้นหากเกิดเรื่องสุดวิสัยขึ้นมา” น้ำเสียงของดราวินแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่า ความแข็งแกร่งของเดวิดนั้นเกิดความคาดหมายของเขาไปจริง ๆ
และนั่นทำให้สีหน้าของสลิเธนกลายเป็นน่าเกลียดขึ้นมาทันที คำพูดของดราวินทำให้เขาหวนนึกไปถึงตอนที่โดยเตะจนตัวลอยออก...
.....................................
ระหว่างที่เคลื่อนตัวไปตามป่าทึบอย่างรวดเร็ว ในหัวของเดวิดก็ครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา โดยเฉพาะความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ของสลิเธน การที่มีคนอย่างเขาปรากฏตัวขึ้น มันทำให้เดวิดเริ่มครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะมีนักเรียนที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขาซ่อนอยู่อีก มันมีโอกาสสูงมากจริง ๆ ที่นักเรียนพรสวรรค์ระดับ 5 ดาวจะไม่ได้น้อยอย่างที่สถาบันระบุเอาไว้ เพียงแค่มันถูกเก็บเป็นความลับสุดยอดเท่านั้น
และเมื่อกลับมาย้อนคิดถึงตัวเอง เดวิดไม่แน่ใจว่าถึงตอนนี้ เขาต้องผ่านการต่อสู้เป็นตายมากี่ครั้งแล้ว ถึงได้พัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองมาจนถึงระดับที่เป็นอยู่ ดูเหมือนว่าการฝึกฝนโดยมีชีวิตเป็นเดิมพัน มันสามารถยกระดับความแข็งแกร่งได้อย่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่เหนือกว่านักเรียนอัจฉริยะอย่างสลิเธนได้แน่
แต่เมื่อคิดมาถึงตอนนี้ เดวิดก็รีบสะบัดหัวตัวเองอย่างแรง เขารีบไล่ความคิดที่จะพัฒนาตัวเองด้วยวิธีที่อันตรายแบบนี้ออกไปจากสมองทันที ถ้าพูดถึงเรื่องความกลัวตายแล้ว เขาน่าจะเป็นอันดับหนึ่งของรุ่นอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่มีทางที่เดวิดจะเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงอย่างตั้งใจแน่
ท้ายที่สุด เดวิดเริ่มคิดถึงขีดจำกัดของตัวเอง เริ่มคิดถึงสภาวะคอขวดที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่
....
เขาใช้เวลาไม่นานนักในการหาถ้ำที่ว่างเปล่าแห่งหนึ่งจนพบ ไม่สิ! ทำถ้ำแห่งหนึ่งให้กลายเป็นที่ว่างเปล่าต่างหาก เขาสังหารสัตว์ร้ายที่เป็นเจ้าของถ้ำ แล้วนำซากนั้นออกไปโยนทิ้งเสียไกลลิบ ก่อนจะกลับมานั่งขัดสมาธิอย่างสงบอยู่ที่กลางถ้ำ พยายามสำรวจร่างกายตัวเองอย่างถี่ถ้วนเพื่อยืนยันสภาวะที่กำลังเผชิญอยู่ ว่ามันเป็นคอขวดจริง ๆ หรือไม่
เดวิดเริ่มต้นด้วยการเร่งความเร็วของการหมุนเวียนเลือดไปจนถึงระดับสูงสุด 199 รอบต่อนาที! และเริ่มตรวจสอบสภาวะการเต้นของหัวใจ และการสูบฉีดโลหิตไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ทุกอย่างดูเป็นปกติดี การไหลเวียนของเลือดราบรื่นขึ้นกว่าที่เคยเป็นเสียด้วยซ้ำ เสียงการเต้นของหัวใจหนักแน่นเป็นอย่างยิ่ง และยังมีสิ่งที่ทำให้เขาต้องขมวดคิ้วแน่นปรากฏอยู่อย่างชัดเจน อาการเหนี่ยวรั้งไม่ให้หัวใจเต้นแรงจนเกิดขีดจำกัด อาการเดียวกันกับที่เขาเคยเผชิญในครั้งแรก สภาวะคอขวด! ตอนนี้เดวิดแน่ใจแล้ว
และการต่อสู้อย่างดุเดือดกับฟิลลิดา หรือการเฉียดตายตอนที่เผชิญหน้ากับมือสังหารเฟสเซอร์คนนั้น ไม่ได้ส่งผลให้อาการเหนี่ยวรั้งนี่อ่อนแรงลงเลยแม้แต่นิดเดียว
เดวิดลดระดับการเต้นของหัวใจให้กลับคืนสู่สภาพปกติ พยายามทำตัวไม่ให้ตื่นตระหนกมากเกินไปนัก ก่อนจะเปิดระบบส่วนตัวขึ้นมาเอ่ยถาม
“เฮเซล! บอกฉันที สภาพร่างกายของฉันตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”
“ดี! ร่างกายอยู่ในสภาพที่แข็งแรงดี! มีผลกระทบข้างเคียงที่ซับซ้อนของการใช้ของเหลวจีโนม และการแช่ของเหลวพลังงานปรากฏอยู่บ้าง แต่ทุกอย่างน่าจะกลับสู่สภาพปกติได้ภายในระยะเวลา 2-3 วันเท่านั้น อัตราการหมุนเวียนเลือดอยู่ที่ 199 รอบต่อนาที และเป็นเรื่องที่นายควรจะเป็นกังวล เพราะตามข้อมูลที่ฉันมีอยู่ นี่น่าจะเป็นระดับการหมุนเวียนเลือดสูงสุดที่นายสามารถทำได้ในสถานะสไปรเยอร์แล้ว ถ้าคำนวณจากศักยภาพการเป็นนักเรียนพรสวรรค์ระดับ 3 ดาวของนาย”
เดวิดขมวดคิ้วกับรายงานช่วงท้าย ๆ ของเฮเซล เขาเอ่ยถามขึ้นมาอย่างไม่แน่ใจนัก
“เธอกำลังจะบอกว่านักเรียนพรสวรรค์ระดับ 3 ดาวไม่สามารถหมุนเวียนเลือดได้มากกว่า 199 รอบต่อนาทีอย่างนั้นเหรอ?”
“ใช่! ถ้ายึดตามบันทึกที่มีอยู่ในฐานข้อมูลของฉัน” ดูเหมือนว่าเฮเซลจะรู้ว่านี่เป็นเรื่องสำคัญ เธอไม่ได้ยียวนกวนโทสะอะไรออกมาเลย
“แสดงบันทึกนั่นให้ดูหน่อยได้มั้ย?” เดวิดเอ่ยขออย่างเคร่งขรึม
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที หน้าต่างโฮโลแกรมของเขาก็กลายสภาพเป็นตารางที่เต็มไปด้วยตัวเลขจำนวนมาก
เดวิดขยับตัวให้อยู่ในท่าที่สบายขึ้น ก่อนจะกวาดตาศึกษารายละเอียดเหล่านั้นอย่างตั้งใจ คิ้วของเขาขมวดแน่นขึ้นเรื่อย ๆ สีหน้าของเขามีอาการหมดกำลังใจเล็ก ๆ เผยออกมา...ทางสถาบันไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องพวกนี้ให้นักเรียนรู้แม้แต่นิดเดียว..