ตอนที่ 525 นั่นมันอสูรศักดิ์สิทธิ์
ตอนที่ 525 นั่นมันอสูรศักดิ์สิทธิ์
เซี่ยเฟยหยิบคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 2 ออกมาจากแหวนมิติพร้อมกับโยนมาเล่นภายในมือ จากนั้นเขาก็นำคริสตัลต้นกำเนิด 1 ชิ้นยื่นไปให้กับขนอุย และเก็บคริสตัลต้นกำเนิดอีกหนึ่งชิ้นเอาไว้ให้กับตัวเอง
“เหลือก้อนสุดท้ายแล้วสินะ หัวใจจักรวาลสีม่วงที่ฉันเอาไปแลกพวกมันมาสามารถเอาไปแลกดาวเคราะห์ในพันธมิตรได้ตั้งหลายดวง แต่ในดินแดนของผู้ใช้กฎหัวใจจักรวาลพวกนั้นไม่พอจะเอามาใช้เป็นค่าใช้จ่ายรายเดือนได้ด้วยซ้ำ” เซี่ยเฟยพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
“ใครจะไปรู้ล่ะว่าในดินแดนของผู้ใช้กฎจำเป็นจะต้องพึ่งพาพลังงานต้นกำเนิดมากขนาดนี้ นี่โชคดีแค่ไหนแล้วที่นายได้รับตำแหน่งที่มีเงินเดือนเป็นคริสตัลม่วง 30 ก้อน ซึ่งมันก็น่าจะพอแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของนายไปได้บ้าง ยิ่งไปกว่านั้นนายยังเหลือหัวใจจักรวาลสีม่วงในแหวนมิติอีก 2,000 ชิ้น ถ้าหากว่านายเอาพวกมันไปแลกเปลี่ยน อย่างน้อยนายก็จะได้คริสตัลม่วงมาอีก 200 ก้อน”
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับ โดยจำนวนของหัวใจจักรวาลสีม่วงในแหวนมิติของเขาก็เพียงพอสำหรับการใช้จ่ายเป็นเวลาเพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น ซึ่งมันก็หมายความว่าในสองเดือนหลังจากนี้เขาจะต้องหาวิธีได้คริสตัลม่วงมากกว่าเดิม
ขนอุยเลียริมฝีปากด้วยความเพิ่งพอใจ เซี่ยเฟยจึงอุ้มมันขึ้นมาบนไหล่แล้วเดินออกไปจากหอพัก
ที่พักในสวนเสือคำรามยังไม่ได้รับการทำความสะอาด เซี่ยเฟยจึงยังคงพักอยู่ในห้องเดิมของเขาไปก่อน
ฟุบ!
ชายหนุ่มเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงและเดินทางไปถึงสวนเสือคำรามในอีกไม่กี่นาทีต่อมา ซึ่งในตอนนี้หยูซานสุ่ยกำลังรอเขาอยู่ที่ประตู และเมื่อชายคนนี้ได้พบกับเซี่ยเฟยเขาจึงเริ่มทักทายด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีครับผู้จัดการเซี่ย ผมชื่อหยูซานสุ่ยเป็นรองผู้จัดการ ยินดีต้อนรับเข้าสู่สวนเสือคำรามของพวกเรา”
หลังจากพูดคุยทักทายกันเล็กน้อย เซี่ยเฟยก็เริ่มสำรวจสวนเลี้ยงสัตว์อสูรแห่งนี้ โดยมันเป็นสวนที่ถูกสร้างขึ้นในหุบเขาที่ถูกล้อมรอบด้วยภูเขาสูงชัน และมันก็มีน้ำตกไหลลงมาให้มองเห็นจากระยะไกล
อาคารหลายสิบหลังตั้งเรียงรายอยู่ตามขอบเหวของภูเขา แต่พวกมันดูคล้ายกับอาคารโบราณที่ดูเหมือนจะถูกปล่อยให้อยู่ในสภาพทรุดโทรมมาเป็นเวลานานแล้ว
หยูซานสุ่ยเรียกพนักงานอีกห้าคนมาทักทายเซี่ยเฟยซึ่งเป็นผู้จัดการคนใหม่ คล้ายกับว่ามันเป็นหน้าที่ที่เขาสมควรจะต้องทำ
สวนเสือคำรามในตระกูลหยูไม่ได้เป็นสถานที่ที่ถูกให้ความสำคัญจากตระกูลมากมายนัก พนักงานที่ถูกส่งมายังสถานที่แห่งนี้จึงเป็นสมาชิกภายนอกของตระกูลเสียเป็นส่วนใหญ่ มีเพียงหยูซานสุ่ยคนเดียวเท่านั้นที่เป็นสมาชิกภายในของตระกูลที่ถูกส่งมายังสถานที่แห่งนี้ แต่โชคไม่ดีที่ในปัจจุบันเขาได้เสียตำแหน่งผู้จัดการให้กับเซี่ยเฟยไปแล้ว
เมื่อได้เห็นว่าหัวหน้าคนใหม่ค่อนข้างจะมีความเป็นกันเอง พวกเขาจึงให้ความเคารพเซี่ยเฟยมากโดยไม่ได้สนใจอายุหรือสถานะของชายหนุ่มมากนัก
หลังจากทักทายพนักงานทุกคนตามสมควร เซี่ยเฟยก็บอกให้ทุกคนแยกย้ายกันไปทำตามหน้าที่ของตัวเอง ก่อนที่เขาจะทำการตรวจสอบสวนแห่งนี้โดยละเอียด และเขายังต้องการจะไปที่หอสมุดเพื่อดูว่าที่นั่นมีข้อมูลของขนอุยถูกบันทึกเอาไว้จริง ๆ หรือเปล่า
สัตว์อสูรตัวนี้สร้างปัญหาในเรื่องวิธีการเลี้ยงดูให้กับเซี่ยเฟยมานานแล้ว และเขาก็แทบที่จะรอไม่ไหวเพื่อที่จะได้รู้จักขนอุยอย่างลึกซึ้งมากขึ้นกว่านี้
“ผู้จัดการครับ ผมรู้ว่าคุณเพิ่งเข้ารับตำแหน่งในวันนี้และเราก็ไม่ควรที่จะเข้าไปรบกวนคุณมากนัก แต่มันมีเรื่องที่พวกเราไม่สามารถจัดการได้ ดังนั้นพวกเราจึงต้องขอให้คุณเป็นคนจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง” หยูซานสุ่ยกล่าวด้วยท่าทางที่เคร่งขรึม
พวกพนักงานเริ่มรู้แล้วว่าหยูซานสุ่ยกำลังพยายามจะสร้างปัญหาให้กับเซี่ยเฟย แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้รู้สึกต่อต้านเซี่ยเฟย แต่พวกเขาก็อยากจะเห็นความสามารถของชายหนุ่มในการปราบสัตว์อสูรอยู่เหมือนกัน
“มันคือเรื่องอะไรเหรอ?” เซี่ยเฟยถาม
“ภายในสวนเสือคำรามมีสัตว์อสูรอยู่ทั้งหมด 17 ตัว หน้าที่ของพวกเราคือการทำให้อสูรพวกนี้เชื่อฟังมนุษย์ แต่น่าเสียดายที่พวกมันเป็นสัตว์อสูรที่ดื้อรั้นมาก ดังนั้นถึงแม้ว่าพวกเราจะให้อาหารพวกมันกินทุกวัน แต่พวกมันก็ไม่เคยเชื่อฟังคำสั่งของพวกเราเลย”
“แต่เมื่อไม่นานมานี้คุณหนูเจ็ดได้เดินทางมายังสวนเสือคำราม และเธอก็รู้สึกถูกชะตาแมวเหลืองสี่หูมาก เธอจึงออกคำสั่งให้พวกเราทำให้สัตว์อสูรตัวนั้นกลายเป็นสัตว์เลี้ยงที่เชื่อฟังในเวลาเพียงแค่ 3 เดือน”
“อย่างไรก็ตามวันพรุ่งนี้จะเป็นวันที่ถึงกำหนดนัดหมายที่เธอได้ตั้งเอาไว้แล้ว แต่เจ้าแมวนั้นยังกัดเจ้าหน้าที่ทุกคนที่มันเห็น ผมเกรงว่าถ้าหากคุณหนูเจ็ดเดินทางมาที่นี่อีกครั้งในวันพรุ่งนี้ และพบว่าแมวของเธอยังไม่ถูกฝึกให้เชื่องอย่างที่ควรจะเป็น เธอก็คงจะต้องสั่งการลงโทษพวกเราอย่างแน่นอน” หยูซานสุ่ยกล่าวด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย
“แมวตัวเดียวแต่ยังฝึกไม่ได้ใน 3 เดือนเนี่ยนะ?! พวกคุณพยายามฝึกแมวตัวนั้นแล้วจริง ๆ ใช่ไหม? เอาล่ะเรื่องอื่นเอาไว้ก่อนตอนนี้รีบพาฉันไปหาแมวตัวนั้นก่อนเร็ว ๆ เข้า” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
หยูซานสุ่ยพยักหน้ารับอย่างเร่งรีบ ก่อนที่เขาจะรีบพาเซี่ยเฟยไปยังคอกสัตว์ในสวนด้วยความยินดี
‘หึ ๆ แกคิดว่าแมวเหลืองสี่หูเป็นลูกแมวเชื่อง ๆ งั้นเหรอ? มารอดูกันซิว่าแมวตัวนั้นจะสร้างปัญหาให้กับแกได้ขนาดไหน’ หยูซานสุ่ยแอบคิดภายในใจอย่างชั่วร้าย
กรงขังสัตว์อสูรเป็นรั้วโลหะยกสูงและมีพื้นที่ด้านในหลายร้อยตารางเมตร และเนื่องมาจากสัตว์อสูรส่วนใหญ่มีนิสัยดุร้าย พวกมันจึงถูกจับขังอยู่ในแต่ละกรงแยกจากกันเพื่อป้องกันไม่ให้พวกมันทำร้ายสัตว์อสูรด้วยกันเอง
อย่างไรก็ตามหยูซานสุ่ยก็ไม่รู้ว่าทำไมพวกสัตว์อสูรถึงหยุดคำรามทันทีที่เซี่ยเฟยมาถึง ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันยังขดตัวอยู่ในมุมห้องด้วยท่าทางอันหวาดกลัว และในสายตาของพวกมันก็มีความระแวดระวังอย่างเต็มที่
เหตุการณ์นี้ทำให้หยูซานสุ่ยรู้สึกประหลาดใจมาก เพราะถึงแม้ว่าเขาจะทำงานในสวนแห่งนี้มาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นปฏิกิริยาของพวกสัตว์อสูรที่รู้สึกหวาดกลัวมากขนาดนั้น
‘มันเป็นเพราะเขางั้นเหรอ?’ หยูซานสุ่ยคิดกับตัวเองภายในใจ
“สัตว์อสูรหายากถูกแบ่งออกเป็น 3 ระดับคือ อสูรธรรมดา, อสูรราชาและอสูรเทวะ สัตว์อสูรทั้งหมดในสวนเสือคำรามต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นสัตว์อสูรระดับสูงสุด และมันก็มีอสูรราชาอยู่ในหมู่พวกมันถึงสองตัว โดยตัวหนึ่งคือแมวเหลืองสี่หู ส่วนอีกตัวหนึ่งคือเสือเพลิงตาฟ้า และมันก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมสวนแห่งนี้ถือถูกตั้งชื่อว่าสวนเสือคำราม” หยูซานสุ่ยเริ่มกล่าวแนะนำ
แน่นอนว่าเซี่ยเฟยยอมไม่ได้รู้สึกสนใจสัตว์อสูรพวกนี้เลย เพราะพวกมันมีความแข็งแรงไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยวหนึ่งของขนอุยด้วยซ้ำ ซึ่งแม้แต่นกสีขาวดำที่เป็นสัตว์เลี้ยงของเทพขาวดำก็ยังคงมีระดับต่ำกว่าขนอุยอยู่ระดับหนึ่ง
ชายหนุ่มเริ่มไล่ดูสัตว์อสูรแต่ละตัวด้วยความสนใจ แต่พวกมันพยายามที่จะเอาหน้ามุดดินหนีด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“นี่คือแมวเหลืองสี่หูเป็นอสูรราชาที่หาได้ยากมาก แล้วมันก็มีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับ 5 ของเหล่าบรรดาอสูรราชาทั้งหมด” หยูซานสุ่ยกล่าวแนะนำหลังจากที่พวกเขาได้มาหยุดอยู่หน้ากรงที่มีขนาดใหญ่กว่ากรงอื่น ๆ
เมื่อเซี่ยเฟยได้มองเข้าไปภายในกรง เขาก็ได้พบว่ากรงนี้ถูกตกแต่งด้วยก้อนหินและต้นไม้ โดยมีแมวตัวผอมกำลังจ้องมองมาที่เขาจากบนกิ่งไม้ด้วยร่างกายอันสั่นเทา
แมวสีเหลืองตัวนี้มีขนาดตัวที่ใหญ่โตกว่าแมวบ้านโดยทั่วไป แล้วมันก็มีขนาดตัวที่สูงเกือบจะเท่า ๆ กับเสือดาว แต่น่าเสียดายที่มันดูเหมือนกับจะมีปุ่มของเหลวเหมือนกับฝีตามลำตัวทำให้เซี่ยเฟยค่อนข้างที่จะรู้สึกขยะแขยง
“คุณหนูเจ็ดที่นายพูดถึงเป็นผู้หญิงใช่ไหม?” เซี่ยเฟยถาม
“ใช่ครับ”
“นายแน่ใจนะว่าเธอชอบไอ้ตัวนี้?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
“เอิ่ม… แต่ละคนก็มีรสนิยมเป็นของตัวเองนั่นแหละครับ” หยูซานสุ่ยพยายามตอบคำถามอย่างสุภาพ
“เปิดกรง! เดี๋ยวฉันจะเข้าไปจัดการลูกแมวตัวนี้เอง” เซี่ยเฟยกล่าวก่อนที่จะเดินบีบจมูกเข้าไปภายในกรง ซึ่งถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าเรื่องนี้คือเรื่องที่เกี่ยวกับงาน เขาก็คงจะไม่เข้าไปแตะต้องสิ่งมีชีวิตที่ดูน่าเกลียดตัวนี้อย่างแน่นอน
หยูซานสุ่ยมองดูเซี่ยเฟยอย่างมีความสุข และรอดูว่าสัตว์อสูรที่เคยสังหารผู้ฝึกไปแล้วหลายคนตัวนี้จะจัดการกับเซี่ยเฟยด้วยวิธีการไหน
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยได้ฝึกฝนวิชามนตราอสูรมาจนถึงขั้นที่ 6 แล้ว ดังนั้นถึงแม้ว่ามันจะมีคนนับสิบที่เสียชีวิตภายใต้อุ้งเท้าของแมวตัวนี้ แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวมันเลยแม้แต่น้อย
หยูซานสุ่ยรีบปิดประตูตามหลังทันทีที่เซี่ยเฟยได้ก้าวเท้าเข้าไป เพราะเขากลัวว่าอสูรตัวร้ายจะหลุดออกมาจู่โจมเขาที่อยู่ด้านนอก
“ดูเหมือนว่ามันจะไม่ใช่แมวธรรมดาสินะ” เซี่ยเฟยพึมพำกับตัวเองขณะชำเลืองสายตามองไปยังด้านหลัง
เมื่อเขาได้เดินเข้าไปจนถึงใต้ต้นไม้ แมวเหลืองสี่หูก็รีบลุกขึ้นยืนในทันที แต่ตัวของมันกลับกำลังสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ซึ่งเซี่ยเฟยก็รู้ดีว่ามันกำลังรู้สึกหวาดกลัวเขาอยู่
“ทำตัวดี ๆ” เซี่ยเฟยตะโกนออกไปอย่างโหดเหี้ยม
ง่าว!!
แมวเหลืองสี่หูส่งเสียงร้องคำรามออกมาดังลั่นคล้ายกับว่ามีใครไปเหยียบหางของมัน ทำให้ขนอุยที่กำลังนอนพักอยู่ในอ้อมอกของเซี่ยเฟยตื่นขึ้นมาด้วยท่าทางที่ไม่พอใจ
พริบตาต่อมาขนอุยก็กระโดดขึ้นไปประจำตำแหน่งบนไหล่ของเซี่ยเฟย พร้อมกับจ้องมองไปยังแมวหน้าตาประหลาดด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาต
“ไอ้แมวน่าเกลียด! กล้าดียังไงมารบกวนการนอนของฉัน!!”
“ยกโทษให้ไม่ได้!!!”
อิ้ว!!!!
เสียงร้องคำรามของขนอุยดังสะท้อนไปทั่วทั้งพื้นที่ ทำให้ทั้งหยูซานสุ่ยและพนักงานอีกห้าคนต้องรีบยกมือขึ้นมาปิดหูด้วยความสยดสยอง
“นั่นมันเสียงอะไร?”
“เสียงอะไรวะโคตรน่ากลัวเลย! ก่อนหน้านี้แม้แต่เสือเพลิงตาฟ้าก็ยังไม่เคยทำให้ฉันรู้สึกกลัวได้ขนาดนี้”
“โอ้ย! หัวใจแทบจะหลุดออกมาจากอก”
“นี่คือเสียงร้องคำรามของอสูรศักดิ์สิทธิ์!”
มันคือเสียงที่ทำให้แม้แต่ผู้ฝึกกฎแห่งมิติก็ยังไม่สามารถที่จะต้านทานได้ มันจึงไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงแมวขี้เรือนที่กำลังยืนอยู่บนกิ่งไม้เลย
แมวเหลืองสี่หูรู้สึกหวาดกลัวสุดชีวิต มันจึงช็อกตาตั้งร่วงลงมาจากต้นไม้โดยตรงราวกับว่าร่างของมันเป็นเพียงแค่รูปปั้นที่ไร้ชีวิต
“มารขาว!”
“นั่นมันอสูรศักดิ์สิทธิ์!!”
“โอ้พระเจ้า! สัตว์อสูรของผู้จัดการเซี่ยคือสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์เหรอเนี่ย?!”
ในที่สุดพนักงานในสวนเสือคำรามก็สังเกตเห็นถึงการคงอยู่ของขนอุย และเนื่องมาจากว่าพวกเขาคือผู้ดูแลสัตว์อสูร พวกเขาจึงรู้จักมารขาวในตำนานเป็นอย่างดี โดยเฉพาะหยูซานสุ่ยที่อยากจะฆ่าตัวตายเมื่อได้คิดถึงสิ่งที่เขาเพิ่งทำลงไป
เขาหวังว่าเซี่ยเฟยจะหวาดกลัวอสูรราชาเนี่ยนะ?!
ชาติหน้าเถอะ! เซี่ยเฟยจะมากลัวอสูรราชาทำไม ในเมื่อบนไหล่ของเขาคืออสูรศักดิ์สิทธิ์!!
ก่อนที่หยูซานสุ่ยจะอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ ภาพเหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเขาอีกครั้ง
ผัวะ!
เซี่ยเฟยตบหัวของขนอุยอย่างรุนแรงเพื่อเป็นการลงโทษที่มันทำอะไรบุ่มบ่าม
“ถ้านายทำให้ไอ้แมวนั่นตาย แล้วฉันจะทำยังไง?”
ขนอุยก้มหน้าลงด้วยท่าทางสำนึกผิดและพยายามใช้ขนนุ่ม ๆ บนร่างกายของมันถูใบหน้าของชายหนุ่มเพื่อพยายามเอาอกเอาใจ ราวกับว่ามันกำลังยอมรับว่าเรื่องนี้มันเป็นฝ่ายที่ผิดพลาดไปจริง ๆ
“นี่ฉันไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม? เขากล้าตบสัตว์อสูรศักดิ์สิทธิ์ด้วยงั้นเหรอ”
“สัตว์... อสูร… ศักดิ์... สิทธิ์… โดนตบเนี่ยนะ!” หยูซานสุ่ยถึงกับขาอ่อนล้มลงไปกองกับพื้นเมื่อเขาได้เห็นมารขาวถูกเซี่ยเฟยตบหัวอย่างรุนแรง
***************
มาที่ใหม่ก็สร้างวีรกรรมวันแรกสักหน่อย อิอิ