ตอนที่ 523 ดาบดูดเลือด
ตอนที่ 523 ดาบดูดเลือด
“นั่นมันคือดาบจริง ๆ ใช่ไหม?” ฮานหยูเป่ยมองไปทางบลัดบิวเทียสพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“ใช่ มันคือดาบมรณะที่สามารถเอาชีวิตแกได้ง่าย ๆ เลยล่ะ” เซี่ยเฟยกล่าวตอบอย่างเฉยเมย
“ถึงแม้ว่ามันจะอันตรายอย่างแกพูด แต่ดาบอัปลักษณ์นั่นก็คงจะต้องใช้เวลาถึงชาติหน้าถึงจะสามารถเจาะทะลุเกราะโลหะเหลวนี้เข้ามาได้” ฮานหยูเป่ยกล่าวอย่างดูถูก
“ฉันไม่จำเป็นจะต้องทำลายชุดเกราะสักหน่อย ฉันแค่ฆ่าแกซะก็จบเรื่อง” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
บทสนทนาระหว่างพวกเขาทั้งสองคนทำให้ใบหน้าของหยูเจียงบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด เพราะเขารู้ดีว่าชุดเกราะโลหะเหลวคือสิ่งที่อันตรายมากแค่ไหน และเมื่อฮานหยูเป่ยได้รับชุดเกราะนั้นไปมันก็แทบที่จะเป็นเรื่องแน่นอนแล้วว่าเขาจะเป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะ
หากเซี่ยเฟยยังคงเป็นเซี่ยเฟยคนเดิมที่พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง หยูเจียงย่อมไม่รู้สึกกังวลถึงความพ่ายแพ้ของเซี่ยเฟยอย่างแน่นอน แต่เมื่อเซี่ยเฟยฟื้นฟูพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาขึ้นมาใหม่แล้ว ชายชราจึงจำเป็นต้องประเมินค่าของเซี่ยเฟยใหม่
นักรบที่สามารถเปิดพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้ทั้ง 100% นั้นหายากแม้แต่ภายในดินแดนของผู้ใช้กฎ ยิ่งไปกว่านั้นชายคนนี้ยังมีอสูรมารขาวเป็นคู่หูที่เชื่อฟังเขาอีกด้วย
ในที่สุดหยูเจียงก็แอบตัดสินใจกับตัวเองอย่างเงียบ ๆ ว่าเขาจะเริ่มลงมือในช่วงวิกฤติทันที โดยเขาจะไม่มีทางยอมปล่อยให้เซี่ยเฟยได้รับความสูญเสียจากการประลองเล็ก ๆ ครั้งนี้เด็ดขาด
ในเวลาเดียวกันดูบาร์ที่อยู่ข้าง ๆ หยูเจียงก็กำลังคิดถึงเรื่องเซี่ยเฟยอยู่เช่นกัน เพราะท้ายที่สุดชายหนุ่มคนนี้ก็สามารถควบคุมพลังงานได้ในระดับที่น่ากลัว ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่เคยคิดถึงเรื่องก่อนหน้านี้ที่เขาไล่ตะเพิดชายหนุ่มไป เพราะเขาคิดว่าด้วยสถานะของเขาในปัจจุบัน เซี่ยเฟยย่อมต้องการจะมาเป็นศิษย์ของเขาใหม่อีกครั้งอย่างแน่นอน
ชุดเกราะโลหะเหลวกระจายไปทั่วทั้งร่างของฮานหยูเป่ยอย่างรวดเร็ว โดยมีพื้นที่บางส่วนถูกโลหะปกคลุมอย่างแน่นหนาและพื้นที่บางส่วนก็ถูกโลหะปกคลุมบาง ๆ เหมือนกับผ้าไหม
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันนี้ทำให้เซี่ยเฟยรับรู้ได้ถึงลางร้าย เพราะว่ามันค่อนข้างที่จะแตกต่างจากโลหะเหลวที่เป็นส่วนประกอบบนร่างกายของวอร์สตาร์
“เข้ามาเลย! ฉันจะแสดงให้แกได้เห็นเองว่าชุดเกราะโลหะเหลวเป็นสิ่งที่ทรงพลังมากแค่ไหน” ฮานหยูเป่ยส่งเสียงร้องคำรามพร้อมกับเริ่มเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็ว
แม้ว่าฮานหยูเป่ยจะไม่ใช่ผู้มีพลังพิเศษด้านความเร็ว แต่การเคลื่อนไหวของเขาก็ค่อนข้างที่จะรวดเร็วกว่านักรบโดยทั่วไป ซึ่งจากการประมาณการด้วยสายตาความเร็วของชายคนนี้ก็ตกอยู่ที่ประมาณ 5,000 เมตรต่อวินาทีเลยทีเดียว
แม้ว่าสำหรับผู้ใช้ความเร็วระดับสูงอย่างเซี่ยเฟยความเร็วเพียงแค่ 5,000 เมตรต่อวินาทีจะเป็นเพียงแค่ความเร็วที่เหมือนกับหอยทาก แต่สำหรับนักสู้ที่ไม่ได้มีพลังสายความเร็วแล้ว ความเร็วนี้ถือว่าเป็นความเร็วที่น่าตกใจมาก
ฮานหยูเป่ยกระโจนเข้าใส่เซี่ยเฟยราวกับพยัคฆ์ที่หิวโหย ทันใดนั้นโลหะเหลวที่แขนขวาของเขาก็ถูกเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นดาบรูปร่างประหลาดที่มีความยาวมากกว่า 3 เมตร
เล่ห์กายา!
จู่ ๆ ร่างกายของเซี่ยเฟยก็เหมือนกับหดสั้นลงอย่างฉับพลัน ก่อนที่เขาจะเคลื่อนที่ผ่านฮานหยูเป่ยไปราวกับปลาไหลที่ไม่สามารถคว้าจับตัวได้ง่าย ๆ
ทันใดนั้นดาบรูปร่างแปลกประหลาดในมือของฮานหยูเป่ยก็เริ่มเคลื่อนไหว เพราะจู่ ๆ มันก็มีแขนกลยื่นออกมาจากใบดาบพร้อมกับเริ่มสร้างคมดาบสายลมจู่โจมเข้าใส่เขาอย่างฉับพลัน
เซี่ยเฟยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้เห็นกลไกที่ซ่อนอยู่ภายใต้ดาบยาวเล่มนั้น และสิ่งที่สำคัญคือการโจมตีนั้นมีอันตรายถึงชีวิต
ชายหนุ่มเอนร่างกายนอนราบไปกับพื้น ทำให้คมดาบสายลมพุ่งผ่านหน้าเขาไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งในสายตาของเหล่าผู้ชมการเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยราวกับนักเล่นกายกรรม และเขาก็สามารถที่จะเคลื่อนไหวเปลี่ยนรูปร่างท่าทางไปมาได้อย่างลื่นไหลและรวดเร็ว
เล่ห์กายาเป็นวิชาที่ทำให้ร่างกายเกิดการเคลื่อนไหวที่ยากจะคาดเดาทิศทางได้ ดังนั้นแม้ว่าศัตรูจะจู่โจมเข้ามาในจุดบอดของร่างกาย แต่เซี่ยเฟยก็ยังสามารถที่จะบิดร่างเพื่อหลบการจู่โจมพวกนั้นไปได้อย่างง่ายดายอยู่ดี
เซี่ยเฟยยังไม่ได้รีบร้อนที่จะโจมตี เพราะเขาต้องการที่จะทดสอบชุดเกราะโลหะเหลวของฮานหยูเป่ยเสียก่อน
“ท่านผู้นำ พวกเรายุติการประลองครั้งนี้ดีกว่า ทุกคนก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าชุดเกราะโลหะเหลวนั่นทรงพลังมากเพียงใด ถ้าหากว่าเซี่ยเฟยเคลื่อนไหวผิดพลาดแม้แต่เพียงนิดเดียว ผลลัพธ์ที่ตามมาก็อาจจะเป็นเรื่องที่ยากจะแก้ไขได้” ดูบาร์รีบหันไปกล่าวกับหยูเจียงอย่างกังวลใจ
“คุณคิดว่าเซี่ยเฟยกำลังจะแพ้จริง ๆ เหรอ?” หยูเจียงกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
“ชุดเกราะโลหะเหลวบนร่างของฮานหยูเป่ยเป็นชุดเกราะที่มีระบบประมวลผลเป็นของตัวเอง คมมีดสายลมที่จู่โจมเข้าใส่เซี่ยเฟยจึงไม่ใช่การจู่โจมที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจของฮานหยูเป่ย แต่มันเกิดขึ้นจากการประมวลผลของตัวชุดเกราะเองต่างหาก”
“แต่ถึงกระนั้นความสามารถของชุดเกราะนี้ก็ยังไม่สามารถสร้างอันตรายให้กับเซี่ยเฟยได้ ในขณะที่เซี่ยเฟยก็ยังไม่ได้เริ่มทำการจู่โจมเพื่อตอบโต้ด้วยซ้ำ ซึ่งไม่ว่าจะมองยังไงสถานการณ์นี้เซี่ยเฟยก็ยังไม่ใช่ฝ่ายที่เสียเปรียบ”
“เขาเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นดีที่หาได้ยาก ผมอยากจะพาเขาไปสอนกฎแห่งการกลั่นพลังงานด้วยตัวเอง” ดูบาร์กล่าว
‘อะไรนะ?! นี่แม้แต่ดูบาร์ก็ยังให้การยอมรับเซี่ยเฟยงั้นเหรอ?’ หยูเจียงคิดกับตัวเองภายในใจอย่างตกตะลึง
‘เซี่ยเฟยมีศักยภาพที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการกลั่นพลังงานด้วยงั้นเหรอ? ถ้าหากว่ามันได้รวมกับความจริงที่ว่าเขาคือนักรบที่สามารถเปิดพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้ทั้ง 100% และเขายังเป็นผู้ครอบครองอสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างมารขาว มันก็ดูเหมือนกับว่าศักยภาพของชายหนุ่มคนนี้มันจะน่าตกใจมากเกินไปแล้ว’
“คุณไม่จำเป็นจะต้องกังวล พวกเรามาดูการต่อสู้นี้กันต่อไปเถอะ เท่าที่ฉันรู้เซี่ยเฟยคือนักรบที่น่ากลัวแม้ว่าเขาจะปราศจากพลังพิเศษ คุณก็น่าจะเห็นแล้วว่าเพียงแค่การเคลื่อนไหวร่างกายของเขารวมกับพลังความเร็วเพียงแค่เล็กน้อย มันก็ทำให้เขาสามารถเคลื่อนไหวอย่างลื่นไหลได้ขนาดนั้นแล้ว”
ระหว่างที่ชายชราทั้งสองกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น เซี่ยเฟยก็ได้ตรวจสอบชุดเกราะบนร่างของฮานหยูเป่ยอย่างพอใจ มันจึงถึงเวลาที่เขาจะได้จู่โจมโต้ตอบกลับไปเสียที
เปลี่ยน!
ทันใดนั้นดาบดราก้อนสเกลก็ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน ก่อนที่มันจะแตกออกเป็นใบมีดชิ้นเล็ก ๆ 108 ชิ้นที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วทั้งท้องฟ้า
ไดมอนด์ชิฟท์!
พริบตาต่อมาใบมีดทั้ง 108 เล่มก็ส่องแสงสว่างขึ้นมาอย่างฉับพลัน ก่อนที่พวกมันจะเริ่มจู่โจมอย่างรุนแรงราวกับกระสุนปืนใหญ่จากยานรบ
“ตัด!”
หยูลู่ซวนเป็นคนแรกที่ตระหนักถึงอันตรายของการจู่โจมของเซี่ยเฟย เขาจึงรีบแยกมิติระหว่างสนามประลองกับพื้นที่ภายนอกออกจากกันในทันที เพื่อป้องกันไม่ให้การโจมตีของเซี่ยเฟยส่งผลกระทบต่อผู้ชมรอบบริเวณ
ตูม ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
เสียงระเบิดดังขึ้นมาเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนคล้ายกับเซี่ยเฟยกำลังขับยานรบพร้อมกับใช้ปืนใหญ่จู่โจมเข้าใส่ศัตรูครั้งแล้วครั้งเล่า
“เก็บ!”
เซี่ยเฟยเรียกดาบดราก้อนสเกลกลับไปไว้ในแหวนมิติ ก่อนที่เขาจะยืนดูผลลัพธ์ด้วยใบหน้าที่สดใส
ไม่กี่นาทีต่อมาเสียงหัวเราะของฮานหยูเป่ยก็ดังขึ้นอย่างฉับพลัน ก่อนที่มันจะเผยให้เห็นว่าร่างของเขาถูกปกป้องด้วยกำแพงหนา ทำให้การจู่โจมของเซี่ยเฟยไม่สามารถที่จะทำอันตรายร่างกายของเขาได้
“ชุดต่อสู้นี่ไม่ธรรมดาจริง ๆ ไม่เพียงแต่มันจะเป็นโลหะเหลวที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ตามต้องการเท่านั้น แต่มันยังมีฟังก์ชั่นที่สามารถใช้กฎแห่งมิติในการป้องกันการโจมตีได้อีกด้วย” เซี่ยเฟยพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
อันธขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความเคร่งเครียด เพราะถึงแม้ว่าการจู่โจมของเซี่ยเฟยจะทรงพลัง แต่มันก็ยังคงเป็นการจู่โจมแบบปกติที่ไม่มีพลังของกฎเข้าร่วมในการจู่โจมด้วย ขณะเดียวกันเกราะโลหะเหลวที่ฮานหยูเป่ยได้สวมใส่อยู่นั้นได้ใช้พลังของกฎในการป้องกัน เซี่ยเฟยจึงจำเป็นจะต้องใช้พลังของกฎที่ทรงพลังเพื่อทำลายการป้องกันของฝ่ายตรงข้าม
“ที่นี่สมกับเป็นดินแดนของผู้ใช้กฎจริง ๆ แม้แต่ภายในชุดต่อสู้ก็ยังมีฟังก์ชั่นการใช้พลังของกฎติดตั้งเอาไว้ด้วย” อันธกล่าว
“แม้ว่าในพันธมิตรตัวตนของแกจะไร้เทียมทาน แต่ที่นี่คือดินแดนของผู้ใช้กฎ ถ้าหากว่าแกใช้กฎไม่ได้ตัวของแกมันก็เป็นเพียงแค่เศษขยะ” ฮานหยูเป่ยกล่าวอย่างเหยียดหยาม
“ใช่ เรื่องนี้แกพูดถูก แต่น่าเสียดายที่ทั้งพลังพิเศษและพลังของกฎ มันก็ไม่ได้มีพลังครอบคลุมทุกอย่าง”
หลังจากพูดจบเซี่ยเฟยก็เริ่มเปลี่ยนสถานะของเขาในทันที จากตอนแรกที่เขาเป็นฝ่ายรอตั้งรับแต่ในตอนนี้เขากลับเป็นฝ่ายลงมือจู่โจมอย่างดุเดือด
กำปั้น!
นี่คืออาวุธที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดของเขาในปัจจุบัน และมันยังเป็นอาวุธที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการใส่พลังของกฎเข้าไปด้วย
กฎแห่งมิติถูกบังคับให้รวมกับกฎแห่งความโกลาหลในทันที ซึ่งการรวมกฎทั้งสองนี้เข้าด้วยกันคือการจู่โจมที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เซี่ยเฟยคิดได้ในตอนนี้แล้ว
1 หมัด!
2 หมัด!
3 หมัด!
การจู่โจมของเซี่ยเฟยพุ่งใส่หน้าอกของฮานหยูเป่ยอย่างรวดเร็ว และเนื่องมาจากว่าเซี่ยเฟยคือผู้ใช้พลังสายความเร็ว ฮานหยูเป่ยจึงไม่สามารถหลบเลี่ยงการจู่โจมของเขาได้
เมื่อหมัดแรกกระทบเข้ากับโลหะเหลว ชุดเกราะโลหะนี้ก็เกิดเป็นระลอกคลื่นเป็นชั้น ๆ คล้ายกับการโยนก้อนหินลงไปกลางทะเลสาบ
เมื่อหมัดที่ 2 และหมัดที่ 3 ตามมา ชุดเกราะก็ไม่สามารถที่จะทนต่อแรงบิดอันมหาศาลได้อีกต่อไป ทำให้มันได้เผยช่องว่างตรงบริเวณหน้าอกของฮานหยูเป่ยขึ้นมา
พริบตาต่อมาเซี่ยเฟยก็ทำการแทงบลัดบิวเทียสที่มีรูปร่างอันน่าเกลียดเข้าใส่เป้าหมายโดยตรง แต่การจู่โจมในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้มีเลือดไหลทะลักออกมาอย่างที่ควรจะเป็น ฮานหยูเป่ยจึงได้มองไปยังหน้าอกของตัวเองด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
แต่จู่ ๆ ชายหนุ่มกลับรู้สึกได้ถึงเลือดภายในร่างที่กำลังถูกดูดออกไปอย่างรวดเร็ว คล้ายกับว่าดาบประหลาดเล่มนั้นคือสัตว์ร้ายที่ต้องการจะสูบเลือดทั่วทั้งร่างของเขาออกไปไม่ให้เหลือเลือดเลยแม้แต่หยดเดียว
“แย่แล้ว!!” หยูลู่ซวนตระหนักได้ในทันทีว่าเซี่ยเฟยมุ่งจะโจมตีเพื่อเอาชีวิตของฮานหยูเป่ย ดังนั้นเขาจึงรีบพุ่งตัวออกไปเพื่อยุติการต่อสู้ในครั้งนี้
น่าเสียดายที่บลัดบิวเทียสดูดกลืนเลือดรวดเร็วเกินไป ดังนั้นก่อนที่มันจะถูกหยูลู่ซวนกระชากออกมา ใบหน้าของฮานหยูเป่ยก็ซีดเผือดพร้อมกับร่างกายของเขาที่กำลังสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้
ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงในทันที เพราะมันเห็นได้ชัดเลยว่าเป้าหมายของเซี่ยเฟยไม่ใช่ชัยชนะ แต่คือการสังหารคู่ต่อสู้ของเขาต่างหาก!
พลั่ก!
ร่างของฮานหยูเป่ยล้มลงกับพื้น ซึ่งหลังจากที่เขาพยายามดิ้นรนอยู่ 2-3 ครั้ง เขาก็หยุดลมหายใจไปอย่างไร้เรี่ยวแรง
“ฉันจะฆ่าแก!!”
จู่ ๆ ฮานหยูตงก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างฉับพลัน โดยการผลักมือทั้งสองข้างไปทางเซี่ยเฟยจากระยะไกล
การเคลื่อนไหวของชายคนนี้ถือได้ว่าเป็นวิธีการจู่โจมที่ถูกพบเห็นได้บ่อยที่สุด เพราะมันคือการฉีกกระชากมิติออกจากกัน และมันก็สามารถที่จะฉีกกระชากร่างของเป้าหมายออกจากกันได้อย่างง่ายดาย
ฟุบ!
ก่อนที่ใครจะทันได้เคลื่อนไหวจู่ ๆ ร่างของฮานหยูตงก็หายไปจากพื้นที่ตรงนั้นในพริบตา
…
เมื่อได้มีความสูญเสียเกิดขึ้นในการประลอง แผนการประลองตามแผนเดิมก็ถูกยุติลงในทันที โดยในตอนนี้หยูเจียง, ดูบาร์และหยูลู่ซวนก็กำลังล้อมรอบร่างของเซี่ยเฟยเอาไว้
“เจ้านี่มันเป็นอาวุธที่ดูดเลือดได้จริง ๆ เหรอ? นี่มันเป็นอาวุธที่โหดร้ายมากเกินไป ในอนาคตพยายามใช้มันเท่าที่จำเป็นก็แล้วกัน” หยูลู่ซวนกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว ขณะที่เขาได้ยื่นบลัดบิวเทียสคืนให้กับเซี่ยเฟย
เซี่ยเฟยเก็บบลัดบิวเทียสเข้าไปไว้ในแหวนมิติ และมันอาจจะเป็นเพราะว่าดาบเล่มนี้ยังดูดเลือดได้ไม่พอ รูปลักษณ์ของมันจึงยังคงน่าเกลียดอยู่เหมือนเดิม
“ถ้าหากว่าตอนนั้นท่านผู้นำไม่ลงมือ ฉันก็เกรงว่านายคงจะถูกฮานหยูตงฆ่าตายไปแล้ว ในเมื่อนายได้สังหารน้องชายของเขา ฉันก็คิดว่าเขาคงจะไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่าย ๆ” หยูลู่ซวนกล่าว
ในระหว่างช่วงเวลาที่วิกฤตหยูเจียงได้ทำการสะบัดมือออกไปอย่างรวดเร็ว ร่างของฮานหยูตงที่กำลังโกรธแค้นจึงหายไปจากตำแหน่งเดิมอย่างฉับพลัน และในตอนนี้มันก็ยังไม่มีใครรู้ว่าฮานหยูตงถูกส่งตัวไปที่ไหน
“นายจะไปกลัวอะไร? เมื่อไหร่ก็ตามที่เซี่ยเฟยกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการกลั่นพลังงาน ฮานหยูตงย่อมไม่กล้าที่จะทำอะไรกับเซี่ยเฟยอีกแล้ว” ดูบาร์กล่าวขึ้นมาอย่างกะทันหัน จากนั้นเขาก็ได้กล่าวติดตลกต่อไปว่า
“ฉันชอบนิสัยของเด็กคนนี้นะ อย่างน้อยเขาก็เป็นคนที่ลงมืออย่างเด็ดขาด ไม่ทราบว่าท่านผู้นำเห็นด้วยกับผมไหม?”
หยูเจียงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย และถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยชอบวิธีการของเซี่ยเฟยนัก แต่อย่างน้อยเขาก็ชื่นชอบชายหนุ่มคนนี้ที่ไม่ได้ขี้ขลาดเหมือนกับหยูฮัวที่ไม่เคยตัดสินใจอย่างเด็ดขาดได้เลยสักครั้ง
“เอาล่ะเซี่ยเฟย ท่านดูบาร์คิดว่านายเหมาะสมจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการกลั่นพลังงาน นายสนใจจะไปเป็นศิษย์ของเขาไหม?” หยูเจียงถาม
“ไม่สน” เซี่ยเฟยตอบกลับง่าย ๆ สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนที่กำลังรอฟังคำตอบของเขาอยู่เป็นอย่างมาก
***************