ตอนที่ 28 เลีย
ทะลุมิติมาสร้างสวนสัตว์ในฝัน ตอนที่ 28 เลีย
เฮยตันยังคงไม่พอใจกับแค่หู มันอ้าปากกว้างกว่าเดิมแล้วงับหัวของเซียวอวี่เข้าไปในปากของมันทั้งหัว
แม้ว่าภาพตรงหน้ามันจะดูน่ากลัวซักแค่ไหนแต่สําหรับสัตว์แล้ว สิ่งเหล่านี้คือเรื่องทั่วไปที่เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
กรงเล็กที่แหลมคมและฟันที่สามารถฉีกกระชากเนื้อของเหยื่อได้อย่างง่ายดาย เป็นอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกมันตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับเหยือหรือศัตรู
ทว่ากับเพื่อน พี่น้องหรือครอบครัวแล้ว อาวุธเหล่านั้นต่างไร้ซึ่งพิษภัยใดๆ เพราะนี่เป็นทักษะที่พวกมันได้รับในตอ นที่เล่นกันตอนเด็ก
เฮยตันจับหน้าผากของเซียวอวี่แล้วเลียตั้งของเธออย่างรักใคร่ คลอเคลียไปทั่วหน้าของเซียวอวี่
สัตว์นั้นไม่มีการใช้ภาษาที่ซับซ้อนแบบมนุษย์ นั่นทําให้การกระทําของพวกมันนับเป็นสิ่งที่สําคัญมากที่ใช้ในการสื่อสารกัน และการกระทําของเฮยตันก็แปลความหมายได้ว่า
ที่รัก! ผมรักคุณ!!
วันนี้อากาศดีมาก ดังนั้น เรามาจูบกันท่ามกลางแสงแดดเถอะ!
ดมกลิ่นปากของผม แล้วรับความคิดถึงของผมไปซะ!
ผมรักคุณ คุณรักผมไหม?
พวกเรามาเล่นกันไหม?
เมื่อถูกเยยทานขนาบข้างแบบไม่ห่างแบบนี้ ทําให้เซียวอวี่ได้แต่ก้มหัวลงแล้วปล่อยให้มันจับหน้าของเธอไปเรื่อยๆ
“ที่พวกเธอกําลังทําอะไรกันเนี่ย!?” ฟางเย่ที่เดินเข้ามาก็พบกับฉากบาดตาบาดใจ(?) แล้วรู้สึกอิจฉาขึ้นมาเล็กน้อย
พวกแกเป็นหมาป่า ไม่ได้หมายความว่าจะมารังแกหมาโสดแบบนี้ได้นะโว้ย!
เขาเดินเข้าไปในกรงทําให้เจ้าหมาป่าทั้ง 2 ที่กําลังสวีตกันอยู่หันมามอง
คนล้างกรงมาแล้ว!!
ความสัมพันธ์ของฟางเย่และหมาป่าทั้ง 2 นั้นค่อนข้างตื้นเขิน เพราะเขาทําเพียงแค่นําอาหารมาให้มันและทําความสะ อาดกรงให้แก่พวกมันเท่านั้น ยังดีที่พวกมันถูกเลี้ยงโดยผู้ดูแลตั้งแต่เด็ก ทําให้มันไม่ได้หวาดกลัวผู้คนมากนัก
เมื่อเห็นฟางเย่เดินเข้ามา เฮยตันก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อยแต่ก็ยังสะบัดหางอย่างร่าเริงแล้วเดินเข้ามาหาเขา
มันยืนตรงแล้วมองมาที่ตาเขา ทําตัวราวกับหมาน้อยที่แสนเชื่อง ลิ้นของมันเลียจมูกของตัวเองเป็นพักๆ ราวกับกําลังรออะไรอยู่
ผู้ดูแล คุณมีอาหารมาให้เหรอ?
ทว่าเซียวอวี่นั้นต่างออกไป เธอเพียงแค่มองมาอย่างห่างๆ แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีโมโหร้ายแต่อย่างใด
ฟางเยี่ยิ้มแล้วคิดกับตัวเองว่าวันนี้เขาจะต้องสร้างความสนิทสนมกับเจ้าสองตัวนี้ให้ได้ “ฉันเอาของเล่นมาให้!”
เขาค่อยๆ คุกเข่าลงไปให้ตัวของเขาอยู่ระดับสายตากับมัน
การพยายามสื่อสารกับหมาป่านั้น ขั้นตอนแรกคือการก้มตัวลงมาก่อน นั่นก็เพราะสัตว์จะตัดสินว่าสิ่งมีชีวิตใดที่เป็น ภัยต่อมันนั้นขึ้นอยู่กับร่างกายของสิ่งมีชีวิตตัวนั้นกับมัน
สิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่กว่านั้นอันตราย ทําให้พวกมันมักจะถอยออกไปแล้วสังเกตสถานการณ์มากกว่า
แม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตที่ดุร้ายเช่นเสือที่อาศัยอยู่ในป่า ก็ไม่โจมตีมนุษย์ตั้งแต่ครั้งแรก เพราะพวกมันจะคิดว่า
“เชี่ย! เจ้าตัวโตนั่นสูงตั้ง 180 เซนติเมตร แต่ฉันสูงแค่ 120 เซนติเมตรเอง! ตัวใหญ่ชิบ! น่ากลัว!!
เมื่อฟางเย่ก้มตัวลงมาให้อยู่ในระดับเดียวกับพวกมัน ก็จะเปลี่ยนจาก “ยักษ์' กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่พอๆ
ทําให้เขาในสายตาของเจ้าหมาป่าตัวใหญ่ดูเป็นมิตรมากกว่าเดิม
อีกทั้งการก้มตัวลงพร้อมกับคุกเข่า 1 ข้างก็เป็นการป้องกันไม่ให้เราล้มลงในขณะที่กําลังเล่นกับหมาป่าเหล่านี้ด้วย
ถ้าเล่นกันอยู่แล้วเขาเกิดล้มลง มันจะทําให้เจ้าหมาป่ารู้สึกว่าอันตรายจากคนตรงหน้านั้นต่ำมาก นั่นทําให้ต่อให้มัน
ไม่อยากโจมตีแต่ก็รู้สึกว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตอ่อนแอตรงหน้านั้นไม่เหมาะสมที่จะมาเป็นเพื่อนกับมัน
เฮยตันดมกลิ่นของเขา ในขณะที่เซียวอวี่ก็มองมาที่ฟางเย่ที่กําลังคุกเข่าอยู่อย่างสงสัย
ฟางเย่ยิ้มเมื่อพบว่าการผูกมิตรเจ้าหมาป่าทั้งสองนั้นประสบความสําเร็จในขั้นแรก เขาจึงเอื้อมมือออกไปลูบขนของเฮยตันอย่างอ่อนโยน
ขั้นต่อไปคือการใช้งานทักษะแรงดึงดูด
ตาของเฮยตันขยายขึ้นอย่างรวดเร็ว หางของมันสะบัดไปมาจนแทบจะกลายเป็นพัดลมขนาดย่อม มันมองมาที่ฟาง
เย่พร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยความตกใจ ราวกับกําลังจะบอกว่า
นายคือน้องชายที่พลัดพรากของฉันงั้นเหรอ!!?"
เฮยตันพุ่งเข้าสู่อ้อมแขนของฟางเย่แล้วลูบหัวของมันกับอกของฟางเย่อย่างรวดเร็ว แล้วในตอนนั้นเองที่มันก็เอาขา
หน้าทั้งสองข้างวางไว้บนไหล่ของฟางเย่
ขนของมันลูบกับผิวของฟางเย่และลิ้นยาวๆ ของมันก็เลียไปทั่วหน้าของเขา
เขาสามารถรู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นของเจ้าหมาป่าตัวใหญ่นี่เลย!
แต่เหมือนมันจะรู้สึกว่าวิธีการนี้มันจะไม่สามารถแสดงความรู้สึกของมันได้ดีพอ มันจึงใช้ลิ้นของมันเลียไปที่
ปากของฟางเย่แล้วพยายามเปิดปากของเขา
แม้ว่ามันจะดูแปลก แต่มันคือวิธีที่หมาป่าใช้ในการทักทายและสิ่งนี้เกิดขึ้นในทุกๆ วันของพวกมัน
สําหรับหมาป่าแล้ว นี่ไม่เพียงแต่วิธีการแสดงความเป็นมิตรและมารยาทของหมาป่าเท่านั้น แต่การเลียให้
พวกของมันก็เป็นการรับรู้ข้อมูลต่างๆ จากเพื่อนของมันไม่ว่าจะเป็นมันกินอะไรมา เพื่อนของมันป่วยหรือเปล่า? รวมถึงรับรู้ ว่าความสัมพันธ์ของหมาป่าในฝูงเป็นอย่างไร
เนื่องจากหมาป่าเป็นเหมือนบรรพบุรุษของหมาบ้าน ทําให้ลักษณะนิสัยดังกล่าวได้สืบทอดต่อๆ กันมาอีกด้วย
เหล่าคนรักหมาต่างรู้ว่าพวกมันชอบมาเลียปากและเลียหน้าของเจ้าของ ซึ่งนี่เป็นวิธีการแสดงความรักในแบบของพวกมัน
แน่นอนว่าเจ้าของหลายคนก็ไม่ได้ชอบนิสัยดังกล่าวของพวกมันนัก ยิ่งนึกถึงตอนที่พวกมันไปกินน้ำจากในส้วมมา
แล้ว....
“เฮยตัน... แกดูคึกดีนะ” แม้ว่าฟางเย่จะไม่ชอบแต่เขาก็ยังคงให้มันเลียต่อไป เพราะนี่เป็นวิธีที่จะทําให้เขาได้เป็น เพื่อนกับเจ้าหมาป่า
ถ้าเขาดันเฮยตันที่กําลังแสดงความเป็นมิตรออกไป ก็จะทําให้มันรู้สึกเศร้าใจ อีกทั้งยังจะทําให้มันรู้สึกว่ามัน
แสดงความรักต่อคุณแต่คุณกลับปฏิเสธมัน
เซียวอวี่วิ่งเหยาะๆ เข้ามาพร้อมกับแยกเขี้ยวที่แหลมคมของมันออกมา ดวงตาของเธอหรี่แคบราวกับใบมีดแล้วมอง
ไปที่เฮยตันอย่างดุร้าย พร้อมกับส่งเสียงขู่ออกมา
“นี่นายไม่รู้กฎไง!!
หมาป่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใช้ชีวิตร่วมกันเป็นสังคม
ในฝูงของหมาป่า จะมีการแบ่งลําดับชั้นของหมาป่าอย่างชัดเจน และแม้หมาป่า 2 ตัวก็มีการแบ่งลําดับชั้นไม่ต่างกัน
แม้ว่าเฮยตันจะเป็นหมาป่าเพศผู้ที่แข็งแรงกว่า แต่นิสัยของมันค่อนข้างอ่อนโยน
ทําให้ในหมาป่าทั้ง 2 ตัวนั้น เซียวอวี่จึงเป็นผู้ที่มีลําดับชั้นสูงกว่า
นั่นทําให้การทักทายเจ้าสิ่งมีชีวิตตรงหน้า เซียวอวี่จะต้องเป็นคนที่ได้ทักทายก่อนที่เฮยตันจะมาหากับเขาได้
เฮยตันหันมามองเซียวอวี่อย่างน่าสงสาร แต่ก็ยังคงเชื่อฟังภรรยาของตัวเองแล้วส่งเสียงร้องเบาๆ อย่างน่าสงสาร
มันเอาขาทั้ง 2 ข้างลงจากไหล่ของฟางเย่แล้วเดินมาอยู่ข้างๆ เซียวอวี่พร้อมกับหูและหางที่ลู่ลงติดกับพื้น
ฟางเย่ก็เลิกเล่นกับเฮยตัน เพื่อแสดงความคํารพในลําดับชั้นในหมู่หมาป่าทั้ง 2
เจ้าหนุ่มนี่ฉลาดไม่เบา
เซียวอวี่มองไปที่ฟางเย่อย่างพึงพอใจ จากนั้นเหมือนกับภาพย้อนที่เขาพึ่งโดนเลียหน้าจนแฉะไปเมื่อครู่
แผล็บ! แผล็บ! แผล็บ! แผล็บ! แผล็บ!
ฟางเย่กอดเซียวอวี่อย่างอ่อนโยนแล้วลูบขนของเธอเบา ๆ
“เด็กดี...พอได้แล้ว!” หลังจากที่การทักทายเสร็จสิ้น เจ้าหมาป่าทั้งสองก็ล้มตัวลงนอนอยู่ข้างตัวของฟางเย่พร้อมกับหลับตาพร้อมอย่างสบายใจ
พวกมันได้นับฟางเย่เป็นพวกแล้ว ทําให้การแสดงออกของพวกมันเต็มไปด้วยความผ่อนคลาย
ฟางเย่ก็นั่งอยู่กับพวกมันอย่างมีความสุข แต่เขาก็ยังไม่ลืมของขวัญที่เขาเตรียมมา!