1071 - ล่อเสือออกจากถ้ำ
1071 - ล่อเสือออกจากถ้ำ
ในภูเขาลึกของภูเขามีเสียงกรีดร้องของสัตว์อสูรโหยหวนดังขึ้นอยู่ตลอดเวลา บนท้องฟ้ามีการเคลื่อนไหวของสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งมากมาย ไม่ว่าจะเป็นมังกรวารี หรือแม้กระทั่งทายาทของหงส์เพลิง
นี่คือที่อยู่อาศัยของชนเผ่าคนเถื่อน มันถูกซ่อนอยู่ในส่วนลึกของดินแดนหนานหลิง สิ่งมีชีวิตที่พวกเขาเผชิญหน้านั้นน่ากลัวและทรงพลังอย่างยิ่ง และด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงได้พัฒนาร่างกายที่สามารถต่อสู้เพื่อชนเผ่าของตัวเอง
เด็กเล็กและคนชราจำนวนมากรวมตัวกันรอบกองไฟและเพลิดเพลินกับเนื้อเผิงสีทองที่หอมกรุ่นบนเตาย่าง เพียงอาหารของพวกเขาก็สามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าชนเผ่านี้ทรงพลังมากเพียงใด
เย่ฟ่านนั่งกับกลุ่มผู้อาวุโสคนเถื่อนและพูดคุยเรื่องสำคัญของการส่งทหารไปเป่ยหยวน ทั้งสองฝ่ายพูดคุยกันอย่างชื่นมื่น ในบางครั้งก็ดื่มสุราพร้อมกับเสียงหัวเราะ
ผู้อาวุโสคนเถื่อนกำลังดื่มอย่างมีความสุข เขาฉีกเนื้อบนตะแกรงด้วยมือข้างหนึ่งและโบกไม้ใหญ่ด้วยอีกมือหนึ่งพร้อมกับวางแผนจะโจมตีตระกูลหวังอย่างไร
“พี่เย่ไม่อยากเชื่อเลยว่าสหายของเจ้าจะเติบโตขึ้นมาด้วยการกินของแบบนี้!”
หลี่เทียนฉีกเนื้อเผิงสีทองแวววาวชิ้นใหญ่ออกมา พร้อมกับดื่มสุราคำใหญ่ ร่างกายของเขาเบาสบายราวกับจะลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า
“เนื้อของนกชนิดนี้อร่อยจริงๆ ข้าหวังว่าจะได้อาศัยอยู่ในเผ่าของเจ้าตลอดไป” หลี่เทียนเช็ดปาก
ในระยะไกล ลุงห้าในหมู่บ้านโบราณและกลุ่มชายชราในเผ่ากำลังดื่มสุรากันอย่างสนุกสนาน หัวเราะอีกครั้งได้กล่าวว่า
“ข้าคิดถึงเหตุการณ์ตอนที่เราเป็นเด็กจริงๆ ตอนที่ข้าอายุห้าขวบข้าไปปีนหน้าผาเพื่อขโมยไข่นกเผิงและเกือบถูกแม่มันฆ่าตาย โชคดีที่กระโดดลงมาจากหน้าผาแล้วรอดชีวิต”
“การขโมยไข่ของนกเผิงมันเป็นประสบการณ์ที่น่าอิจฉาจริงๆ” หลี่เทียนรู้สึกอิจฉาอย่างรุนแรง
“พี่ชายของข้าชอบจับมังกร เมื่อก่อนเราเป็นหนุ่มพวกเรากระโดดลงไปในน้ำเพื่อจับมังกรวารีขึ้นมา นั่นเป็นกิจกรรมที่สนุกสนานมากที่สุด” ตงฟางม่านกล่าว
“คนเหล่านี้คือใคร? ปีนขึ้นไปบนหน้าผาเพื่อขโมยไข่เผิง กระโดดลงไปในน้ำเพื่อจับมังกรวารี ดูเหมือนเจ้าจะนิสัยเสียตั้งแต่เด็กแล้ว” หลี่เทียนอิจฉาจนต้องแค่นเสียงออกมาเบาๆ
“อ๊า...”
ไม่ไกลนัก มีเด็กหนุ่มกลุ่มใหญ่วิ่งเข้ามาในทิศทางนี้ บนหลังของพวกเขาคือสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งมากมายซึ่งถูกล่าได้
“มีเนื้อเผิงให้กินอีกแล้ว โอ้ เนื้อเจียวพวกเราก็มี!”
เด็กกลุ่มนั้นกระโดดโลดเต้นพร้อมกับโยนสัตว์อสูรที่พวกเขาล่าได้ลงพื้น
“โฮก…”
ด้วยเสียงคำรามที่ดังก้อง ภูเขาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พร้อมกับเงาสีทองที่ปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้า มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะคล้ายมังกร มีปีกขนาดใหญ่อยู่บนหลัง
“นี่มันสัตว์อสูรประเภทไหนกัน!” หลี่เทียนแทบจะขว้างไหสุราลงพื้นและวิ่งหนีไป
“มันเป็นกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวมาก สิ่งมีชีวิตชนิดนี้ดูเหมือนจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าครึ่งเซียนระดับสูงสุดด้วย” เอี๋ยนอี้ซีรู้สึกหวาดกลัวเช่นกัน
แม้แต่สีหน้าของเย่ฟ่านก็ยังเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อมองเห็นมังกรขนาดใหญ่บนท้องฟ้า
“ไม่ต้องกังวลนี่เป็นผู้พิทักษ์อาวุโสของเผ่าเรา ท่านได้รับการเลี้ยงดูโดยบรรพชนในอดีต ตอนนี้น่าจะมีอายุมากกว่าสามพันปีแล้ว”
แม้ว่ามังกรตัวนี้จะไม่ใช่มังกรฟ้าจริงๆ แต่มันก็เป็นมังกรชราที่มีอายุกว่าสามพันเก้าร้อยปีแล้ว
เวลาช่างไร้ความปรานี ปรมาจารย์ผู้เฒ่าซึ่งเป็นเจ้าของของมันตายไปตั้งแต่เมื่อสองพันปีก่อน แต่อสูรตัวนี้ยังคงปกป้องชนเผ่าคนเถื่อนมานานกว่าสองพันปี
“นี่คือผู้ยิ่งใหญ่ตัวจริง หากเจ้าสาระเลวหยินเทียนเต๋อกล้าที่จะไล่ตามมาถึงที่นี่ เราก็แค่ให้ผู้อาวุโสมังกรตัวนี้กัดเขาให้ตายก็พอ!” หลี่เทียนกล่าว
จากนั้นเขาก็เริ่มออกสำรวจหมู่บ้านเผื่อว่าจะมีมังกรอีกหลายตัว
ตงฟางม่านหัวเราะอย่างเปิดเผยและกล่าวว่า “เจ้ากำลังมองหาผู้พิทักษ์อาวุโสอีกหรือ มีอีกตัวอยู่ตรงนั้น” เขาชี้ไปที่สระน้ำข้างหน้าภูเขาซึ่งมีก้อนหินสีดำยาวหลายร้อยวาวางอยู่
“เต่าดำ!”
เย่ฟ่านประหลาดใจเป็นอย่างมาก ก้อนหินสีดำขนาดใหญ่นั้นหากมองดูดีๆจะเห็นได้ชัดเจนว่ามันเป็นกระดองเต่าที่ฝังอยู่ในดิน
“นี่คือผู้พิทักษ์ของเผ่าเราที่มีอายุมากที่สุด ในความเป็นจริงท่านมีอายุถึงแปดพันปีแล้ว” ตงฟางม่านกล่าว
หลี่เทียนสงสัยแล้วกระซิบ “เจ้าสิ่งนี้ตัวใหญ่เกินไป บางทีแกนอสูรของมันอาจทำให้พวกเรากลายเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะได้เลย?”
ตงฟางม่านกระซิบ “อย่ากล่าวไร้สาระ นี่คือผู้พิทักษ์อาวุโสที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าเรา หากให้ท่านผู้เฒ่าโมโหขึ้นมาเกรงว่าแม้แต่บิดาของเจ้ายังเอาตัวรอดไม่ได้ ผู้พิทักษ์อาวุโสเต่าดำนี้ได้รับการเลี้ยงดูจากบรรพชนผู้เฒ่า มีตำนานกล่าวไว้ว่านี่คือทายาทของจักรพรรดิอสูรผู้ยิ่งใหญ่อีกคน”
“หมายความว่าอย่างไร” แม้แต่เย่ฟ่านก็ยังสนใจ
ผู้อาวุโสคนเถื่อนกล่าวว่า “บรรพชนผู้เฒ่ากล่าวไว้ว่าในอดีตมีอสูรผู้ยิ่งใหญ่อยู่สิบตัวซึ่งมีความแข็งแกร่งในระดับจักรวรรดิผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสิ้น และบรรพชนของผู้พิทักษ์เต่าดำก็เป็นหนึ่งในอสูรผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้น”
“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!” เอี๋ยนอี้ซีก็เกิดความสนใจในเรื่องนี้เช่นกัน
“เรื่องนี้เราก็ไม่แน่ใจเช่นกัน เพราะลักษณะของผู้พิทักษ์เต่าดำมีความคล้ายคลึงกับสิ่งมีชีวิตในตำนานตัวนั้นอย่างยิ่ง ดังนั้นบรรพชนผู้เฒ่าจึงบอกให้เราดูแลผู้พิทักษ์เต่าดำให้ดีที่สุด”
หลังจากนั้นไม่นาน เย่ฟ่านและคนอื่นๆ ก็ได้ยินเสียงคำรามของเสือ ใบไม้ที่ปกคลุมดินแดนแห่งนี้ปลิวว่อน จากนั้นเสือขาวที่มีความแก่ชราอย่างยิ่งก็ปรากฏตัวออกมา
แน่นอนว่าเสือขาวตัวนี้ก็เป็นผู้พิทักษ์อาวุโสของเผ่าคนเถื่อนเช่นกัน มันถูกเลี้ยงดูโดยบรรพชนผู้ล่วงลับไปแล้ว เสือตัวนี้มีโอกาสได้เรียนทักษะการต่อสู้ของมนุษย์ นั่นทำให้มันเกือบจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตอมตะและมีอายุถึงสามพันห้าร้อยปี
ในตอนแรกเย่ฟ่านคิดว่านี่เป็นเพียงชนเผ่าโบราณแห่งหนึ่งเท่านั้น และการที่ตงฟางเย่มีความแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ก็เพราะเขาเป็นตัวประหลาดเท่านั้น
แต่เมื่อเย่ฟ่านมีโอกาสได้เข้ามาสัมผัสจริงๆ เขาจึงรู้ว่าผู้คนที่อยู่ในชนเผ่านี้ล้วนเป็นตัวประหลาดทั้งสิ้น
ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเย่ฟ่านได้พูดคุยกับเหล่าผู้อาวุโสและวางแผนที่จะหลอกล่อศัตรูเข้าสู่หนานหลิง ในขณะที่พวกเขายกกำลังเข้าไปในเป่ยหยวน
…
“ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณจงออกมาคุกเข่ายอมรับความตาย!”
ในวันนี้มีใครบางคนปรากฏตัวในเมืองจักรพรรดิ ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองใหญ่ที่สุดของหนานหลิงพร้อมกับประกาศท้าเย่ฟ่าน
“ในที่สุดก็มีคนมาแล้ว?”
เย่ฟ่านรู้ดีว่าในช่วงเวลานี้จะมีศัตรูหลั่งไหลเข้ามาเรื่อยๆ แน่นอนว่าทุกอย่างดำเนินไปตามแผนของเขา
“พวกเราจะเข้าสู่เป่ยหยวนแล้ว เหตุใดเจ้าต้องทำตัวไร้สาระที่นี่ นั่นก็แค่เด็กน้อยคนหนึ่งปล่อยให้มันร่ำร้องไปคนเดียวก็พอแล้ว” เอี๋ยนอี้ซีถาม
“ข้าแค่ต้องการให้สายตาของคนทั้งโลกจับจ้องอยู่ที่หนานหลิงให้ศัตรูทั้งหมดหลั่งไหลมาที่นี่ เรื่องอื่นข้าไม่สนใจ” เย่ฟ่านกล่าว
เขากำลังจะบุกเป่ยหยวน และเขาต้องการให้ศัตรูทั้งหมดส่งกำลังเข้าสู่หนานหลิง
“ร่างศักดิ์สิทธิ์เซียนโบราณออกมารับความตาย!”
นี่คือเสียงร้องที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งของชายหนุ่ม เขาเดินทางไปทั่วเมืองขนาดใหญ่ในหนานหลิงและส่งเสียงร่ำร้องอยู่ตลอดเวลา
“ไอ้สารเลวคนไหนกล้าส่งเสียงร่ำร้องอยู่ที่นี่”
หลี่เทียนมีสีหน้ามืดมน เขาประกาศว่าจะไปหยิบหัวเจ้าหนูนั่นมาให้เย่ฟ่านเอง
หนานหลิงเต็มไปด้วยเสียงอึกทึก และทุกคนในโลกมุ่งความสนใจไปที่เมืองจักรพรรดิโดยอยากรู้ว่าเหตุการณ์ต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่จะเกิดขึ้นอีกครั้งหรือไม่
ตามที่คาดไว้ เด็กน้อยคนนั้นเป็นสมาชิกของตระกูลหวังในเป่ยหยวน เขามีนามว่าหวังเฉิงเทียน
นี่คือชายหนุ่มที่มีอายุเพียงสามสิบปีแต่กลับเป็นปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงสุดแล้ว พรสวรรค์ของเขาเพียงเป็นรองหวังเถิงเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ประมุขตระกูลของพวกเขาถูกเย่ฟ่านสังหารอย่างโหดร้าย การที่หวังเฉิงคุนถูกตัดศรีษะต่อหน้าผู้คนจำนวนมากทำให้ตระกูลหวังได้รับความอับอายอย่างยิ่ง
ดังนั้นวันนี้หวังเฉิงเทียนจึงเข้าสู่หนานหลิงเพื่อชำระความอัปยศ