ตอนที่ 80 ลูกหมาสิบตัว
ตอนที่ 80 ลูกหมาสิบตัว
ดูเหมือนว่าวิสัยทัศน์ที่มีต่อโลกนี้จะถูกทำลายลงด้วยความสามารถของซู่เฮาเที่ยน เขากำลังพูดคุยและหัวเราะออกมาอย่างไม่สนใจสิ่งใดๆรอบตัว เพราะทุกสิ่งที่เขาทำนั้นไม่มีใครสามารถห้ามเขาได้
ซึ่งปกติแล้วคนประเภทนี้ถือว่าเป็นผู้ที่ละเมิดกฎและควรจะถูกกำจัดโดยนิกายหรือตระกูลที่เป็นศัตรู
แต่ในตอนนี้ตระกูลซู่นั้นก็ไม่ต่างอะไรกับข้ารับใช้ของซู่เฮาเที่ยน ทุกสิ่งที่ซู่เฮาเที่ยนทำนั้นไม่ผิดกฎใดๆของตระกูลเลยแม้แต่น้อย แม้แต่ผู้อาวุโสเองก็ต้องตามใจเขาเช่นกัน
เมื่อมองไปที่สมาชิกตระกูลซู่คนอื่นๆ ใบหน้าของพวกเขาก็ดูสงบผิดปกติ ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรผิดปกติกับพฤติกรรมที่แหกกฎของซู่เฮาเที่ยนแม้แต่น้อย
“ตระกูลซู่นั้นเป็นตระกูลที่แปลกประหลาดจริงๆ”
ทุกคนต่างก็คิดแบบนี้อยู่ในใจ แต่ถ้าหากพวกเขารู้ถึงพลังของซู่เฮาเที่ยนในตอนนี้อยู่เกินกว่าขอบเขตของตระกูลซู่ พวกเขาจะไม่รู้สึกเหลือเชื่อ แต่รู้สึกตกใจแทนมากกว่า..
บางคนก็อารมณ์ดีในขณะที่บางคนก็รู้สึกกังวล แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในค่ำคืนและผ่านค่ำคืนนี้ไปได้อย่างสงบ
เช้าวันรุ่งขึ้น สายลมอ่อนๆได้พัดและดวงอาทิตย์ก็ส่องแสงเจิดจ้า ผู้นำหน่วยเสือดาวจึงได้จัดทีมใหม่อย่างจริงจังและออกเดินทางต่อไป
ตามการคาดการณ์ของผู้อาวุโสซู่เฉิงเฟิงนั้น พวกเขาจะใช้เวลาประมาณสิบวันกว่าที่ทีมของพวกเขาจะไปถึงเมืองซินโจวซึ่งเป็นที่ตั้งของตระกูลเป๋ย ซึ่งเป็นตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในอาณาจักรเที่ยนซวน ในช่วงเวลานี้พวกเขาไม่จำเป็นต้องผ่านเมืองที่ตระกูลซุนตั้งอยู่และเดินทางอ้อมเมืองนั้นไปได้
เมื่อถึงเวลาใกล้เที่ยงทีมของพวกเขาก็มาถึงหุบเขาแห่งหนึ่งซึ่งมีทางที่ไม่กว้างมากนักและคดเคี้ยวเข้าไปในหุบเขาลึก
“หยุดก่อน เปลี่ยนขบวนเป็นรูปแบบป้องกันขั้นต้นเดี๋ยวนี้!”
ผู้นำหน่วยเสือดาวนั้นตรวจพบความผิดปกติเป็นครั้งแรกผ่านการรับรู้อันเฉียบแหลมของเขา และการออกคำสั่งป้องกันขบวนรถม้าทั้งหมดทันที
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าด้วยพลังของผู้พิทักษ์เหล่านี้ สิ่งที่เรียกว่าหน่วยทหารนั้นไม่สามารถป้องกันอะไรพวกเขาได้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ต้องทำ เพราะมันคือหน้าที่ของเขา
รถม้าทั้งหมดหยุดเดินทางก่อนที่ซู่เฉิงเฟิงและซู่ขลุ่งซึ่งเป็นสมาชิกในตระกูลซู่สองคนจะขี่ม้าไปด้านหน้าของทีมและมองไปข้างหน้า
พวกเขาเห็นผู้ฝึกตนกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้นในหุบเขาแห่งนี้
ทั้งสิบคนนั้นมีดวงตาที่เฉียบคม ใบหน้าของพวกเขานิ่งสงบ ออร่าพลังของพวกเขานั้นน่ากลัวเล็กน้อย ซึ่งพวกเขาทั้งหมดนั้นอยู่ในระดับผู้ใช้พลังจิตวิญญาณปฐพีขั้นที่ 9 !!
พวกมันเป็นใครกันน่ะ!?
เมื่อทุกคนได้เห็นแบบนี้ สีหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความกังวล
“พวกตระกูลซู่ทั้งหลาย ข้าขอถามหน่อยว่าในกลุ่มพวกเจ้าใครคือ ซู่เฮาเที่ยน!?”
ทั้งสิบคนนั้นเดินไปที่ด้านหน้าขบวนและยืนนิ่ง หนึ่งในผู้นำของกลุ่มนั้นก้าวไปข้างหน้าและเหลือบมองทุกคนก่อนที่จะพูดอย่างนิ่งเฉย
“อะไรกัน ก็แค่นายน้อยจากตระกูลเล็กๆไม่ใช่รึ? ทำไมท่านผู้อาวุโสถึงได้ส่งหน่วยลับมาตั้งสิบคนแบบนี้ มันไม่เกินความจำเป็นไปหน่อยหรือยังไงกันนะ?”
ชายที่เดินเข้ามานั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่คิดไม่เข้าใจเล็กน้อย
“นายท่าน ดูเหมือนว่าจะมีคนมาตามหาท่านนะ”
หลี่กุยรู้สึกตื่นเต้น ส่วนซู่เฮาเที่ยนนั้นรู้สึกสงสัยว่ากลุ่มคนทั้งสิบนี้มาจากที่ไหนกัน?
“ไอ้พวกสุนัขรับใช้ทั้งหลาย พวกเจ้ามาจากที่ไหนกัน?”
ซู่เฮาเที่ยนเดินออกจากรถม้าช้าๆตามด้วยไป๋ซู่เจิน จือเสีย และ เฉินเจินหนาน
“โอหังนัก พวกข้าคือผู้พิทักษ์จากตระกูลเป๋ย ข้ามาที่นี่เพื่อจะฆ่าเจ้าไงล่ะไอ้หนู!!”
“อ้อ งั้นรึ ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าก็คงเป็นหมาบ้าจากตระกูลเป๋ยสินะ?”
เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายถูกส่งมาจากตระกูลเป๋ย ดวงตาของซู่เฮาเที่ยนก็ส่องประกายอย่างรวดเร็ว ความทรงจำที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่นเป็นเวลานานค่อยๆปรากฎขึ้นมาจากส่วนลึกในสมองของเขาในตอนนี้
แม่ของเขา ซึ่งอาจเป็นแม่ของเจ้าของร่างนี้ถูกแม่ของซู่ซงสังหาร ซึ่งเป็นผู้หญิงจากตระกูลเป๋ยโดยที่ไร้ความผิดใดๆ
ความเกลียดชังที่ไม่อาจลืมได้นี้ถูกฝังรากลึกมาเป็นเวลานาน และไม่มีทางแก้ไขความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองตระกูลได้อีกต่อไป
“ฆ่ามันซะหลี่กุย!”
ซู่เฮาเที่ยนขี้เกียจเกินกว่าจะพูดอะไรอีกและออกคำสั่งกับหลี่กุยทันที
“ก็แค่พวกหมาบ้าฝูงหนึ่ง ฆ่ามันซะ!”
สิงโตเก้าหัวเดินเข้ามาหาซู่เฮาเที่ยนและพูดเบา ๆ
แม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่ค่อยได้ลงมือมากนัก แต่เขาก็ยังมีความสุขที่ได้เห็นความแข็งแกร่งอย่างลี่กุย ยิ่งเห็นมากเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น เพราะซู่เฮาเที่ยนมักจะทำอะไรที่เขาคาดไม่ถึงอยู่ตลอด
“ฮ่าๆๆ ไอ้พวกลูกหมา ได้เวลาจัดการกับพวกเจ้าทั้งหมดแล้ว!!”
หลี่กุยดึงขวานออกมาแล้วเดินไปหาชายคนนั้นด้วยรอยยิ้ม