ตอนที่ 521 นักสู้ผู้ใช้กฎระดับนักรบขั้นที่ 2
ตอนที่ 521 นักสู้ผู้ใช้กฎระดับนักรบขั้นที่ 2
ในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังเดินทางกลับ เขาก็ได้พบกับแววตาที่เต็มไปด้วยความสับสนกำลังจ้องมองมาทางเขาเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน
จักรวาลนี้ทุกสิ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เพราะเมื่อไม่กี่นาทีก่อนเกือบทุกสายตาที่จ้องมองมาทางเขาต่างก็ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยความดูถูก แต่เมื่อเขาได้แสดงพลังของกฎออกไป สายตาพวกนี้กลับถูกแทนที่ด้วยความสงสัยและความอยากรู้อยากเห็น
เด็กฝึกเกือบทุกคนเชื่อว่าเซี่ยเฟยน่าจะได้รับการดูแลเป็นพิเศษ หรือไม่เขาก็แค่โชคดีที่สามารถเรียนรู้กฎแห่งมิติได้อย่างรวดเร็ว แต่ทุกสายตาที่กำลังจ้องมองมาไม่มีใครคิดเลยว่าเบื้องหลังความสำเร็จเต็มไปด้วยความพยายามอย่างบ้าคลั่ง
“เยี่ยมไปเลย! สมแล้วที่ครั้งหนึ่งคุณเคยเป็นวีรบุรุษของพันธมิตร แม้แต่ดินแดนของผู้ใช้กฎก็ไม่สามารถที่จะหยุดยั้งพรสวรรค์ของคุณเอาไว้ได้ ฉันรู้อยู่แล้วว่าสักวันหนึ่งคุณจะต้องประสบความสำเร็จ” จูลี่ตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นเต้นเมื่อได้เห็นว่าเซี่ยเฟยสามารถใช้พลังของกฎแห่งมิติออกมาได้จริง ๆ
เซี่ยเฟยพูดอะไรไม่ออก เขาจึงทำได้เพียงแค่พยักหน้าให้กับเธอเท่านั้น
ท้ายที่สุดผลลัพธ์ของการต่อสู้ก็ยังคงทำให้เขารู้สึกประหลาดใจมาก เพราะในตอนนั้นเขาแค่พยายามนำพลังจากกฎแห่งความโกลาหลมาใช้งานเพียงแค่เล็กน้อย แต่มันกลับสร้างพลังทำลายล้างที่ทำให้แม้แต่ตัวของเขาเองก็ยังรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
ในเวลาเดียวกันนั้นคอปเปอร์ก็ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาเซี่ยเฟยอย่างช้า ๆ จูลี่จึงส่งรอยยิ้มให้เซี่ยเฟยเป็นการอำลาก่อนที่เธอจะรีบเดินจากไป
“นี่นายฟื้นฟูพื้นที่สมองส่วนที่ 7 กลับมาได้แล้วงั้นเหรอ?” คอปเปอร์กล่าวถามอย่างประหลาดใจ
เซี่ยเฟยพยักหน้าเป็นการตอบรับ
“ฉันได้ยินข่าวนี้พอดีตอนที่ฉันกำลังจะไป ฉันเลยตัดสินใจเดินทางมาหานายก่อน”
“คุณกำลังจะไปไหนเหรอครับ? คุณไม่ต้องสอนเด็กฝึกที่นี่แล้วเหรอ?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
“ฉันถูกส่งตัวไปที่เกาะอสรพิษพิทักษ์ ถ้าหากว่าฉันโชคดีฉันก็น่าจะได้กลับมาในอีก 4-5 ปีล่ะมั้ง” คอปเปอร์กล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็จำคำพูดของดูบาร์ได้ที่เขาขู่จะส่งคอปเปอร์ไปยังเกาะอสรพิษพิทักษ์ เบื้องหลังของเรื่องนี้ย่อมจะต้องเป็นฝีมือของชายอ้วนคนนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
เซี่ยเฟยไม่สามารถที่จะทนรับได้เมื่อต้องเห็นคอปเปอร์ที่พยายามช่วยเหลือเขา แต่ต้องถูกลงโทษแบบนี้
“นายไม่ต้องกังวลเรื่องของฉันหรอก ถึงแม้ว่าเกาะอสรพิษพิทักษ์จะเป็นสถานที่ที่อันตราย แต่มันก็เป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการฝึกฝนด้วยเหมือนกัน ในที่สุดฉันก็ได้รับโอกาสในการพัฒนาฝีมือของตัวเองแล้ว”
“หลังจากที่ฉันออกเดินทางนายจะต้องจำเอาไว้ว่าอย่าพยายามทำตัวเป็นศัตรูของท่านดูบาร์อย่างเด็ดขาด ท้ายที่สุดนักสู้ทุกคนต่างก็จำเป็นจะต้องพึ่งพาคริสตัลต้นกำเนิด และมันย่อมไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่นายจะไปทำให้ปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญการกลั่นพลังงานรู้สึกโกรธ” คอปเปอร์กล่าว
“ผมสัญญาว่าช่วงนี้ผมจะไม่ทำอะไรบุ่มบ่าม” เซี่ยเฟยกล่าวตอบกลับไปเบา ๆ
คอปเปอร์ทำได้เพียงแค่พยักหน้ารับ เพราะหลังจากที่เขาได้ไปหาข้อมูลของเซี่ยเฟยมา เขาก็ได้พบว่าชายหนุ่มคนนี้มักที่จะลงมือตอบโต้ผู้ที่ทำให้เขารู้สึกขุ่นเคืองอยู่เสมอ ดังนั้นไม่ว่าเขาจะพูดอะไรแต่ท้ายที่สุดเซี่ยเฟยก็จะยังคงตัดสินใจด้วยตัวเองอยู่ดี
“ตอนนี้นายได้กลายเป็นนักรบผู้ใช้กฎแล้ว นายวางแผนอนาคตไว้ว่ายังไงบ้างล่ะ?” คอปเปอร์ถาม
“ผมก็คงจะต้องพยายามฝึกฝนเพื่อพัฒนาตัวเองให้กลายเป็นนักรบผู้ใช้กฎระดับสูงให้ได้โดยเร็วที่สุด” เซี่ยเฟยกล่าว
“นายตั้งเป้าว่าจะพัฒนาไปไกลขนาดไหน?”
“มันก็แล้วแต่ว่าขั้นสูงสุดของผู้ใช้กฎอยู่ตรงไหน ผมก็ตั้งเป้าเอาไว้ตรงนั้นนั่นแหละครับ”
“ฮ่า ๆ ๆ นายช่างเป็นพวกทะเยอทะยานซะจริง ๆ ฉันหวังว่าสักวันหนึ่งนายจะกลายเป็นผู้ใช้กฎระดับเทพได้นะ” คอปเปอร์หัวเราะขึ้นมาเสียงดังพร้อมกับตบไหล่เซี่ยเฟยอย่างแรง จากนั้นเขาก็อธิบายต่อไปว่า
“ตอนนี้นายยังเป็นเพียงแค่นักสู้ผู้ใช้กฎระดับนักรบขั้นต่ำ เหนือกว่านั้นก็ยังมีนักสู้ผู้ใช้กฎระดับอัศวินและระดับราชา หากตามขั้นตอนปกตินายจะต้องผ่านการประเมินให้ได้เสียก่อน ก่อนที่นายจะถูกยอมรับว่าเป็นผู้ใช้กฎระดับนักรบอย่างเป็นทางการ และนายก็จะได้ค่าตอบแทนรายเดือนเพิ่มจาก 3 คริสตัลม่วงเป็น 10 คริสตัลม่วง”
“สำหรับนักสู้ผู้ใช้กฎทุกคนพลังงานต้นกำเนิดคือสิ่งที่สำคัญมาก ดังนั้นการได้รับคริสตัลต้นกำเนิดเพิ่มอีกเพียงแค่ 2-3 ก้อนก็ถือว่าเป็นผลประโยชน์ต่อพวกเราในระดับที่สูงมากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นวิชาการต่อสู้โดยใช้พลังของกฎก็เป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับพวกเรามากเช่นกัน หลังจากนี้นายก็คงจะได้เข้าไปในแอ่งน้ำของตระกูลหยูเพื่อเลือกวิชาเริ่มต้นที่เหมาะสมกับนาย”
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างประทับใจ เพราะถึงแม้ว่าคอปเปอร์กำลังจะจากไป แต่ชายคนนี้ก็ยังคงอธิบายรายละเอียดต่าง ๆ ให้กับเขาอยู่เหมือนเดิม
ยิ่งคอปเปอร์แสดงความเป็นห่วงออกมาแบบนี้ มันก็ยิ่งทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกเกลียดดูบาร์มากขึ้นกว่าเดิม เพราะชายแก่คนนั้นได้ใช้อำนาจของตัวเองรังแกครูฝึกตัวน้อย ๆ อย่างน่ารังเกียจ
กว่าที่เซี่ยเฟยจะทันได้รู้ตัวเขากับคอปเปอร์ก็ได้เดินทางมาจนถึงหอพักของเขาแล้ว
“เอาล่ะ สองเรื่องสุดท้ายที่ฉันอยากจะแนะนำนายเอาไว้ เท่าที่ฉันได้ลองสังเกตนิสัยของนายมาฉันรู้สึกว่านายน่าจะเหมาะสมกับวิชาการต่อสู้ที่เรียบง่ายแต่ให้ผลลัพธ์ที่รุนแรง ท้ายที่สุดนิสัยของนายก็ยังคงความบ้าคลั่งเอาไว้ แล้ววิชาแบบนั้นก็น่าจะช่วยให้นายสามารถแสดงพลังออกมาได้มากที่สุด”
“เรื่องนี้เขาพูดถูก แม้ว่าในวันปกตินายจะดูยิ้มแย้มแต่ในวันที่ไม่ปกตินายก็เป็นนักสู้ที่บ้าพลังจริง ๆ” อันธแอบพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับคำแนะนำของคอปเปอร์
เซี่ยเฟยแอบกรอกตาไปให้วิญญาณนักฆ่า เพราะคำพูดของอันธฟังดูไม่เหมือนคำชมสำหรับเขาเลย
“อีกเรื่องคือเรื่องพลังพิเศษ นายต้องเข้าใจก่อนว่าแม้ว่าพลังพิเศษกับพลังของกฎจะอยู่ในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 เหมือนกัน แต่มันก็มีการแบ่งพื้นที่การใช้งานอย่างชัดเจน ในกรณีที่นายฝึกฝนในพื้นที่ส่วนที่ 1 พื้นที่ในส่วนที่ 2 มันก็จะได้รับการรบกวน ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องที่ดีกว่าถ้าหากว่านายจะจัดสรรตั้งแต่แรกว่านายจะพัฒนาพื้นที่ที่ 1 ไป 1 ปี แล้วค่อยไปพัฒนาพื้นที่ที่ 2 ใน 1 ปีหลังจากนั้น” คอปเปอร์กล่าวแนะนำ
“คุณกำลังบอกว่าผมควรจะเลือกฝึกการใช้พลังของกฎหรือพลังพิเศษอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้นใช่ไหม? ถ้าหากว่าผมเลือกฝึกการใช้พลังของกฎ ผมก็ควรที่จะต้องหยุดการฝึกการใช้พลังพิเศษไปก่อน” เซี่ยเฟยกล่าวถามตามความเข้าใจ
“ใช่ ฉันต้องการจะสื่อประมาณนั้นแหล่ะ เอาล่ะเรื่องพวกนี้คือเรื่องทุกอย่างที่ฉันสามารถแนะนำนายได้แล้ว หลังจากนี้นายก็คงจะต้องหาคำตอบด้วยตัวนายเอง” คอปเปอร์กล่าวพร้อมกับพยักหน้า
ท่าทางของคอปเปอร์ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกใจเสียอยู่เล็กน้อย เพราะชายคนนี้เปรียบเสมือนกับสหายคนแรกของเขาในดินแดนของผู้ใช้กฎ แต่น่าเสียดายที่เวลาการใช้ชีวิตร่วมกันของพวกเขาสั้นเกินไปหน่อย แล้วมันก็ดูเหมือนกับว่าชายคนนี้จะถูกลงโทษโดยการส่งไปยังสถานที่ที่อันตราย
เมื่อเซี่ยเฟยเดินกลับเข้ามาที่หอพัก เขาก็ได้พบกับเด็กฝึกหลายคนกำลังนั่งซุบซิบกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น และเมื่อเด็กฝึกพวกนั้นได้สังเกตเห็นเซี่ยเฟย คนที่เคยพูดจาดูถูกเขาไว้ก็รีบกระโดดหนีออกไปด้วยความลนลาน
ท่าทางของทุกคนทำให้เซี่ยเฟยตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องดังเล่นด้วยรอยยิ้ม ชายอ้วนคนหนึ่งที่เคยพูดจาดูถูกเซี่ยเฟยจึงรีบตะโกนเสียงดังขึ้นมาว่า
“นั่นนาย... นายจะทำอะไร?”
“ไม่ต้องห่วง มันมีกฎว่านักสู้ผู้ใช้กฎไม่สามารถรังแกเด็กฝึกที่ใช้พลังกฎไม่ได้ ดังนั้นอย่างน้อยพวกนายก็ยังปลอดภัยจนกว่าพวกนายจะฝึกใช้กฎได้สำเร็จ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
แม้ว่าคำพูดนั้นจะออกมาจากใบหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่มันก็คือคำขู่ที่กำลังถูกส่งออกไปถึงทุกคนได้อย่างชัดเจน
ใครจะไปคิดว่าจู่ ๆ เซี่ยเฟยจะสามารถฟื้นฟูสมองกลับมาได้แบบนี้ และเขาก็ยังสามารถฝึกฝนให้ใช้พลังของกฎได้ในชั่วข้ามคืน ดังนั้นถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะเดินทางมาที่นี่ทีหลัง แต่เขากลับสามารถเดินนำหน้าเด็กฝึกทุกคนในห้องนั่งเล่นแห่งนี้ไปได้แล้ว
ใบหน้าของทุกคนต่างก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือดอย่างฉับพลัน เมื่อพวกเขาได้รับคำขู่จากคนที่พวกเขาเคยดูถูกในอดีต
“นายนี่มันชั่วช้าจริง ๆ นายขู่ออกไปแบบนั้น มันจะมีใครกล้าฝึกฝนจนกลายมาเป็นนักสู้ผู้ใช้กฎได้อีกไหม” อันธกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“พวกเขาสอนให้ฉันได้รู้ว่าฉันใจดีกับคนอื่นมากเกินไป ตอนแรกฉันคิดว่าในเมื่อเรามาจากพันธมิตรเหมือนกันพวกเราก็ควรจะดูแลซึ่งกันและกัน แต่ฉันก็ลืมไปเลยว่าธรรมชาติของมนุษย์คือการพยายามเหยียบย่ำคนอื่นเพื่อพยายามทำให้ตัวเองดูเหนือกว่า”
“ในเมื่อคนพวกนี้กล้าที่จะเหยียบย่ำฉันก่อน ฉันก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปล่อยให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตอย่างสบาย ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยใบหน้าที่เย็นชา
—
เมื่อแอวริลได้ยินว่าเซี่ยเฟยสามารถใช้กฎแห่งมิติได้แล้วมันก็ทำให้เธอรู้สึกดีใจมาก ซึ่งมันก็ต้องขอบคุณระบบเรดาร์แบล็คแบทรุ่นใหม่ที่ทำให้ชายหนุ่มยังสามารถติดต่อกลับไปยังพันธมิตรได้ แม้ว่าในบางครั้งสัญญาณการติดต่ออาจจะมีการติดขัดไปบ้างก็ตาม
เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นความก้าวหน้าครั้งยิ่งใหญ่ เพราะมันไม่เคยมีใครในพันธมิตรสามารถติดต่อกับผู้ที่อาศัยอยู่ในดินแดนกฎอันไกลโพ้นได้ เซี่ยเฟยจึงถือว่าเป็นคนแรกในพันธมิตรที่สามารถคิดค้นอุปกรณ์สื่อสารระยะไกลเช่นนี้ได้สำเร็จ
ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่ชายหนุ่มได้ทดสอบการใช้พลังของกฎในการต่อสู้ครั้งแรกได้สำเร็จ เขาก็ยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะพลังของกฎแห่งความโกลาหลที่สามารถเปลี่ยนแปลงการจู่โจมแบบธรรมดาให้กลายเป็นการจู่โจมที่ทรงพลัง แม้ว่าเขาอาจจะยังไม่สามารถตีความพลังของกฎแห่งความโกลาหลได้ก็ตาม
ยิ่งไปกว่านั้นการพยายามรวมกฎแห่งความโกลาหลเข้ากับกฎแห่งมิติ ยังมีแรงต้านที่ไม่สามารถอธิบายได้เกิดขึ้นในกระบวนการอยู่เสมอ คล้ายกับว่ากฎแห่งความโกลาหลพยายามที่จะทำลายกฎแห่งมิติ เซี่ยเฟยจึงจำเป็นจะต้องพยายามยุติการทดลองของเขาเอาไว้
ท้ายที่สุดเขาก็ยังคงเป็นเพียงผู้เริ่มต้นใช้พลังของกฎได้เพียงแค่ไม่นานเท่านั้น เขาจึงจำเป็นจะต้องค่อย ๆ เรียนรู้พลังของกฎเหล่านี้อย่างช้า ๆ
แต่สิ่งที่เขาไม่เข้าใจคือทำไมผู้ใช้กฎถึงจะต้องถักทออักขระของกฎขึ้นมาในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของตัวเองด้วย?
ทำไมพลังทุกชนิดถึงผูกติดอยู่กับพื้นที่สมองส่วนที่ 7?
พื้นที่สมองส่วนที่ 7 มันคืออะไรกันแน่?
เซี่ยเฟยยังไม่สามารถหาคำตอบให้กับคำถามพวกนี้ได้ และเนื่องมาจากว่าเขามีนิสัยอยากรู้อยากเห็นอยู่เสมอ เขาจึงต้องพยายามหาความรู้เพื่อหาคำตอบของคำถามเหล่านี้ให้ได้
“บางทีมันอาจจะมีคำตอบให้กับฉันหลังจากที่ฉันพัฒนาพลังไปได้สูงกว่านี้” เซี่ยเฟยพยายามปลอบใจตัวเอง
—
10 วันต่อมามันก็ถึงเวลาประเมินเด็กฝึกที่จะจัดขึ้นทุก ๆ 3 เดือน ซึ่งในเวลานี้เด็กฝึกที่สามารถใช้พลังของกฎได้แล้วจะต้องแสดงความสามารถของตัวเองออกมา เพื่อที่จะให้พวกเขาได้เลื่อนขั้นกลายเป็นนักสู้ผู้ใช้กฎอย่างเป็นทางการ
แต่จู่ ๆ การทดสอบเด็กฝึกในครั้งนี้กลับมีผู้นำตระกูลเดินทางมาด้วยตัวเอง และข้าง ๆ หยูเจียงยังมีผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ของตระกูลเดินทางมาด้วย มันจึงยิ่งทำให้เด็กฝึกหลาย ๆ คนมีความกระตือรือร้นมากยิ่งขึ้น เพราะถ้าหากว่าผู้อาวุโสคนใดคนหนึ่งรู้สึกถูกชะตาพวกเขาขึ้นมา มันก็จะทำให้เส้นทางการพัฒนาของพวกเขาราบรื่นมากขึ้นกว่าเดิม
เซี่ยเฟยยังคงยืนอยู่ในมุมมืดตามนิสัยเดิม และด้วยวิชาพรางจิตมันจึงทำให้ร่างของเขากลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมได้อย่างง่ายดาย จนทำให้ไม่มีใครสังเกตถึงการคงอยู่ของเขาเลย
นอกเหนือจากหยูเจียงที่เดินทางมารับชมการทดสอบในครั้งนี้แล้ว มันยังมีดูบาร์ผู้ซึ่งเป็นปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการกลั่นพลังงานระดับ 3 เดินทางมาด้วย เซี่ยเฟยจึงได้จ้องมองไปยังชายชราคนนี้ด้วยแววตาอันเย็นชา ก่อนที่เขาจะหันหน้ามองไปยังทางอื่น
เมื่อเวลาได้ล่วงเลยมาจนถึงกำหนดการแล้ว หยูลู่ซวนผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าครูฝึกก็ได้ก้าวเท้าขึ้นไปบนเวที เพื่อประกาศเริ่มต้นการประเมินอย่างเป็นทางการ
การประเมินจะเริ่มต้นจากเด็กฝึก ซึ่งเซี่ยเฟยจะต้องขึ้นไปทดสอบเป็นลำดับ 2 ต่อจากฮานหยูเป่ย โดยในช่วงระยะเวลา 3 เดือนนี้มีเด็กฝึกเพียงแค่ 2 คนเท่านั้นที่มีคุณสมบัติจะเลื่อนระดับกลายมาเป็นนักสู้ผู้ใช้กฎได้
“ฮานหยูเป่ย!” หยูลู่ซวนเรียกชื่อผู้ทดสอบคนแรกให้ก้าวเท้าขึ้นมาบนเวที
ฮานหยูเป่ยก้าวเท้าขึ้นไปบนเวทีด้วยสีหน้าที่จริงจัง พร้อมกับพยายามกวาดตามองหาเซี่ยเฟยท่ามกลางฝูงชน แต่โชคไม่ดีที่เซี่ยเฟยได้ใช้วิชาพรางจิตกลมกลืนไปกับฝูงชนแล้ว ดังนั้นไม่ว่าชายคนนี้จะพยายามมองหาเซี่ยเฟยมากแค่ไหนแต่เขาก็ไม่สามารถที่จะมองหาเซี่ยเฟยเจอได้
“เริ่มได้” หยูลู่ซวนตะโกนให้สัญญาณเริ่มต้นการประเมิน
บนเวทีมีหน้าจอแสงขนาดใหญ่เพื่อให้ผู้ทดสอบทำการถักทอเส้นใยพลังงานขึ้นมาโชว์ต่อหน้าทุกคน ท้ายที่สุดถ้าหากใครสามารถถักทอเส้นใยพลังงานกลายเป็นอักขระของกฎในสมองของพวกเขาได้แล้ว การพยายามถักทอเส้นใยพลังงานให้กลายเป็นอักขระต่อหน้าของทุกคนก็ไม่ใช่เรื่องยากลำบากสำหรับพวกเขา
ฮานหยูเป่ยเริ่มถักทอเส้นใยพลังงานบนหน้าจออย่างรวดเร็ว และในเวลาไม่กี่นาทีต่อมาอักขระขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของทุกคน
“ผ่าน! หลังจากนี้นายได้เลื่อนระดับกลายเป็นนักรบกฎขั้นที่ 1” หยูลู่ซวนประกาศออกไปเสียงดัง
เด็กฝึกภายในงานต่างก็ปรบมือขึ้นมาเสียงดัง โดยเด็กฝึกพวกนี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นเด็กฝึกที่ถูกดึงตัวเข้ามา ซึ่งไม่ใช่ลูกหลานของเหล่าตระกูลหยูโดยตรง
“คนต่อไป เซี่ยเฟย”
ฮานหยูเป่ยถอยกลับไปที่มุมเวทีด้วยสีหน้าสยดสยอง เพราะตามกฎหลังจากการประเมินได้สิ้นสุดลงมันจะต้องมีการต่อสู้ตามธรรมเนียม และเนื่องจากว่าในวันนี้มีเด็กฝึกประเมินเพียงแค่สองคน เขาย่อมจะต้องเผชิญหน้ากับเซี่ยเฟยอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
เซี่ยเฟยเดินขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับมองไปที่ฮานหยูเป่ยอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็เริ่มถักทอพลังงานให้กลายเป็นอักขระของกฎแห่งมิติด้วยความรวดเร็ว
‘เอาว่ะ ถึงแม้ฉันจะเอาชนะเซี่ยเฟยไม่ได้ แต่อย่างน้อยฉันก็จะต้องไม่พ่ายแพ้อย่างน่าเกลียดมากจนเกินไป’ ฮานหยูเป่ยคิดกับตัวเองภายในใจ
อักขระขั้นต้นของกฎแห่งมิติถูกสร้างขึ้นด้วยความรวดเร็ว แต่เซี่ยเฟยไม่ได้หยุดลงเพียงแค่นั้น เพราะหลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไปอีก 3 นาทีมันกลับได้มีอักขระปรากฏขึ้นบนหน้าจอถึงสองตัว
เงียบ!
เงียบสนิท!
เมื่อ 10 วันก่อนทุกคนเพิ่งประหลาดใจกับการที่เซี่ยเฟยสามารถใช้พลังของกฎได้ หลังจากที่เขาพึ่งฟื้นฟูพื้นที่สมองส่วนที่ 7 กลับมาเพียงแค่ไม่กี่วัน แต่ใน 10 วันต่อมาเซี่ยเฟยกลับสามารถฝึกฝนพลังกฎมิติขั้นต้นได้จนถึงขั้นที่ 2 แล้ว
นี่มันจะเป็นการเลื่อนระดับที่ไวจนเกินไปแล้ว!
“ขั้นที่ 2! หลังจากนี้เซี่ยเฟยได้ถูกแต่งตั้งให้กลายเป็นนักรบกฎขั้นที่ 2 อย่างเป็นทางการ”
หยูลู่ซวนทำลายความเงียบด้วยการตะโกนขึ้นมาเสียงดัง แล้วมันก็ทำให้ฮานหยูเป่ยรู้สึกอับอายมากขึ้นกว่าเดิม
***************
ขออธิษฐานต่อเทพเจ้าผู้ปกครองดินแดนผู้ใช้กฎ จากคำประกาศเรื่องการขออัปตอนในตอนที่แล้ว อย่าให้มีใครหมั่นไส้และเกลียดเราเลย ขอให้ทุกคนรักและเอ็นดูเรามากๆตลอดไป ส๊าาาาาธุ!!!!!