ตอนที่ 520 โค่นล้ม
ตอนที่ 520 โค่นล้ม
“อะไรนะ?! เซี่ยเฟยใช้พลังกฎได้แล้วงั้นเหรอ?”
“ไม่มีทาง! เมื่อ 2-3 วันก่อนพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขายังพิการอยู่เลย”
“ฉันก็เคยตรวจสอบสมองของเขาเหมือนกัน พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาได้รับความเสียหายร้ายแรงมาก”
เนื่องมาจากว่าเวลานี้ใกล้จะเข้าสู่ช่วงการฝึกตอนเช้า มันจึงทำให้มีเด็กฝึกมารวมตัวกันนับพันคน ซึ่งในก่อนหน้านี้พวกเขาก็ได้ยินเสียงดังโวยวายพวกเขาจึงรีบแห่เข้ามาดูด้วยความสนใจ ดังนั้นพวกเขาจึงได้ยินพร้อมกันอย่างชัดเจนเรื่องที่เซี่ยเฟยประกาศออกมาว่าเขาก็เป็นนักสู้ผู้ใช้พลังของกฎแล้ว
“ไม่น่าเชื่อ! พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาถูกฟื้นฟูกลับมาแล้วจริง ๆ” จู่ ๆ มันก็มีชายคนหนึ่งอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
ทันใดนั้นทุกคนที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็รีบตรวจสอบพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเซี่ยเฟยในเวลาเดียวกัน ส่วนเซี่ยเฟยที่ยังไม่รู้วิธีปิดกั้นการตรวจสอบก็ทำได้เพียงแต่จำใจถูกคนอื่นตรวจสอบสมอง โดยที่เขาไม่สามารถที่จะเข้าไปขัดขวางได้
“ฟื้นฟูได้ 100% เลยงั้นเหรอ?!”
“ไม่มีร่องรอยความเสียหายเหลืออยู่เลยแม้แต่นิดเดียว”
ความประหลาดใจพรั่งพรูเข้าไปในหัวใจของเด็กฝึกเหล่านี้เรื่อย ๆ เพราะถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะสามารถฟื้นฟูพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาให้กลับมาใช้งานได้แล้วจริง ๆ แต่ชายหนุ่มสามารถที่จะเรียนรู้กฎในเวลาสั้น ๆ แค่ไม่กี่วันได้ยังไง
นอกจากนี้มันยังมีครูฝึก 2-3 คนที่อยู่ในบริเวณนี้ด้วย ซึ่งพวกเขาก็กำลังตกใจมากกับข่าวที่เซี่ยเฟยสามารถซ่อมแซมสมองของตัวเอง และได้ก้าวเท้าเข้ามากลายเป็นผู้ใช้กฎแล้ว
“พี่ลู่ซวน เด็กคนนี้กำลังโม้อยู่หรือเปล่า? เมื่อ 5 วันก่อนผมยังเห็นเขาเป็นแค่เศษขยะอยู่เลย แม้ว่าเขาจะสามารถซ่อมแซมพื้นที่สมองส่วนที่ 7 กลับมาได้จริง ๆ แต่มันก็ไม่มีทางที่จะฝึกกฎแห่งมิติขั้นต้นได้ในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วันใช่ไหม?” ครูฝึกผมแดงหันไปถามชายวัยกลางคนที่อยู่ข้าง ๆ
หยูลู่ซวนคือครูฝึกที่มีประสบการณ์มากที่สุดภายในเมืองนี้ และในปัจจุบันเขาก็กำลังจับจ้องมองไปทางเซี่ยเฟยด้วยดวงตาอันเป็นประกาย
“อย่าลืมนะว่าพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเซี่ยเฟยถูกเปิดออกเต็มที่ทั้ง 100% และถ้าหากว่าเขาสามารถฝึกฝนกฎแห่งมิติขั้นแรกได้แล้วจริง ๆ มันก็หมายความว่าพรสวรรค์ของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าเสี่ยวเป่ย”
คำพูดของหยูลู่ซวนได้ปลุกทุกคนกลับมามองความเป็นจริง เพราะก่อนหน้านี้ทุกคนมัวแต่โฟกัสว่าเซี่ยเฟยเป็นเพียงแค่ขยะที่ไร้ประโยชน์ แต่พวกเขากลับหลงลืมไปว่าพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเซี่ยเฟยถูกเปิดออกทั้ง 100%
บทบาทของพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ในดินแดนของผู้ใช้กฎมีความสำคัญต่อนักรบมากกว่าในดินแดนของพันธมิตรมนุษย์มาก เพราะไม่เพียงแต่มันจะมีผลในเรื่องการฝึกฝนใช้พลังของกฎเท่านั้น แต่มันยังมีผลเกี่ยวข้องกับการควบคุมพลังงาน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการเรียนรู้กฎใหม่ ๆ อีกด้วย
พลังของนักสู้ส่วนใหญ่ในดินแดนของผู้ใช้กฎจึงถูกกำหนดโดยพื้นที่ส่วนเล็ก ๆ ในสมองของพวกเขาเอง และถึงแม้ว่าพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของนักสู้จะมีความแตกต่างกันเพียงแค่ 1% แต่ 1% นั้นกลับสามารถสร้างความแตกต่างระหว่างนักสู้ได้เป็นอย่างมาก
ด้วยเหตุนี้เองมันจึงไม่ใช่เรื่องที่จะกล่าวเกินจริง ถ้าหากจะเรียกใครสักคนในดินแดนของผู้ใช้กฎว่าอัจฉริยะ คนผู้นั้นก็สมควรจะต้องเป็นผู้ที่สามารถเปิดพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาออกมาได้อย่างเต็มที่
ครูฝึกหลาย ๆ คนที่อยู่รอบ ๆ หยูลู่ซวนต่างก็ค่อย ๆ พยักหน้า เพราะถ้าหากว่าเซี่ยเฟยสามารถซ่อมแซมพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของตัวเองกลับมาได้แล้ว เขาก็จะกลายเป็นเด็กฝึกที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์อันแข็งแกร่งของตระกูล
เมื่อไม่กี่วันก่อนเขายังเป็นเพียงแค่เศษขยะ แต่ในวันนี้เขากลับถูกยอมรับว่าเป็นอัจฉริยะที่หาตัวจับได้ยาก
ในเวลาเพียงแค่ไม่นานข่าวเรื่องเซี่ยเฟยก็แพร่กระจายออกไปด้วยความรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้นการตรวจสอบพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของคนอื่นก็ไม่ใช่เรื่องยาก ซึ่งถ้าหากว่าพวกเขาได้ทำการตรวจสอบสมองของเซี่ยเฟยเล็กน้อย พวกเขาก็จะได้พบในทันทีว่าเรื่องนี้คือเรื่องจริง
แต่ถึงยังไงมันก็ยังคงเป็นเรื่องยากสำหรับทุกคนที่ในระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่วันเซี่ยเฟยก็สามารถที่จะใช้พลังของกฎออกมาได้แล้ว ทั้ง ๆ ที่คำว่าขยะบนหน้าของชายหนุ่มยังคงสลักอยู่ในใจของพวกเขาทุกคน
หญิงสาวผมสั้นน่าจะเป็นผู้ที่แสดงความตื่นเต้นออกมามากที่สุด ส่วนเด็กฝึกคนอื่น ๆ ก็กำลังมองมาทางเซี่ยเฟยด้วยสายตาแปลก ๆ แต่สิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปอย่างแน่นอนคือความดูถูกในแววตาของพวกเขาได้ลดลงเหลือน้อยลงกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
ขณะเดียวกันชายที่อยู่ข้าง ๆ จูลี่ก็กำลังกัดฟันอย่างไม่พอใจ โดยเฉพาะเมื่อเขาได้เห็นจูลี่กำลังแสดงท่าทีดีใจเมื่อได้พบข่าวใหม่ของเซี่ยเฟย มันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น
สิ่งที่เซี่ยเฟยพูดขึ้นมาเมื่อสักครู่มันไม่ต่างไปจากการท้าทาย เขาจึงหันศีรษะไปมองครูฝึกที่กำลังมองดูอยู่ ซึ่งหยูลู่ซวนก็หันมาพยักหน้าให้กับเขาเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเขาสามารถยอมรับคำท้าทายจากอีกฝ่ายได้
เมื่อได้รับความเห็นชอบแววตาของชายคนนี้ก็ลุกโชนไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้
พลังของเขาใกล้ที่จะถึงขีดจำกัดของพลังกฎขั้นที่ 2 แล้ว แต่เซี่ยเฟยเพิ่งจะเริ่มใช้พลังกฎได้เพียงแค่ไม่กี่วัน เขาจึงมั่นใจว่าเขาไม่มีทางพ่ายแพ้ต่อศัตรูอย่างแน่นอน
“ในเมื่อทั้งแกและฉันต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นนักสู้ผู้ใช้กฎ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็มาประลองตามกฎของที่นี่กันเถอะ จูลี่เธอดูเอาไว้ให้ดี ๆ ว่าใครคือคนที่เหมาะสมกับเธอกันแน่!” ชายหนุ่มกล่าวท้าทายเซี่ยเฟยก่อนที่เขาจะหันไปพูดกับจูลี่ในประโยคสุดท้าย
“ฉันชื่อ…” อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะทันได้แนะนำตัว เซี่ยเฟยก็หยุดคำพูดของเขาเอาไว้ซะก่อน
“เลิกพูดเรื่องไร้สาระแล้วมาสู้กันได้แล้ว ฉันไม่สนใจหรอกว่าแกจะชื่ออะไร”
“นี่มันจะหยิ่งมากเกินไปแล้ว!”
ใบหน้าของชายร่างกำยำเริ่มแดงขึ้นมาอย่างฉับพลัน เพราะการกระทำของเซี่ยเฟยเป็นการทำให้เขารู้สึกอับอายต่อหน้าสาธารณชน
นอกจากนี้มันยังเป็นกฎที่จะต้องแนะนำตัวก่อนการประลอง เพราะท้ายที่สุดทุกคนที่นี่ก็คือเด็กฝึกของตระกูลหยูไม่ใช่นักสู้ข้างถนน การต่อสู้ระหว่างพวกเขาด้วยกันจึงจำเป็นจะต้องเป็นการต่อสู้ที่มีเกียรติเดิมพันอยู่เล็กน้อย แต่เซี่ยเฟยกลับไม่สนใจกฎเหล่านั้นเลยแม้แต่นิดเดียว
อันธแอบหัวเราะออกมาเบา ๆ เพราะในที่สุดเซี่ยเฟยที่เขาเคยรู้จักก็ได้กลับมาปรากฏตัวตรงหน้าของเขาอีกครั้งหนึ่งแล้ว
“พี่ลู่ซวน เซี่ยเฟยยังไม่ผ่านการทดสอบเลยนะ เราจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้จริง ๆ เหรอ?”
“ใช่ ๆ ถ้ามีคนตายพวกเราจะทำยังไง?”
“พวกเขาทั้งสองคนต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นเพียงแค่นักสู้ผู้ใช้กฎระดับต่ำ ไม่ว่าพวกเขาจะใช้พลังออกมาแบบไหนแต่พลังของพวกเขาก็ไม่เพียงพอที่จะสังหารคู่ต่อสู้ลงได้หรอก ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากว่าใครกำลังจะแสดงท่าทีสังหารพวกเราก็แค่จะต้องเข้าไปหยุดพวกเขาเอาไว้ ไม่ใช่ว่าทุกคนสนใจที่จะดูการต่อสู้ของเซี่ยเฟยงั้นเหรอ?” หยูลู่ซวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ย๊าก!!
ชายร่างกำยำส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างไม่อดทนอีกต่อไป เพราะท้ายที่สุดฟางเส้นสุดท้ายภายในใจของเขาก็ได้ถูกเซี่ยเฟยเหยียดหยามจนขาดสะบั้นไปจนหมดแล้ว เขาจึงเริ่มผลักฝ่ามือขวาออกไปจู่โจมคู่ต่อสู้อย่างรุนแรง
ระยะห่างระหว่างทั้งสองฝ่ายอยู่ที่ประมาณ 5 เมตร และเซี่ยเฟยก็สามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามันกำลังมีอะไรบางอย่างเข้ามาใกล้ร่างกายของเขา ราวกับว่ามันมีพลังที่มองไม่เห็นถูกปล่อยออกมาจากฝ่ามือของคู่ต่อสู้ และถึงแม้ว่ามันจะเป็นพลังที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่มันก็สมควรจะต้องเป็นพลังที่อันตรายสำหรับเขาเป็นอย่างมาก
แม้ว่าเซี่ยเฟยจะได้เรียนรู้กฎแห่งมิติแล้วแต่เขาก็ยังไม่เคยเรียนรู้วิธีการใช้กฎร่วมกับการต่อสู้มาก่อน เขาจึงไม่รู้ว่าการจู่โจมนี้คืออะไร แต่เขาก็ยังคงโยกร่างกายออกไปทางซ้ายเพื่อหลบการจู่โจมตามสัญชาตญาณ ก่อนที่เขาจะเคลื่อนที่ไปด้านหลังของฝ่ายตรงข้าม
ชายหนุ่มได้เคลื่อนไหวด้วยความเร็วกว่า 30,000 เมตรต่อวินาที ซึ่งนอกเหนือจากครูฝึกที่มีทักษะที่ค่อนข้างสูง มันก็ไม่มีใครมองเห็นทันด้วยซ้ำว่าเซี่ยเฟยหลบหลีกการโจมตีได้ยังไง
ชายร่างกำยำเผยรอยยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก เพราะเขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเซี่ยเฟยกำลังอยู่ข้างหลังเขา แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกกังวลใด ๆ เลย เพราะพลังกฎของทั้งสองฝ่ายอยู่ในระดับที่แตกต่างกันเกินไป การจู่โจมของเซี่ยเฟยจึงไม่ต่างไปจากการพยายามเอาไข่มากระทบกับหินในความคิดของเขา
ย๊าก!!
ชายร่างกำยำตะโกนร้องคำรามและทันใดนั้นมิติรอบ ๆ ตัวของเขาก็ถูกตัดออกเป็นชิ้น ๆ ดังนั้นถ้าหากเซี่ยเฟยไม่ได้มีความสามารถในการตัดผ่านช่องว่างมิติที่เขาสร้างขึ้นมาได้ อีกฝ่ายก็ไม่มีทางที่จะเข้ามาถึงตัวของเขาได้เหมือนกัน
ปัง!
เมื่อเซี่ยเฟยได้ใช้มือชกเขาก็รู้สึกราวกับว่ามือของเขาได้สัมผัสเข้ากับเหล็ก คล้ายกับว่ามันมีอะไรบางอย่างปรากฏขึ้นมาขวางกั้นการโจมตีของเขาเอาไว้
“หือ?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
เมื่อได้เห็นว่ากำลังของเขาเพียงอย่างเดียวไม่สามารถที่จะจู่โจมเข้าใส่ฝ่ายตรงข้ามได้ จู่ ๆ มันก็เริ่มมีความคิดแปลก ๆ ปรากฏขึ้นมาภายในใจของเขา
บิด!
จิตสำนึกของชายหนุ่มได้นึกถึงการใช้กฎแห่งความโกลาหล และทันใดนั้นกำปั้นของเขาก็บิดเอียงไปด้านข้างแตกต่างจากเดิมเล็กน้อย
ตูม!!!
การเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยในครั้งนี้ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือนขึ้นมาด้วยความรุนแรง คล้ายกับว่ามันได้มีระเบิดขนาดใหญ่ถูกจุดขึ้นในบริเวณไม่ไกล
เพล้ง!
มิติพังทลาย!!
แม้ว่านักสู้ผู้ใช้กฎระดับต่ำจะไม่เข้าใจว่าปรากฏการณ์นี้มันคืออะไร แต่สำหรับนักสู้ระดับสูงพวกเขาก็สามารถที่จะมองเห็นสถานการณ์นี้ได้อย่างชัดเจน
“เป็นไปไม่ได้! นี่เขาสามารถเจาะกำแพงมิติเข้ามาได้งั้นเหรอ?!”
ท่ามกลางเสียงร้องอุทานด้วยความตกใจ ร่างของชายรูปร่างกำยำที่มีน้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัมก็ถูกต่อยปลิวกระเด็นขึ้นไปในอากาศ ราวกับว่าตัวเขามีน้ำหนักเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
แอ๊ก!
เมื่อร่างของชายคนนั้นตกกระทบเข้ากับพื้น ปากของเขาก็สำลักเลือดออกมาอย่างรุนแรง
แต่เซี่ยเฟยไม่ได้มีเวลาประหลาดใจกับพลังของตัวเองมากนัก เพราะเมื่อโอกาสได้มาปรากฏตรงหน้าเขาแล้ว เขาจึงรีบพุ่งตัวไปข้างหน้าด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า และเหวี่ยงกำปั้นของเขาออกไปอีกครั้ง
ตูม!!!
เสียงระเบิดอันรุนแรงดังขึ้นอย่างฉับพลันและเซี่ยเฟยก็สัมผัสได้ถึงแขนซ้ายที่กำลังรู้สึกเจ็บจนชา ขณะเดียวกันร่างของเขาก็กระเด็นออกไปจากตำแหน่งเดิมหลายร้อยเมตร จนทำให้อวัยวะภายในร่างสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
“นี่มันวิชากฎงั้นเหรอ?”
เซี่ยเฟยพยายามพลิกตัวในอากาศก่อนที่จะร่อนลงจอดด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด
“เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น?”
“เซี่ยเฟยกำลังจะชนะไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมจู่ ๆ เขาถึงกระเด็นออกไปแบบนั้น”
ผู้ชมทุกคนต่างก็อุทานขึ้นมาด้วยความสับสน เพราะมันเห็นได้ชัดเลยว่าชายผู้มีร่างอันกำยำคนนั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเซี่ยเฟย แล้วเขาสามารถที่จะผลักให้เซี่ยเฟยกระเด็นออกไปไกลขนาดนั้นได้ยังไง
“ดูนั่นสิ! ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเซี่ยเฟยถึงกระเด็นออกไปแบบนั้น ที่แท้ครูใหญ่เป็นคนลงมือเข้ามาห้ามปรามการประลองครั้งนี้เอาไว้นี่เอง”
เซี่ยเฟยนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นเป็นเวลาหลายวินาที ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ฝืนลุกยืนขึ้นทั้ง ๆ ที่ทั่วทั้งร่างกายกำลังเจ็บปวดอย่างรุนแรง
เมื่อหยูลู่ซวนเริ่มเคลื่อนไหว ครูฝึกอีกหลาย ๆ คนก็รีบเข้าไปนำตัวชายร่างกำยำออกไปหาหมอ
“เขาแพ้แล้ว ทำไมถึงยังจู่โจมเข้าใส่เขาอีก?” หยูลู่ซวนกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
เซี่ยเฟยยักไหล่โดยไม่ตอบอะไรกลับไป
“ทุกคนดูอะไรอยู่ ออกไปทำหน้าที่ของตัวเองได้แล้ว!” หยูลู่ซวนกล่าวพร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบ ๆ อย่างเย็นชา
แน่นอนว่ามันยังไม่มีใครกล้าฝ่าฝืนคำสั่งของครูใหญ่คนนี้ แต่การต่อสู้ระหว่างเซี่ยเฟยกับชายร่างกำยำคนนั้นได้จุดประเด็นร้อนในบทสนทนาระหว่างเด็กฝึกทั้งหลาย
เซี่ยเฟยทำลายกำแพงมิติลงได้ยังไง?
พวกเขาไม่เข้าใจเลยว่าเซี่ยเฟยที่พึ่งเรียนรู้กฎได้เพียงแค่ไม่กี่วัน จะสามารถแสดงพลังออกมาได้อย่างแข็งแกร่งขนาดนี้
ระหว่างที่ฝูงชนกำลังกระจายตัวกันออกไปด้วยความสงสัย เซี่ยเฟยก็สังเกตเห็นหยูเสี่ยวโม่ผู้ซึ่งเป็นศิษย์ของดูบาร์ปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญการกลั่นพลังงาน ชายหนุ่มจึงชูนิ้วกลางขึ้นมาจนทำให้หยูเสี่ยวโม่รีบสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“กลับไปพักได้แล้ว อาการบาดเจ็บของนายไม่ร้ายแรงนัก พักผ่อนสัก 2-3 วันเดี๋ยวก็หายดีเอง ถ้าหากว่านายยังมีคริสตัลต้นกำเนิดนายก็สามารถดูดซับพลังงานในคริสตัล เพื่อเร่งกระบวนการฟื้นตัวกลับคืนมาก็ได้” หยูลู่ซวนกล่าวกับเซี่ยเฟย
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับก่อนที่เขาจะเริ่มเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง
ในที่สุดพื้นที่บริเวณนี้ก็กลับสู่ความสงบมีเพียงครูฝึกไม่กี่คนที่กำลังพูดถึงการต่อสู้เมื่อสักครู่นี้อยู่
“เซี่ยเฟยใช้กฎแห่งมิติออกมาจริง ๆ งั้นเหรอ? ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าพลังที่เขาใช้ออกมามันดูแปลก ๆ”
“ไม่มีทาง! ถ้าหากพลังของกฎแห่งมิติปะทะกัน มันไม่มีทางที่เขาจะทำลายกำแพงมิติของอีกฝ่ายหนึ่งได้ เพราะท้ายที่สุดเขาก็ยังคงอ่อนแอกว่าอีกฝ่ายอยู่ 1 ระดับ”
“แล้วมันจะเป็นอะไรได้?”
“บางทีเซี่ยเฟยอาจจะดัดแปลงกฎแห่งมิติหรือเปล่า?”
“ไม่ว่าเซี่ยเฟยจะใช้พลังแบบไหนแต่มันก็เป็นพลังที่แข็งแกร่งมากอยู่ดี” หยูลู่ซวนกล่าวตัดจบก่อนที่จะสั่งให้ทุกคนแยกย้ายไปทำการฝึก
***************
ก่อนอื่นเลยเราขอกราบขอบคุณนักอ่านทุกคนที่เรียกร้องให้อัปตอนเพิ่มมากๆเลยนะ เพราะมันหมายความว่าพี่เฟยและผองเพื่อนได้รับความรักความเอ็นดูจากนักอ่านกันเยอะมากๆ
แต่ถึงแม้ว่าเราจะเข้าใจความทุกข์ทรมานของทุกคนหรือเป็นคนที่น่ารักแค่ไหน (เกี่ยวไหม? เกี่ยวเถอะ 555) เราก็ยังไม่สามารถอัปตอนเพิ่มตามที่ขอได้จริงๆค่ะ เนื่องจากตอนนี้เราแปลอยู่คนเดียวและเนื้อหาแต่ละตอนก็ค่อนข้างยาว ก่อนหน้าเราพยายามอยู่แล้วหลายๆครั้งแต่มันก็มีธุระหรืออย่างอื่นเข้ามาอยู่เรื่อยๆจนทำไม่สำเร็จ
สำหรับนักแปลคนอื่นที่เขาทำได้เรานับถือจริงๆว่าเขาเก่งมากๆ ในขณะที่เราอาจจะยังไม่ใช่คนที่สุดยอดได้แบบนั้นและยังมือใหม่ที่จัดสรรเวลาไม่ได้ แต่เราขอสัญญาว่าจะเป็นนักแปลที่มาทุกวัน, สม่ำเสมอและไม่ทิ้งทุกคนให้รอเก้อแน่นอนค่ะ หวังว่าทุกคนจะยกโทษให้คนน่ารักแบบเราและยังติดตามกันต่อไปแบบนี้นานๆนะคะ รักและใส่ใจเสมอ (จริงๆนะ) -`ღ´-