ตอนที่แล้วข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 732 ศิษย์คนแรกในโลกตะวันสวรรค์(1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 734 เลี่ยเทียนมึนงง(1)

(ฟรี)ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 733 ศิษย์คนแรกในโลกตะวันสวรรค์(2)


ข้าอยู่บ้านร้อยปีก็เข้าสู่วิถีไร้เทียมทาน ตอนที่ 733 ศิษย์คนแรกในโลกตะวันสวรรค์(2)

“หญิงสาวคนนี้ขี้กลัวเกินไป”

เลี่ยเทียนบินออกไป และหัวของเขาก็ตกลงไปบนโต๊ะ

ใบหน้าของอี้หลิงหลิงยังคงซีดเซียวขณะที่นางเดินเข้ามาในลานบ้านด้วยตัวสั่น

เมื่อนางมองไปที่คนบนเก้าอี้ นางก็พบว่าเขาดูไม่แก่กว่านางมากนัก

แน่นอนว่านางไม่ได้คิดอย่างนั้นจริง ๆ

ความคิดแรกที่เข้ามาในหัวของนางคือชายหนุ่มคนนี้เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่า

ซูเซียนเอ๋อร์ออกมาจากบ้านและยืนอยู่ข้าง ๆ ฉู่เซวียน

อี้หลิงหลิงกำลังโศกเศร้า เสื้อผ้าของนางขาดรุ่งริ่ง และใบหน้าเปื้อนโคลนตม

อย่างไรก็ตามใคร ๆ ก็บอกได้ว่านางเป็นคนที่งดงาม

เป็นไปได้หรือไม่ที่ฉู่เซวียนกำลังจะรับสาวใช้คนอื่นเข้ามา?

เขาจะรับศิษย์ใช่หรือไม่?

ฉู่เซวียนมองไปที่อี้หลิงหลิง เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวคนนี้ประสบโชคร้ายจึงหลบหนีมายังที่นี่

เขาถามอย่างตรงไปตรงมาว่า “เจ้ายินดีเป็นศิษย์ของข้าหรือไม่”

อี้หลิงหลิงล้มลงคุกเข่า

“ศิษย์อี้หลิงหลิงคารวะท่านอาจารย์!”

นางไม่จำเป็นต้องลังเลเลย

ไม่ว่าคนตรงหน้านางจะมีเจตนาร้ายหรือไม่ก็ตาม นางก็ไม่มีทางเลือก

นี่เป็นโอกาสเดียวของนางที่จะแก้แค้น

นางยินดีจ่ายราคาใดก็ตามตราบใดที่ทำให้นางสามารถแก้แค้นได้

ซูเซียนเอ๋อร์ถอนหายใจด้วยความโล่งอกในใจ

เขารับศิษย์มิใช่สาวใช้

นางมีความสุขที่ได้เป็นสาวใช้เพียงคนเดียว เพราะมันหมายความว่าสถานะของนางมั่นคง

อี้หลิงหลิงกราบไหว้อาจารย์ของนางด้วยความเคารพ

“ท่านได้รับศิษย์คนแรกในโลกตะวันสวรรค์ โชคชะตาของศิษย์นั้นไม่ธรรมดา และนางมีกายาวิญญาณไร้ลักษณ์สูงสุด ท่านได้รับรางวัล วิชาไร้ลักษณ์สูงสุด กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ไร้ลักษณ์ และการฝึกฝนพลังยุทธ์หมื่นปี

แน่นอนว่าหลังจากรับอี้หลิงหลิงเป็นศิษย์แล้ว ฉู่เซวียนก็กดรับรางวัลจากระบบ

วิชาไร้ลักษณ์สูงสุดเป็นวิชายุทธ์ที่จะช่วยให้อี้หลิงหลิงบรรลุขอบเขตเหนือสูงสุด และเข้ากันได้กับร่างพิเศษของนางอย่างสมบูรณ์

ฉู่เซวียนมั่นใจว่าแม้แต่วิชายุทธ์ของเลี่ยเทียนก็ไม่สามารถเปรียบเทียบกับที่ระบบมอบให้เขาได้

นอกเหนือจากวิชายุทธ์แล้ว ยังมีกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีไว้สำหรับศิษย์ของเขาอีกด้วย

รางวัลการฝึกฝนพลังยุทธ์หมื่นปีคือสิ่งที่ฉู่เซวียนให้ความสำคัญ

หลังจากบรรลุขอบเขตเต๋าปฐมกาล เขาก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างชัดเจน

หลังจากกดรับรางวัล ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมากในทันที

ฉู่เซวียนพอใจกับสิ่งนี้อย่างมาก

ด้วยรางวัลการฝึกฝนพลังยุทธ์ที่ระบบมอบให้ เขาจึงสามารถบรรลุขอบเขตเต๋าปฐมกาลได้ภายในพันปี ดังนั้นหากเขาต้องการบรรลุขอบเขตเหนือสูงสุดภายในหมื่นปี เขาจะต้องพึ่งพารางวัลของระบบอีกครั้ง

ท้ายที่สุดแล้ว ระบบไม่อนุญาตให้เขาปิดด่านฝึกฝนในช่วงระยะเวลาที่ “อยู่บ้าน”

“เจ้าเป็นศิษย์คนที่สิบของข้า ลุกขึ้นเถอะ” ฉู่เซวียนพูดอย่างอ่อนโยน

อี้หลิงหลิงยังคงหมอบราบอยู่กับพื้น และนางพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก “ท่านอาจารย์ ข้ารู้สึกโศกเศร้าเหลือเกิน ท่านอาจารย์ช่วยทวงคืนความยุติธรรมให้แก่ข้าด้วย!”

“เจ้าควรแก้แค้นด้วยตนเอง มีเพียงการฆ่าศัตรูของเจ้าเท่านั้นถึงจะทำให้หัวใจเต๋าที่กระสับกระส่ายของเจ้าบรรเทาลง และเส้นทางการฝึกฝนของเจ้าก็จะราบรื่นขึ้น”

อี้หลิงหลิงรู้สึกถึงพลังอ่อนโยนปรากฏขึ้นและยกนางให้ลุกขึ้นยืน

“ด้วยความสามารถของเจ้า เจ้าจะแก้แค้นได้ภายในไม่กี่ปี”

อี้หลิงหลิงมองไปที่ฉู่เซวียนและถามว่า “พรสวรรค์ของข้าดีเพียงนั้นเลยหรือ? แม้ว่าศาลาสวรรค์จะบอกว่าข้ามีกายาวิญญาณไร้ลักษณ์ แต่ความสามารถและความก้าวหน้าในการฝึกฝนของข้าก็อ่อนด้อยอยู่”

เมื่อเทียบกับอัจฉริยะที่ไร้เทียมทานคนอื่น ๆ ที่บรรลุขอบเขตวิญญาณแล้ว นางเป็นคนที่อ่อนแอที่สุด

“นี่มันเรื่องบัดซบอันใดกัน? กายาวิญญาณไร้ลักษณ์ขยะนั่นหรือ!”

เลี่ยเทียนอดไม่ได้ที่จะพูดออกมา

สีหน้าของอี้หลิงหลิงมืดมน กายาวิญญาณไร้ลักษณ์เป็นร่างขยะ...

เมื่อมองดูหัวบนโต๊ะ นางก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น นี่คือสัตว์ประหลาดแบบใดกัน?

เขาถูกควบคุมโดยท่านอาจารย์หรือ?

ไม่ว่านางจะมองดูอย่างไร ดูเหมือนว่าอาจารย์ของนางก็ไม่ใช่คนชั่วร้าย

“แม้ว่ากายาวิญญาณไร้ลักษณ์สามารถฝึกฝนจนบรรลุขอบเขตเต๋านิรมิต แต่ก็ยังคงเป็นเพียงกายาขยะ” เลี่ยเทียนกล่าวต่อ

อี้หลิงหลิงรู้สึกสับสนเล็กน้อย ขอบเขตเต๋านิรมิตคืออะไรกัน?

“อย่างไรก็ตาม สาวน้อย เจ้าไม่ได้มีกายาวิญญาณไร้ลักษณ์ แต่เจ้ามีกายาวิญญาณไร้ลักษณ์สูงสุด!”

กายาวิญญาณไร้ลักษณ์สูงสุด?

อี้หลิงหลิงพูดอย่างระมัดระวัง “แต่ศาลาสวรรค์บอกว่าข้ามีกายาวิญญาณไร้ลักษณ์…”

“ศาลาสวรรค์หรือ? แล้วอย่างไร พวกมันเป็นแค่มดปลวก!” เลี่ยเทียนสบถ

อาจเป็นเพราะเขาเก็บกดมานาน

ต่อหน้าฉู่เซวียน เขาต้องประพฤติตนให้ดี แต่ข้อจำกัดนั้นใช้ไม่ได้ต่อหน้าอี้หลิงหลิง

นอกจากนี้ การได้เห็นนางทำให้เขานึกถึงสหายเก่า

เขาปฏิบัติต่ออี้หลิงหลิงเหมือนกับน้องสาวของตนเอง

หัวของอี้หลิงหลิงกำลังส่งเสียงพึมพำ ศาลาสวรรค์เป็นเพียงมดปลวกหรือ?

พวกเขาเป็นขุมอำนาจที่ลึกลับและทรงพลังที่สุดในโลก!

สัตว์ประหลาดตัวนี้ได้ความมั่นใจมาจากที่ใด?

เลี่ยเทียนบอกได้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ เขากลอกตาและพูดว่า “สาวน้อย โลกนี้กว้างใหญ่มาก สถานที่แห่งนี้เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของโลกที่ห่างไกล เจ้าคิดว่าสถานที่นี้เป็นศูนย์กลางของโลกทั้งใบจริงหรือ”

อี้หลิงหลิงตกตะลึง

“เจ้าต้องมองการไกล ศาลาสวรรค์เป็นเพียงขั้นบันไดให้เจ้าก้าวผ่าน” เลี่ยเทียนกล่าวต่อ

ฉู่เซวียนพยักหน้าเห็นด้วย

“ตาเฒ่าพูดถูก การเดินทางของเจ้าไม่ได้จำกัดอยู่เพียงที่เล็ก ๆ นี้เท่านั้น”

อี้หลิงหลิงตกใจมาก

สถานที่แห่งนี้เป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของโลกจริงหรือ?

“หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะท่านอาจารย์”

ฉู่เซวียนหัวเราะเบา ๆ

“ฐานพลังยุทธ์ในปัจจุบันของเจ้าต่ำเกินไป เป้าหมายของเจ้าคือการพัฒนาความแข็งแกร่ง ไม่ต้องกังวลกับสิ่งเหล่านี้”

ใบหน้าของอี้หลิงหลิงเริ่มจริงจัง และนางก็พูดอย่างจริงจัง “เจ้าค่ะท่านอาจารย์!”

นางยังไม่ได้แก้แค้น แล้วโลกภายนอกอันกว้างใหญ่นี้จะเกี่ยวอะไรกับนาง?

แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ แต่ก็ยังคงเป็นโลกที่กว้างใหญ่สำหรับนาง

เลี่ยเทียนลอยขึ้นมาอีกครั้งและวนรอบอี้หลิงหลิง ยิ่งเขามองนาง เขายิ่งชอบนาง

เขารู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถรับนางมาเป็นศิษย์ได้

อี้หลิงหลิงรู้สึกกังวลมากจนขนลุกสู่

นางมองไปที่ฉู่เซวียนเพื่อขอความช่วยเหลือ

“อย่ากลัวเลย นี่คือเลี่ยเทียน เขาเคยเป็นยอดฝีมือ แต่เพราะเหตุการณ์บางอย่างทำให้เขาเหลือเพียงหัว” ฉู่เซวียนอธิบาย

“นี่คือสาวใช้ของข้า ซูเซียนเอ๋อร์”

อี้หลิงหลิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก โชคดีที่อีกฝ่ายไม่ใช่สัตว์ประหลาด

นางโค้งคำนับซูเซียนเอ๋อร์แล้วพูดว่า “อี้หลิงหลิงคารวะซู... อาจารย์น้า!”

“ลุกขึ้นเถอะ” ซูเซียนเอ๋อร์กล่าวอย่างมีความสุข

เมื่อมองดูเลี่ยเทียนแล้ว อี้หลิงหลิงก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “ผู้อาวุโสเลี่ยเทียน ท่านเคยเป็นยอดฝีมือขอบเขตจักรพรรดิมาก่อนหรือไม่”

เมื่อเลี่ยเทียนได้ยินสิ่งนี้ หัวของเขาก็หมุนไปรอบ ๆ ด้วยความโกรธ

ใบหน้าของอี้หลิงหลิงซีดเซียว

เขาน่าสะพรึงกลัวมาก!

หัวของเขาลุกเป็นไฟ

เป็นไปได้หรือไม่ว่านางได้จี้ปมเก่าของเขา?

การเหลือเพียงหัวนั้นมันน่าสลดใจอย่างยิ่ง

เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาได้รับบาดเจ็บเพราะยอดฝีมือจากศาลาสวรรค์?

“ขอบเขตจักรพรรดิอะไรกัน? พวกเขาล้วนเป็นมด! ข้าสามารถฆ่าพวกเขาเป็นล้าน ๆ คนได้เพียงแค่พ่นลมหายใจ!”

เลี่ยเทียนรู้สึกฉุนเฉียว

เขาบินวนไปรอบ ๆ อี้หลิงหลิงและพูดว่า “สาวน้อย ท่านปู่ผู้นี้คือ...”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็โดนตบกระแทกกับพื้น

เปลวไฟบนหัวของเขาดับลงแล้ว

ดวงตาของเขาหมุนไปรอบ ๆ ราวกับว่าเขาอยู่ในสภาวะมึนงง

ฉู่เซวียนดึงมือของเขากลับและเยาะเย้ย

สหายเลี่ยเทียนผู้นี้ดูเหมือนจะไม่ซื่อสัตย์

อี้หลิงหลิงเป็นศิษย์ของเขา หากนางเรียกอีกฝ่ายว่าปู่ นั่นไม่ได้หมายความว่าเลี่ยเทียนจะมีศักดิ์อาวุโสกว่าฉู่เซวียนหรือ?

เห็นได้ชัดว่าสหายผู้นี้กำลังร้องหาความเจ็บปวด!

อี้หลิงหลิงตกตะลึง

เลี่ยเทียนตกใจมาก

เขาไม่ได้สังเกตเห็นการโจมตีของฉู่เซวียน

ไม่ว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสเพียงใด เขาก็เคยเป็นยอดฝีมือขอบเขตเต๋าปฐมกาล

ถึงตอนนี้ ความแข็งแกร่งของเขายังเหนือกว่ายอดฝีมือขอบเขตเต๋าเหนือลิขิต

อย่างไรก็ตาม เขากับไม่ทันได้ตั้งตัว!

สิ่งนี้หมายความว่าอะไร?

ฉู่เซวียนได้สร้างเต๋าของตนเองแล้ว!

พรสวรรค์ของเขาน่าสะพรึงกลัวเกินไป

นานเพียงใดแล้วที่เขาบรรลุขอบเขตเต๋าเหนือลิขิต?

หลังจากนั้นไม่นาน เลี่ยเทียนก็ลอยขึ้น เขายังคงเวียนหัวอยู่บ้าง

“ข้าแค่เผลอกัดลิ้น” เขากล่าวอย่างช่วยไม่ได้

“จริงหรือ?”

ฉู่เซวียนหัวเราะเยาะ

เลี่ยเทียนหัวเราะอย่างสิ้นหวัง และมองไปที่อี้หลิงหลิงอีกครั้ง “สาวน้อย...”

“หากยังเรียกศิษย์ของข้าเช่นนั้น…”

ฉู่เซวียนตะคอก

เลี่ยเทียนพูดไม่ออก

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด