ตอนที่แล้วบทที่ 96 - จิตสำนึกของผู้เฒ่าสูงสุดแห่งดาวนาเม็กและสลักที่ถูกชำระล้าง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 98 - ดร.เกโร่และทิศทางการวิจัยมนุษย์จักรกล

บทที่ 97 - สลัก ผู้เฒ่าสูงสุดแห่งดาวนาเม็ก


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 97 - สลัก ผู้เฒ่าสูงสุดแห่งดาวนาเม็ก

“ความปรารถนาของเจ้าสัมฤทธิ์แล้ว ลาก่อน ผู้เฒ่าสูงสุดแห่งดาวนาเม็ก!”

เมื่อหลินเฉินใช้พลังของเขาเพื่อเป่าพลังสีดำออกไป โปรุนก้าก็พูดขึ้นมาขณะที่ดวงตาของมังกรสีโลหิตของเขาเบิกกว้าง จากนั้นเขาก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตาทุกคน

เมื่อท้องฟ้าสว่างขึ้นอีกครั้ง สลักก็ลุกขึ้นยืนจากพื้นดิน

หลินเฉินจ้องมองไปทางสลักเขม็ง

แม้ว่ารูปลักษณ์ของเขาจะยังคงเหมือนเดิม แต่ออร่าของเขาแตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง

ไม่เพียงแต่ไม่มีพลังที่ชั่วร้ายในออร่าของเขาอีกต่อไป แต่มันยังอ่อนโยนและสงบเหมือนออร่าของผู้เฒ่าสูงสุดแห่งดาวนาเม็ก

ความแข็งแกร่งส่วนใหญ่ของเขาหายไป ซึ่งมันอาจเป็นเพราะพลังชั่วร้ายของเขา ระดับพลังของสลักในปัจจุบันนั้นอ่อนแอกว่าเมื่อก่อนมาก เหลือเพียงประมาณ 5 ล้านเท่านั้น

“สลัก…เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?”

“ยามนี้ข้าไม่ใช่สลักหรือผู้เฒ่าสูงสุดแห่งดาวนาเม็ก แต่เป็นชาวดาวนาเม็กที่ไม่อาจจดจำชื่อของตนเองได้…” สลักตอบขณะมองไปที่ร่างกายของเขา

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเฉินก็หันกลับมาและถามเนลว่า “เนล เกิดอะไรขึ้นเมื่อครู่นี้กัน? ไฉนสลักกลายเป็นเช่นนี้ได้?”

เนลได้แต่ถอนหายใจออกมา: “เพื่อให้โปรุนก้าขจัดความคิดชั่วร้ายในตัวสลัก ผู้เฒ่าสูงสุดแห่งดาวนาเม็กจึงได้รวมเข้ากับสลัก สิ่งที่เจ้ากำจัดไปในตอนนี้คือความคิดชั่วร้ายที่สะสมอยู่ในร่างของสลักในอดีต”

“เดิมทีความคิดชั่วร้ายย่อมสามารถสร้างตัวโคลนใหม่ได้ หากโคลนถูกฆ่า ร่างหลักก็จะตายเช่นกัน แต่เนื่องจากพลังชีวิตที่ได้รับจากการผสานของผู้เฒ่าสูงสุดแห่งดาวนาเม็ก ร่างหลักของสลักจึงไม่ได้ตายไปพร้อมกับร่างโคลน”

ข้าไม่ได้คิดเลยจริงๆ ว่าผู้เฒ่าสูงสุดจะทำเช่นนี้เพื่อสลัก

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเฉินก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา

ในยามนี้ ผู้อาวุโสคนที่สองแห่งดาวนาเม็กได้ก้าวไปข้างหน้าและพูดว่า “สลัก แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้เฒ่าสูงสุดแห่งดาวนาเม็กคิดไว้ แต่ตามความปรารถนาสุดท้ายของผู้เฒ่าสูงสุด ยามนี้เจ้าเป็นผู้เฒ่าสูงสุดแห่งดาวนาเม็กของเราแล้ว”

สลักหันกลับมา ใบหน้าชั่วร้ายที่เขาเคยมีอยู่เสมอไม่มีให้เห็นอีกต่อไปแล้ว

"ข้าทราบแล้ว หลังจากรวมเข้ากับผู้เฒ่าสูงสุด ข้าเข้าใจเจตนาแท้จริงของเขาและข้าก็ไม่มีความแค้นต่อเขาอีกต่อไปแล้ว จากนี้ไป ข้าจะสืบทอดเจตจำนงของเขาและพยายามอย่างหนักเพื่อความสงบสุขของดาวเคราะห์นาเม็ก…”

หลังจากพูดเช่นนั้น สลักก็หันไปมองหลินเฉินอีกครั้งและโค้งคำนับเขา: “ขอบคุณหลินเฉิน ถ้าเจ้าฆ่าข้าบนดาวเคราะห์ลาโอลา ข้าคงจะไม่มีโอกาสได้รับชีวิตใหม่”

หลินเฉินไม่เคยคิดเลยว่าในช่วงท้ายของเรื่องนี้ มันจะจบลงด้วยผลลัพธ์เช่นนี้

ผู้เฒ่าสูงสุดแห่งดาวนาเม็ก ซึ่งควรจะเสียชีวิตในอีกไม่กี่ปีข้างหน้ากลับเสียชีวิตไปก่อนด้วยการรวมเข้ากับสลัก

ถ้าเป็นเช่นนี้ เนื้อเรื่องของดาวดวงนี้ในอนาคตอาจยุ่งเหยิงมาก

แต่แล้ว หลินเฉินก็พลันคิดขึ้นมาได้ว่ากระทั่งฟรีเซอร์ก็ตายไปแล้ว มันคงจะไม่มีการต่อสู้เพื่อลูกแก้วมังกรของดาวเคราะห์นาเม็กแล้วกระมัง ถ้าเช่นนั้นเนื้อเรื่องต่อจากนี้จะเป็นเช่นไรกันนะ?

หลังจากบอกลาชาวดาวนาเม็กแล้ว หลินเฉินก็กลับไปที่ดาวเคราะห์ลาโอลา

ในยามนี้ ผลของต้นไม้แห่งชีวิตทั้งหมดบนดาวได้รับการคัดเลือกแล้ว แม้แต่เมล็ดพันธุ์ของต้นไม้แห่งชีวิตก็เจอเช่นกัน

หลังจากผ่านเรื่องทั้งหมดนี้ หลินเฉินและคนอื่นๆ ถือว่าได้รับผลประโยชน์ค่อนข้างมาก เนื่องจากความมีชีวิตชีวาที่อุดมสมบูรณ์บนดาวเคราะห์ลาโอลา ต้นไม้แห่งชีวิตจึงมีผลอย่างน้อยหนึ่งพันผล

หลินเฉินหยิบมันออกมาหนึ่งโหลและแจกจ่ายให้กับนักรบชาวไซย่าที่เข้าร่วมภารกิจนี้ แม้ทุกคนจะได้รับเพียงไม่กี่ผล แต่มันก็ถือว่าเป็นรางวัลของพวกเขา

เนื่องจากเขาได้กินผลต้นไม้แห่งชีวิตมาหลายผลแล้ว เขาจึงรู้ว่าความสามารถของมันในการเพิ่มระดับพลังมีขีดจำกัด ความสามารถที่แท้จริงของมันคือการปรับปรุงพลังทางจิตใจและฟื้นฟูจิตใจต่างหาก

ดังนั้นลูกหนึ่งต่อคนก็ถือว่าเพียงพอแล้ว

ส่วนผลต้นไม้แห่งชีวิตที่เหลือ หลินเฉินวางแผนที่จะเก็บไว้ครึ่งหนึ่งเพื่อฝึกฝนพลังจิตของเขา และส่วนที่เหลือจะใช้เป็นรางวัลให้แก่ชาวไซย่าบนดาวเคราะห์เบจิต้า

ในอนาคต หลินเฉินยังวางแผนที่จะปลูกต้นไม้แห่งชีวิตอีกครั้ง หลังจากพบเจอดาวเคราะห์ที่เหมาะสมแล้ว

ซึ่งด้วยความช่วยเหลือของเทพเจ้ามังกร บางทีดาวเคราะห์เบจิต้าอาจเก็บผลต้นไม้แห่งชีวิตได้หลายผลเลยทีเดียว เมื่อเวลานั้นมาถึง คงจะสามารถให้ผลของมันสองสามผลต่อชาวไซย่าหนึ่งคนยังได้เลย

ในยามนั้น ความแข็งแกร่งโดยรวมของไซย่าอาจก้าวกระโดดขึ้นอีกครั้ง

หลังจากจัดเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หลินเฉินจึงร่วมกับทุกคนทำลายต้นไม้แห่งชีวิตบนดาวเคราะห์ลาโอลา จากนั้นจึงใช้การเคลื่อนย้ายพริบตาและหายตัวไปจากดาวดวงนี้

ในชั่วพริบตา อีกสองเดือนได้ผ่านพ้นไป

นับตั้งแต่พวกเขานำผลของต้นไม้แห่งชีวิตกลับมา หลายคนรวมถึงราชาเบจิต้าก็เริ่มฝึกกันอีกครั้ง

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผลของต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งเป็นของล้ำค่านี้ มันมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการฝึก

อีกส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะ ร่างซูเปอร์ไซย่าในตำนานของหลินเฉินในระหว่างการต่อสู้กับสลัก มันได้ช่วยกระตุ้นพวกเขาให้ฝึกมากขึ้นเช่นกัน

ชาวไซย่าเป็นพวกปฏิเสธที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไล่ตามหลินเฉินได้ แต่ราชาเบจิต้าและคนอื่นๆ ก็ไม่ต้องการมีระดับพลังห่างจากหลินเฉินมากนัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับฮานาเซีย ประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้นางตระหนักถึงความไร้อำนาจของนางเป็นอย่างดี หลังจากกลับมา นางก็ตามหาหลินเฉินเพื่อที่จะฝึกด้วยกัน

วันหนึ่ง หลังจากการฝึกอย่างไร้ความปราณีกับฮานาเซีย หลินเฉินก็เดินออกจากห้องแรงโน้มถ่วงและเห็นพารากัส

“พารากัส เจ้าไม่ได้ไปฝึกหรือ?”

“พรสวรรค์ของข้าอยู่ในระดับปานกลาง ไม่สามารถเทียบกับท่านได้หรอกฝ่าบาท อีกทั้งข้ายังด้อยกว่าบาร์ดัคและผู้อื่น ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจที่จะมุ่งเน้นไปที่ดาวเคราะห์เบจิต้า เพื่อประโยชน์ของฝ่าบาท” พารากัสพูดพร้อมกับก้มหน้าลง

หลินเฉินยิ้ม เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ตั้งใจประจบประแจง

แท้จริงแล้วในบรรดามือขวาของหลินเฉิน ความสามารถของพารากัสนั้นธรรมดาที่สุด แม้ว่าเขาจะให้กำเนิดอัจฉริยะอย่างโบรลี่ แต่พรสวรรค์ของพารากัสเองก็ถือได้ว่าเป็นเพียงคนธรรมดา หากไม่ได้พึ่งพาวิชาปลดพลังแฝงของหลินเฉินและผลของต้นไม้แห่งชีวิต เขาคงจะไม่สามารถไปถึงระดับพลัง 500,000 ได้ด้วยซ้ำ

“บอกข้ามา คราวนี้มีเรื่องอะไรหรือ?”

“ฝ่าบาท เป็นเรื่องของดร.เกโร่ เขายื่นคำขอ แต่มันยากสำหรับข้าที่จะตัดสินใจเรื่องนี้ได้” พารากัสกล่าว

ชาวไซย่าไม่มีนักวิทยาศาสตร์อยู่ แต่ก็มีนักวิทยาศาสตร์จากเผ่าพันธุ์อื่นหลายคนบนดาว

ตั้งแต่ดร.เกโร่มาถึง หลินเฉินก็ให้พารากัสเป็นคนดูแลดร.เกโร่

หากดร.เกโร่ต้องการอะไร เขาสามารถบอกผ่านพารากัสได้โดยตรง

ในช่วงเวลานี้ พารากัสจึงได้ให้ผู้คนสร้างสถาบันวิจัยใหม่สำหรับดร.เกโร่ ในขณะที่สรรหาผู้เชี่ยวชาญด้านชีววิทยาและหุ่นยนต์จากดาวเคราะห์ดวงอื่น เพื่อร่วมมือกับการวิจัยของดร.เกโร่

ตอนนี้เมื่อได้ยินว่ามีบางอย่างที่พารากัสไม่สามารถตัดสินใจได้ หลินเฉินก็เริ่มรู้สึกอยากรู้อยากเห็น: "โอ้? มีอะไรที่เจ้าตัดสินใจไม่ได้หรือ?”

พารากัสเข้ามากระซิบข้างหูของหลินเฉินพร้อมกับพูดสองสามคำ

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของหลินเฉินพลันหยุดนิ่ง: “เข้าใจแล้ว ข้าจะไปดูที่นั่นก่อนแล้วค่อยตัดสินใจกัน”

“ขอรับฝ่าบาท!”

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด