บทที่ 38: คอตตอนเมาธ์
[พรุ่งนี้ลง 3 ตอนนะครับ หรืออาจมากกว่านั้น]
บทที่ 38: คอตตอนเมาธ์
"อึก.."
ได้แต่กลืนน้ำลายที่ไหลอยู่ท่วมปาก...
ชาเมคเดินอย่างระมัดระวังไปที่ชั้นสองของสรวงสวรรค์ฮาร์เลม ผ่านแสงไฟสลัวของไนท์คลับ
"เชี่ย นี่แหละคือสรวงสวรรค์ฮาร์เลม นี่คือสิ่งที่ฉันต้องการ!" ชาเมคไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาขณะที่เขาคลายความกังวลพลางมองลงไปที่ชั้นหนึ่งจากระเบียงของชั้นสอง
ด้วยความตื่นเต้น เขายังคงเดินเข้าไปข้างใน เมื่อยืนอยู่บนชั้นสอง เขาก็พบชายหลายคนแต่งตัวเป็นบอดี้การ์ด มันทำให้ชาเมครู้สึกกลัวพอสมควร โชคดีที่เขาไม่ได้ดึงดูดความสนใจของคนพวกนั้น ตามทางเดินบนชั้นสอง ชาเมคได้มาถึงสถานที่ที่เห็นได้ชัดว่าเป็นสำนักงาน
มาร์ตินที่เขาเคยเห็นก็อยู่ในห้องนี้
“ฉันไม่ชอบการพูดจาอ้อมค้อม บอกฉันมาว่าเกิดอะไรขึ้น?”
คอร์เนลถามพร้อมกับมองไปยังมาร์ตินและคนอื่นๆ ที่มีผ้าพันแผลติดเต็มทั่วร่างกายของพวกเขา ด้านหลังของเขามีโปสเตอร์ขนาดใหญ่ที่เขียนว่า 'โนทอเรียสบีไอจี'
"เราได้พบกับชายคนหนึ่งที่..."
"หา!" ขณะที่ยื่นมือออกไปขัดจังหวะมาร์ตินที่กำลังอธิบาย คอร์เนลก็หันไปมองมงกุฎที่สะดุดตาบนโปสเตอร์ 'โนทอเรียสบีไอจี' ที่อยู่ข้างหลังเขา "ฉันไม่อยากฟังคำแก้ตัวหรือคำอธิบาย ฉันจ่ายเงินให้พวกแกทำงานให้ฉัน ไม่ใช่มาฟังแกคร่ำครวญเหมือนกะหรี่"
"เป็นผู้ชายเอเชียสวมเสื้อกันฝนสีแดงและรองเท้าผ้าใบโทรมๆ ครับ"
คอร์เนลเลิกคิ้วขึ้นโดยไม่รู้ตัวและมองไปทางมาร์ตินที่รูปร่างสูงใหญ่ "แล้วไอ้หมอนั้นคนเดียวทุบตีแกและคนของแกเหรอ?"
“เขาแข็งแกร่งมากครับ เขาส่งผมบินด้วยการเตะเพียงครั้งเดียว”
คอร์เนลนั่งลงบนเก้าอี้และเงียบไปครึ่งวินาที ก่อนจะพูดว่า "เตะเหรอ?"
"เราพบหนูครับ"
ในขณะนี้เอง ประตูห้องทำงานก็ได้ถูกเปิดออก บอดี้การ์ดคนหนึ่งลากตัวชาเมคเข้ามาก
มาร์ติน: "ชาเมค?"
คอร์เนล: “แกรู้จักมันเหรอ?”
มาร์ติน: "ไม่ครับ เราไม่ได้สนิทกัน"
คอร์เนลมองไปที่ชาเมคและโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย "งั้นบอกมาสิไอ้หนู แกมาทำอะไรที่หน้าห้องทำงานของฉัน?"
“ผมแค่เดินดูรอบๆ เท่านั้นเองครับ ผมเป็นเพื่อนของดันเต้ ผมอยู่ฝั่งคุณ”
เมื่อเผชิญหน้ากับการจ้องมองของคอร์เนล ชาเมคได้แต่กลืนน้ำลายลงไป
“ไอ้หนู โชคร้ายหน่อยนะ โลกใบนี้มันก็มีบางที่ที่ไม่อาจจะเดินเล่นไปมาได้ โดยเฉพาะที่ของฉัน” เมื่อเห็นบอดี้การ์ดกำลังเอื้อมมือหยิบอะไรบางอย่าง ชาเมคก็หันกลับไปมองมาร์ตินและคนอื่นๆ
"ด-เดี๋ยวก่อนครับ! ผมรู้ว่าผู้ชายเอเชียคนนั้นเป็นใคร! วันนี้ผมเห็นเขา!"
เมื่อคาดการณ์ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา ชาเมคก็รีบดิ้นรนและตะโกนเพื่อหลุดออกมาจากมือของบอดี้การ์ด
“หยุด”
คอร์เนลยกมือขึ้นเพื่อหยุดบอดี้การ์ดและมองไปทางชาเมค
“บอกฉันมาว่าเขาเป็นใคร?”
...
"มีห้องเล็กๆ อยู่บนชั้นสามของร้านอาหาร เดิมทีมันเป็นห้องเก็บของ แต่ตอนนี้เธอสามารถใช้มันเป็นห้องนอนของเธอได้แล้ว "
เมื่อยามราตรีมาเยือน ที่ร้านอาหารจีนก็กำลังจะปิดร้านพอดิบพอดี...
คุณนายคอนนี่คุยกับไรอันที่กำลังทำความสะอาดห้องครัว
“ถ้าเป็นไปได้ในช่วงกลางคืนก็อยู่แต่ในห้อง ย่านฮาร์เล็มไม่ค่อยปลอดภัย โดยเฉพาะตอนดึกๆ คนจรจัดและคนไม่มีงานทำจำนวนมากชอบเดินเตร็ดเตร่ไปตามถนน พวกเขาคงมาหาเรื่องคนอย่างเธอแน่”
คุณนายคอนนี่แนะนำไรอันด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียดพร้อมกับกล่าวคำพูดสองสามคำ
"การอยู่ต่างประเทศตัวคนเดียวไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงมาที่อเมริกา แต่ในเมื่อเธอทำงานที่นี่แล้ว อย่างน้อยก็ต้องเอาตัวรอดให้ได้ ถึงเงินเดือนจากร้านอาหารจะไม่มาก แต่อย่างน้อยก็คงสามารถรับประกันอาหารสามมื้อต่อวันของเธอได้"
“ขอบคุณครับ”
ถึงไรอันจะไม่ได้ตั้งใจทำงานในร้านอาหารจีนนานขนาดนั้น แต่ความมีน้ำใจของคุณนายคอนนี่ก็ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจเล็กน้อย
ปัง--
ทว่าช่วงเวลาที่อบอุ่นนั้นอยู่ได้ไม่นานนัก ในไม่ช้า ก็มีเสียงเคาะประตูและนักเลงผิวดำหลายคนที่มีไม้เบสบอลได้บุกเข้ามา
"ขอโทษนะ เรา..."
เมื่อเห็นผู้ชายสองคนบุกเข้ามา ไรอันกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ถูกคุณนายคอนที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาดึงกลับมา
“มีเรื่องอะไรเหรอ?”
ในห้องครัว ชายเจ้าของร้านอาหารจีนที่เป็นชายวัยกลางคน มีผมสีเข้มและผิวสีเหลืองได้เดินออกมา
เพล้ง--
ไม้เบสบอลได้ทำให้ขวดเซรามิกที่วางไว้ภายในร้านแตกเป็นเสี่ยงๆ ชายผิวดำที่เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้นำได้มองไปที่คนทั้งสามภายในร้านอาหารจีน และถามด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามว่า "พวกแกอยู่ในประเทศนี้มานานแค่ไหนแล้ว? นี่พวกแกพูดภาษาอังกฤษได้หรือเปล่าวะ?"
"ภาษาอังกฤษของฉันไม่มีอะไรผิดปกติสักหน่อย"
เมื่อเผชิญหน้ากับอันธพาลที่ก้าวร้าว ชายคนนั้นก็ปกป้องภรรยาของเขาที่อยู่ข้างหลังและได้กล่าวตอบกลับไป
"คอร์เนล สโตกส์กับมาเรีย ดิลลาร์ดบอกว่าพวกแกต้องบริจาคเงินเพื่อสร้างฮาร์เลมใหม่ ถ้าส่งเงินมา พวกเราถึงจะไปกัน"
ไรอันที่อยู่ด้านข้างก็เข้าใจสถานการณ์แล้ว เห็นได้ชัดว่าอันธพาลพวกนี้มาบุกรุกเพื่อเก็บค่าที่
ดูเหมือนความปลอดภัยในย่านฮาร์เลมก็แทบจะไม่ต่างจากย่านเฮลคิทเช่นเลย
เมื่อเผชิญกับภัยคุกคามจากอันธพาล เจ้าของร้านอาหารจีนที่ถึงแม้จะกลัว แต่ก็ปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่า "ร้านอาหารนี้เป็นของฉัน พ่อของฉันทำงานอย่างหนักเพื่อซื้อตึกนี้มา บอกคอร์เนล สโตกส์และมาเรีย ดิลลาร์ดว่าฉันจะไม่ให้เงินสักแดงเดียว เราจะไม่โหวตให้มาเรีย ดิลลาร์ดเด็ดขาด ถ้าเธอยังทำเรื่องแบบนี้อีก"
“ดูเหมือนว่าแกจะไม่มีสมองเลยนะไอ้แก่”
เมื่อได้ยินเจ้าของร้านปฏิเสธ พวกอันธพาลก็เริ่มรู้สึกโกรธ คนที่เป็นผู้นำได้ยกไม้เบสบอลขึ้นและเล็งไปที่เจ้าของร้านพร้อมกับพูดออกมาว่า "ฉันไม่ใช่พวกหาเรื่องคนแก่หรอกนะโว้ย ให้เงินมาตอนที่ฉันยังพูดดีๆ อยู่ เข้าใจไหม?"
"ฉันคิดว่าพวกเขาพูดชัดเจนพอแล้วนะ"
หลังจากเฝ้ามองอยู่ด้านข้างมาเป็นเวลานาน ก็ถึงเวลาที่ไรอันจะปรากฏตัว
"อาซิง!"
เมื่อได้ยินคำพูดของไรอัน คุณนายคอนนี่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็รีบตะโกนเพื่อพยายามห้ามเขา
แต่เห็นได้ชัดว่าพวกอันธพาลสองสามคนเริ่มสังเกตเห็นไรอันกันแล้ว
“แกพูดว่าอะไรนะ?” เมื่อเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ หนึ่งในชายผิวดำก็วางไม้เบสบอลลงบนไหล่ของเขาและเผชิญหน้ากับไรอัน "ไหนลองพูดอีกครั้งสิ"
“ฉันบอกว่าพวกเขาบอกไปแล้วว่า...” หลังจากมองไม้เบสบอลที่อยู่หลังศีรษะของชายผิวดำอย่างเงียบๆ ไรอันก็ยังคงตอบด้วยใบหน้าตรงไปตรงมา
ทว่าก่อนที่ไรอันจะพูดซ้ำ ชายผิวดำที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็เปลี่ยนสีหน้าและโบกไม้เบสบอลไปทางไรอัน
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay