1068 - การต้อนรับของวังจักรพรรดิอสูร
1068 - การต้อนรับของวังจักรพรรดิอสูร
เย่ฟ่านไม่ได้เคลื่อนไหว แต่เพียงก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆและทรงพลัง จังหวะการก้าวเดินของเขามีพลังแห่ง “เต๋า” ชนิดหนึ่งไหลออกมาทำให้เกิดเสียงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
“ปัง”
สิ่งมีชีวิตโบราณทั้งสองกระอักเลือดออกมา นี่เป็นฉากที่น่าหวาดหวั่นอย่างยิ่ง
เมื่อเย่ฟ่านเดินไปที่ก้าวที่ห้าร่างกายของสิ่งมีชีวิตโบราณทั้งสองก็ถูกบดขยี้กลายเป็นหมอกเลือดทันที
“ข้ามาสายอีกแล้วหรือ?”
หลี่เทียนวิ่งมาจากภูเขาลึก ด้านหลังของนางมีหญิงสาวเผ่าอสูรที่งดงาม 2 คนติดตามมาด้วยความตื่นเต้น
“ปัง”
เย่ฟ่านกระแทกหวังเฉินคุนลงกับพื้น ทำให้กระดูกของเขาหักทันที
“เหลือสักคนก็ยังดี!” หลี่เทียนกระโดดลงมาจากท้องฟ้าและใช้ฝ่าเท้าเหยียบหน้าอกหวังเฉิงคุนอย่างรุนแรง
“เต่าเฒ่าอย่างน้อยเจ้าก็ควรให้ข้าทุบตีระบายอารมณ์สักครั้ง”
หวังเฉิงคุนกระอักเลือด ครึ่งหนึ่งโกรธ ครึ่งหนึ่งเจ็บปวด วันนี้เขาได้รับความอัปยศอดสูอย่างมาก ชื่อเสียงพังพินาศโดยสิ้นเชิง ต่อให้รอดชีวิตไปได้ก็ไม่มีทางได้เป็นหัวหน้าตระกูลอีกแล้ว
หลี่เทียนต้องการค้นหาวิญญาณดั้งเดิมของเขา แต่ทันใดนั้นก็มีคลื่นที่น่าสะพรึงกลัวบางอย่างระเบิดเข้าหาหลี่เทียนอย่างรุนแรง จากนั้นศีรษะของหวังเฉิงก็ถูกทำลายและเสียชีวิตลงอย่างนั้น
หัวใจของเย่ฟ่านสั่นสะท้าน แม้แต่ทะเลแห่งจิตสำนึกของปรมาจารย์ศักดิ์สิทธิ์ระดับผู้นำตระกูลก็ยังมีผนึกติดตั้งไว้ นี่เป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
ทุกคนอยู่ในความงุนงง ปรมาจารย์ของตระกูลโบราณเสียชีวิต นี่เป็นเหตุการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ที่สั่นสะเทือนโลกทั้งใบอย่างไม่ต้องสงสัย
ระดับการฝึกฝนของหวังเฉิงคุนหากไม่นับเป็นอย่างไรได้ แต่สถานะของเขายิ่งใหญ่ทัดเทียมกับราชันศักดิ์สิทธิ์แห่งตระกูลจี้รวมทั้งประมุขแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในโลกอำพรางสวรรค์อย่างแน่นอน
…..
วังจักรพรรดิอสูรนั้นกว้างขวางมาก และเผ่าอสูรทั้งหมดที่สามารถเข้ามาฝึกฝนในสถานที่แห่งนี้นั้นจะต้องเป็นทายาทของอสูรระดับสูงภายในหนานหลิงเท่านั้น
ที่นี่ ต้นไม้โบราณสูงกว่าภูเขาและเส้นทางที่ถูกปูด้วยอัญมณีล้ำค่าทอดยาวเข้าสู่วิหารขนาดใหญ่
เย่ฟ่าน หนานเหยา เอี๋ยนอี้ซีและหลี่เทียนนั่งอยู่ในศาลาที่งดงามเพื่อฟังกู่ฉินที่ฉีฝูสุ่ยกำลังเล่น
เสียงของกู่ฉินก้องกังวาลและเต็มไปด้วยความสดใส ทำให้บรรยากาศรื่นรมย์อย่างยิ่ง!
ไม่นานมานี้เย่ฟ่านเพิ่งละเลงเลือดยอดฝีมือจากตระกูลหวังและองครักษ์ที่มาจากเผ่าพันธุ์โบราณของพวกเขา
ความแข็งแกร่งของเย่ฟ่านครอบงำโลก แม้กระทั่งจักรพรรดิอสูรก็ยังต้องให้หนานเหยาออกมารับรองเขาด้วยตัวเอง
เสียงของกู่ฉินนั้นชัดเจนและไพเราะเสนาะหู ฉีฝูสุ่ยก็งามพร้อมอย่างที่ไม่มีสตรีใดเทียบได้
ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา ทำให้ผิวขาวใสของนางเปล่งประกายแวววาว นิ้วของนางร่ายรำราวกับสายน้ำทำให้จิตใจของผู้คนเกิดความผ่อนคลายอย่างถึงที่สุด
เมื่อโดนตีผ่านไป หนานเหยาก็ลุกขึ้นและแสดงทักษะการชงชาที่ยอดเยี่ยมที่สุด ทุกการเคลื่อนไหวของเขามีพลังแปลกๆ ทำให้จิตใจของผู้คนสงบนิ่งและชำระล้างความวุ่นวายภายในสมอง
หลังจากนั้นไม่นานหนานเหยาก็มองเย่ฟ่านและกล่าวว่า
“จื่อเทียนตูอยู่ในหนานหลิง”
จื่อเทียนตูทายาทแห่งภูเขาเทพในภาคเหนือของตงหวง เขาเป็นสหายรักของหวังเถิงตั้งแต่เมื่อสิบสองปีที่แล้ว
“เขาแข็งแกร่งแค่ไหน?”
หลี่เทียนตื่นขึ้นจากความเงียบสงบในขณะที่จิบชา ดวงตาที่เคยเหม่อลอยของเขากลับมาเปล่งประกายอีกครั้ง
“แข็งแกร่งกว่าหวังเถิงเมื่อสิบสองปีที่แล้ว” หนานเหยากล่าว
ผมสีดำของถูกปล่อยให้สยายทั่วแผ่นหลัง ดวงตาที่ทอประกายลึกล้ำนั้นมีภาพเงาของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ปรากฏขึ้นอย่างพร่ามัว
“เจ้ากำลังบอกว่าเขาส่งพลังอย่างยิ่ง นอกจากนี้หวังเถิงในปัจจุบันก็ดูเหมือนจะแข็งแกร่งไปกว่าเดิมมาก” เอี๋ยนอี้ซีกล่าว
ต้นสนสีเขียวแทบจะไม่สามารถบดบังแสงจันทร์ได้ น้ำในทะเลสาบกำลังเปล่งประกายแวววาว สถานที่ทั้งหมดกลับมาเงียบสงบอีกครั้งโดยไม่มีผู้ใดพูดคุยกัน
กลิ่นหอมอบอวลทำให้ผู้คนเกิดความเคลิบเคลิ้ม
นี่คือชาที่มีค่าที่สุดในโลก มันมาจากต้นชาสารพัดเต๋าจากภูเขาอมตะ
หนานเหยาใช้มันเพื่อรับรองแขกโดยไม่ได้เกิดความเสียดายแม้แต่น้อย และทุกคนที่มีโอกาสได้ลิ้มลองชาชนิดนี้ต่างก็เกิดความเคลิบเคลิ้มอยู่ในสมาธิของตัวเอง
“หยวนกู่แข็งแกร่งแค่ไหน?”
เย่ฟ่านถาม เขาตัดสินใจมานานแล้ว ว่าต้องฆ่าชายคนนี้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นทายาทของจักรพรรดิอมตะให้ได้
“ในตอนนั้นข้าอยู่ห่างจากเขาสิบลี้แต่เมื่อมองเห็นร่างของเขา สายตาของข้าได้มองเห็นภาพธรรมของชายหนุ่มผู้สง่างามคนหนึ่งซึ่งมีร่างกายสูงกว่าหมื่นวายืนอยู่เบื้องหลังของเขา ชายหนุ่มผู้สง่างามคนนั้นจะต้องมีความแข็งแกร่งไม่เป็นรองจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน”
หนานเหยาสูดลมหายใจอย่างลึกล้ำ เห็นได้ชัดว่าภาพธรรมนั้นตราตรึงอยู่ในใจของเขามากแค่ไหน
เพียงแค่คำอธิบายนี้ก็สามารถทำให้เย่ฟ่านเกิดความหวาดกลัวได้แล้ว ต้องเข้าใจว่าการที่คนผู้หนึ่งจะสามารถเรียกภาพธรรมของสิ่งมีชีวิตผู้ยิ่งใหญ่จากยุคโบราณออกมาได้ พวกเขาจะต้องเป็นทายาทของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น
และภาพธรรมที่อยู่เบื้องหลังของหยวนกู่ก็เพียงพอที่จะอธิบายได้แล้วว่าเขาคือทายาทสายตรงของสิ่งมีชีวิตระดับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่อย่างแน่นอน
ครั้งหนึ่งหนานเหยาเคยเข้าไปในดินแดนรกร้างตะวันออกเพียงลำพัง เขาต้องการเห็นชายหนุ่มผู้แข็งแกร่งซึ่งได้ชื่อว่าเป็นทายาทของจักรพรรดิอมตะผู้ยิ่งใหญ่แห่งเผ่าพันธุ์โบราณ
และเมื่อเขาตระหนักถึงความแข็งแกร่งของอีกฝ่าย หนานเหยาก็สำนึกตัวเองดีว่าไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของหยวนกู่ได้
“การต่อสู้ในวันนี้จะสั่นคลอนทั้งห้าอาณาจักร เจ้าต้องการให้เพื่อนเก่าของเจ้าตระหนักได้ว่าเจ้ากลับมาแล้วใช่หรือไม่?” หนานเหยาเฝ้าดูอย่างใจเย็น
เย่ฟ่านวางถ้วยชาลง มองไปในระยะไกล และกล่าวว่า “ข้าหวังว่าจะมีใครสักคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ขอเพียงรู้ที่อยู่ของพวกเขาข้าจะติดตามไปทันที”
“เจ้าไม่กลัวหรือว่าศัตรูของเจ้าจะปรากฏออกมา”
ฉีฝูสุ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน ในอดีตนางเคยถูกเย่ฟ่านจับไปเป็นสาวใช้ เรื่องนี้ทำให้นางยังโกรธแค้นไม่หายแม้ว่ามันจะผ่านไปหลายปีแล้วก็ตาม
“หากพวกมันมาข้าจะฆ่าให้หมด” เย่ฟ่านกล่าว
ในระยะไกล สีหน้าของกลุ่มอสูรที่แข็งแกร่งหลายคนเริ่มบิดเบี้ยว คำพูดของเย่ฟ่านดูกล้าหาญและครอบงำอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตามไม่มีใครสามารถหักล้างคำพูดนี้ได้ นั่นก็เพราะความแข็งแกร่งเย่ฟ่านแสดงออกมาเมื่อไม่กี่ชั่วยามก่อนยังคงตราตึงอยู่ในใจของพวกเขา
“มาเถอะบุตรแห่งสวรรค์หลี่เทียนมาที่นี่แล้ว ต่อให้มีการต่อสู้ที่สั่นสะเทือนโลกจริงๆ ข้าจะรับไว้เองทั้งหมด” หลี่เทียนกล่าวอย่างเร่าร้อน
“เจ้าก็แค่โจรเด็ดบุปผา(โจรบ้ากาม)เท่านั้น เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว!”
ฉีฝูสุ่ยมีท่าทางเหยียดหยามและกล่าวต่อไปว่า
“ถ้าเจ้าฆ่าศัตรูได้หนึ่งพันเจ้าก็จะพบกับความสูญเสียแปดร้อย ในโลกนี้มีผู้คนจำนวนมากต้องการตั้งตัวเป็นศัตรูกับเจ้าเพื่อสร้างชื่อให้กับตัวเอง”
ภายใต้คำพูดนี้ป่าสนก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่นาน เย่ฟ่านก็ถามหนานเหยาเกี่ยวกับสถานการณ์ในตงหวงและข้อมูลที่เขาได้รับก็คล้ายกับที่เขาเคยได้ยินก่อนหน้านี้
“ครั้งหนึ่งข้าเคยเข้าไปในตงหวงเพื่อดูว่าหยวนกู่แข็งแกร่งจริงหรือไม่ หากเขามีเพียงชื่อเสียงจอมปลอมข้าก็ไม่ลังเลที่จะฆ่าเขาทันที อย่างไรก็ตามถ้าไม่เคยพบกับสหายของเจ้าแม้แต่คนเดียว ข่าวล่าสุดของพวกเขาหายไปตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน ดังนั้นเจ้าไม่ควรคาดหวังอะไรมาก” หนานเหยากล่าว
เย่ฟ่านแสดงความขอบคุณ เขาไม่มีมิตรภาพที่ลึกซึ้งกับหนานเหยา แต่ทุกคนล้วนมีความเกลียดชังต่อเผ่าพันธุ์โบราณ ในเมื่อเย่ฟ่านตั้งใจที่จะเป็นหัวหอกในการทำลายสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ ย่อมมียอดฝีมือเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่น้อยที่ให้การสนับสนุน
เผ่าพันธุ์โบราณเหล่านี้หลับไหลอยู่ในต้นกำเนิดสวรรค์มานานนับล้านปี เมื่อพวกเขาตื่นขึ้นสิ่งแรกที่ต้องทำคือการแย่งชิงดินแดนจากมนุษย์
ดังนั้นการต่อสู้น้องเลือดจึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้!
……