บทที่ 20: เงินทั้งหมดที่พวกเขาได้จากการทุจริตหายไปไหนหมด?
วันนี้ลงเพิ่ม 2 ตอน เนื่องจากวันก่อนไม่ได้ลงให้
บทที่ 20: เงินทั้งหมดที่พวกเขาได้จากการทุจริตหายไปไหนหมด?
เนื่องจากเป็นเสื้อผ้าที่นายหญิงมอบให้เขา ต้าหลี่จึงยอมรับมันไปอย่างมีความสุข จากนั้นเขาจึงกล่าวออกมาว่า “ขอบคุณนายหญิง! ท่านมีจิตใจโอบอ้อมอารีมาก! หากท่านต้องการอะไรเพิ่มเติม เรียกข้าได้เลย ข้าอาจไม่ได้รับการศึกษาที่ดี แต่ข้ามีความแข็งแกร่งและสามารถทำงานหนักได้!”
หลี่ซือซือยิ้ม นางดูชื่นชอบต้าหลี่ที่มีจิตใจตรงไปตรงมาและไม่ค่อยทันคนผู้นี้มาก
ในยามนั้นเอง หลี่ซือซือมองไปโดยรอบด้วยความสงสัยและประหลาดใจ “มีแค่เจ้าสองคนอยู่ที่นี่หรือ? ไม่ใช่ใครอื่นแล้ว?”
ต้าหลี่ส่ายศีรษะ “ไม่มีแล้ว มีแค่ข้ากับนายท่าน!”
หลี่ซือซือรู้สึกประหลาดใจยิ่งขึ้นไปอีก “แค่เจ้าสองคนในลานกว้างเช่นนี้หรือ? ทำไมไม่จ้างคนมาดูแลล่ะ?”
ก็เพราะความสะดวกที่จะเตรียมหนีไปตลอดเวลา ข้าจะไปเสียเงินเรื่องพวกนี้ทำไมกันเล่า!
หลินเป่ยฟานกำลังจะหาข้ออ้างที่จะหลอกนาง แต่ต้าหลี่ก็ตอบว่า “ขอตอบท่านหญิง นายท่านบอกว่าเราทั้งคู่โตแล้ว สามารถดูแลตัวเองได้ ดังนั้นเราจึงไม่จำเป็นต้องจ้างใคร!”
หลี่ซือซือประหลาดใจมากยิ่งขึ้นไปอีก “ไม่จ้างใครเลยหรือ?”
พวกเขาจะไม่จ้างใครได้อย่างไร? ข้าราชการส่วนใหญ่ล้วนมีการงานกันมากมายอยู่แล้ว ถ้าพวกเขาไม่จ้างใครเลย พวกเขาจะจัดการเรือนที่ตนอยู่ได้ยังไงกัน? นอกจากนี้ คนส่วนใหญ่ที่มีอำนาจล้วนสนใจภาพลักษณ์ของตนเอง โดยเฉพาะเหล่าข้าราชการ
แม้ว่าจะเป็นเพียงข้าราชการตำแหน่งเล็กๆ ต่อให้พวกเขาจะมีเงินหรือไม่ พวกเขาก็ยังคงจ้างคนมารับใช้เพื่อให้คอยดูแลชีวิตประจำวัน อาหารและต้อนรับแขก มิฉะนั้นคนอื่นคงจะดูถูกพวกเขา
แถมถ้าเจ้ายักยอกเงินจำนวนมากมาแล้ว การใช้เงินจ้างคนใช้มันจะไปมีปัญหาอะไรกัน?
ทว่าถึงเรื่องนี้จะรบกวนจิตใจนางมาก แต่นางก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป เนื่องจากความสัมพันธ์ของพวกเขายังไม่คุ้นเคยพอ การรีบกวนน้ำให้ขุ่นอาจทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ
ณ จุดนี้ หลินเป่ยฟานก็หยิบเงินออกมาและพูดว่า “ต้าหลี่ ในเมื่อเรามีแขกที่หาได้ยากทั้งที ไปซื้อไวน์และอาหารดีๆ กันเถอะ!”
"ขอรับนายท่าน ข้าจะเก็บเสื้อผ้าก่อนและไปซื้อมันให้เอง!” ต้าหลี่รับเงินและวิ่งออกไป
ยามนี้จึงเหลือเพียงหลินเป่ยฟาน หลี่ซือซือและเสี่ยวกุ้ยเท่านั้น
หลี่ซือซือครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและยิ้มออกมา “ท่านช่วยพาข้าไปดูบริเวณรอบๆ ได้ไหม?”
"ได้อยู่แล้ว!" หลินเป่ยฟานพยักหน้า
จากนั้นหลินเป่ยฟานก็พาหลี่ซือซือไปชมพื้นที่โดยรอบ
ระหว่างทาง หลี่ซือซือก็พบว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่จริงๆ และดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่มีค่าเลย
สิ่งเดียวที่ควรค่าแก่การยกย่องคือ ลานบ้านได้รับการดูแลอย่างดีและเป็นระเบียบเรียบร้อย
เนื่องจากมีลานกว้างและมีคนน้อย บรรยากาศที่นี่จึงเงียบสงบมาก
สิ่งนี้ไม่เพียงแต่กระตุ้นความอยากรู้ของนางเกี่ยวกับหลินเป่ยฟาน แต่ยังทำให้นางรู้สึกว่าเขาดูเหมือนไม่ใช่ข้าราชการทุจริตเลย
เพราะตามปกติข้าราชการที่ทุจริต หลังจากยักยอกเงินแล้ว พวกเขามักจะนำเงินพวกนั้นมาเสพสุข
แต่ที่นี่ไม่มีข้ารับใช้อยู่เลย!
ดูแล้วเขาเหมือนจะไม่ใช่ข้าราชการด้วยซ้ำ!
เมื่อเทียบกับข้าราชการคนอื่นๆ อาจกล่าวได้ว่าเขาน่าสงสารมาก!
ในยามนี้เอง หลินเป่ยฟานได้พาพวกนางไปที่ด้านหน้าของห้องที่ดูใหญ่โตและจึงพูดออกมาว่า “แม่นางซือซือ นี่คือห้องของเจ้า! มันเคยเป็นห้องภรรยาของเสนบาดีจ้าวมาก่อน ข้าทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว เพื่อที่จะเตรียมให้เจ้าย้ายเข้ามาอยู่ได้เลย!”
"ขอบคุณท่านมากเลยเจ้าค่ะ!" หลี่ซือซือโค้งคำนับเล็กน้อย
“ส่วนเสี่ยวกุ้ย ห้องของเจ้าอยู่ถัดไป!” หลินเป่ยฟานกล่าว
"ขอบคุณนายท่านมากเลยเจ้าค่ะ!" เสี่ยวกุ้ยยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
“พวกเจ้าสามารถใช้เวลาปรับตัวกับที่นี่ได้ตามสบาย ถ้าเจ้ามีปัญหาอะไร ก็มาหาข้าได้เลย!” หลินเป่ยฟานกล่าว ก่อนจะจากไป
หลี่ซือซือมองดูร่างที่จากไปของเขา ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความซับซ้อน
เวลาอาหารมื้อค่ำได้มาถึงอย่างรวดเร็ว มีโต๊ะสองโต๊ะ หนึ่งคือของหลินเป่ยฟานและหลี่ซือซือ ส่วนต้าหลี่และเสี่ยวกุ้ยจะอยู่อีกโต๊ะหนึ่ง
โต๊ะเต็มไปด้วยอาหารและไวน์รสเยี่ยม มีตั้งแต่ไก่ เป็ด ปลาและผักตามฤดูกาล ส่วนไวน์เป็นไวน์ข้าวชั้นดี
ทว่าหลี่ซือซือตกตะลึงมากเมื่อนางเห็นอาหารบนโต๊ะ เพราะมันแตกต่างจากที่นางเคยกินพอสมควร
ตามปกตินางจะกินเนื้อสัตว์เช่น ไก่ เป็ดและปลาเป็นประจำ แต่มันจะมีเพียงส่วนที่สำคัญที่สุดที่ถูกนำมาจัดวางอย่างประณีตบนจานพร้อมน้ำจิ้มที่เรียกน้ำย่อยจากผู้ที่มองมัน
ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะ มันแค่ถูกใส่ลงในหม้อโดยไม่มีน้ำจิ้มมากนัก อีกทั้งเนื้อบางส่วนยังไม่ได้รับการทำความสะอาดอย่างถูกต้องด้วย
ไวน์ที่นางมักจะดื่มก็ยังเป็นเครื่องดื่มคุณภาพสูง หวานและเบา ทิ้งรสชาติอันน่าจดจำไว้ ซึ่งแตกต่างจากไวน์ข้าวที่ค่อนข้างขุ่นและมีรสขม
หลี่ซือซือวางตะเกียบลงและถามว่า “ท่านมักจะกินแบบนี้เป็นประจำเลยหรือเจ้าคะ?”
หลินเป่ยฟานส่ายศีรษะ “ไม่หรอก ตามปกติข้าไม่กินแบบนี้”
“ข้าว่าแล้วเชียว!” หลี่ซือซือถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ข้าไม่สามารถแม้แต่จะกินเนื้อสัตว์ได้ตามปกติ นับประสาอะไรกับการดื่มไวน์รสชาติดี! เป็นเพียงเพราะยามนี้ข้าเป็นข้าราชการและมีเงินเดือน ข้าจึงสามารถกินได้ดีขึ้นเล็กน้อย! ทว่าด้วยความที่พวกเจ้าอยู่ที่นี่ เราจึงได้ทุ่มเงินเพื่อซื้ออาหารคุณภาพดีมากขึ้น!” หลินเป่ยฟานหัวเราะออกมา
ในขณะที่หลี่ซือซือมองไปที่รอยยิ้มที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสาของเขา สีหน้าของนางพลันคล้ายกับตนกำลังฝันอยู่
ยามนั้นเอง ต้าหลี่ที่กำลังยุ่งอยู่กับการกินเนื้อสัตว์ก็พยักหน้าอย่างเร่งรีบและพูดว่า “ใช่ขอรับ ในอดีตข้าอยู่กับนายท่านมาตลอด พวกเราต่างก็ใช้ชีวิตที่ยากลำบากมาก การมีเนื้อตกปากเดือนละครั้งก็นับได้ว่าดีแล้ว! ไม่เหมือนกับยามนี้เลยที่เราได้กินเนื้อในทุกมื้อ! มื้ออาหารวันนี้เรียกได้หรูหราที่สุดเท่าที่ข้าเคยเห็นมาเลย! นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าถึงตั้งใจร่ำเรียนเพื่ออนาคตอันดี! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” จิตใจของหลี่ซือซือพลันยิ่งยุ่งเหยิงมากขึ้นไปอีก
ถ้าหลินเป่ยฟานยังโกหกได้ ก็มีโอกาสอยู่พอสมควรที่ต้าหลี่จะโกหกด้วย
ทว่าเพราะอีกฝ่ายดูเป็นคนซื่อและตามใครไม่ทัน คำพูดของเขาจึงดูจริงมาก หลี่ซือซือพลันจมอยู่ในห้วงภวังค์ของตน ก็เข้าใจได้ว่าในอดีต พวกเขาอาจมีชีวิตที่ยากจนและต้องกินแต่อาหารแย่ๆ แต่ยามนี้พวกเขามีเงินมหาศาลแล้ว ไฉนพวกเขาถึงมีชีวิตยากลำบากเช่นนี้กันล่ะ?
เงินทั้งหมดที่พวกเขาได้จากการทุจริตหายไปไหนหมดแล้ว?