ตอนที่ 516 ดูบาร์
ตอนที่ 516 ดูบาร์
ระหว่างทางหญิงสาวผมสั้นคนนั้นมักจะแอบมองเซี่ยเฟยอยู่อย่างลับ ๆ และเนื่องมาจากว่าชายหนุ่มมีประสาทสัมผัสที่ไม่ธรรมดา เขาจึงสังเกตเห็นท่าทางอันแปลกประหลาดของเธอทุกวัน
ตั้งแต่เดินทางมายังดินแดนผู้ใช้กฎเซี่ยเฟยยังไม่มีเพื่อนเลยสักคน และในทุก ๆ วันเขาก็มักที่จะได้รับสายตาดูถูกเหยียดหยามอย่างมากมาย เขาจึงค่อนข้างที่จะรู้สึกดีกับผู้หญิงคนนี้และมันก็ทำให้เขามักที่จะนึกถึงช่วงเวลาดี ๆ ที่เขาได้มีร่วมกับสหายของเขา
เมื่อกลับมาในห้องเซี่ยเฟยก็นำคริสตัลม่วงออกมาถือไว้ในมือ ท้ายที่สุดความรู้สึกอันยอดเยี่ยมจากการดูดซับพลังงานต้นกำเนิดก็ทำให้เขาลืมไม่ลง เขาจึงค่อนข้างรู้สึกเสพติดความรู้สึกนี้อยู่เล็กน้อย
ความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูด เพราะเมื่อพลังงานต้นกำเนิดได้ถูกดูดซับเข้าไปในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 พลังงานพวกนั้นก็เหมือนกับจะถูกส่งตรงไปยังเซลล์ทุกเซลล์ภายในร่างกาย และมันก็ทำให้เขารู้สึกคล้ายกับการได้ลงไปแช่บ่อน้ำพุร้อนท่ามกลางบรรยากาศอันหนาวจัด
นอกเหนือจากความสบายที่เกิดขึ้นบนร่างกายแล้ว สภาพจิตใจของเขาก็รู้สึกแจ่มใสอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่น่าเสียดายที่เด็กฝึกอย่างเขาจะได้รับคริสตัลม่วงเพียงแค่เดือนละ 3 ชิ้นเท่านั้น เซี่ยเฟยจึงจำเป็นจะต้องเก็บพวกมันไว้ใช้ในเวลาที่เขาคิดว่ามันจำเป็นจริง ๆ
เซี่ยเฟยพยายามห้ามปรามตัวเองไม่ให้ดูดซับพลังงานต้นกำเนิดอย่างเสียเปล่า ก่อนที่เขาจะเก็บคริสตัลม่วงเข้าไปในแหวนมิติและหยิบต้นกรงเล็บภูติโลหิตออกมาด้านนอก
สมุนไพรประหลาดต้นนี้คือความหวังเดียวที่จะช่วยให้เขาสามารถเรียนรู้พลังของกฎได้ แต่มันก็ดูเหมือนจะไม่สนใจความปรารถนาของเขาเลยและเริ่มจะเกิดการกลายพันธุ์เป็นครั้งที่ 8
“เดี๋ยวก่อนนะ…” เซี่ยเฟยยกมือขึ้นมาแปะคางตัวเองยังใช้ความคิด
“มีอะไร?” อันธถาม
“ถ้าฉันส่งพลังงานต้นกำเนิดไปให้กรงเล็บภูติโลหิตโดยตรง มันจะเร่งอัตราการเติบโตด้วยไหม?”
“ตามทฤษฎีพลังงานบริสุทธิ์ย่อมดีกว่าพลังงานดิบ แม้กระทั่งขนอุยก็ยังมองไปที่คริสตัลต้นกำเนิดด้วยตาเป็นประกาย แต่จำนวนของคริสตัลต้นกำเนิดในมือของนายมีน้อยเกินไป ฉันคิดว่านายควรจะเก็บพวกมันเอาไว้ใช้ในช่วงจำเป็นดีกว่า” อันธกล่าว
“อย่าลืมนะว่าฉันยังมีหัวใจจักรวาลสีม่วงเก็บเอาไว้อยู่อีก 6 ตัน อย่างแย่ที่สุดฉันก็สามารถเอาหัวใจจักรวาลพวกนั้นไปแลกเป็นคริสตัลต้นกำเนิดด้วยอัตรา 10 ต่อ 1 ได้ ฉันว่าตราบใดก็ตามที่คริสตัลต้นกำเนิดช่วยเร่งการเติบโตของกรงเล็บภูติโลหิตได้ มันก็คุ้มค่ากับราคาที่ฉันจะต้องเสียไป” เซี่ยเฟยกล่าว
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ตัดสินใจหยิบคริสตัลม่วงออกมาจากแหวนมิติ และค่อย ๆ ส่งพลังงานต้นกำเนิดเข้าไปในภาชนะของกรงเล็บภูติโลหิต
ทันใดนั้นเองกรงเล็บภูติโลหิตก็เริ่มดูดพลังงานต้นกำเนิดเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งในเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาทีมันก็ดูดพลังงานสีม่วงพวกนั้นไปจนหมด
“เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?!” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เพราะความเร็วในการดูดซับพลังงานของกรงเล็บภูติโลหิตอยู่ในอัตราที่รวดเร็วกว่าเดิมมาก
“พลังงานบริสุทธิ์เหมาะที่จะดูดซับมากกว่าพลังงานดิบจริง ๆ สินะ นี่ถ้าหากว่าฉันมีคริสตันม่วงเป็นจำนวนมาก มันก็น่าจะช่วยเร่งอัตราการเติบโตของกรงเล็บภูติโลหิตได้”
จากนั้นเซี่ยเฟยก็เริ่มส่งพลังงานต้นกำเนิดจากคริสตัลชิ้นที่ 2, ชิ้นที่ 3, ชิ้นที่ 4 ไปให้กรงเล็บภูติโลหิตมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งหลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไปเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง กรงเล็บภูติโลหิตก็ได้ดูดซับพลังงานต้นกำเนิดจากคริสตัลม่วงไปแล้วถึง 11 ชิ้น
เมื่อชายหนุ่มได้มองไปยังคริสตัลม่วงชิ้นสุดท้าย เขาก็ทำได้เพียงแต่เผยรอยยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ท้ายที่สุดมันก็เคยมีคำกล่าวในพันธมิตรว่าทุกสิ่งสามารถขับเคลื่อนได้ด้วยเงิน เพียงแต่ในดินแดนของผู้ใช้กฎสกุลเงินอย่างคริสตัลต้นกำเนิดไม่เพียงแต่จะเอามาใช้สำหรับการจับจ่ายทั่วไปเท่านั้น แต่มันยังสามารถเอามาใช้เป็นแหล่งพลังงานให้กับสิ่งมีชีวิตได้อีกด้วย
“นี่ฉันจะต้องแลกหัวใจจักรวาลสีม่วงเป็นคริสตัลต้นกำเนิดจริง ๆ งั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยส่งเสียงพึมพำออกมาเบา ๆ เพราะท้ายที่สุดการแลกเปลี่ยนด้วยอัตรา 10 ต่อ 1 ก็เป็นอัตราการแลกเปลี่ยนที่น่าเจ็บปวดมากจนเกินไป
ขนอุยจ้องมองไปทางเซี่ยเฟยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด เพราะมันต้องการที่จะดูดซับพลังงานบริสุทธิ์พวกนั้นมาเป็นเวลานานแล้ว แต่เซี่ยเฟยกลับเลือกที่จะมอบพลังงานบริสุทธิ์ทั้งหมดให้กับต้นไม้โดยไม่แบ่งพลังงานมาให้กับมันเลยแม้แต่นิดเดียว
ก๊อก ๆ ๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างฉับพลัน และเมื่อชายหนุ่มได้เปิดประตูออกเขาก็ได้พบว่าคนที่มาหาเขาคือคอปเปอร์ ผู้ซึ่งเป็นผู้ฝึกสอนของตระกูลหยูนั่นเอง
“ทำไมนายถึงไม่ไปเข้าร่วมการฝึกในตอนเช้า?” คอปเปอร์ถามทันทีที่ชายหนุ่มได้เปิดประตู
“ถึงยังไงผมก็ไม่สามารถฝึกฝนกฎพวกนั้นได้อยู่แล้ว ถึงผมไปผมก็ไม่ได้อะไรกลับมา” เซี่ยเฟยกล่าวตอบด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น
เซี่ยเฟยเชิญให้คอปเปอร์นั่งลงบนเก้าอี้เพียงตัวเดียวภายในห้อง ก่อนที่เขาจะสั่งให้กระป๋องไปชงน้ำชามาเสิร์ฟแขก
“ฉันคิดว่าฉันมีงานมาให้นายทำ แต่ไม่รู้ว่านายอยากจะทำงานนั้นหรือเปล่า?” คอปเปอร์เริ่มกล่าวเข้าประเด็น
“งานอะไรเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถามอย่างสับสน
“นายรู้จักปรมาจารย์ดูบาร์ไหม?” คอปเปอร์กล่าว
“ผมได้ยินมาว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญกฎแห่งการกลั่นพลังงานเพียงคนเดียวในตระกูลหยู คริสตัลต้นกำเนิดส่วนใหญ่ที่ทุกคนใช้ในตระกูลต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของเขาด้วยเหมือนกัน” เซี่ยเฟยกล่าว
“ใช่แล้ว ปรมาจารย์ดูบาร์ฝึกฝนกฎแห่งการกลั่นพลังงานได้จนถึงขั้นที่ 3 เขาจึงสามารถกลั่นคริสตัลต้นกำเนิดที่ต่ำกว่าระดับ 3 ได้ทั้งหมด”
“ตอนนี้นี้ปรมาจารย์ดูบาร์คอยดูแลลูกศิษย์อยู่ทั้งหมด 3 คน และมีคนที่คอยช่วยงานอยู่อีกหลายสิบคน ฉันคิดว่านายมีพรสวรรค์ในการควบคุมพลังงานต้นกำเนิดได้เป็นอย่างดี ฉันจึงอยากจะลองแนะนำให้นายไปเป็นผู้ช่วยของเขาดู”
“ถ้าหากว่านายผ่านบททดสอบกลายเป็นผู้ช่วยของเขาได้สำเร็จ นายจะได้รับคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 2 จำนวน 5 ชิ้นเป็นค่าตอบแทนทุก ๆ เดือน ถึงแม้รายได้จากงานนี้จะไม่สูงมากนักแต่มันก็ใช้เวลาทำงานเพียงแค่ไม่นาน เพราะเวลาเข้างานน่าจะเป็นแค่ช่วงบ่ายจนถึงเย็น ว่ายังไงนายพอจะสนใจงานนี้ไหม?”
“ในดินแดนของผู้ใช้กฎ ผู้เชี่ยวชาญด้านการกลั่นพลังงานถือได้ว่าเป็นอาชีพที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุด เพราะไม่ว่านักรบผู้ใช้กฎจะอยู่ในระดับไหน พวกเขาต่างก็จำเป็นจะต้องใช้งานคริสตัลต้นกำเนิดเพื่อเติมเต็มพลังงานให้ร่างกายของพวกเขาอยู่เสมอ”
“ในขณะเดียวกันถึงแม้ว่าตระกูลหยูจะดูแลผู้คนอยู่หลายล้านคน แต่ทั้งตระกูลก็มีผู้เชี่ยวชาญด้านการกลั่นพลังงานระดับ 3 อยู่เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น นายน่าจะนึกภาพออกใช่ไหมว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพที่ล้ำค่าและหาได้ยากมากขนาดไหน”
“พูดตามตรงก็คือท่านดูบาร์กำหนดมาตรฐานผู้ช่วยของเขาเอาไว้สูงมาก แม้ว่าฉันจะช่วยแนะนำนายให้ไปเป็นผู้ช่วยของเขาได้ แต่เขาจะจ้างหรือไม่จ้างในเรื่องนั้นฉันก็รับประกันให้ไม่ได้เหมือนกัน”
ความจริงแล้วคอปเปอร์แค่พยายามหาทางออกให้เซี่ยเฟยได้ใช้ชีวิตในดินแดนของผู้ใช้กฎอย่างราบรื่น เพราะถ้าหากชายหนุ่มคนนี้ไม่สามารถที่จะเรียนรู้พลังของกฏได้ เขาย่อมใช้ชีวิตอย่างยากลำบากอย่างแน่นอน
คอปเปอร์ไม่ใช่สมาชิกภายในจากตระกูลหยูเช่นเดียวกัน เขาจึงรู้ดีว่าสมาชิกภายนอกของตระกูลต้องตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชมากแค่ไหน ดังนั้นการได้เห็นเซี่ยเฟยเดินบนถนนพร้อมกับถูกคนอื่นหัวเราะเยาะอยู่ทุกวัน มันจึงทำให้เขารู้สึกสงสารชายหนุ่มคนนี้และพยายามหาทางช่วยที่เขาพอจะหยิบยื่นความช่วยเหลือออกไปได้
“เรื่องนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้ผมได้รู้จักกับผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงเท่านั้น แต่ผมยังจะได้รับค่าตอบแทนมากขึ้นด้วย แล้วทำไมผมถึงจะต้องปฏิเสธข้อเสนอดี ๆ แบบนี้ล่ะครับ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เอาล่ะถ้าอย่างนั้นก็ตามฉันมา” คอปเปอร์กล่าวพร้อมกับลุกยืนขึ้นเพื่อเตรียมตัวจะออกไปด้านนอก
เซี่ยเฟยบอกให้กระป๋องหยิบกล่องชามอบเป็นของขวัญให้กับคอปเปอร์ ซึ่งชายฉกรรจ์คนนี้ก็ไม่ปฏิเสธน้ำใจก่อนที่จะเก็บกล่องชาพวกนั้นเข้าไปไว้ในแหวนมิติ
—
ดูบาร์อาศัยอยู่ไกลจากเมืองที่เซี่ยเฟยอาศัยอยู่ไม่ไกลมากนัก ซึ่งที่อยู่ของเขาก็เป็นอาคารรูปทรงโบราณที่มีลานกว้างอยู่นอกบ้าน
คอปเปอร์เดินนำเซี่ยเฟยไปที่ประตู ก่อนที่เขาจะเคาะประตูขึ้นมาเบา ๆ
“มีธุระอะไร?” เด็กชายอายุประมาณ 15 ปีกล่าวถามอย่างเย่อหยิ่ง หลังจากที่เขาเปิดประตูออกมาพบกับคอปเปอร์และเซี่ยเฟย
“คุณรูบี้ พวกเราต้องการจะขอพบท่านดูบาร์” หลังจากกล่าวจบคอปเปอร์ก็รีบยื่นป้ายประจำตัวไปให้กับเด็กหนุ่ม
“รอก่อน” เด็กหนุ่มรับป้ายไปด้วยท่าทางอันเย็นชา ก่อนที่เขาจะปิดประตูลงโดยไม่คิดที่จะเชิญแขกเข้าไปยังด้านใน
“แหมะ อากาศในวันนี้มันช่างดีจริง ๆ” เซี่ยเฟยพึมพำขณะใช้มือพัดลมเข้าใส่หน้าของตัวเองอย่างประชดประชัน
คอปเปอร์รีบส่งสัญญาณให้เซี่ยเฟยเงียบเสียงลง ก่อนที่จะกระซิบขึ้นมาอย่างระมัดระวังว่า
“สถานะของผู้เชี่ยวชาญด้านการกลั่นพลังงานสูงส่งมาก แม้ว่าท่านหยูเจียงจะมาที่นี่ แต่เขาก็ยังจำเป็นจะต้องแสดงความเคารพต่อท่านดูบาร์อยู่บ้าง”
กาลเวลาค่อย ๆ ผ่านไปอย่างเชื่องช้า ก่อนที่ประตูจะถูกเปิดอีกครั้งเมื่อเวลาได้ผ่านพ้นไป 2 ชั่วโมงเต็ม ๆ
“เข้ามาได้” เด็กชายโยนป้ายคืนให้คอปเปอร์พร้อมกับพูดขึ้นมาอย่างเหยียดหยาม
คอปเปอร์พยักหน้าขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเซี่ยเฟย
บ้านของดูบาร์มีขนาดใหญ่มากและมันก็มีแผ่นหินวางอยู่ตรงกลางลาน ซึ่งบนแผ่นหินนี้ก็ได้จารึกอักขระของกฎ ๆ หนึ่งเอาไว้ ซึ่งมันมีความแตกต่างจากอักขระของกฎแห่งมิติและกฎแห่งความโกลาหล แต่เซี่ยเฟยกลับรู้สึกคุ้นเคยกับอักขระนี้อย่างอธิบายไม่ถูก
“มองอะไร? เศษขยะอย่างแกอยากจะลองใช้กฎแห่งการกลั่นพลังงานงั้นเหรอ?!” ชายหนุ่มที่อยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจเมื่อได้เห็นเซี่ยเฟยจ้องมองไปยังแผ่นหินที่อยู่กลางลาน
เซี่ยเฟยทำได้เพียงแต่เก็บซ่อนความไม่พอใจเอาไว้และเดินตามคอปเปอร์ไปยังห้องนั่งเล่น
ในที่สุดพวกเขาก็ได้พบกับชายชราตัวอ้วนผิวขาวคนหนึ่ง ซึ่งรูปร่างภายนอกของเขาก็ทำให้เซี่ยเฟยได้คิดถึงตัวตุ่น
“นี่น่ะเหรอคนที่นายอยากจะแนะนำ เขามีความพิเศษยังไง?” ดูบาร์กล่าวถาม
คอปเปอร์รีบแสดงความเคารพก่อนที่เขาจะเล่าถึงความสามารถในการดูดซับพลังงานต้นกำเนิดของเซี่ยเฟยในครั้งแรก
“อะไรนะ?! เขาใช้เวลาดูดซับพลังงานต้นกำเนิดครั้งแรกแค่ 30 นาทีเองงั้นเหรอ?” ดูบาร์อุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
“ใช่ครับ พลังงานไหลเวียนภายในร่างของเขาอย่างราบรื่นมาก ผมรับผิดชอบหน้าที่อบรมเด็กฝึกมา 7 ปีแล้ว แต่ผมยังไม่เคยเห็นใครควบคุมพลังงานได้ละเอียดเท่ากับเขาเลย” คอปเปอร์กล่าว
“ต่อให้นายจะพูดอะไรไปก็ไร้ประโยชน์ เอานี่ไปแล้วลองดูดซับพลังงานให้ฉันดูซะ” ดูบาร์กล่าวพร้อมกับโยนคริสตัลม่วงไปให้กับเซี่ยเฟย
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับก่อนที่เขาจะเริ่มดูดซับพลังงานเข้าไปในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาอย่างรวดเร็ว
เนื่องจากว่าครั้งนี้ไม่ใช่การดูดซับพลังงานเป็นครั้งแรก เซี่ยเฟยจึงสามารถดูดซับพลังงานได้อย่างรวดเร็วกว่าครั้งก่อนมาก ซึ่งในเวลาเพียงแค่ไม่ถึง 5 นาทีคริสตัลที่เคยมีสีม่วงสดใสก็กลายเป็นเพียงแค่คริสตัลโปร่งใสที่ไม่เหลือพลังงานอยู่ด้านในแล้ว
“วิเศษมาก! นี่มันยอดเยี่ยมจริง ๆ นี่มันอัจฉริยะชัด ๆ นายชื่ออะไร?” ดูบาร์กล่าวพร้อมกับลุกยืนขึ้นด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“เซี่ยเฟยครับ”
“เซี่ยเฟย นายยินดีที่จะมาเป็นลูกศิษย์ฉันหรือเปล่า?”
คำพูดของดูบาร์ทำให้คอปเปอร์ที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกดีใจด้วยเหมือนกัน และมันก็เป็นเรื่องที่บ้ามากที่เซี่ยเฟยสามารถดูดซับพลังงานได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้
ยิ่งไปกว่านั้นการดูดซับพลังงานครั้งนี้น่าจะเป็นเพียงแค่การดูดซับพลังงานครั้งที่ 2 ของเซี่ยเฟย แต่ชายหนุ่มกลับสามารถดูดซับพลังงานต้นกำเนิดได้ถึง 90% ซึ่งมันเป็นการพัฒนาที่น่าตกตะลึงมากพอสมควร
เซี่ยเฟยรู้สึกว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไรที่เขาจะมาอยู่ภายใต้การดูแลของปรมาจารย์ผู้เชี่ยวชาญการกลั่นพลังงาน ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะตอบตกลงออกไป
แต่ในทันใดนั้นมันก็มีเสียงอันเย็นชาดังขึ้นมาจากด้านนอกประตูเสียก่อน
“ท่านอาจารย์อย่าพึ่งใจร้อน! ถึงแม้เขาจะมีความสามารถในการควบคุมพลังงานที่ดี แต่ท่านอาจารย์ก็ควรจะต้องตรวจสอบศักยภาพของเขาก่อน”
พริบตาต่อมาชายร่างสูงก็เดินเข้ามาภายในห้อง ซึ่งชายคนนี้คือหยูเสี่ยวโม่ผู้ซึ่งเป็นศิษย์คนที่ 3 ของดูบาร์
“นั่นสินะ ฉันลืมตรวจสอบสมองของเขาไปเลย” ดูบาร์กล่าวออกมาหลังจากที่ตระหนักว่าเขาได้ลืมขั้นตอนในส่วนสำคัญไป
***************