ตอนที่แล้วตอนที่ 513 วีรบุรุษก็แค่เศษขยะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 515 ดูดซับพลังต้นกำเนิด

ตอนที่ 514 เรียนรู้กฎแห่งมิติ


ตอนที่ 514 เรียนรู้กฎแห่งมิติ

“กฎบ้ากฎบออะไร? ฉันไม่สนใจ ฉันให้เวลาเตรียมตัว 3 วินาที หลังจากนี้ไม่แกก็ฉันจะต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!” เซี่ยเฟยพูดอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็ยกนิ้วกลางให้กับฝ่ายตรงข้ามด้วยท่าทางที่ยั่วยุ

ใครก็ตามที่คุ้นเคยกับเซี่ยเฟยเป็นอย่างดีจะรู้ว่าแท้ที่จริงแล้วชายหนุ่มคนนี้คือคนบ้าที่ไม่เคยสนใจกฎเกณฑ์ใด ๆ แล้วเขาก็สามารถฆ่าคนได้โดยไม่กระพริบตาด้วยซ้ำ

หนุ่มผิวขาวคู่กรณีขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างหนัก เพราะมันมีกฎเหล็กของตระกูลที่ไม่อนุญาตให้มีการต่อสู้ในเขตของหอพัก ดังนั้นถ้าหากว่าเขาได้ต่อสู้กับเซี่ยเฟยจริง ๆ มันก็จะเป็นตัวเขาเองที่ถูกลงโทษอย่างรุนแรง และผู้ลงโทษก็จะไม่สนใจด้วยซ้ำว่าใครคือฝ่ายเริ่มการวิวาทขึ้นมาก่อน

“แกอย่ามาทำตัวไร้เหตุผล! กฎได้ระบุเอาไว้อย่างชัดเจนว่าไม่ให้ผู้พักอาศัยทะเลาะวิวาทในเขตหอพัก วันพรุ่งนี้ในสนามซ้อมฉันจะทำให้แกได้รู้เองว่าคนอย่างแกมันก็เป็นเพียงแค่ขยะ” ชายผิวขาวยังคงกล่าวดูถูกต่อไป

“พรุ่งนี้? แกคงไม่มีชีวิตรอดไปจนถึงพรุ่งนี้แล้วล่ะ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความอำมหิต

เมื่อเวลา 3 วินาทีได้ผ่านพ้นไป ชายผิวขาวก็ไม่มีการเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย เซี่ยเฟยจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องเป็นผู้เริ่มลงมือก่อนเท่านั้น

หิมะโปรยถูกตวัดออกไปอย่างรวดเร็วทำให้อุณหภูมิภายในห้องนั่งเล่นเย็นตัวลงอย่างฉับพลัน พริบตาต่อมามีดสั้นเล่มนั้นก็พุ่งตรงเข้าไปในปากของคู่ต่อสู้ โดยเซี่ยเฟยต้องการจะดูว่าหลังจากนี้มันจะมีใครกล้าปากเก่งกับเขาอีกไหม

“หยุด!”

ทันใดนั้นเองมันก็มีเสียงดังราวกับฟ้าร้องดังขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้ทั่วทั้งห้องโถงสั่นอย่างรุนแรง จนทำให้เด็กฝึกหลาย ๆ คนต้องยกมือขึ้นมาปิดหูด้วยความเจ็บปวด และมันก็มีเด็กฝึกหลาย ๆ คนที่ทนความเจ็บปวดไม่ไหวจนล้มลงไปกองอยู่กับพื้น

ในเวลาเดียวกันก่อนที่หิมะโปรยจะได้เจาะเข้าไปในปากของชายหนุ่มหน้าขาว เขาก็ถูกพลังอะไรบางอย่างกระแทกเข้าใส่ร่างอย่างรุนแรง ซึ่งกว่าที่เซี่ยเฟยจะทันได้รู้ตัวเขาก็ถูกผลักจนกระเด็นไปถึงมุมห้องแล้ว ส่วนหิมะโปรยก็ปักฝังแน่นอยู่บนกำแพง

“ห้ามต่อสู้กันในเขตหอพัก! พวกแกเบื่อการใช้ชีวิตแล้วใช่ไหมถึงกล้าทำตัวแบบนี้? กลับไปที่ห้องของตัวเองซะ” ชายวัยกลางคนผู้มีหนวดเคราสั้น ๆ กระแทกประตูเข้ามาและร้องคำรามออกไปด้วยความโกรธ

เมื่อทุกคนได้เห็นชายวัยกลางคนคนนี้พวกเขาก็รีบหนีกลับไปที่ห้องของตัวเอง ขณะเดียวกันชายหนุ่มผิวขาวก็มองไปทางเซี่ยเฟยด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาต ก่อนที่เขาจะรีบเดินกลับไปที่ห้องของตัวเองด้วยเหมือนกัน

“พรุ่งนี้แกตายแน่!”

เซี่ยเฟยต้องการจะจู่โจมอีกครั้ง แต่ร่างกายของเขาก็เหมือนกับถูกจับเอาไว้แน่นจนทำให้เขาไม่สามารถที่จะขยับเขยื้อนร่างกายได้

ในที่สุดภายในห้องนั่งเล่นก็หลงเหลือเพียงแต่เซี่ยเฟยกับชายวัยกลางคนที่เพิ่งเดินเข้ามาภายในห้องเท่านั้น ก่อนที่ชายคนนั้นจะนั่งลงไปบนโซฟาแล้วพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าว่า

“นายนี่มันเป็นตัวปัญหาจริง ๆ ฉันไม่คิดเลยว่านายจะเริ่มก่อเรื่องตั้งแต่วันแรกที่มาที่นี่แบบนี้”

พริบตาต่อมาเซี่ยเฟยก็สัมผัสว่าพลังที่กดทับร่างของเขาอยู่ได้หายไปจนหมดแล้ว

เมื่อกี้จู่ ๆ เขาก็ถูกผลักจากกลางห้องไปยังมุมห้อง และร่างของเขายังถูกพลังอะไรบางอย่างกดทับเอาไว้ ชายหนุ่มจึงสันนิษฐานว่าสิ่งที่เขาโดนจะต้องเป็นพลังของกฎแน่ ๆ ซึ่งมันก็หมายความว่าชายคนนี้คือนักรบผู้ใช้กฎ

“ฉันชื่อคอปเปอร์เป็นครูฝึกของที่นี่ ว่าแต่ทำไมนายถึงกับจะต้องฆ่าแกงคนอื่นด้วยเหรอ?” คอปเปอร์กล่าวแนะนำตัว

“พวกมันพูดจาดูถูกผมและผมก็แค่ตอบโต้ตามสมควรเท่านั้น” เซี่ยเฟยตอบกลับไปเบา ๆ

“แค่ถูกคนพูดจาดูถูกถึงกับจะต้องฆ่าแกงกันเลยเหรอ? อีกอย่างนายต้องการที่จะเลือกคู่ต่อสู้เป็นฮานหยูเป่ยเนี่ยนะ?!”

“ฮานหยูเป่ย? ในเมื่อพวกเขาตัดสินใจที่จะตั้งตัวเป็นศัตรูกับผม มันก็ไม่แปลกที่ผมจะตั้งใจลงมือจัดการกับพวกเขา เพราะผมไม่ชอบให้ศัตรูของตัวเองมีชีวิตอยู่เพื่อมาทิ่มแทงผมในอนาคต” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับแอบจดจำชื่อของฮานหยูเป่ยเอาไว้ในใจ

“พูดได้ดีนี่ แต่น่าเสียดายที่นายประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกินไป ฮานหยูเป่ยใกล้จะก้าวข้ามขีดจำกัดและกลายเป็นนักรบผู้ใช้กฎในอีกไม่กี่วันนี้แล้ว แม้ว่าก่อนหน้านี้นายอาจจะเป็นผู้ใช้พลังพิเศษที่ทรงพลังมาก แต่ในดินแดนของผู้ใช้กฎ พลังพิเศษพวกนั้นก็แทบที่จะไม่มีความหมายเลย แล้วถ้าหากว่านายเข้าใจพลังของกฎนายก็คงจะไม่ตัดสินใจแบบนี้”

“ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ฮานหยูเป่ยพูดก็ไม่ผิดไปซะทีเดียว ในเมื่อนายได้มาอยู่ในดินแดนของผู้ใช้กฎแต่ปราศจากความสามารถในการเรียนรู้กฎ มันก็ไม่ต่างอะไรจากการที่นายจะกลายเป็นเพียงแค่คนที่ไร้ประโยชน์” คอปเปอร์กล่าวอย่างตรงไปตรงมา

เซี่ยเฟยกัดฟันโดยไม่พูดอะไรจนทำให้ใบหน้าของเขาเริ่มที่จะเปลี่ยนเป็นสีแดง

“นายคิดว่าสิ่งที่พวกเขาพูดคือการดูถูกนายงั้นเหรอ? ถ้างั้นตามฉันมา ฉันจะแสดงให้เห็นเองว่าการดูถูกที่แท้จริงมันเป็นยังไง” หลังจากพูดจบคอปเปอร์ก็ลุกยืนขึ้นเดินนำเซี่ยเฟยออกไปยังด้านนอก

ท่ามกลางถนนอันคับแคบและมืดมิด มีลานกว้างที่มีก้อนหินตั้งอยู่ตรงกลางไม่ห่างไปจากหอพักของเขามากนัก

“สาเหตุที่นายเดินทางมาที่นี่ หนึ่งก็เพราะว่านายต้องการที่จะเรียนรู้การใช้พลังของกฎใช่ไหม? ลองดูฉันเอาไว้ให้ดี ๆ หลังจากนี้ฉันจะทำให้ดูว่าพวกเราเรียนรู้พลังของกฎกันยังไง” คอปเปอร์กล่าวขณะที่ใช้มือชี้ไปยังก้อนหินสีขาวที่อยู่กลางลานกว้าง

เซี่ยเฟยจ้องมองไปยังลวดลายบนก้อนหิน และเขาก็ได้พบว่ามันมีความคล้ายคลึงกับรอยสักของกฎแห่งความโกลาหลบนแขนซ้ายของเขา ซึ่งรูปทรงที่ถูกแกะสลักอยู่บนก้อนหินนั้นมีความสลับซับซ้อนเกี่ยวพันกันเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน และเพียงแค่การมองดูภาพที่สลักบนหินเพียงอย่างเดียว มันก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้มองรู้สึกวิงเวียนศีรษะขึ้นมาได้เลย

“นี่คืออักขระของกฎแห่งมิติ ถ้าหากว่านายสามารถลอกเลียนอักขระนี้ได้ นายก็จะกลายเป็นนักรบผู้ใช้กฎ”

คำอธิบายนี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึงโดยสมบูรณ์ เพราะเขาไม่คิดว่าอักขระของกฎแห่งมิติจะถูกวางทิ้งไว้บนถนนแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นนี่ยังเป็นอักขระของกฎแห่งมิติซึ่งเป็น 1 ใน 3 กฎหลักของจักรวาล

“ในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของทุกคนมีเส้นใยพลังงานถักทอกันอยู่อย่างหนาแน่นใช่ไหม? นายน่าจะเคยสัมผัสถึงเส้นใยพลังงานพวกนั้นอยู่บ้าง” คอปเปอร์ถาม

เซี่ยเฟยพยักหน้ารับ เพราะเมื่อก่อนเขาก็เคยใช้เส้นใยพลังงานพวกนี้กระจายออกไปกลายเป็นกระแสจิต เพื่อที่จะสัมผัสถึงอันตรายที่กำลังเข้ามาใกล้ในระหว่างที่เขากำลังพักผ่อน

“สิ่งที่นายจำเป็นจะต้องทำในระหว่างการเรียนรู้กฎ นั่นก็คือนายจำเป็นจะต้องควบคุมเส้นใยพลังงานให้ถักทอไปตามอักขระที่ถูกสลักอยู่บนหิน ถ้าหากว่านายสามารถถักทออักขระรูปแบบที่ 1 ได้สำเร็จ นายก็จะกลายเป็นผู้ใช้กฎระดับนักรบขั้นที่ 1 และถ้าหากว่านายสามารถถักทออักขระรูปแบบที่ 2 ได้สำเร็จ นายก็จะกลายเป็นผู้ใช้กฎระดับนักรบขั้นที่ 2 เช่นกัน”

“มันอาจจะกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่ายิ่งนายสามารถถักทอเส้นใยพลังงานตามรูปแบบระดับสูงได้มากเท่าไหร่ นายก็จะยิ่งเป็นนักรบผู้ใช้กฎที่ทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผู้ที่สามารถเปิดใช้งานพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้อย่างเต็มที่จึงถูกขนาดนามว่าอัจฉริยะ เพราะความกว้างของพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อรูปลักษณ์ของอักขระที่สามารถรองรับได้”

“การที่พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของนายถูกเปิดออกเต็ม 100% ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมาก แต่น่าเสียดายที่พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของนายได้รับความเสียหาย เอาล่ะฉันบอกวิธีเรียนรู้กฎให้นายแล้ว หลังจากนี้ก็ลองดูแล้วกันจะได้ทำความเข้าใจด้วยตัวเอง”

เซี่ยเฟยไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าการเรียนรู้พลังของกฎจะเกิดจากการพยายามใช้เส้นใยพลังงานถักทอกันภายในสมอง ให้กลายเป็นรูปของอักขระที่ถูกบันทึกเอาไว้

ขณะเดียวกันอักขระของกฎแห่งความโกลาหลก็ถูกสลักไว้บนแขนซ้ายของเขามานานกว่า 2 ปีแล้ว ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาก็พยายามตีความอักขระพวกนี้มาโดยตลอด แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าวิธีการใช้พวกมันอย่างถูกต้องจะเป็นการใช้พื้นที่สมองส่วนที่ 7 เพื่อถักทอเส้นใยพลังงานออกมาเป็นรูปอักขระพวกนี้

ทันใดนั้นเซี่ยเฟยก็รีบใช้เส้นใยพลังงานเริ่มถักทอพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ให้กลายเป็นรูปของอักขระ เพราะท้ายที่สุดเขาก็เคยใช้เส้นใยพวกนี้มาเป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน เขาจึงสามารถควบคุมพวกมันได้ไม่ต่างไปจากแขนขาของตัวเอง

แต่เมื่อเซี่ยเฟยพยายามถักทอเส้นใยพลังงานเข้าด้วยกัน ฝันร้ายก็ได้เริ่มต้นขึ้นมาอย่างกะทันหัน

ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บปวดสมองอย่างรุนแรงก่อนที่ความเจ็บปวดพวกนั้นจะแล่นไปสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ามันได้มีเข็มนับล้าน ๆ เล่มทิ่มแทงไปทั่วทั้งร่างกาย จนทำให้ร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บแสนสาหัส

เซี่ยเฟยพยายามกัดฟันยืนหยัดร่างกายเอาไว้ แต่หลังจากที่เขาได้ควบคุมเส้นใยพลังงานให้ถักทออักขระขึ้นมาเพียงแค่นิดเดียว เส้นใยพลังงานก็เริ่มหลุดออกจากการควบคุม ชายหนุ่มจึงจำเป็นจะต้องทุ่มสมาธิเพื่อควบคุมเส้นใยพลังงานใหม่อีกครั้ง ก่อนที่กระบวนการเหล่านี้จะเกิดขึ้นซ้ำ ๆ เป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน

ความเจ็บปวดที่โหมกระหน่ำเข้ามาอย่างรุนแรงเริ่มทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจ

เซี่ยเฟยนั่งอยู่ที่เดิมตั้งแต่บ่ายจนถึงช่วงเย็น และถึงแม้ว่าพระอาทิตย์จะลับขอบฟ้าไปแล้ว แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะถักทออักขระของกฎแห่งมิติขึ้นมาได้ แล้วที่สำคัญคือใบหน้าของเขาก็กำลังซีดลงมากไปเรื่อย ๆ

“เป็นไง นายพอจะถักทอเส้นใยพลังงานพวกนั้นได้บ้างไหม?” คอปเปอร์กล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

เซี่ยเฟยทำได้เพียงแต่ส่ายหัวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บใจ

“ตอนนี้นายเข้าใจแล้วหรือยังว่าทำไมนายถึงถูกคนอื่นพูดจาดูถูก นั่นก็เพราะว่านายไม่สามารถใช้เส้นใยพลังงานถักทอพลังงานขึ้นมาได้ แล้วแบบนี้นายจะสามารถใช้พลังของกฎได้ยังไงกันล่ะ อย่าลืมนะว่าที่นี่คือดินแดนของผู้ใช้กฎ และถ้าหากว่าใครไม่สามารถใช้พลังของกฎในดินแดนของผู้ใช้กฎได้ มันจะเป็นเรื่องแปลกอะไรถ้าหากว่านายจะถูกเรียกว่าเป็นพวกไร้ประโยชน์”

หลังจากพูดจบคอปเปอร์ก็หันหลังและเดินจากไปทิ้งเซี่ยเฟยให้นั่งมองท้องฟ้ายามค่ำคืนเพียงลำพัง

อัปยศ!

เซี่ยเฟยไม่เคยรู้สึกถึงความอัปยศแบบนี้มาก่อน แล้วมันก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับถูกมีดกรีดแทงเข้าไปในหัวใจ

อันธทำได้เพียงแต่ถอนหายใจและออกมานั่งด้านนอกข้าง ๆ กับเซี่ยเฟย แต่ถึงกระนั้นวิญญาณตนนี้ก็ไม่ได้คิดที่จะเกลี้ยกล่อมให้เซี่ยเฟยต้องยอมแพ้ เพราะแต่ไหนแต่ไรชายหนุ่มคนนี้ก็ไม่เคยยอมแพ้ในเรื่องอะไรง่าย ๆ อยู่แล้ว

แม้ว่าเวลาจะล่วงเลยไปจนถึงรุ่งสางแต่ร่างของเซี่ยเฟยก็ยังคงไม่เคลื่อนไหว ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ไม่มีใครรู้ว่าชายหนุ่มพยายามถักทอเส้นใยพลังงานเป็นอักขระของกฎแห่งมิติมาแล้วกี่ครั้ง แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าเขาจะพยายามสักกี่ครั้ง แต่ความพยายามของเขาก็ยังคงให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นล้มเหลว

ในฐานะของมือใหม่มันไม่ใช่เรื่องน่าเกลียดที่เขาจะยังไม่สามารถฝึกฝนให้ได้จนประสบความสำเร็จ แต่สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกท้อใจจริง ๆ คือตลอดเวลานี้เขาไม่ได้มีความก้าวหน้าเลยแม้แต่น้อย

เซี่ยเฟยสามารถถักทอเส้นใยพลังงานกลายเป็นรูปแบบของอักขระได้เพียงแค่ 1% เท่านั้น และถึงแม้ว่าเวลาจะได้ผ่านพ้นมานานกว่า 10 ชั่วโมงแล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถก้าวข้ามผ่าน 1% ในช่วงเริ่มต้นนี้ไปได้

ความจริงเป็นเรื่องที่โหดร้ายมากและหลาย ๆ ครั้งความพยายามก็มักจะจบลงโดยไม่ได้รับผลตอบแทน

เมื่อทุกคนเดินออกมาจากที่พัก พวกเขาก็มองไปยังเซี่ยเฟยด้วยความสงสัยว่าทำไมชายหนุ่มคนนี้ถึงได้มานั่งอยู่ที่นี่ราวกับรูปปั้นแบบนี้

ข่าวซุบซิบย่อมแพร่กระจายออกไปได้อย่างรวดเร็วเสมอ ซึ่งหลังจากที่ชายหนุ่มเดินทางมายังดินแดนของผู้ใช้กฎได้เพียงแค่ไม่กี่วัน เรื่องของเขาก็กระจายไปทั่วทั้งเมืองแล้ว

ทันใดนั้นเองฮานหยูเป่ยก็นำกลุ่มเด็กฝึกเดินมาจากระยะไกล โดยที่บนใบหน้าของเขาได้เต็มไปด้วยความหยิ่งยโส

“ฮ่า ๆ ๆ เซี่ยเฟย ฉันอยากจะขอบใจนายจริง ๆ ที่ทำให้ฉันได้รับแรงบันดาลใจมาเมื่อคืนนี้ และในตอนนี้ฉันก็ได้กลายเป็นนักรบผู้ใช้กฎอย่างเป็นทางการแล้ว” ฮานหยูเป่ยกล่าวอย่างมีชัย ก่อนที่เขาจะพูดต่อไปว่า

“โชคดีที่มันมีกฎว่านักรบผู้ใช้กฎไม่สามารถรังแกเด็กฝึกได้ ไม่อย่างนั้นวันนี้แกกับฉันจะต้องได้เห็นดีกันแน่! อย่าลืมขึ้นมาเป็นนักรบผู้ใช้กฎเร็ว ๆ ล่ะ พวกเราจะได้สะสางเรื่องในวันนี้ให้จบเร็ว ๆ เสียที”

“อ๋อ! ฉันลืมไปว่าแกมันเป็นเพียงแค่พวกสมองพิการ ถ้าตัวแกต้องการจะเป็นนักรบผู้ใช้กฎเหมือนกับฉันในตอนนี้ แกก็คงจะต้องตายแล้วไปเกิดใหม่ในชาติหน้านู่นแหละ!”

ทุกคนต่างก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกับฮานหยูเป่ย ไม่ว่าพวกเขาจะรู้จักเซี่ยเฟยหรือไม่ก็ตาม

เซี่ยเฟยยืนขึ้นท่ามกลางคำพูดเหน็บแนมจากฝูงชน จากนั้นดวงตาของเขาก็ค่อย ๆ มองไล่ไปยังฝูงชนแต่ละคนอย่างช้า ๆ

“เซี่ยเฟยใจเย็น ๆ” อันธพยายามกล่าวเตือน

“ฉันใจเย็นแล้ว ตอนนี้ฉันใจเย็นมาก ฉันแค่ต้องการจะจำหน้าของพวกมันเอาไว้!” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับสอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง

ในที่สุดเซี่ยเฟยก็เดินจากไปโดยไม่พูดอะไร ทำให้ฝูงชนหัวเราะเยาะมาจากทางด้านหลังของเขาอีกครั้ง

ในหอพักมีเด็กฝึกกำลังช่วยฮานหยูเป่ยเก็บกระเป๋า เนื่องมาจากว่าเขาได้กลายเป็นนักรบผู้ใช้กฎแล้ว ตามกฎเขาจึงสามารถย้ายออกไปหาที่อยู่อาศัยได้อย่างอิสระ ไม่จำเป็นจะต้องทนอยู่ในหอพักแคบ ๆ กับเด็กฝึกคนอื่นอีกต่อไป

เซี่ยเฟยเดินขึ้นไปบนชั้น 2 อย่างเงียบ ๆ ท่ามกลางเสียงหัวเราะเยาะของคนอื่น แล้วมันก็ทำให้เขาค่อนข้างจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวเพียงลำพัง

หลังจากปิดประตูชายหนุ่มก็นำกรงเล็บภูติโลหิตออกมาวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นเขาก็ใช้มือเท้าคางจ้องมองไปยังการเติบโตของพืชตรงหน้าอย่างไม่วางตา

ลำต้นของกรงเล็บภูติโลหิตใกล้ที่จะสุกงอมมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วเขาก็รอลุ้นว่ามันจะไม่เกิดการกลายพันธุ์อีกเป็นรอบที่ 8

“คราวนี้มันจะสุกไหมนะ?” เซี่ยเฟยส่งเสียงพึมพำขึ้นมาเบา ๆ

***************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด