MDB ตอนที่ 340 หญิงสาวลึกลับผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยความสิ้นหวัง
นี่เป็นครั้งแรกที่หลินจินได้เห็นอารมณ์เช่นนี้จากผู้เยี่ยมชม
คนอื่น ๆ ต่างก็หยิ่งยโส ระแวดระวัง หรือแม้แต่เสแสร้ง แต่สำหรับผู้หญิงคนนี้โดดเด่นไม่ต่างแกะดำในฝูงแกะขาว
หากหลินจิน เขาสามารถอธิบายเธอด้วยวลียอดนิยมจากชาติที่แล้ว นั่นก็คือเธอเป็นหญิงสาวที่มีเรื่องราว
แม้ว่าหลินจินตัดสินใจว่าเขาจะไม่ถามเธอว่าทำไมเธอถึงสิ้นหวังเช่นนี้ เธอสามารถขอคำแนะนำจากเขาได้ แต่ห้องโถงเยี่ยมชมไม่ใช่ห้องให้คำปรึกษา
“หากพวกเจ้าไม่มีคำถาม เรามาดำเนินการตามกฎทั่วไปที่นี่ ข้าจะสัมผัสสัตว์เลี้ยงของพวกเจ้า และนั่นคือทั้งหมดสำหรับวันนี้”
หลินจินประกาศ
ขั้นตอนการสัมผัสสัตว์เลี้ยงเป็นสิ่งที่หลินจินกำหนดไว้หลังจากชุดผู้เยี่ยมชมรอบของเย่หยู่โจวเข้ามา
หลินจินรู้สึกว่าจำเป็นต้องมีกฎพื้นฐานบางประการเพื่อให้สถานที่นี้ดำเนินการต่อไปได้
เมื่อทำสิ่งนี้ เขาสามารถเก็บข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์ร้ายตัวใหม่และสร้างความโดดเด่นที่นี่ด้วยการแสดงความสามารถของเขา นี่เป็นวิธีที่เขาทำให้ผีเด็กยอมจำนนในอดีต
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา เหอฉิงและคนอื่น ๆ ดูตื่นเต้น พวกเขาชื่นชอบช่วงเวลานี้มากที่สุด และพวกเขาก็อยากรู้ว่าสัตว์วิเศษตัวใหม่ที่พวกเขากำลังจะพบเจอในครั้งนี้คืออะไร
บุคคลเช่นเย่หยู่โจวและผีเด็กที่มีการฝึกฝนที่ลึกซึ้งและความรู้รอบด้าน พวกเขาสามารถบอกได้ว่าเฟิงจือเฉียนได้รับการฝึกฝนคัมภีร์จ้าวอยู่ซึ่งเป็นเคล็ดวิชาที่ทำให้เขาสามารถรวมร่างกับสัตว์เลี้ยงของเขาได้
ถ้าพวกเขาสามารถบอกได้มากขนาดนั้น ภัณฑารักษ์ก็รู้เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ผู้เยี่ยมชมหมายเลขสิบสองนั้นแตกต่างออกไป
ไม่ว่าพวกเขาจะสำรวจอย่างไร พวกเขาก็ไม่เห็นสัตว์วิเศษของเธอเลย และเธอก็ไม่ได้เปล่งออร่าของคัมภีร์จ้าวอสูรอีกด้วย เธออาจไม่มีแม้แต่สัตว์วิเศษด้วยซ้ำ
ถึงกระนั้นภัณฑารักษ์ก็พูดถึง 'สัตว์เลี้ยงของพวกเจ้า' เห็นได้ชัดว่าเขากำลังพูดกับทั้งสองคน
“เฒ่าเย่ เจ้าคิดว่าผู้หญิงคนนั้นมีสัตว์เลี้ยงหรือไม่?” อีกาทมิฬถามอย่างเงียบ ๆ ด้วยความสับสน
เย่หยู่โจวส่ายหัวเบา ๆ
“ข้าก็ไม่สามารถบอกได้ ข้าสัมผัสอะไรจากเธอไม่ได้เหมือนกัน ดังนั้น ข้าเดาว่าเธอไม่มี แต่เธออาจจะใช้คาถาที่ไม่เหมือนใครปกปิดไว้ก็ได้ ทำไมเราไม่ถามผีเด็กดูล่ะ? เธอมีความรู้มากกว่าข้าเสียอีก”
ทั้งสองหันไปหาผีเด็กซึ่งดูค่อนข้างลังเลที่จะพูด ในที่สุด เธอก็ส่ายหัว ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สามารถบอกได้เช่นกัน
“งั้นก็มาดูกัน แม้เราจะบอกไม่ได้ แต่ภัณฑารักษ์สามารถบอกได้อย่างแน่นอน”
ทุกคนเห็นด้วยกับเรื่องนี้
แท้จริงแล้ว หลังจากเหตุการณ์ต่าง ๆ มากมาย อย่างน้อยก็ในเรื่องของสัตว์เลี้ยง ภัณฑารักษ์ถือว่าไร้เทียมทานอย่างแท้จริง
ตอนนี้หลินจินกำลังเดินไปหาผู้เยี่ยมชมรายใหม่ทั้งสอง
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ขณะที่เขาเฝ้าดูชายสวมหน้ากากเข้าหาเขา เฟิงจือเฉียนรู้สึกว่าอัตราการเต้นของหัวใจของเขาเพิ่มขึ้นขณะที่คลื่นแห่งความบีบคั้นเข้าครอบงำเขา
เมื่อเขารู้สึกประหม่า สัตว์เลี้ยงของเขาก็จะเริ่มตื่นตระหนกเช่นกัน
แสงส่องมาจากด้านหลังของเขาในขณะที่พลังงานสีแดงที่ลุกเป็นไฟค่อย ๆ ปรากฏขึ้น ก่อตัวคล้ายกับเส้นทางของไฟ อุณหภูมิรอบตัวพวกเขาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
'โอ้ สัตว์หายากที่เป็นหนึ่งในล้านอย่างแท้จริง'
ดวงตาของหลินจินหรี่ลง เขาไม่สามารถสัมผัสสัตว์ร้ายที่หายากในโลกภายนอกได้ แต่ที่นี่ หลินจินไม่กลัวสัตว์ร้ายพวกนั้นเลย
ลืมพวกนั้นไปได้เลย แม้ว่าสัตว์ร้ายที่น่าสะพรึงกลัวจากอาณาจักรเก้าสวรรค์ หากพวกมันปรากฏตัวในห้องโถงเยี่ยมชม หลินจินก็กล้าที่จะถอนขนของมัน
ดังนั้นเขาจึงก้าวไปโดยไม่หยุด
ถึงตอนนี้ หางไฟทั้งห้าหางบนหลังของเฟิงจือเฉียนปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน และครึ่งหนึ่งของสัตว์เลี้ยงของเขาก็ปรากฏออกมา
เมื่อมันปรากฏตัว สิ่งมีชีวิตนั้นก็ได้ปลดปล่อยพลังของสัตว์วิเศษระดับสี่ออกมา
เฟิงจือเฉียนรู้ว่าสัตว์เลี้ยงของเขาทรงพลังเพียงใด แม้แต่ในอาณาจักรของเขา คู่หูของเขายังถือว่าหายากมาก เขาเป็นเจ้าชายดังนั้นเขาจึงไม่เคยขาดแคลนทรัพยากร
ในอดีต เฟิงจือเฉียนไม่เคยกลัวการดวลเดี่ยวเพราะคู่หูของเขาแข็งแกร่งพอที่จะรับประกันชัยชนะของเขาเสมอ
อย่างไรก็ตาม ในชั่วพริบตานี้เองที่เขาสูญเสียความมั่นใจทั้งหมดไป
แรงกดดันที่เขาได้รับจากชายผู้นี้ที่เรียกตัวเองว่า 'ภัณฑารักษ์' เป็นเรื่องที่เหนือจินตนาการ เฟิงจือเฉียนไม่เคยรู้สึกหวาดกลัวเช่นนี้มาก่อน แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับยอดฝีมือในอาณาจักรของเขาซึ่งเป็นเจ้าของสัตว์วิเศษระดับห้า
เฟิงจือเฉียนพบว่าไม่ใช่แค่เขา แม้แต่สัตว์เลี้ยงของเขาก็ยังกลัว
‘ถ้าผู้ชายคนนั้นเปิดฉากโจมตี ข้าควรจะตอบโต้อย่างไรดี? ข้าจะสู้หรือจะหนีดี?'
เฟิงจือเฉียนรู้สึกขัดแย้งในตัวเอง แม้ว่าเขาจะแสดงความกล้าหาญอย่างท่วมท้น แต่เขาก็ยังวิตกกังวล
เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผากของเขา
เฟิงจือเฉียนเริ่มลังเล แต่สัตว์เลี้ยงของเขานั้นเด็ดขาดกว่ามาก สัตว์วิเศษตัวนี้แยกตัวจากเจ้าของเพื่อเผยตัวว่าเป็นเสือดาวรูปร่างประหลาด ขนาดเท่ากับวัวสองตัวและมีหางห้าหาง
มันมีคิ้วสีขาวและเสียงคำรามที่ทำให้หินที่แตกเป็นเสี่ยง ๆ มันดังจนหูแทบแตก มันมีเขาแหลมยื่นออกมาจากหน้าผากของมัน หากตัดสินจากรูปร่างหน้าตาของมัน ใคร ๆ ก็สามารถสรุปได้ว่ามันเป็นสัตว์ร้ายที่หายากอย่างแท้จริง
หางทั้งห้าของมันลุกโชนด้วยเปลวเพลิง ทำให้เห็นได้ชัดว่ามันเป็นธาตุไฟ ออร่าของมันทรงพลังยิ่งหว่าเย่หยู่โจว, อีกาทมิฬ และผีเด็ก แม้แต่เดวิลโลซอรัสกลายพันธุ์เองก็ยังตกใจ
“ช่างเป็นสัตว์หายากที่ทรงพลังจริง ๆ!”
หลินจินอุทานขณะที่เขายื่นมือไปสัมผัสมัน
ก่อนที่หลินจินเข้าไปหามัน สัตว์หายากก็ลดหัวลง มันแยกเขี้ยวออกด้วยความกระวนกระวายใจ และตัวสั่นต่อไป
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่มือของหลินจินสัมผัสกับหัวของมัน สัตว์หายากก็ค่อย ๆ สงบลง
และเผยความสบายใจออกมาทันที
อารมณ์ของเฟิงจือเฉียนเริ่มสงบเช่นกัน
ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อฝึกฝนคัมภีร์จ้าวอสูร ทั้งเจ้าของและสัตว์เลี้ยงจะมีอิทธิพลต่อกันและกัน
ฉากนี้เป็นอะไรที่ธรรมดาสำหรับเย่หยู่โจวและคนอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม สำหรับเฟิงจือเฉียน และผู้เยี่ยมชมหมายเลขสิบสอง มันค่อนข้าง 'น่ากลัว'
แม้ว่าเฟิงจือเฉียนจะสงบลงแล้ว แต่ความกังวลของเขาก็กลายเป็นความประหลาดใจ
ไม่มีใครรู้จักสัตว์เลี้ยงของเขาดีไปกว่าเขา และเขาสามารถประกาศได้อย่างมั่นใจว่าไม่มีผู้ประเมินระดับสี่คนไหนในอาณาจักรบ้านเกิดของเขาที่สามารถจับมันได้ และยังสามารถเดินจากไปโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ
แม้แต่ผู้ประเมินระดับห้าที่หายากในอาณาจักรเกลียวสวรรค์ก็อาจทำไม่ได้เช่นกัน
แต่ชายสวมหน้ากากคนนี้สามารถทำได้
เขาเป็นใครกันแน่?
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เฟิงจือเฉียนยืนยันว่านี่ไม่ใช่การเล่นตลกโดยพี่น้องของเขา เหตุผลสำหรับข้อสรุปของเขานั้นง่ายมาก ไม่มีเจ้าชายองค์ใดในอาณาจักรเกลียวสวรรค์ที่สามารถควานหา 'ผู้ประเมิน' ที่รับมือสัตว์เลี้ยงของเขาได้
สัตว์เลี้ยงของเขาไม่แม้แต่จะดิ้นรนหรือขัดขืนเลย
และนั่นคือส่วนที่น่ากลัวที่สุด
ตอนนี้เฟิงจือเฉียนรู้แล้วว่า 'ภัณฑารักษ์' คนนี้ อย่างน้อย ๆ เขาต้องอยู่ในระดับสี่ ไม่สิ ระดับห้า ในฐานะผู้ประเมิน
แม้แต่ในประเทศขนาดใหญ่เช่นอาณาจักรเกลียงสวรรค์มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถบรรลุมาตรฐานของผู้ประเมินระดับห้า
ที่สำคัญกว่านั้น ผู้ที่ทำได้รับความเคารพอย่างสูงจากเจ้าชาย เช่น เฟิงจือเฉียน ก็ต้องให้ความเคารพต่อผู้ประเมินระดับห้าด้วย แน่นอนว่าทั้งหมดนั้นเป็นเพราะผู้ประเมินระดับห้าเองเป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงระดับห้าด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าผู้ประเมินระดับห้าบางคนก็เป็นเจ้าของสัตว์วิเศษระดับหก
‘ภัณฑารักษ์’ คนนี้อาจเป็นผู้ประเมินระดับห้าด้วยหรือไม่?’
ความคิดได้ผุดขึ้นในใจของเฟิงจือเฉียน