ตอนที่แล้วบทที่ 155: เช็กของที่ได้มาและเปิดชั้นใต้ดินที่ 3!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 157: ราชินีแห่งเผ่าฉ่านจิน

บทที่ 156: มอนสเตอร์ประหลาด!


กระสุนของถังเจิ้นยิงเข้าเป้าอย่างเห็นได้ชัด แต่นอกเหนือจากเสียงกรีดร้องที่เสียดแก้วหูแล้วก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอื่นใดอีก

ถังเจิ้นซึ่งรู้ซึ้งถึงพลังอานุภาพของปืนกลดีจึงรู้สึกประหม่าขึ้นมา เพราะคามว่าเจ้าสิ่งที่แอบมองตนอยู่นั้นต้องเจ็บไม่น้อยแน่ ๆ และกำลังซุ่มซ่อนอยู่ในความมืดเตรียมลอบโจมตี

คิดได้ยังไม่ทันไรเลยถังเจิ้นก็รู้สึกถึงลมกระโชกแรงที่มาจากด้านหลัง ดูท่ามันกะจะเข้าข้างหลังชัวร์

สำผัสอันตรายร้องเตือนปุ๊บถังเจิ้นก็รีบหลบปั๊บ ผลคือมีเสียงปึก ๆ ดังขึ้นจากมีดสีทองหลายเล่มที่ปักลึกเข้าไปในกำแพงที่อยู่ไม่ไกล

พอเห็นด้ามมีดที่ยังสั่นอยู่ถังเจิ้นก็แหกปากตะโกนด้วยความโกรธแล้วปาระเบิดมือออกไปทีละลูกสองลูกทำให้เกิดเสียงระเบิดตามมาเป็นระลอก

จากแสงวาบของระเบิดถังเจิ้นได้เห็นเงาเพรียวบางแวบผ่านไปอย่างเร็ว จับได้ราง ๆ ว่ามีรูปร่างเหมือนคนสวมเสื้อผ้าสีทองระยิบระยับกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง

บนใบหน้ามีหน้ากากสีทองแปลกตาสวมอยู่!

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นมอนสเตอร์ที่ไม่ใช่ระดับต่ำ มันไม่ได้อ่อนแอกว่าเขาเลยด้วยจึงทำให้ถังเจิ้นต้องเพิ่มความระมัดระวังเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

ความผิดปกติคือไอ้มอนสเตอร์ตัวนี้มันไม่มีการแสดงให้เห็นในแอปแผนที่ ไม่รู้ว่ามันทำได้ไงเหมือนกัน

ทว่าสิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือต้องฆ่ามันก่อน!

ถังเจิ้นเก็บปืนกลในมือไปแล้วเอากริชจื่อเตี้ยนออกมาควงแล้ววิ่งตรงไปยังจุดที่มอนสเตอร์ตัวนั้นหายไป

จุดนี้เป็นร้านขายเสื้อผ้า ตามพื้นและผนังร้านจึงมีเสื้อผ้ากระจายอยู่ทั่วไปหมด ดูแล้วคาดว่าสไตล์ความงามของเผ่าฉ่านจินคงเป็นสีทอง เพราะเสื้อผ้าในร้านนี้มีสีเหลืองทองเป็นหลัก บ้างก็ผสมกับผ้าสีทองเข้ม

การผสมผสานที่ลงตัวของผ้าและโลหะทำให้คนที่เห็นเหมือนโดนกระตุ้นไม่ให้ละสายตาและไม่ว่าจะมองมุมไหนก็สวยงามมากจริง ๆ

ในร้านมีหุ่นลองเสื้อเหมือนกับที่โลกเดิม แต่เมื่อถังเจิ้นสแกนแถว ๆ หุ่นที่อยู่รอบตัวมันก็ทำให้หนังหัวชาหนึบอีกรอบ เพราะหุ่นลองเสื้อเหล่านั้นคือสตรีเผ่าฉ่านจินตัวจริง ร่างสูงเพรียวบางสวงเสื้อผ้าสีเหลืองทองและหน้ากากประหลาด

และไอ้มอนสเตอร์ตัวเมื่อกี๊เองก็เหมือนจะแต่งตัวแบบนี้ด้วย!

ถังเจิ้นแอบกลืนน้ำลายเงียบ ๆ ตอนนี้เขาแน่ใจว่าไอ้มอนสเตอร์ตัวนั้นมันต้องซ่อนตัวเป็นหนึ่งในหุ่นลองเสื้อพวกนี้แน่ ๆ และกำลังสังเกตุเขาเบื้องหลังหน้ากากที่สวม

รู้แบบนี้แล้วถังเจิ้นก็ไม่กล้าขยับผลีผลาม แต่มองดูหุ่นลองเสื้อทั้งหลายด้วยความระแวดระวังโดยพยายามแยกแยะให้ออก

แต่พวกมันก็ดู ๆ ไปแล้วเหมือนกันหมด ต่างกันแค่สไตล์เสื้อผ้าที่แต่ละตัวสวมใส่ซึ่งก็แค่เล็กน้อยเท่านั้นอีก ดังนั้นเขาเลยยังมองไม่ออกว่าตกลงแล้วไอ้หุ่นตัวไหนที่เป็นมอนสเตอร์ที่ปะปนอยู่

‘ทำไงดีวะ...’

ถังเจิ้นกระชับกริชจื่อเตี้ยนแน่น กล้ามเนื้อทั้งหมดในร่างแข็งเกร็ง เตรียมตัวตอบโต้การโจมตีที่สามารถมาได้ทุกเมื่อ

แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็ปิ๊งไอเดียหนึ่งขึ้นมาได้และเอามุมมองแผนที่มาเทียบกับความเป็นจริงอย่างไว

เนื่องจากมอนสเตอร์ตัวนี้มันไม่สามารถแสดงบนแผนที่ได้อีกทั้งยังซ่อนตัวอยู่ในกองหุ่นลองเสื้อ งั้นถ้าเอามุมมองแผนที่กับมุมมองโลกจริงมาเทียบกันแค่นี้ก็วงจุดที่แตกต่างก็จบแล้วหนิ

ซึ่งก็เป็นไปตามคาด มีจุดหนึ่งที่มุมมองแผนที่กับหุ่นลองเสื้อมีจำนวนไม่เท่ากัน โดยในโลกจริงมีหุ่นลองเสื้อตัวหนึ่งที่รูปร่างสง่างามยืนอยู่ แต่ในมุมมองแผนที่กลับไม่มีตัวนี้!

‘ชัวร์เลย! อีนี่แหละ!’

ถังเจิ้นทำเป็นหันหน้ามองผ่านมันไปโดยที่สีหน้าไม่มีเปลี่ยนแปลง ตีเนียนราวกับว่าไม่เห็นอะไรที่ผิดปกติเลย ทว่านิ้วที่ซ่อนอยู่นั้นมีแสงสีเขียวสว่างขึ้นวาบหนึ่งพร้อมกับโซ่สีเขียวที่ฉกเข้าใส่หุ่นลองเสื้อหรือก็คือไอ้มอนสเตอร์ตัวนั้นราวกับเป็นมังกรพิษ

ในจังหวะเดียวกันถังเจิ้นได้ใช้ความคิดสั่งเปิดแอปพลิเคชันอาร์กอน-แมกนีเซียนแฟลชที่ตั้งแต่โหลดมาพึ่งเคยได้ใช้แค่ครั้งเดียว!

แสงสว่างอันเจิดจ้าและร้อนแรงอย่างหาที่เปรียบมิได้ปะทุขึ้นท่ามกลางความมืด ตัวเขานั้นมีอินเทอร์เฟสรายละเอียดการต่อสู้คอยกรองแสงให้อยู่แล้ว ส่วนไอ้เจ้ามอนสเตอร์ตัวนั้นถังเจิ้นเห็นชัดเจนเลยว่าโซ่ฉกได้แค่ครึ่งทางมันก็พยายามหนี แต่ว่าจู่ ๆ ถูกแสงอันเจิดจ้ารุนแรงระเบิดขึ้นมาทำให้เสียหลักไปหมดทันที

การใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมอันมืดมิดมาเป็นเวลานานนั้นยามเมื่อจู่ ๆ ก็เอาตาที่ชินกับความมืดนั้นไปมองดวงอาทิตย์โดยตรงล่ะก็ม่านตาจะได้รับความเสียหายใจฉับพลัน นี่ไม่ต้องพูดถึงอาร์กอน-แมกนีเซียมแฟลชในระยะประชิดเลย ความสว่างของมันย่อมสูงกว่าดวงอาทิตย์เยอะซึ่งอาจเผาเรตินาในทันที หากพลาดพลั้งจริง ๆ อาจทำให้ตาบอดถาวรเลยก็เป็นได้!

ไม่รู้ว่าไอ้เจ้ามอนสเตอร์ตัวนี้มันอาศัยอยู่ในชั้นใต้ดินที่ 3 อันมืดมิดนี้มานานแค่ไหนแล้ว ดวงตาของมันมีการปรับตัวเข้ากับความมืดสมบูรณ์เรียบร้อย ดังนั้นอุบายของถังเจิ้นจึงได้ผลกับมันชะงัด!

เสียงกรีดร้องเจาะทะลวงแก้วหูดังขึ้นอีกรอบจนถังเจิ้นถึงกับปวกสมอง ไอ้เจ้ามอนสเตอร์ตัวนั้นมันมัวแต่เอามือปิดตาไว้เลยต้องโดนโซ่สีเขียวรัดตัวอย่างแน่น มันพยายามจะดิ้นไปด้วยแต่ผลคือโซ่มีการขยายและหดตัวตามการเคลื่อนไหวของมันทำให้มันดินไม่หลุด!

แม้จะเห็นว่ามันโดนโซ่มัดไว้อยู่แต่ถังเจิ้นก็ยังไม่กล้าประมาท เขากระชับกริชจื่อเตี้ยนในมือแน่นแล้วยันตัวขึ้นอย่างระมัดระวังและหาจังหวะที่จะฆ่ามัน

มอนสเตอร์ที่กำลังดิ้นรนไปมาเหมือนจะไม่ทันสังเกตเห็นว่าถังเจิ้นกำลังเข้ามาใกล้ มันยังคงดิ้นไม่หยุดและถังเจิ้นก็คว้าโอกาสนี้เงื้อกริชจื่อเตี้ยนขึ้นแล้วแทงลงที่หลังมันอย่างแรง

“จิมิคุรุอุกะ!”

ทันทีที่กริชจื่อเตี้ยนแตะที่หลังของมอนสเตอร์เสียงอันเจ็บปวกและชัดถ้อยชัดคำดังขึ้นมาจากมัน ทำให้ถังเจิ้นที่กำลังจะแทงลงในร่างของมันต้องกระโดดถอยหลังไปสองก้าวแล้วเฝ้าดูมันเงียบ ๆ

ดูจากรูปร่างของมันแล้วเห็นได้ชัดว่าเป็นมอนสเตอร์ที่กลายร่างมากจากสตรีเผ่าฉ่านจิน ความแข็งแกร่งของมันสูงกว่าถังเจิ้นเล็กน้อยและไม่ได้มีอะไรอื่นอีก แต่เสียงที่ดังออกมาจากปากของมันเมื่อกี๊ทำให้ถังเจิ้นคอนเฟิร์มเลยว่าไอ้มอนสเตอร์ตัวนี้มันไม่ง่าย!

เพราะเท่าที่ถังเจิ้นรู้คือมอนสเตอร์จะพูดได้ก็ต่อเมื่อพวกมันไปถึงระดับลอร์ดแล้วเท่านั้น ในช่วงระยะนี้สติของพวกมันจะเริ่มมีการฟื้นตัวกลับมา และยิ่งเลเวลของพวกมันสูงขึ้นไปมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีสติปัญญามาขึ้นเท่านั้น

มอนสเตอร์ที่อยู่ใต้เท้าของเขาเป็นเพียงมอนสเตอร์เลเวล 4 เท่านั้น แต่กลับสามารถพูดคุยได้แล้ว ความแปลกประหลาดนี้จึ้งเป็นสาเหตุทำให้ถังเจิ้นไม่ฆ่ามัน

เมื่อเปิดแอปเครื่องแปลภาษาสากลถังเจิ้นก็เตะมอนสเตอร์ไปทีหนึ่งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรว่า “เมื่อกี๊ว่าไงนะ!”

หลังจากได้ยินคำถามของถังเจิ้นมอนสเตอร์ที่ถูกเตะก็พูดอีกประโยคหนึ่งด้วยภาษาอะไรไม่รู้ แต่เพราะถังเจิ้นเปิดแอปแปลภาษาอยู่เลยเข้าใจในสิ่งที่มันพูด

“เจ้าบุกเข้ามาในบ้านเราแล้วทำร้ายดวงตาของเราเพื่ออะไรกัน!”

ถังเจิ้นได้ยินดังนั้นก็คิดว่า ‘จริงของมัน’ อีกทั้งมันยังเป็นมอนสเตอร์ที่มีชีวิตจิตใจ โชคดีที่ไม่ได้ฆ่ามัน ไม่งั้นคงต้องเสียใจภายหลังซะแล้ว

และที่น่าดีใจก็คือมันเป็นเผ่าฉ่านจิน บางทีอาจได้ข้อมูลของหลุมหลบภัยทั้งหมดจากมันก็ได้!

“เพราะหลุมหลบภัยของเธอมาโผล่อยู่ใต้โหลวเฉิงของฉันน่ะสิ แทนที่จะโทษตัวเองดันมาโทษฉันเนี่ยนะ โคตรไร้เหตุผลเลยว่ะ” เล่นโกงมันดื้อ ๆ แบบนี้เลย เพราะยังไงอีกฝ่ายก็คงไม่รู้ถึงเหตุการณ์ภายนอกอยู่แล้ว โยนความผิดให้มันซะเรื่องจะได้ง่ายขึ้น

มอนสเตอร์ฉ่านจินที่ได้ยินคำถามดังนั้นก็หยุดดิ้นและพยายามหันร่างกายมาเผชิญหน้ากับถังเจิ้นอย่างยากลำบาก

แม้ว่าเขาจะแน่ใจว่าดวงตาของมอนสเตอร์มันบอดไปแล้วก็เถอะ แต่เขาก็ยังรู้สึกถึงสายตาอันแผดเผาที่จ้องมองมาจากใต้หน้ากากนั้นอยู่ราวกับว่าต้องการจะมองเขาให้ออก ซึ่งเป็นบรรยากาศที่ถังเจิ้นรู้สึกอึดอัดอย่างยิ่ง

“เจ้าไม่ใช่เผ่าฉ่านจินแต่กลับพูดภาษาของเราได้นี่ช่างน่าประหลาดนัก เจ้าจะบอกเราได้หรือไม่ว่าโหลวเฉิงของเจ้าที่เจ้าว่ามันคือที่ไหน และที่นี่ใช้โลกจินเหยียน (หินทอง) หรือไม่”

ถามจบมอนสเตอร์ก็ยังคงจ้องหน้าถังเจิ้นเขม็งเพื่อรอคำตอบ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด