นักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 41
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 41
“หมายความว่าให้ที่บอกให้ไปดูของจริง?”
เจ้าชายลำดับที่สามกลืนน้ำลายและถอยหลังไปหนึ่งก้าว เพราะเขาไม่ทราบถึงตัวตนและความตั้งใจของเอลฟ์ตรงหน้าที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น เขาจึงเริ่มรักษาระยะห่าง
“ไม่ต้องกลัวกระหม่อมขนาดนั้นหรอกพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าไม่ได้กลัว”
เขาขมวดคิ้ว เงยหน้ามองไปที่เอลฟ์ผมสีแดง
“ตอบคำถามของข้ามาก่อน ที่บอกว่าให้ไปดูของจริงคืออะไร?”
“นั่นจะ…”
“ช้าก่อน”
ริมเมอร์ยังไม่ทันได้ตอบกลับ ดยุคทาร์ทันก็ปรากฏตัวขึ้นมาก่อน เขาออกมาจากที่ไหนสักแห่งโดยที่เจ้าชายไม่ทันได้รู้ตัวและมายืนกั้นระหว่างเขากับเอลฟ์ตรงหน้า
“ดาบแห่งแสงของซีกฮาร์ท ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?”
“เอ๊ะ!”
ดวงตาของเกรียร์เบิกกว้างเมื่อได้ยินชื่อที่ดยุคทาร์ทันใช้เรียกเอลฟ์ตรงหน้า
'ดาบแห่งแสงของซีกฮาร์ท!'
ในที่สุดเขาก็รู้ว่าเอลฟ์ตรงหน้าเป็นใคร เขาเป็นหนึ่งในผู้ติดตามที่จงรักภักดีของเกล็น ซีกฮาร์ทซึ่งมีข่าวลือว่าดาบของเขานั้นมีความเร็วเท่าๆ กับความเร็วแสง
'แต่ทำไมเขาถึงมาหาฉันล่ะ…?'
เขาเคยได้ยินเรื่องที่เขาเลิกเป็นนักดาบหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บแล้ว แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงมาตามหาเขา
“เอ่อ…ไม่ต้องตึงเครียดขนาดนั้นก็ได้มั้ง”
ริมเมอร์ยกมือและแสดงท่าทีว่าเขาไม่มีความตั้งใจที่จะต่อสู้
“แน่นอนว่าข้าไม่สามารถไว้ใจเจ้าได้ ข้าเคยเห็นเจ้าทำตัวเหมือนคนเสียสติมาหลายครั้งหลายคราแล้ว”
“ข้าเปลี่ยนไปเยอะแล้วน่า”
“หืม…”
ดยุคทาร์ทันเหลือบมองไปข้างหลังโดยไม่หยุดปล่อยแรงกดดัน
“องค์ชาย...เมื่อสักครู่นี้เอลฟ์ตนนี้พูดอะไรกับท่านเหรอพ่ะย่ะค่ะ?”
“เขาถามว่าข้าอยากไปลองดูของจริงหรือเปล่า”
“ของจริงงั้นเหรอ? เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน?”
“อืม…มันอาจจะแปลกนิดหน่อยถ้าจะพูดออกมาตรงนี้”
ริมเมอร์ยกนิ้วขึ้นชี้ไปยังรอบๆ งาน ตอนนี้บรรยากาศภายในงานเลี้ยงเงียบลงแล้วและทุกคนก็หันมามองที่พวกเขา
“ไม่มีใครต้อนรับฉันจริงๆ ด้วย”
ริมเมอร์หัวเราะให้กับการที่ถูกสายตาหลากหลายคู่จ้องมองมาจากทุกหนทุกแห่งภายในงาน และเขาก็หันกลับมาในวงสนทนา
“เจ้าชายแห่งอาณาจักรโอเว่น…”
ริมเมอร์หยุดแล้วหันกลับมาขณะที่เขากำลังเดินไปที่ทางออก
“หากท่านต้องการเห็นของจริง ได้โปรดบอกคนที่พาท่านเดินชมในวันพรุ่งนี้ว่าท่านต้องการเยี่ยมชมสนามฝึกที่ห้านะพ่ะย่ะค่ะ”
เขาพูดแค่นั้นแล้วก็ออกจากโถงจัดงานเลี้ยงไป
เมื่อริมเมอร์ที่แอบเข้ามาที่นี่โดยไม่ได้รับเชิญได้ออกไปแล้ว ดนตรีก็เริ่มเล่นอีกครั้ง
คำพูดสุดท้ายของริมเมอร์กำลังดังก้องอยู่ในหัวของเกรียร์
'ของจริงอยู่ในสนามฝึกที่ห้างั้นเหรอ?'
***
“หื่อฮืมฮึม…!”
“เอ่อ…”
ราอนคิ้วขมวดเมื่อได้ยินเสียงฮัมเพลงของริมเมอร์ดังมาแต่ไกล
'เขาเป็นอะไรของเขาอีกแล้ว?'
ปกติแล้วในเวลานี้นั้นริมเมอร์ควรจะกำลังนอนงีบอยู่บนเวทีหลังจากที่ปล่อยให้เด็กๆแยกย้ายกันซ้อม แต่เขากลับมองมาที่เด็กๆด้วยแววตาใสแจ๋ว นั่นทำให้ราอนรู้สึกระแวงว่าอาจจะมีอะไรเกิดขึ้น
“เป็นอะไรของเขาอีกล่ะ?”
“ฉันกำลังจะพูดขึ้นมาเลย”
“หรือว่าเขากินอะไรแปลกๆเข้าไป?”
“เขาอาจจะได้เงินจากการเล่นพนันมาเยอะก็ได้”
เบอร์เรนและเด็กคนอื่นๆ กวัดแกว่งดาบของพวกเขาและแอบเหลือบมองริมเมอร์ไปด้วย
“อาจารย์…มีอะไรดีๆ เกิดขึ้นหรือเปล่าครับ?”
ดอเรียนจอมสงสัยเดินไปถามริมเมอร์ตรงๆ
“จะมีแขกมาที่นี่แหละ”
'แขกเหรอ?'
ริมเมอร์เกลียดสิ่งที่น่ารำคาญแต่เขาดูตื่นเต้นที่จะมีคนมาที่นี่…นี่มันชวนสงสัยยิ่งกว่าเดิมอีก
'เลิกสนใจเขาดีกว่า'
ผู้ฝึกสอนเอลฟ์ตนนี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกมากซะจนไม่สามารถคาดเดาความคิดหรือการกระทำได้เลย คงจะดีกว่าถ้าราอนหันไปสนใจแค่การฝึกซ้อม
ราอนดึงเอาออร่าที่ลุกโชนจากศูนย์พลังงานของเขาออกมาและยื่นเท้าขวาออกไป
ตูม!
เริ่มต้นด้วยท่าทางที่แปลกใหม่ เขาแสดงจังหวะสายน้ำและดาบผสมผสานในคราวเดียวกัน
เขาปล่อยจังหวะเท้าออกไปอย่างเป็นธรรมชาติราวกับสายน้ำแล้วดาบที่แหลมคมก็มีแสงระเบิดออกมา
ชิ้ง!
แม้ว่าจะเป็นการผสมผสานระหว่างจังหวะเท้าเพื่อป้องกันและการใช้ดาบเพื่อโจมตีแต่ก็ไม่ได้รู้สึกผิดธรรมชาติเลย นั่นเป็นเพราะว่าทั้งสองอย่างนั้นมุ่งเน้นไปที่การไหลและการผสมผสานเหมือนกัน
การไหลของมันเป็นไปตามธรรมชาติราวกับว่ามันเป็นกระบวนท่าเดียวกันอยู่แล้ว
เขาสัมผัสได้ถึงการจ้องมองจากผู้ฝึกฝนคนอื่นๆ แต่เขาเคยชินแล้ว เขาจึงแสดงวิชาดาบและจังหวะเท้าต่อจนจบ
“…เฮ้อ”
ราอนปล่อยดาบของเขาลงหลังจากที่เขาเสร็จสิ้นการฝึกฝนวิชาดาบและจังหวะเท้าในคราวเดียวกัน
'มันยังไม่ดีพอ'
มันยังมีส่วนที่ไม่สมบูรณ์อยู่บ้างเพราะเขาต้องพยายามอย่างมากในการผสมผสานการใช้ดาบ ฝีเท้าและออร่าเข้าด้วยกัน
เขาต้องฝึกฝนให้มากกว่านี้มันถึงจะสามารถใช้งานได้ในการต่อสู้จริง
“ลองใหม่แล้วกัน”
ในขณะที่เขากำลังจะเริ่มฝึกฝนใหม่อีกครั้ง เขาก็รู้สึกถึงการปรากฏตัวของคนหลายคนอยู่หน้าทางเข้าของสนามฝึก
“หืม?”
"ใครน่ะ?"
ผู้ฝึกสอนและผู้ฝึกฝนคนอื่นๆ เองก็หยุดการกวัดแกว่งดาบและหันไปมองที่ทิศทางของเสียง
จากนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมา
“ไปเปิดประตูที”
"ครับ"
ริมเมอร์ชี้นิ้วไปที่ผู้ฝึกสอนคนหนึ่ง ผู้ฝึกสอนที่ยืนอยู่ใกล้กับประตูก็เดินไปเปิดประตูทางเข้าของสนามฝึก
“ฉันคือเกสมันจากฝ่ายบริหารทั่วไป”
ใบหน้าของชายหนุ่มที่สวมชุดเครื่องแบบที่ดูเรียบร้อยโผล่ออกมา มีอัศวินที่สวมชุดเกราะสีเงินมากมายที่รออยู่ข้างหลังเขา
“ทูตจากอาณาจักรโอเว่นต้องการชมการฝึกฝนในสนามฝึกที่ห้า มันอาจจะกระทันหันไปหน่อยแต่เป็นไปได้ไหมที่พวกเขาจะเข้าไป”
“เชิญเข้ามาได้เลย เรายินดีต้อนรับแขกของซีกฮาร์ทเสมอ”
ริมเมอร์ย้ายตัวเองมาที่ประตูแล้วเปิดประตูออกให้กว้างมากขึ้น
“ช-เช่นนั้น เชิญเข้าไปได้ครับ”
เกสมันโค้งคำนับ เขาเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากและนำทางทูตของอาณาจักรโอเว่นเข้าไปในสนามฝึก
"อ่า…”
ราอนยิ้มแหยะพร้อมเก็บดาบฝึกไว้ที่เอว
'ยินดีต้อนรับแขกงั้นเหรอ?'
ริมเมอร์เคยบอกว่าการปล่อยให้คนมาเยี่ยมชมที่นี่เป็นเรื่องที่ไร้สาระสุดๆ ริมเมอร์ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับการฝึกของพวกเขาให้กับบุคคลภายนอกมาโดยตลอดแม้แต่กับนักดาบของตระกูลก็ตาม
เมื่อเขามองไปรอบๆ ก็เจอผู้ฝึกฝนคนอื่นๆ กำลังกลอกตาใส่ริมเมอร์ด้วยเช่นกัน
“ทูตของอาณาจักรโอเว่นอุตส่าห์เสียสละเวลาอันมีค่ามาเยี่ยมชมพวกเรา ไหนลองแสดงให้พวกเขาเห็นสิว่าผู้ฝึกฝนของซีกฮาร์ทได้เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้แบบไหนมาบ้าง”
ริมเมอร์ปรากฎตัวขึ้นบนเวที เขาเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเกินไปราวกับหายตัวได้
“แล้วเขาอยากให้เราทำอะไร?”
“เอ่อ…”
“เราก็แค่ทำเหมือนเดิมนั่นแหละ...”
ผู้ฝึกฝนเริ่มสติแตกและฝึกซ้อมต่อไปแบบเก้ๆกังๆ เมื่อมีสายตาจ้องมองจากทูตแห่งอาณาจักรโอเว่น
“ตั้งใจหน่อย! สงบสติอารมณ์ให้มากกว่านี้และทำแบบที่พวกเธอเคยทำนั่นแหละ!”
* * *
* * *
เบอร์เรนแสดงออกเหมือนอย่างปกติ พูดอีกอย่างก็คือ เขาเคลื่อนไหวได้ดีกว่าปกติและเป็นพยายามเป็นคนคอยนำเด็กคนอื่นๆในการฝึกซ้อมในครั้งนี้
'มันได้ผล'
เบอร์เรนรู้ว่าเขาควรแสดงออกอย่างไร
“ฉันไม่ใช่ตัวตลกนะ!”
มาร์ธาตะคอกและยกมือขึ้นกอดอก เธอแสดงความเป็นศัตรูและปล่อยแรงกดดันที่รุนแรงออกมา เธอจ้องเขม็งไปที่คนจากอาณาจักรโอเว่น
'เธอไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิด'
มาร์ธาอาจจะอ่อนโยนกับราอนมากขึ้น แต่เธอก็ยังคงขี้โมโหและปากจัดเช่นเดิม
ส่วนรูนันไม่สนใจพวกเขาเลย เธอกวัดแกว่งดาบโดยใช้จังหวะเท้าของเธอต่อไปโดยไม่หยุดชะงักแม้แต่นิดเดียว
'เธออาจจะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในนี้ก็ได้'
การไม่เสียสมาธิในสถานการณ์ที่ยุ่งวุ่นวายแบบนี้ก็ถือเป็นพรสวรรค์ที่ไม่มีใครเทียบได้แล้ว
ราอนสำรวจแขกที่มาจากอาณาจักรโอเว่นทีละคนๆ ในฝั่งของเด็กอัศวินฝึกหัดที่มีดวงตาสีฟ้าก็กำลังไล่สังเกตเบอร์เรน มาร์ธา และรูนันอย่างละเอียด
ดูเหมือนเขาจะรู้สึกดีใจกับอะไรบางอย่าง ปากของเขาเผยอออกเล็กน้อย
'เขาคงไม่ได้สังเกตเห็นฉัน'
ดูเหมือนเขาจะไม่ได้สังเกตเห็นถึงพลังของราอนแม้ว่าจะสังเกตเห็นพลังของทั้งสามคนนั้นแล้ว
'ก็นะ...'
ราอนยิ้มเล็กน้อยแล้วดึงดาบฝึกของเขาออกมาแล้วเริ่มตั้งท่า
'ฉันควรจะแสดงออกไปดีมั้ย?'
ทั้งจังหวะสายน้ำและดาบผสมผสานมีรูปแบบและท่าทางที่เรียบง่ายมากและการถูกจ้องมองคงไม่ทำให้ใครอ่อนแอลง
ดังนั้นก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรถ้าเขาจะแสดงมันให้คนอื่นได้เห็น
ซู่ว!
ราอนผสมผสานกับการไหลของดาบและจังหวะเท้าโดยไม่สนใจสายตาของคนอื่น
***
เจ้าชายลำดับที่สามเกรียร์ เดอ โอเว่น ได้ไปเยี่ยมชมสถานที่สองแห่งก่อนที่จะมาสนามฝึกที่ห้า
ที่แห่งแรกคือสนามฝึกที่สอง ที่มีเหล่านักดาบวัยกลางคนกำลังฝึกซ้อมอยู่
'ที่นั่นน่าทึ่งมาก'
นักดาบจากสนามฝึกที่สองนั้นทรงพลังมาก สมกับชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ของซีกฮาร์ท
พวกเขาไม่ได้ด้อยกว่าไปกว่ากันเลยเมื่อเทียบกับอัศวินแห่งอาณาจักรโอเว่นในเรื่องดาบ แรงกดดัน ร่างกาย และจิตใจ
'แต่สนามฝึกที่หกนั้นน่าผิดหวังไปหน่อย'
ผู้ฝึกฝนในสนามฝึกที่หกนั้นมีความสามารถ แต่ขาดการฝึกฝนที่เพียงพอ
เดิมทีเขาวางแผนที่จะให้เหล่าอัศวินประลองกับผู้ฝึกฝนของที่นี่ แต่เขาล้มเลิกไปแล้วเพราะผลลัพธ์มันจะชัดเจนเกินไป
'เท่าที่ฉันสังเกตมาก็ไม่มีอะไรที่น่าสนใจ'
ตอนที่เขากำลังจะมุ่งหน้ากลับเขาก็นึกถึงสิ่งที่ริมเมอร์พูดขึ้นมาได้ เขาจึงบอกคนจากฝ่ายบริหารทั่วไปที่กำลังจะนำพวกเขาไปที่อื่นว่า
เขาต้องการชมสนามฝึกที่ห้า
เขาดูสับสนเล็กน้อยแต่ก็นำทางพวกเขาไปยังสนามฝึกที่ห้าโดยไม่ปฏิเสธ
แต่เขาก็ไม่ได้คาดหวังไว้สูงจนเกินไปนัก
เขาคิดว่าสนามฝึกที่ห้าคงจะไม่แตกต่างไปจากสนามฝึกที่หกเท่าไหร่
แต่เขาคิดผิด
เมื่อเข้ามาแล้วเขาก็เข้าใจในทันทีว่าที่นี่มันแตกต่างออกไป
ความสามารถและปริมาณการฝึกฝนที่พวกเขาทำนั้นแตกต่างไปจากสนามฝึกที่หกโดยสิ้นเชิง
'ของจริงที่ริมเมอร์พูดถึงหมายถึงสนามฝึกแห่งนี้งั้นเหรอ'
ริมเมอร์พูดถูก ผู้ฝึกฝนจากสนามฝึกที่ห้าอาจจะแข็งแกร่งพอๆกับอัศวินฝึกหัดของเขาเลย
เด็กผู้ชายผมสีฟ้าและเด็กผู้หญิงผมสีเงินตรงนั้นแข็งแกร่งกว่าคนอื่นๆ ในระดับหนึ่ง
ส่วนเด็กสาวผมดำที่จ้องเขม็งมาที่พวกเขาก็มีแรงกดดันที่ท่วมท้นเช่นเดียวกัน
พวกเขาทั้งสามแข็งแกร่งพอๆ กับตัวเขาเองหรือไม่ก็อาจจะพอๆ กับเซทัน เด็กที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นอัศวินฝึกหัดที่แข็งแกร่งที่สุด
“ที่นี่คือของจริงจริงๆ ด้วย”
ดยุคทาร์ทันขมวดคิ้วขณะมองดูผู้ฝึกฝน
“ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”
“พรสวรรค์ของพวกเขาดูแตกต่างออกไปเพียงเล็กน้อย แต่ที่พวกเขาดูแข็งแกร่งมากอาจจะเป็นเพราะการฝึกฝน”
“อืม…”
เกรียร์พยักหน้า สนามฝึกที่ห้ามีบรรยากาศที่แตกต่างไปจากสนามฝึกที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง เขาได้กลิ่นของความมุ่งมั่นที่เต็มไปด้วยเลือดและหยาดเหงื่อของเหล่าผู้ฝึกฝน
“สามคนนั้นน่าทึ่งมาก”
ดวงตาของอัศวินฝึกหัดเซตันส่องประกายด้วยความกระหายที่จะต่อสู้ เขายังคงจ้องมองเด็กทั้งสามคนไม่ละสายตา
“ข้าอยากลองสู้กับพวกเขาดู”
“กระผมก็เช่นกัน”
เจ้าชายลำดับที่สามและเซตันเลียริมฝีปากมองดูสามคนที่พวกเขาคิดว่าน่าจะแข็งแกร่งที่สุดในสนามฝึกที่ห้า
“เป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ? อย่างที่กระหม่อมบอกไปว่าตัวจริงอยู่ที่นี่ ท่านได้เห็นแล้วใช่ไหม?”
เสียงที่เยือกเย็นราวกับสายลมดังมาจากด้านหลัง
“หืม?”
เมื่อพวกเขาหันกลับมาก็เจอริมเมอร์ก็ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยรอยยิ้มที่เหมือนกับเมื่อวันก่อน
“แน่นอน ข้าเข้าใจแล้วว่าทำไมเจ้าถึงบอกข้าแบบนั้น”
เกรียร์พยักหน้า
“ดูเหมือนท่านจะอยากต่อสู้ ลองซ้อมกับเด็กของเราสักคนดูไหมพ่ะย่ะค่ะ”
“นี่คือเป้าหมายของเจ้างั้นเหรอ?”
“มันเป็นโอกาสที่หาได้ยากที่จะได้ประลองกับผู้มีพรสวรรค์ในราชาทั้งหก และนั่นจะเป็นประโยชน์กับท่านด้วย”
ริมเมอร์ชี้ไปที่ผู้ฝึกฝนที่กำลังจดจ่ออยู่กับดาบของพวกเขา
“อืม…”
เกรียร์หันกลับไปมองดยุคทาร์ทัน เนื่องจากดยุคทาร์ทันเป็นคนนำที่แท้จริงในการพาเขามาที่นี่ เขาจึงต้องขออนุญาตก่อน
“นั่นฟังดูดีนะครับ”
ดยุคทาร์ทันพยักหน้าให้เจ้าชายและเหลือบมองริมเมอร์ด้วยสายตาเย็นชา สีหน้าของเขาดูเหมือนจะบอกริมเมอร์ว่าจะเชือดเขาในทันทีที่เขาทำอะไรให้เจ้าชายเดือดร้อน
“ข้าก็อยากจัดการประลอง แต่ว่า…”
ริมเมอร์ยกมือทั้งสองขึ้นแล้วยิ้ม
“ท่านพอจะมีของเดิมพันเล็กๆ น้อยๆ ไหมครับ?”
“เดิมพัน?”
"ใช่ครับ หลังจากการประลองยี่สิบครั้ง ผู้แพ้จะต้องให้รางวัลแก่ผู้ชนะ”
“ฮ่าๆ เจ้าคิดว่าเด็กของเจ้าจะเอาชนะเด็กของเราได้เหรอ?”
“โอ้ แสดงว่าเจ้ามั่นใจใช่ไหม?”
“แน่นอนสิ เพราะพวกเขาเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ในหมู่อัศวินฝึกหัดของโอเว่นเชียวนะ!”
น้ำเสียงของดยุคทาร์ทันเต็มไปด้วยความมั่นใจในขณะที่เขาเสมองไปที่อัศวินฝึกหัด
"ฉันตกลง"
ริมเมอร์ยิ้มแฉ่ง ดวงตาสีเขียวเข้มของเขาดูสดใสขึ้นกว่าเดิม
“ฉันก็เชื่อใจเด็กๆ ของฉันเหมือนกัน!”