ตอนที่ 513 วีรบุรุษก็แค่เศษขยะ
ตอนที่ 513 วีรบุรุษก็แค่เศษขยะ
“กฎแห่งการกลั่นพลังงาน? มันมีกฎที่แปลกประหลาดแบบนี้ด้วยเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ในจักรวาลมีกฎอยู่มากมายหลายพันอย่าง เพียงแต่กฎแห่งมิติ, กฎแห่งสสารและกฎแห่งเวลาเป็นกฎ 3 ข้อใหญ่ ซึ่งกฎแต่ละข้อก็จะมีกฎแยกย่อยแตกต่างกันออกไป อย่างเช่น กฎแห่งหลุมดำก็เป็นกฎที่แตกย่อยออกไปจากกฎแห่งมิติ ส่วนกฎแห่งการกลั่นพลังงานก็เป็นกฎที่แยกย่อยแตกออกไปจากกฎแห่งพลังงานด้วยเหมือนกัน”
“ความเป็นจริงแม้แต่กฎข้อเดียวกันที่ตีความแตกต่างกันก็จะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันเช่นกัน ดังนั้นถ้าหากนักสู้ผู้ใช้กฎได้จู่โจมด้วยพลังรูปแบบเดียวกันแต่มีการตีความที่แตกต่างกัน ผลลัพธ์ของการโจมตีก็จะออกมาแตกต่างกันตามความเข้าใจของนักรบผู้ใช้กฎคนนั้น ๆ ด้วย”
“หากจะมองจากมุมนี้มันก็ถือว่าดินแดนของผู้ใช้กฎมอบความยุติธรรมให้กับทุกคน เพราะใครจะสามารถแสดงพลังของกฎออกมาได้มากน้อยแค่ไหน มันก็ขึ้นอยู่กับความเข้าใจของคนคนนั้น”
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับและนึกถึงรอยสักของกฎแห่งความโกลาหลที่อยู่บนแขนซ้ายของเขา แน่นอนว่ากฎข้อนี้คือเครื่องพิสูจน์เป็นอย่างดีว่ากฎในจักรวาลไม่ได้มีเพียงแค่กฎสามข้อหลัก อันที่จริงเขาก็ต้องการที่จะเรียนรู้เรื่องกฎให้มากกว่านี้ แต่การรับฟังประสบการณ์จากผู้เชี่ยวชาญก็ยังเป็นการเริ่มต้นที่ดี เขาจึงรับฟังคำแนะนำจากหยูฮัวอย่างอดทน
ในระหว่างที่พวกเขากำลังพูดคุยกันนั้นเอง ขนอุยก็ค่อย ๆ มุดออกมาจากหน้าอกของเซี่ยเฟยด้วยท่าทางอันงัวเงีย ก่อนจะปีนขึ้นไปประจำตำแหน่งบนไหล่ของชายหนุ่ม แต่เมื่อมันได้สังเกตเห็นหยูเจียงกับหยูฮัวที่อยู่ไม่ไกล มันก็รีบส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธในทันที เพราะมันจำได้ว่าสองคนนี้เคยทำเรื่องไม่ดีกับเซี่ยเฟยเอาไว้เมื่อย้อนกลับไปเมื่อสามปีก่อน
เซี่ยเฟยสื่อสารผ่านทางจิตให้ขนอุยสงบสติอารมณ์ของมันลง แต่ถึงกระนั้นขนอุยก็ยังคงส่งสายตามองไปยังผู้ใช้กฎทั้งคู่ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจอยู่ดี
“มันช่างเป็นสัตว์อสูรที่ดูดีเลยทีเดียว” หยูเจียงกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความพอใจ
“ตอนแรกมันมีขนาดใหญ่เท่าลูกบาสเกตบอล แต่จู่ ๆ มันก็ตัวเล็กลงเหลือเท่านี้ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเริ่มโตอีกครั้งเมื่อไหร่” เซี่ยเฟยกล่าว
“ยิ่งสัตว์อสูรเติบโตขึ้นมากเท่าไหร่อัตราการพัฒนาของมันก็จะยิ่งเชื่องช้าลงมากเท่านั้น หลังจากนี้นายก็ควรจะต้องดูแลมันให้ดี ๆ” หยูเจียงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ได้ครับ” เซี่ยเฟยกล่าว
หยูเจียงพยักหน้ารับอย่างพึงพอใจพร้อมกับส่งสายตาที่มีความหมายไปทางหยูฮัว
“เอาล่ะพวกเรากลับไปที่ศูนย์ฝึกกันดีกว่า พวกเรารบกวนเวลาของท่านผู้นำมานานแล้ว” หยูฮัวกล่าวพร้อมกับลุกขึ้นยืน
เซี่ยเฟยลุกยืนขึ้นก่อนที่จะกล่าวลาหยูเจียง และเดินตามหยูฮัวไปยังเมืองที่ห่างไกล
สถานที่ตั้งของตระกูลหยูคือยานรบขนาดใหญ่ที่มีดวงอาทิตย์เทียมลอยขึ้นฟ้าและตกดินตามเวลาที่กำหนดทุกวัน เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วโดมด้านบนจะเผยให้เห็นดวงดาวอันสว่างไสว มันจึงทำให้การใช้ชีวิตบนยานลำนี้ดูไม่แตกต่างไปจากการใช้ชีวิตบนดาวเคราะห์ที่มีชีวิตจริง ๆ
สถานที่ตั้งของตระกูลหยูค่อนข้างที่จะทำให้เซี่ยเฟยตกใจอยู่บ้าง และเมื่อเขาได้พิจารณาจากขนาดของยานรบอย่างระมัดระวัง เขาก็คิดว่ายานรบลำนี้น่าจะมีขนาดเล็กกว่ายานไททันเพียงแค่เล็กน้อย
“ตระกูลที่มีอำนาจในดินแดนของผู้ใช้กฎจะสร้างฐานเคลื่อนที่แบบนี้เพื่อพาทั้งตระกูลเดินทางไปทั่วทั้งอวกาศตามแต่ใจต้องการ และถ้าหากว่าไม่ได้มีเรื่องพิเศษคนในตระกูลจะไม่สามารถเดินทางออกจากฐานได้ ดังนั้นถ้าหากว่านายต้องการจะเดินทางไปไหนนายก็จำเป็นจะต้องขออนุญาตจากผู้คุมซะก่อน”
“หากนายได้รับคำอนุมัตินายก็จำเป็นจะต้องเดินทางผ่านประตูมิติเพื่อไปยังสถานที่ที่นายต้องการ แน่นอนว่าการเดินทางทุกครั้งย่อมมีค่าใช้จ่ายและค่าใช้จ่ายมันก็ขึ้นอยู่กับระยะทาง” หยูฮัวกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปยังอาคารทรงครึ่งวงกลมขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บริเวณชานเมือง
“เมืองนี้คือศูนย์ฝึกของนักรบ ส่วนเมืองที่อยู่ห่างออกไปก็เป็นที่อยู่อาศัยของสมาชิกในตระกูล ตัวตนในปัจจุบันของนายคือผู้ใช้กฎฝึกหัดยังไม่ใช่ผู้ใช้กฎที่แท้จริง ทุก ๆ 3 เดือนจะมีการประเมินและตราบใดก็ตามที่นายสามารถผ่านการประเมินจนกลายเป็นผู้ใช้กฎที่แท้จริงได้แล้ว นายก็จะมีอิสระมากยิ่งขึ้นและนายก็จะได้รับค่าตอบแทนจากตระกูลเป็นรายเดือนด้วย”
ระหว่างที่หยูฮัวเดินแนะนำสถานที่ต่าง ๆ ให้กับเซี่ยเฟยภายในเมือง มันก็มีผู้คนมากมายเข้ามาทักทายหยูฮัวอยู่เสมอ ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าพ่อค้าคนนี้เป็นพ่อค้าที่มีชื่อเสียงในตระกูลพอสมควร
“ทุกคนต่างก็รู้ว่าฉันเป็นพ่อค้า ดังนั้นถ้าหากว่านายขาดเหลืออะไรอย่าลืมติดต่อมาหาฉันล่ะ” หยูฮัวกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
“ทุกคนต่างก็เป็นผู้ใช้กฎหมดเลยเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถาม
“ก็ถูกประมาณ 70% คนส่วนใหญ่คือเด็กที่เกิดขึ้นภายในตระกูล พวกเขาจึงได้เรียนรู้เรื่องกฎตั้งแต่เด็กแล้ว แต่มันก็มีคนบางคนที่พวกเราได้คัดเลือกมาจากพันธมิตร แต่คนพวกนั้นมีอยู่ไม่มากนักและศูนย์ฝึกที่นายจะต้องไปอยู่ก็คือศูนย์ฝึกที่รวมเด็กฝึกหัดจากพันธมิตรเอาไว้” หยูฮัวกล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างพอใจ เพราะอย่างน้อยการได้ไปอยู่กับคนที่มาจากพันธมิตรด้วยกันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างดี เพียงแต่เขาไม่ทันได้สังเกตว่าหยูฮัวมีรอยยิ้มแปลก ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
หลังจากที่ชายหนุ่มได้เดินทางไปลงทะเบียน เขาก็ได้รับป้ายสีดำซึ่งเป็นป้ายประจำตัว, คริสตัลม่วงจำนวน 3 ชิ้นและชุดต่อสู้ที่ทำขึ้นมาจากโลหะผสม
คริสตัลม่วงยังถือว่าเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับเซี่ยเฟยในสถานการณ์ปัจจุบัน แต่ชุดต่อสู้ที่เขาเพิ่งได้รับมานั้นเป็นเพียงแค่ชุดต่อสู้ระดับสตาร์ริเวอร์ ซึ่งมันแย่กว่าชุดที่เขาสวมใส่อยู่ในปัจจุบันมาก
สถานที่พักที่เขาจะต้องไปอยู่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ค่อนข้างห่างไกล โดยมันเป็นตึก 2 ชั้นที่ตั้งอยู่ในถนนอันมืดมิดและสภาพแวดล้อมในบริเวณนั้นก็ดูไม่ดีเอาเสียเลย
ในห้องนั่งเล่นชั้นหนึ่งมีเด็กฝึกนั่งด้วยกันอยู่ 2-3 คน แล้วเมื่อพวกเขาได้เห็นเซี่ยเฟยเดินทางเข้ามาพวกเขาต่างก็รีบจ้องมองมายังชายหนุ่มด้วยแววตาที่ไม่เป็นมิตร เซี่ยเฟยจึงทำได้เพียงแต่ส่งรอยยิ้มออกไปทักทาย ก่อนที่เขาจะเดินตามหยูฮัวขึ้นไปยังชั้นที่ 2 เพื่อไปดูห้องของตัวเขาเอง
เมื่อหยูฮัวเปิดประตูห้องเซี่ยเฟยก็ได้พบกับห้องเล็ก ๆ ที่มีเพียงแค่เตียงเดี่ยว, โต๊ะและเก้าอี้ แน่นอนว่าเซี่ยเฟยไม่ใช่คนเรื่องมาก แต่เขาก็อดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้หลังจากที่ได้เห็นสภาพของห้องนี้
“ในช่วงที่เป็นเด็กฝึกก็ใช้ชีวิตอย่างอดทนไปก่อน เมื่อไหร่ก็ตามที่นายผ่านการประเมินกลายเป็นผู้ใช้กฎที่แท้จริง ในเวลานั้นสภาพความเป็นอยู่ของนายก็จะดีขึ้นเอง” หยูฮัวพยายามพูดปลอบใจ
หลังจากพูดจบพ่อค้าตระกูลหยูก็ใช้นิ้วสัมผัสแหวนมิติและหยิบคริสตัลม่วงออกมาส่งให้กับเซี่ยเฟยจำนวน 10 ชิ้น
“คริสตัลม่วงแค่ 3 ชิ้นต่อเดือนน่าจะไม่ค่อยพอใช้ นายเก็บคริสตัลพวกนี้เอาไว้ใช้และถ้าขาดเหลืออะไรก็ให้รีบติดต่อฉันมา”
“คุณน่าจะบันทึกบัญชีของพวกนี้เอาไว้หมดแล้วใช่ไหม? ไม่ต้องห่วงในอนาคตผมจะจ่ายพวกมันคืนพร้อมดอกเบี้ยแน่นอนครับ” เซี่ยเฟยรับคริสตัลต้นกำเนิดมาจากหยูฮัวด้วยรอยยิ้ม
หลังจากหยูฮัวจากไปแล้วเซี่ยเฟยก็นำกระป๋องออกมาจากแหวนมิติ ซึ่งหุ่นยนต์ตัวน้อยก็แทบที่จะร้องไห้เมื่อมันได้เห็นห้องที่สกปรก เพราะมันทนไม่ได้ที่จะต้องเห็นเซี่ยเฟยใช้ชีวิตอยู่ในห้องที่สกปรกแบบนี้
ต่อมากระป๋องก็รีบทำความสะอาดห้องอย่างบ้าคลั่ง ขณะที่ขนอุยก็กระโดดลงไปนอนบนเตียงโดยไม่ได้สนใจสถานการณ์ในปัจจุบันของเซี่ยเฟยเลย
“นายท่านโปรดออกไปรอข้างนอกสักครู่ เดี๋ยวกระป๋องจะรีบทำความสะอาดห้องของนายท่านให้” กระป๋องกล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับก่อนที่เขาจะมุ่งหน้าตรงไปยังห้องนั่งเล่นชั้นที่ 1 ซึ่งเขาก็ได้เห็นเด็กฝึก 2-3 คนยังคงนั่งพูดคุยกันอยู่ที่เดิม
“หนังสือพิมพ์ดินแดนผู้ใช้กฎงั้นเหรอ? ฉันไม่คิดเลยว่าในดินแดนนี้มันจะยังมีหนังสือพิมพ์อยู่ด้วย” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาเบา ๆ หลังจากที่ได้เห็นหนังสือพิมพ์ในมือของเด็กฝึกพวกนั้น
เซี่ยเฟยเดินไปหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านด้วยความสนใจ และเขาก็ได้พบกับข่าวมากมายในดินแดนของผู้ใช้กฎ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่สมาชิกในตระกูลคนไหนได้รับการเลื่อนระดับพลัง หรือข่าวซุบซิบนินทาเหมือนกับข่าวของดาราในตอนที่เขายังคงอยู่ในพันธมิตร
เซี่ยเฟยกวาดสายตาหาข้อมูลทุกอย่างอย่างระมัดระวัง ซึ่งเขาก็ได้เห็นข้อความที่น่าจะสำคัญ อย่างเช่น ผู้ใช้กฎระดับอัศวินหรือผู้ใช้กฎระดับราชา ซึ่งสันนิษฐานว่าผู้ใช้กฎระดับนี้น่าจะเป็นระดับของผู้ใช้กฎระดับสูง
“เซี่ยเฟยเหรอ?”
จู่ ๆ ชายอ้วนคนหนึ่งภายในกลุ่มก็เรียกชื่อเขาขึ้นมาอย่างฉับพลัน โดยชายคนนี้มีอายุประมาณ 25 ปี
“นายรู้จักฉันด้วยเหรอ?” เซี่ยเฟยถามด้วยความประหลาดใจ
“ดูนี่สิ เขาคือเซี่ยเฟยจริง ๆ ด้วย! เขาคือวีรบุรุษผู้บุกเข้าไปในเผ่าพันธุ์เซิร์กเพียงลำพัง” ชายอ้วนตะโกนขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น
เซี่ยเฟยรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อยที่เด็กฝึกในดินแดนของผู้ใช้กฎพอจะรู้จักชื่อเสียงของเขาอยู่บ้าง ซึ่งมันก็น่าจะเป็นเพราะเด็กฝึกในอาคารนี้น่าจะเป็นคนที่เดินทางมาจากพันธมิตรเช่นเดียวกับเขา
เสียงตะโกนของชายอ้วนทำให้เด็กฝึกทุกคนในอาคารรู้สึกตกใจ พวกเขาจึงรีบเดินทางมายังห้องนั่งเล่นทีละคนและมองไปทางเซี่ยเฟยอย่างสนใจ
“เขาคือเซี่ยเฟยจริง ๆ ด้วย! ฉันเคยเห็นข่าวของเขาตอนที่ฉันอยู่ในพันธมิตร”
“ทำไมเขาถึงมาอยู่ในดินแดนของผู้ใช้กฎได้?”
“เฮ้ย! พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาเสียหายหนักมาก แบบนี้เขาก็เป็นเพียงแค่เศษขยะน่ะสิ แล้วเขาเข้ามาในดินแดนของผู้ใช้กฎได้ยังไง?”
“พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาได้รับความเสียหายหนักมากจริง ๆ แบบนี้เขาไม่มีทางที่จะฝึกฝนการใช้พลังของกฎได้อย่างแน่นอน”
“เฮ้อ! ถึงเขาจะเป็นวีรบุรุษในพันธมิตร แต่เขาก็เป็นเพียงแค่เศษขยะในดินแดนของผู้ใช้กฎสินะ”
คิ้วของเซี่ยเฟยกระตุกขึ้นมาอย่างรุนแรง ซึ่งเขาก็จำไม่ได้แล้วว่าเขาเคยถูกพูดจาดูถูกเหยียดหยามแบบนี้เป็นครั้งสุดท้ายตั้งแต่เมื่อไหร่
“นายคงจะพึ่งพาแต่น้ำยาตลอดเลยสินะ ถึงสามารถเพิ่มระดับพลังจนมาถึงระดับลีเจนด์ได้”
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างแผ่วเบา เพราะท้ายที่สุดเรื่องนั้นมันก็ยังคงเป็นเรื่องจริง
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ”
ทุกคนต่างก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่ปิดบัง และแน่นอนว่ามันเป็นเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
“โถ่เอ้ย! ที่แท้วีรบุรุษของพันธมิตรก็เป็นเพียงแค่เศษขยะที่ต้องพึ่งพาน้ำยาเพื่อเพิ่มพลังของตัวเอง”
“ฉันก็อุตส่าห์เคยคิดว่าเขาคืออัจฉริยะ ที่แท้เขาก็เป็นแค่ไอ้ขี้ยาคนหนึ่ง!”
คำพูดดูถูกต่าง ๆ นานาทำให้เซี่ยเฟยกำหมัดแน่น เพราะถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเศษขยะอย่างที่คนพวกนี้พูดเอาไว้จริง ๆ แต่เขาก็จำเป็นจะต้องปกป้องศักดิ์ศรีของตัวเองเอาไว้
“เลิกเอาแต่เห่าแล้วมาสู้กับฉันทีละคนดีกว่า!” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเย็นชาพร้อมกับกวาดสายตามองไปยังคนพวกนี้ทีละคน
“อย่าคิดว่าเพียงเพราะนายถูกยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษแล้วมันจะทำให้นายยิ่งใหญ่นัก ตอนที่พันธมิตรถูกเซิร์กโจมตีพวกเรายังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรด้วยซ้ำ นายรู้ไหมว่าทำไมตอนนั้นพวกเราถึงไม่ทำอะไร มันก็เป็นเพราะว่าพวกเราถูกกำหนดให้เป็นนักรบผู้สูงส่งไม่ใช่ไอ้ขี้ยาแบบแกยังไงล่ะ!”
“แกเป็นแค่เศษขยะที่สมองพิการคนหนึ่งแค่นั้นแหละ น่าเสียดายที่มันมีกฎห้ามต่อสู้ในหอพัก แต่ในวันพรุ่งนี้ฉันจะเป็นคนสั่งสอนให้แกได้รู้เอง ว่าเศษขยะแบบแกไม่ควรจะเงยหน้าขึ้นมาสบสายตากับพวกฉัน”
***************
มาถึงวันแรกก็ได้ศัตรูเลยหร๊อ!