ตอนที่ 512 เข็มทิศมิติ
ตอนที่ 512 เข็มทิศมิติ
ณ ยอดเขาเอเวอเรสต์ในช่วงเวลากลางคืน
พายุหิมะโหมกระหน่ำอย่างรุนแรงมากจนทำให้ระยะวิสัยทัศน์เหลืออยู่เพียงแค่ประมาณครึ่งเมตรเท่านั้น นอกจากนี้สายลมอันรุนแรงยังทำให้ผู้ที่ยืนอยู่บนยอดเขาแทบที่จะไม่สามารถยืนอยู่นิ่ง ๆ ตรงตำแหน่งเดิมได้
อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยกลับยืนอยู่บนยอดเขาอย่างมั่นคง ขาของเขาจมอยู่ในหิมะที่ตกหนักมาเป็นเวลานาน สายตาของเขาก็ยังคงจับจ้องมองไปทางทิศตะวันออกเสมอ ซึ่งสถานที่แห่งนั้นนั่นก็คือดินแดนที่เขาได้ถือกำเนิดขึ้นมา
“นายกำลังมองอะไร?” อันธถามด้วยความสงสัย
“ทางนั้นคือประเทศจีน” เซี่ยเฟยตอบอย่างเรียบง่าย
“ประเทศจีนอยู่ไกลขนาดนั้น แล้วนายมองเห็นมันได้รึไง?”
“ฉันมองไม่เห็น แต่ฉันสัมผัสถึงมันได้”
อันธทำได้เพียงแต่ถอนหายใจออกมายาว ๆ เพราะท้ายที่สุดพวกเขาก็ใกล้จะต้องเดินทางไปยังดินแดนของผู้ใช้กฎเต็มที นอกจากนี้พวกเขายังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่พวกเขาถึงจะมีโอกาสได้กลับมา แล้วมันก็คงจะไม่เชื่อเรื่องแปลกประหลาดอะไรที่เซี่ยเฟยจะนึกถึงบ้านเกิดของตัวเอง
พริบตาต่อมามันก็มีร่าง ๆ หนึ่งปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางพายุหิมะ ซึ่งร่างที่เพิ่งปรากฏขึ้นมานี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นใดเลยนอกเสียจากหยูฮัวผู้ซึ่งเป็นพ่อค้าจากดินแดนผู้ใช้กฎ
“ทำไมถึงเลือกที่นัดพบเป็นที่แบบนี้ล่ะ?” หยูฮัวอดที่จะส่งเสียงบ่นขึ้นมาไม่ได้ เมื่อได้เห็นเซี่ยเฟยยืนรอเขาอยู่ท่ามกลางพายุหิมะ
“ผมพร้อมแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาเบา ๆ โดยไม่สนใจคำบ่นของชายฉกรรจ์คนนี้เลย
“เอาล่ะเตรียมตัวเอาไว้ให้ดี จนกว่าจะถึงวันที่นายเชี่ยวชาญการใช้กฎหรือมีความมั่งคั่งมากพอสมควรนายถึงจะกลับมายังที่นี่ได้” หยูฮัวกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“ผมไม่เคยกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้นอยู่แล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
หยูฮัวก้าวเท้าไปข้างหน้าเพื่อคว้าแขนของเซี่ยเฟยไว้ จากนั้นเขาก็หยิบเข็มทิศสีทองออกมาจากหน้าอก พร้อมกับป้อนข้อมูลอะไรบางอย่างลงไปในเข็มทิศอย่างรวดเร็ว
“นั่นมันอะไรเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถามด้วยความสงสัย
“นี่คือเข็มทิศมิติ มันคืออุปกรณ์ที่จะช่วยให้นักรบผู้ใช้กฎที่ไม่ได้เชี่ยวชาญกฎมิติสามารถเดินทางไปมาระหว่างสถานที่อันห่างไกลในจักรวาลแห่งนี้ได้”
“ถ้าผมมีเข็มทิศนี้มันก็หมายความว่าผมจะสามารถเดินทางไปมาระหว่างดวงดาวได้อย่างอิสระอย่างนั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“มันก็ไม่ได้สะดวกขนาดนั้นซะทีเดียวหรอก นายรู้ไหมว่าไอ้นี่มันมีค่ามากแค่ไหร่?” หยูฮัวกล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“มันแพงมากเลยเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถาม
“มันมีค่าประมาณ 4-5 เท่าของสินทรัพย์ทั้งหมดในพันธมิตรได้ล่ะมั้ง และทุกครั้งที่เราใช้งานมันก็มีค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วย ดังนั้นถ้าหากว่านายไม่ได้เป็นพ่อค้าอัจฉริยะเหมือนฉัน หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องมิติ นายก็ไม่มีทางเดินทางไปมาระหว่างดวงดาวอย่างอิสระได้”
เซี่ยเฟยทำได้เพียงแต่เผยรอยยิ้มออกมาอย่างขมขื่น เพราะถึงแม้ว่าในปัจจุบันเขาจะได้กลายเป็นนักธุรกิจชั้นนำของพันธมิตร แต่เขาก็คงจะเป็นเพียงแค่ยาจกในดินแดนของผู้ใช้กฎ
อย่างไรก็ตามเข็มทิศมิติก็ทำให้เขารู้สึกสนใจมาก เพราะมันเป็นอุปกรณ์ที่ทำให้การวาร์ปของยานอวกาศกลายเป็นเต่าที่เคลื่อนที่อย่างเชื่องช้าไปเลย
“ผมจำได้ว่าตอนที่เราพบกันครั้งที่แล้วคุณก็ไม่ได้ใช้เข็มทิศนี้นี่ครับ?” เซี่ยเฟยกล่าว
“นายคิดว่าทุกคนได้ดินแดนของผู้ใช้กฎเป็นผู้เชี่ยวชาญในการใช้กฎมิติหรือยังไง ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ เข็มทิศมิติก็คงจะกลายเป็นของที่ไร้ค่าไปแล้ว ทั้งตระกูลในปัจจุบันมีเพียงแค่ท่านหยูเจียงเท่านั้นที่สามารถใช้กฎมิติในการเดินทางอย่างอิสระได้ คนส่วนใหญ่จึงจำเป็นจะต้องพึ่งพาเข็มทิศมิติในการเดินทางไปไหนมาไหนอยู่ดี แต่เข็มทิศพวกนี้มันก็มีราคาที่ค่อนข้างแพงเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน”
หยูฮัวรู้สึกภาคภูมิใจมากเมื่อเขาได้ยืนอยู่ต่อหน้าของเซี่ยเฟย เพราะท้ายที่สุดอาชีพพ่อค้าอย่างเขาก็ไม่ได้มีสถานะสูงมากนักในดินแดนของผู้ใช้กฎ ดังนั้นเขาจึงพยายามใช้โอกาสนี้ในการอวดอ้างความรู้ของตัวเอง
“เอาล่ะคราวนี้ฉันมารับนายตามคำสั่งของท่านผู้นำ เดี๋ยวฉันจะออกค่าใช้จ่ายให้กับนายก่อน วันหนึ่งเมื่อนายมีเงินมากพอแล้วฉันจะไปเรียกเก็บค่าใช้จ่ายพร้อมดอกเบี้ยในการเดินทางนี้กับนายทีหลัง” หยูฮัวกล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้ เพราะท้ายที่สุดพ่อค้าก็ยังคงเป็นพ่อค้าอยู่วันยังค่ำ ไม่ว่าจะเป็นในพันธมิตรหรือดินแดนของผู้ใช้กฎต่างก็ล้วนแล้วแต่มีผู้แสวงหาผลประโยชน์อยู่ทุกที่
ทันใดนั้นเองเซี่ยเฟยก็รู้สึกเหมือนกับร่างกายของเขากำลังล่องลอยอยู่ในอวกาศ ศีรษะของเขารู้สึกวิงเวียนอยู่เล็กน้อย ระหว่างนั้นร่างของเขากับหยูฮัวก็เหมือนกับกำลังตกลงไปในก้นเหวอันมืดมิด ซึ่งหยูฮัวก็จับแขนเซี่ยเฟยเอาไว้แน่นราวกับว่าชายฉกรรจ์กลัวว่าชายหนุ่มจะตกลงไปยังด้านล่าง
“ข้อห้ามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในระหว่างการใช้ประตูมิติคือห้ามตื่นตระหนก เพราะถ้าหากว่านายบังเอิญตกลงไปในช่องว่างระหว่างมิติ ผลลัพธ์ที่ตามมามันก็อาจจะเป็นหายนะที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้” หยูฮัวกล่าว
หลังจากนั้นไม่นานพื้นที่ใต้เท้าของพวกเขาก็กลายเป็นแสงสว่าง และเมื่อทั้งคู่ได้เคลื่อนที่ผ่านแสงสว่างนั้นออกมา สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าของพวกเขาก็คือแม่น้ำสายเล็ก ๆ ที่มีหยูเจียงกำลังนั่งตกปลาอยู่อย่างสบายใจ
“ท่านผู้นำชอบตกปลามาก นายสามารถมาหาเขาที่นี่ได้ทุกวัน แต่ฉันแนะนำว่านายควรจะมาพบท่านผู้นำให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่ายังไงที่นี่ก็เป็นดินแดนที่มีการแบ่งชนชั้น ดังนั้นถ้าหากว่านายเข้าหาท่านผู้นำมากเกินไป มันก็จะสร้างความไม่พอใจให้กับคนอื่น ๆ ในตระกูล”
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ขณะที่ชายชราได้โบกมือส่งสัญญาณให้พวกเขาเดินเข้าไปหา
“เป็นยังไงบ้างกับการเดินทางผ่านประตูมิติเป็นครั้งแรก?” หยูเจียงถามโดยยังคงใช้สมาธิไปกับการตกปลา
“มันเหมือนกับผมได้เดินทางผ่านเส้นทางอันมืดมิด ก่อนที่จะได้พบกับแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ครับ” เซี่ยเฟยกล่าว
“ประตูมิติเป็นการเชื่อมต่อระหว่างพื้นที่ทั้งสองแห่งเข้าด้วยกัน ถ้าหากว่านายได้เรียนรู้กฏแห่งมิติ ไม่เพียงแต่นายจะสามารถสร้างมิติในการเคลื่อนย้ายได้เท่านั้น แต่นายยังสามารถบิดเบือนมิติได้อีกด้วย” หยูเจียงกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะมองทางเซี่ยเฟย
จากนั้นชายชราก็วางคันเบ็ดพร้อมกับยกถังใส่ปลาขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม ซึ่งในถังนั้นมีปลาสีขาวหลายตัวกำลังแหวกว่ายอยู่อย่างมีชีวิตชีวา
“หลังจากผ่านความยากลำบากมาอย่างยาวนาน ในที่สุดนายก็มีโอกาสได้เข้าร่วมกับดินแดนของผู้ใช้กฎนี่สักที เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายครั้งใหญ่ในชีวิต ฉันขอใช้ปลาพวกนี้จัดงานฉลองต้อนรับนายก็แล้วกัน”
เมื่อได้ยินคำพูดจากชายชรา หยูฮัวก็รีบสะกิดเซี่ยเฟยจากด้านหลังเบา ๆ ก่อนที่จะกระซิบข้างหูของชายหนุ่มว่า
“รีบขอบคุณท่านผู้นำเร็ว ๆ เข้า! ปลาพวกนี้คือปลาอินทรีหางฟินิกซ์ที่สามารถเอาไปแลกเปลี่ยนเป็นคริสตัลม่วงได้มากกว่า 100 ชิ้น เนื้อของพวกมันมีสรรพคุณที่ดีมาก มันสามารถช่วยบำรุงร่างกายของนายได้”
เซี่ยเฟยชะงักไปเล็กน้อย เพราะเขาไม่คิดว่าปลาที่ดูธรรมดาพวกนี้จะสามารถนำไปแลกคริสตัลม่วงได้นับ 100 ชิ้น
คำถามก็คือเขาไม่รู้ว่าคริสตัลม่วงที่หยูฮัวกำลังพูดถึงมันคืออะไรกันแน่?
—
อาหารเลี้ยงต้อนรับเซี่ยเฟยเป็นมื้ออาหารที่เรียบง่ายที่ประกอบไปด้วยปลาต้มกับขนมอีกสองสามชิ้น อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยก็ไม่ใช่คนกินยากตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว เขาจึงจัดการอาหารทุกอย่างจนหมดอย่างไม่มีเหลือ
ขณะเดียวกันหยูเจียงกลับค่อย ๆ กินปลาต้มอย่างละเมียดละไม ราวกับว่าเขาเสียดายที่จะกินพวกมันทั้งหมดในคราวเดียว
“เอาล่ะนี่คือบทเรียนแรกของนายในดินแดนของผู้ใช้กฎ สิ่งนี้มีชื่อว่ากฏแห่งพลังงาน” หยูฮัวกล่าวด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นท่าทางการกินอันตะกละตะกลามของเซี่ยเฟย
เซี่ยเฟยหันไปมองทางชายวัยกลางคนอย่างไม่เข้าใจ เพราะเขาไม่รู้ว่าหยูฮัวพยายามจะสื่อถึงอะไรกันแน่
พริบตาต่อมาหยูฮัวก็ใช้นิ้วแตะแหวนมิติเบา ๆ และหยิบหัวใจจักรวาลสีม่วงออกมาด้านนอก แต่หัวใจจักรวาลที่เซี่ยเฟยกำลังเห็นอยู่นี้แตกต่างจากหัวใจจักรวาลที่เขาเคยพบ เพราะมันมีความกลมมนราวกับลูกปัดที่ได้รับการเจียระไนมาเป็นอย่างดี
“นายน่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้มาจากพันธมิตรบ้างแล้วใช่ไหม?”
“ในพันธมิตรเรียกของสิ่งนี้ว่าหัวใจจักรวาลสีม่วงครับ ว่ากันว่าด้านในของมันได้บรรจุพลังต้นกำเนิดของจักรวาลเอาไว้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“แล้วนายรู้วิธีใช้มันไหม?”
“พลังงานในหัวใจจักรวาลมีความบริสุทธิ์มาก แต่มันก็เป็นพลังงานที่รุนแรงมากเกินไป แม้ว่ามันจะมีอุปกรณ์บางอย่างที่สามารถดึงพลังงานออกมาจากหัวใจจักรวาลได้ แต่มนุษย์ก็ไม่ควรดูดซับพลังพวกนั้นเข้าไปมากนัก” เซี่ยเฟยกล่าว
“ใช่แล้ว สิ่งที่นายพูดคือการดูดซับพลังงานต้นกำเนิดเข้าไปโดยตรง โดยไม่ได้ผ่านกระบวนการกลั่นพลังงานเสียก่อน ร่างกายของมนุษย์จึงไม่สามารถที่จะซึมซับพลังงานพวกนั้นเข้าไปได้ แต่ในดินแดนของผู้ใช้กฎคริสตัลพวกนี้ไม่เพียงแต่จะนำมาใช้เป็นสกุลเงินเท่านั้น แต่มันยังเป็นแหล่งพลังงานล้ำค่าสำหรับพวกเราด้วย”
“ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการเรียนรู้หรือกระบวนการใช้พลังของกฎ ต่างก็ล้วนแล้วแต่จำเป็นจะต้องใช้พลังงานปริมาณมหาศาล การดูดซับพลังงานต้นกำเนิดเพียงอย่างเดียวจึงไม่มีทางเติมเต็มพลังงานที่เราจำเป็นจะต้องใช้ได้ ดังนั้นพวกเราทุกคนจึงจำเป็นจะต้องใช้พลังงานจากคริสตัลเป็นพลังงานสำรอง เพื่อคอยเติมเต็มพลังงานที่ถูกพวกเราใช้ออกไป” หยูฮัวกล่าวอธิบายด้วยรอยยิ้ม
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ตระหนักว่าเหล่าบรรดาผู้ใช้กฎได้พึ่งพาพลังงานจากหัวใจจักรวาลในการเติมเต็มพลังงานในร่างของตัวเอง ซึ่งพลังงานเหล่านี้ก็มีอัตราการให้พลังงานสูงกว่าการกินอาหารทั่ว ๆ ไปหลายหมื่นเท่า
ซูบ!
ทันใดนั้นเองคริสตัลสีม่วงก้อนเล็ก ๆ ภายในมือของหยูฮัวก็ค่อย ๆ กลายเป็นคริสตัลโปร่งใส ก่อนที่ชายฉกรรจ์จะโยนคริสตัลก้อนนั้นทิ้งไปราวกับว่ามันเป็นเพียงขยะที่ไร้ค่า
“เมื่อพวกเราดูดซับพลังงานจากในคริสตัลมาจนหมดแล้ว ตัวคริสตัลก็จะไม่เหลือพลังงานด้านในอีกต่อไป คริสตัลสีม่วงพวกนี้เรียกว่าคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 2 หรือพวกเรามักจะเรียกติดปากกันว่าคริสตัลม่วง ที่จะถูกนำมาใช้เป็นสกุลเงินในดินแดนของเราด้วย”
“คริสตัลต้นกำเนิดมีอยู่หลายระดับไล่ตั้งแต่ระดับ 2 มีสีม่วง, ระดับ 3 มีสีขาว, ระดับ 4 มีสีเหลือง ซึ่งแน่นอนว่าพลังงานที่บรรจุในคริสตัลย่อมมีระดับที่แตกต่างกัน และพวกมันยังถูกใช้เป็นสัญลักษณ์แสดงความมั่งคั่งในดินแดนของพวกเราด้วย”
“แล้วการกลั่นพลังงานให้บริสุทธิ์ที่คุณพูดถึงในก่อนหน้านี้ล่ะครับ มันหมายถึงอะไร?” เซี่ยเฟยถาม
“คริสตัลที่ฉันให้นายดูแตกต่างจากหัวใจจักรวาลที่นายเคยเห็นใช่ไหม?” หยูฮัวกล่าว
“ใช่ครับ มันเหมือนกับว่าคริสตัลของคุณเป็นหัวใจจักรวาลที่ได้รับการเจียระไนมาเป็นอย่างดีแล้ว ขณะที่หัวใจจักรวาลในพันธมิตรเป็นเหมือนกับแค่ก้อนแร่ดิบที่เพิ่งถูกขุดออกมาจากเหมือง”
“สิ่งที่นายเข้าใจนั้นถูกต้องแล้ว หัวใจจักรวาลที่ยังไม่ผ่านกระบวนการกลั่นไม่ต่างไปจากแร่ดิบที่ไม่สามารถนำมาใช้งานได้ และมันก็มีเพียงแต่หัวใจจักรวาลที่ถูกกลั่นจนกลายเป็นคริสตัลต้นกำเนิดแล้วเท่านั้น ถึงจะกลายเป็นสิ่งที่มีมูลค่าที่แท้จริงในดินแดนของพวกเรา”
“อย่างไรก็ตามการพยายามเปลี่ยนหัวใจจักรวาลให้กลายเป็นคริสตัลต้นกำเนิดได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ในดินแดนของผู้ใช้กฎด้วยเหมือนกัน เพราะมันจำเป็นจะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญกฎแห่งการกลั่นพลังงาน ในการเปลี่ยนพลังงานดิบให้กลายเป็นพลังงานที่ร่างของสิ่งมีชีวิตสามารถดูดซับเข้าไปได้” หยูฮัวกล่าว
“เราสามารถแลกเปลี่ยนหัวใจจักรวาลให้กลายเป็นคริสตัลต้นกำเนิดได้อย่างนั้นเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถาม
คำถามนี้เป็นคำถามที่สำคัญมาก เพราะเขาได้นำหัวใจจักรวาลสีม่วงติดตัวมาด้วยถึง 6 ตัน แน่นอนว่าความตั้งใจเดิมของเขาคือการเอาพวกมันมาเป็นอาหารของขนอุย แต่จู่ ๆ เขากลับได้ค้นพบว่าหัวใจจักรวาลพวกนี้ก็พอจะมีค่าบ้างในดินแดนของผู้ใช้กฎ
“ใช่ หัวใจจักรวาลสามารถเอาไปแลกเปลี่ยนเป็นคริสตัลต้นกำเนิดได้ในอัตรา 10 ต่อ 1” หยูฮัวตอบอย่างสบาย ๆ ราวกับเรื่องนี้เป็นความรู้โดยทั่วไป
“แลกเปลี่ยนในอัตรา 10 ต่อ 1!?”
นี่มันจะเป็นอัตราแลกเปลี่ยนที่รีดไถกันมากจนเกินไปแล้ว!
ถ้าหากเขานำหัวใจจักรวาลสีม่วงทั้ง 6 ตันไปแลกเป็นคริสตัลม่วงด้วยอัตรานี้ เขาก็จะสามารถแลกเปลี่ยนคริสตัลม่วงกลับมาได้เพียงแค่ 600 กิโลกรัมเท่านั้น
ถึงแม้ว่ามันจะมีอัตราการสูญเสียในระหว่างกระบวนการกลั่นไปบ้าง แต่มันก็ไม่ควรจะต้องมีอัตราการแลกเปลี่ยนที่เหมือนกับพยายามจะปล้นกันแบบนี้ แล้วมันก็ไม่จำเป็นจะต้องสงสัยเลยว่าคนกลางที่รับแลกเปลี่ยนพวกมันไปก็คงจะสามารถสร้างผลกำไรได้เป็นอย่างมาก
“ในดินแดนของผู้ใช้กฎมีผู้เชี่ยวชาญกฎแห่งการกลั่นพลังงานไม่มากนัก ทุกตระกูลในดินแดนจึงพยายามแสวงหาผู้ใช้กฎแห่งการกลั่นพลังงานมาไว้ในตระกูลของตัวเอง มันจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมอัตราการแลกเปลี่ยนถึงสูงมากขนาดนั้น”
“ถ้าหากว่านายรู้สึกว่าอัตราการแลกเปลี่ยนนั่นเป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรม ทางเลือกเดียวของนายก็มีเพียงแค่การเรียนรู้กฎแห่งการกลั่นพลังงานซะ แล้วทำการกลั่นคริสตัลต้นกำเนิดพวกนั้นขึ้นมาเอง”
***************
สวัสดีดินแดนผู้ใช้กฎ พี่เฟยมาแล้ว… ว่าแต่นี่จะเป็นอาชีพต่อไปของพี่เฟยไหมนะ? ตามประสาคนขี้งกอ่ะเน๊าะ 5555