บทที่ 82 - เริ่มต้นการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลกครั้งที่ 22
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 82 - เริ่มต้นการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลกครั้งที่ 22
เขาเองก็เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องผลของต้นไม้แห่งชีวิตมาบ้าง
ผลไม้นี้เกิดขึ้นหลังจากดูดซับแก่นแท้ของดาว หลังจากกินมันแล้ว จะสามารถดูดซับพลังชีวิตของดาวทั้งใบได้ นอกเหนือจากการยืดอายุแล้ว มันยังช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งได้อย่างมาก
แม้ว่าสลักจะไม่ได้ต้องการอายุขัยแล้วในตอนนี้ แต่เขาก็ยังต้องการที่จะเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของเขา
เพราะเขาเองก็ยังไม่ลืมความอัปยศอดสูที่เผ่าปีศาจน้ำแข็งมอบให้เขาได้ ยามที่ความแข็งแกร่งของเขาลดลงไปตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น
ยามที่สลักยังเด็ก เขามีคู่ต่อสู้น้อยมากในพื้นที่ทางเหนือและเขาก็เป็นจักรพรรดิทรราชที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในจักรวาล
แต่หลังจากพบกับเผ่าปีศาจน้ำแข็งแล้ว สลักก็ต้องทนทุกข์ทรมานอย่างหนัก
เผ่าปีศาจน้ำแข็งไม่ได้ทรงพลังเกินไปแม้เมื่อเทียบกับซูเปอร์ชาวดาวนาเม็ก แต่เผ่าปีศาจน้ำแข็งมีช่วงชีวิตที่ยาวนาน
หลายร้อยปีผ่านไป สลักก็แก่ตัวลงและระดับพลังของเขาลดลงอย่างมาก จนอดีตคู่อริของเขา ราชาโคลยังคงแข็งแกร่งมาก ทั้งยังกำเนิดบุตรสองคนที่ไม่อ่อนแอไปน้อยกว่าเขาเลย
ดังนั้นในท้ายที่สุด ดินแดนที่สลักพิชิตได้ด้วยการต่อสู้เป็นเวลาหลายปีจึงถูกกลืนกินโดยเผ่าปีศาจน้ำแข็ง และเขาก็ทำได้เพียงไปอยู่บนดาวเคราะห์สลักที่ซึ่งเขาเริ่มต้นสร้างชื่อขึ้นมา
มันเป็นความอัปยศของสลักในตลอดชีวิต
ยามนี้เขากลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง เขาพร้อมที่จะแก้แค้นพวกเผ่าปีศาจน้ำแข็งแล้ว
ทว่าเขาเพิ่งได้ยินมาว่าฟรีเซอร์ อัจฉริยะของเผ่าพันธุ์ปีศาจน้ำแข็งถูกฆ่าโดยชาวไซย่า
เมื่อสลักได้ยินข่าวนี้ เขาก็รู้สึกได้เลยว่ามีคนแข็งแกร่งมากกว่าเขาแล้ว
แม้ว่าเขาจะมั่นใจว่าเขาสามารถจัดการกับเผ่าปีศาจน้ำแข็งได้ แต่เขาก็ยังตัดสินใจที่จะหาผลของต้นไม้แห่งชีวิตก่อนและเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของเขา
…
สามปีผ่านไป ไวเพียงพริบตา
ในช่วงสามปีที่ผ่านมา หลินเฉินได้สอบถามเกี่ยวกับที่อยู่ของสลักมากกว่าหนึ่งครั้ง แต่น่าเสียดายเพราะดูเหมือนว่าสลักกำลังตามหาบางสิ่งบางอย่าง ในแต่ละครั้งที่ไปเยือนหนึ่งดวงดาว เขาก็ไม่ได้อยู่ที่เดียวนานเกินไปนัก
สิ่งนี้ทำให้เขาต้องกลับไปมือเปล่าตลอด
โชคดีที่ไม่มีเวลาจำกัดในการจัดการกับสลัก ดังนั้นหลินเฉินจึงไม่รีบร้อนนัก
ในขณะที่ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง เขาก็รอโอกาสอย่างเงียบๆ
ในขณะนี้การแข่งขันศิลปะการต่อสู้ครั้งโลกกำลังจะถูกจัดขึ้นอีกครั้งแล้ว
ครั้งที่แล้วเนื่องจากความผิดพลาดของฮานาเซีย หลินเฉินจึงพลาดการแข่งขันศิลปะการต่อสู้โลกครั้งที่ 21 แต่ครั้งนี้เขาไม่พลาดอย่างแน่นอน
หลังจากจัดการเรื่องมากมายตั้งแต่เนิ่นๆ หลินเฉินก็กลับมาที่โลกพร้อมกับภรรยาทั้งสองของเขา เตรียมที่จะชมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลกในครั้งนี้ บาร์ดัคและกิเนก็อยู่กับพวกเขาด้วย
“คราวนี้ข้าต้องดูให้ได้!”
การที่หลินเฉินตื่นเต้นเช่นนี้ ฮานาเซียและผู้อื่นกลับรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ถ้าเป็นบาร์ดัคและภรรยาของเขา คงไม่มีใครแปลกใจเท่าไร เพราะมันเป็นเรื่องลูกชายของเขา แต่หลินเฉินจะมาตื่นเต้นอะไรกันนักหนา?
มันเป็นการต่อสู้ของกลุ่มคนที่ระดับพลังไม่ถึง 1000 ด้วยซ้ำ มันต้องตื่นเต้นมากเพียงนั้นเลยเหรอ?
โดยธรรมชาติแล้ว ฮานาเซียและคนอื่นๆ ไม่รู้เลยว่าการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลกมีความหมายต่อหลินเฉินอย่างไร
มันคืออารมณ์ร่วมของผู้ที่ชื่นชอบดราก้อนบอลยังไงล่ะ
หากไม่ใช่ว่าเขากลัวที่จะรังแกคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอกว่า หลินเฉินคงต้องการเข้าร่วมการแข่งขันด้วยตัวเขาเองเช่นกัน
ทว่าหลินเฉินไม่รู้เลยว่าเมื่อเขามายังโลก ณ ดาวเคราะห์ไร้ชีวิต ที่มุมของกาแล็กซี่ทางช้างเผือก
"ราชาทาก! เราเจอแล้ว! สมบัติของทาเลสอยู่บนดาวดวงนี้!”
เมื่อได้ยินรายงานของผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา สลักก็ลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้น: "ดีมาก! ผลไม้และเมล็ดพันธุ์ของตฃอยู่ที่ไหน?”
“เราเจอแล้ว! นอกจากเมล็ดพันธุ์หนึ่งเมล็ดแล้ว ยังมีผลของต้นไม้แห่งชีวิตอีกยี่สิบผล!”
"ดีมาก!"
สลักนั่งลงบนเก้าอี้สีทองและพูดอย่างตื่นเต้น: “เร็วเข้า นำพวกมันมาให้ข้า! นอกจากนี้ก็จงตรวจสอบแผนที่ดาว ดาวเคราะห์ใกล้เคียงดวงใดเหมาะสำหรับการปลูกต้นไม้แห่งชีวิตที่สุด? ข้าต้องการปลูกต้นไม้แห่งชีวิตทันที!”
“ฝ่าบาท ดาวเคราะห์ที่ใกล้ที่สุดอยู่ห่างจากเราเพียงหนึ่งสัปดาห์ หากเราพุ่งไปด้วยความเร็วสูงสุด เราอาจสามารถไปถึงได้ในสามวัน! ดูเหมือนว่าดาวเคราะห์ดวงนี้จะอยู่ภายใต้เขตอำนาจของสายตรวจอวกาศด้วย …” หลังจากคำนวณอย่างถี่ถ้วนแล้ว ลูกน้องของเขาก็ตอบตามความเป็นจริง
“หน่วยสายตรวจอวกาศ? ข้าเคยกลัวขยะพวกนั้นเมื่อไรกัน? ตั้งค่าเส้นทางตอนนี้เลย! ข้าจะปลูกต้นไม้แห่งชีวิตต้นใหม่โดยเร็วที่สุด!”
เสียงของสลักดูมืดมนและฟังดูไร้ความกลัวมาก
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลูกน้องของเขาก็ยืนขึ้นมาพร้อมกับตะโกนอย่างพร้อมเพรียงกัน “ถูกต้องเลยขอรับ!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ สลักก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง: “ฮ่าฮ่าฮ่า รอจนกว่าข้าจะกินผลของต้นไม้แห่งชีวิตพวกนี้เถอะ พวกเผ่าปีศาจน้ำแข็ง ชาวไซย่าคืออะไรกัน? ข้าจะบอกให้พวกมันรู้เองว่าใครคือจักรพรรดิที่แท้จริงของจักรวาลแห่งนี้”
…
ณ เกาะมะละกอสถานที่จัดการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลก
เนื่องจากการแข่งขันที่น่าอัศจรรย์ระหว่างโกคูและผู้เฒ่าเต่าในการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ครั้งก่อน ความนิยมของการแข่งขันศิลปะการต่อสู้โลกจึงเพิ่มขึ้นอย่างมากและผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้จำนวนมากก็ได้ลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้
แม้แต่ผู้เฒ่านกกระเรียน ศัตรูตัวฉกาจของผู้เฒ่าเต่าก็ยังปล่อยให้ เทนชินฮัง และ เจาสึ ศิษย์ผู้หยิ่งผยองสองคนของเขาเข้าร่วมการแข่งขันด้วย
ดังนั้นการแข่งขันในครั้งนี้จึงเป็นงานที่ยิ่งใหญ่เป็นประวัติการณ์
อย่างน้อยก็ในสายตาของชาวโลก
แต่สำหรับหลินเฉินและกลุ่มของเขาที่มาชมการแข่งขันที่เรียกว่ายิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ผู้เข้าแข่งขันส่วนใหญ่แทบจะไม่สามารถเทียบกับชาวไซย่าที่เกิดใหม่ได้ด้วยซ้ำ
“ที่รัก ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเจ้าถึงอยากดูการแข่งขันระดับนี้” ฮานาเซียยืดเส้นยืดสายขณะกล่าวถาม
หลินเฉินเหลือบมองนางและพูดด้วยความไม่พอใจ “ถ้าเจ้าไม่อยากดูก็กลับไปที่ดาวเคราะห์เบจิต้าเถอะ”
“ไม่ได้หรอก ก็กว่าข้าจะได้มาที่โลกมันนานจะตายไป ข้ายังรอกินอาหารอร่อยๆ อยู่เลย!”
เมื่อเทียบกับฮานาเซียที่ดูสบายๆ แล้ว บาร์ดัคและกิเนดูแปลกไปพอสมควร
อาจเพราะพวกเขาไม่คุ้นชินกับเสื้อผ้าลำลองของโลกนี้ จึงรู้สึกอึดอัดมาก
“ฝ่าบาท เราต้องสวมชุดนี้จริงหรือ? อีกทั้งหมวกใบนี้มันน่ารำคาญมากด้วย”
บาร์ดัคกดหมวกกว้างบนหัวของเขาลง ซึ่งบางครั้งมันก็แทบจะร่วงลงมาเนื่องจากผมของเขา
“ถ้าเจ้าไม่แต่งตัวแบบนี้ คาคารอทอาจจะจำเจ้าได้อย่างรวดเร็ว ใครบอกให้เจ้าผู้เป็นพ่อกับลูกหน้าเหมือนกันมากขนาดนี้ล่ะ?” หลินเฉินกล่าวถาม
“ว่าแต่เจ้าอยากจะพบกับลูกชายเจ้าหรือเปล่า?”
“ไม่หรอกขอรับ…ไม่เป็นไร” บาร์ดัคพูดอย่างเขินอาย
แทนที่จะรบกวนลูกชายบนโลก เขาขอทนอยู่ห่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาดีกว่า
“หลินเฉิน ข้าได้ยินมาว่าบูลม่าเองก็มาด้วย เราไปดูกับพวกเขากันไหม?” ไทต์กล่าว
"ได้สิ"
จากนั้น ณ นอกสถานที่ที่จะมีการจัดรอบคัดเลือก หลินเฉินและกลุ่มของเขาก็พบเข้ากับบูลม่าและคนอื่นๆ
นางอยู่กับอูลอนและปูอัลที่เขาเคยพบมาครั้งหนึ่ง
เมื่อเห็นหลินเฉินและไทต์เดินเข้ามา สีหน้าของบูลม่าก็เปลี่ยนไป
“บูลม่า ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” หลินเฉินก้าวไปข้างหน้าเพื่อทักทาย
“พี่หลินเฉิน…สวัสดี” ริมฝีปากของบูลม่ากระตุกสองสามครั้งและนางก็ก้มศีรษะลง เสียงของนางพลันเบาลงมาก
"อ่า! น...นั่นใครน่ะ? จริงสิ! ชาวไซย่า!" อูลอนและปูอัลกล่าวออกมาด้วยความประหลาดใจ