บทที่ 79 เสวี่ยเหรินซานอยู่ที่นี่แล้ว
บทที่ 79 เสวี่ยเหรินซานอยู่ที่นี่แล้ว
ไม่ว่าความรู้และความสุภาพ ความอ่อนโยนและมีเจ้าธรรม จะเป็นเช่นไร แต่ระบบให้รางวัลเขามาสองครั้งได้อย่างไร?
หรือการเย็บสองเข็มบนศีรษะของทารกในครรภ์ ก็นับว่าเป็นการเย็บตามร่างกายใช่หรือไม่?
ใข่แน่นอน คำตอบนั้นชัดเจนแล้ว
เขาได้รับถึงสองรางวัลนี้ เพราะเขาทำดีกับผู้หญิงถึงสองคนงั้นซิ
รางวัลที่ได้คือโอสถสีเขียวสองเม็ด ตราบใดที่เจ้าเอาให้กิน แม้แต่สิงโตเหอตงที่หงุดหงิด ก็ยังอ่อนโยนและเชื่อฟังราวกับลูกแกะเชื่องๆ
"ข้าได้บุตรหรือบุตรี?" เฉอจิงจิงถามทั้งน้ำตา
หยางจิ่วยิ้มแล้วพูดว่า "ยินดีด้วย เจ้าได้บุตรี"
"บุตรี ดี ดี ดี ข้าชอบบุตรียิ่งนัก" เฉอจิงจิงร้องไห้เศร้ายิ่งกว่าเดิม
หยางจิ่วชี้ไปที่ท้องของนางแล้วพูดว่า "นางยังอยู่ในท้องของเจ้า"
เฉอจิงจิงลูบท้องที่บวมของนางแล้วยิ้มทั้งน้ำตา
หลังจากนั้น นางขอบคุณเขา และเดินทะลุกำแพงออกไป
"คัมภีร์กุศลผลกระทำ" ปรากฏขึ้นทันที
【โฮสต์ช่วยเฉอจิงจิงเติมเต็มความปรารถนาครั้งสุดท้ายของนาง ได้รับแต้มกุศล 10 แต้ม ปัจจุบันแต้มกุศล คือ 50 แต้ม】
บางครั้งแต้มกุศล ก็หาได้ง่ายๆ เช่น คราวนี้ แค่บอกเฉอจิงจิงถึงเพศทารกในครรภ์ ข้าก็ได้แต้มกุศล สิบแต้ม
จากนั้นหยางจิ่วก็ผลักห้องหมายเลข 16 อักขระหวง
ทันทีที่ประตูถูกผลักออก คลื่นของวิญญาณชั่วร้ายก็พุ่งเข้ามาหาเขาทันที
"อย่าคิดที่จะเข้าเมือง" หลังประตูมีชายมีหนวดเคราสวมชุดเกราะต่อสู้ ดวงตาของเขาเบิกกว้าง และฟันสีเหลืองของเขาก็แสดงออกมาเมื่อเขาพูด
การปรากฏตัวของบุคคลนี้ ทำให้หยางจิ่วนึกถึงบุคคลในประวัติศาสตร์
จางเฟย(เตียวหุย)
หยางจิ่วปกป้องร่างกายของเขาด้วยทักษะภูษาเหล็ก เขาประสานหมัดแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม: "ท่านขุนพล นี่เป็นเพียงห้อง ไม่ใช่เมือง"
"เสวี่ยเหรินซานอยู่ที่นี่ ห้ามผู้ใดเข้าเมืองแม้แต่ผู้เดียว" นายพลมีหนวดมีเครากำหมัดพร้อมที่จะต่อสู้
ใกล้หมดเวลาแล้ว หยางจิ่วผลักเสวี่ยเหรินซานออก แล้วเดินเข้าไปในห้อง
เสวี่ยเหรินซานผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็บินเข้าหาด้วยความโกรธ ทั้งต่อยและเตะหยางจิ่ว
หยางจิ่วไม่สนใจ และสังเกตร่างของเสวี่ยเหรินซานในโลงศพอย่างระมัดระวัง
เสวี่ยเหรินซานมีรอยแผลทั่วร่างกายของเขา รวมถึงบาดแผลดาบ บาดแผลหอก และบาดแผลลูกธนู มีลูกศรขนนกห้าดอกติดอยู่ในหน้าอกและหน้าท้องของเขา
เห็นได้ชัดว่าเสวี่ยเหรินซานต่อสู้จนถึงวินาทีสุดท้าย
หยางจิ่วจุดเทียนที่มุมตะวันออกเฉียงใต้ของโลงศพ
เสวี่ยเหรินซานยังคงโจมตีหยางจิ่ว ดังนั้นเทียนจึงจุดได้ตามปกติ
"ท่านขุนพลเสวี่ย ข้าแนะนำให้เจ้าหยุดซะ ผู้คนและผีมีเส้นทางที่แตกต่างกัน เจ้าไม่สามารถทำร้ายข้าได้หรอก" หยางจิ่วพูดในขณะที่เขาเปิดฝาโลงศพ และดึงลูกศรขนนกที่ติดอยู่ในร่างของเสวี่ยเหรินซานออกมา
เสวี่ยเหรินซานเองก็ยอมแพ้เช่นกัน เขานั่งลงกับโลงศพ และสังเกตเทียนที่กะพริบอย่างระมัดระวัง
แม้จะมีบาดแผลมากมายบนร่างกายของเสวี่ยเหรินซาน แต่มันก็ไม่ยากที่จะเย็บ
จุดธูปหอม แล้วหยางจิ่วจึงเริ่มเย็บศพ
ทุกครั้งที่เย็บแผลบนศพ เสวี่ยเหรินซานที่นั่งอยู่บนพื้น จะมีบาดแผลน้อยลงหนึ่งแผล
เสวี่ยเหรินซานสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของเขา จึงยืนขึ้นและดูหยางจิ่วเย็บศพอย่างเงียบ ๆ
"เจ้าเป็นช่างเย็บศพใช่ไหม?"เสวี่ยเหรินซานถาม
หยางจิ่วพยักหน้าแล้วพูดว่า: "ร้านเย็บศพหมายเลขเก้า ของสำนักตงฉ่าง"
หลังจากเย็บแผลสุดท้ายแล้ว เสวี่ยเหรินซานที่อยู่ข้างๆ ก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก
"คัมภีร์แห่งชีวิตและความตาย" ก็ปรากฏขึ้นช้าๆ และเริ่มบันทึกชีวิตของเสวี่ยเหรินซาน
เสวี่ยเหรินซานเกิดมาจากครอบครัวโจรร้าย ทั้งฆ่าและขู่กรรโชกสินค้า ก่อความชั่วร้ายทุกชนิด
แต่ต่อมาเขาถูกพี่ชายหักหลังในค่ายโจร ภรรยาและลูกๆ ของเขาถูกฆ่า และตัวเขาเองได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่เขาได้รับการช่วยเหลือจากหญิงสาวที่ซื่อสัตย์และใจดี ทำให้เขารอดชีวิตมาได้
เสวี่ยเหรินซานรู้สึกท้อแท้และอาศัยอยู่กับครอบครัวนั้น
ครอบครัวนั้นมีบุตรสาวที่ดูธรรมดา แต่อ่อนโยนและมีคุณธรรม ซึ่งอยู่ในวัยแต่งงานได้แล้ว เสวี่ยเหรินซานเองก็รู้จักครอบครัวนี้มาเป็นเวลานาน และพวกเขาก็มีความประทับใจที่ดีต่อกัน
ทั้งคู่มีบุตรีผู้นี้เพียงคนเดียว แต่พวกเขาก็ไม่คัดค้าน และจัดการแต่งงานแบบเรียบง่ายให้พวกเขาแทน
เมื่อเขาแต่งงานกับภรรยาอีกครั้ง เสวี่ยเหรินซานก็ทำงานหนัก ทั้งผ่าฟืนเอาไปขายแลกเงิน เพียงเพื่อทำให้ชีวิตครอบครัวดีขึ้น และลืมความเจ็บปวดที่เขาได้รับมาก่อน
อย่างไรก็ตาม พี่ชายคนเดิมก็ยังตามหาเขาจนเจอ
เขากับภรรยาที่ตั้งครรภ์ไปทำงานที่ทุ่งนา เมื่อพวกเขากลับมา พวกเขาเห็นบิดามารดานอนจมในกองเลือด
หลังจากนั้น เหล่าพี่น้องก็กระโดดออกมาจากรอบๆ ชี้ดาบคมๆ มาที่เขา โดยไม่พูดอะไรสักคำ พวกเขาแค่อยากสังหารเท่านั้น
เสวี่ยเหรินซานคว้าดาบและต่อสู้ด้วยความโกรธ
อดีตพี่น้องล้มลงทีละคน และสุดท้ายก็เหลือเพียงคนที่ใกล้ชิดที่สุดเท่านั้น
แม้ว่าพี่ชายจะคุกเข่าลงบนพื้นและอ้อนวอน แต่เสวี่ยเหรินซานก็ตัดหัวของเขาออก
เสวี่ยเหรินซานรู้ว่า แม้เขาจะล่าถอยไปยังชนบท สวรรค์ก็ไม่เห็นด้วย
คิดครั้งแล้วครั้งเล่า เขาตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะเข้าร่วมกองทัพ และไปที่สนามรบชายแดน
เสวี่ยเหรินซานกล้าหาญมาก ประกอบกับความขยันหมั่นเพียร ในไม่ช้าเขาก็สร้างชื่อเสียงในกองทัพและได้รับการเลื่อนตำแหน่งอย่างรวดเร็ว
หลังจากต่อสู้ที่ชายแดนมากว่าสิบปี เมื่อเขากลับมาบ้านอีกครั้ง นอกจากภรรยาสุดที่รักของเขาแล้ว ยังมีบุตรชายวัยรุ่นคนหนึ่งรอเขาอยู่ด้วย
สิ่งที่ทำให้เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้มากที่สุดก็คือ เขาลืมตั้งชื่อบุตรก่อนออกจากบ้าน ทำให้จนป่านนี้บุตรชายเขาก็ยังไม่มีชื่อเรียกเลย
เด็กชายและเด็กหญิงต้องมีชื่อเดียว และจะมีชื่อเดียวเท่านั้นที่ต้องใช้อยู่เสมอ
เมื่อมองไปที่บุตรชายของเขาที่กลัวเขาเล็กน้อย เสวี่ยเหรินซานก็เกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาทันที และพูดด้วยรอยยิ้ม "เรียกเขาว่า เสวี่ยเสวีย" (薛血 Xuē xuè โลหิตแซ่เสวี่ย)
ครั้งนี้เสวี่ยเหรินซานอยู่บ้านเป็นเวลาสามปีเต็ม
สิ่งที่กระชับความสัมพันธ์ได้รวดเร็วระหว่างบิดากับบุตรคือ ศิลปะการต่อสู้ของเสวี่ยเสวีย
เสวี่ยเสวียเป็นอัจฉริยะด้านศิลปะการต่อสู้ ซึ่งทำให้เสวี่ยเหรินซานยินดีอย่างมาก ด้วยสิ่งนี้ ทำให้เขาชอบพูดเสมอว่า บุตรชายของเขาจะต้องเป็นขุนพลผู้ยิ่งใหญ่ในอนาคต
เมื่อเสวี่ยเหรินซานออกจากบ้านเพื่อไปชายแดนอีกครั้ง เสวี่ยเสวียยืนกรานที่จะติดตามเขาไปด้วย
เมื่อเสวี่ยเสวียเห็นความโหดร้ายของสนามรบ เขาก็เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น โดยการเรียนรู้จากศัตรูในเวลาว่าง
เสวี่ยเหรินซานถ่ายทอดประสบการณ์ และสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ให้บุตรชายเขาทั้งหมด
แต่ในครั้งนี้ ศัตรูนั้นแข็งแกร่งราวกับเสือ และการสนับสนุนยังมาไม่ถึงเป็นเวลานาน เสวี่ยเหรินซานรู้ว่าเมืองจะถูกโจมตีแตกอย่างแน่นอน เขาจึงสั่งให้ลูกน้องหลายคนหนีไปพร้อมกับเสวี่ยเสวียล่วงหน้า
เสวี่ยเสวียปฏิเสธที่จะจากไปแม้ว่าเขาจะเสียชีวิต แต่ถูกกระแทกจนสลบและโดนพาตัวออกไป
หลังจากนั้น เสวี่ยเหรินซานก็ถูกรายล้อมไปด้วยผู้คนกว่าร้อยคน
เขาเฝ้าประตูหลักของเมือง และสาบานด้วยชีวิตว่า จะไม่ปล่อยให้ศัตรูเข้ามาในเมืองแม้แต่ผู้เดียว
"เสวี่ยเหรินซานอยู่ที่นี่ ห้ามผู้ใดเข้าเมืองแม้แต่ผู้เดียว"
"ถ้าข้าเสวี่ยเหรินซานที่นี่ เจ้าจะไม่ได้เข้าเมือง"
ในท้ายที่สุด มีเพียงเสวี่ยเหรินซานเท่านั้นที่ถูกทิ้งให้เฝ้าประตูเมืองเพียงลำพัง หลังจากเขาตัดหัวทหารศัตรูไปหลายร้อยคน ในที่สุดเขาก็ล้มลงเนื่องจากอาการบาดเจ็บ
หยางจิ่วไม่รู้จักเสวี่ยเหรินซาน แต่เขาเคยได้ยินชื่อเสวี่ยเสวีย
เมื่อไม่กี่วันก่อน เมื่อติ้งซีโหว เสวี่ยเสวีย กลับมาที่ฉางอัน ผู้คนทั่วไปก็เข้าแถวรอต้อนรับเขา และมันก็มีชีวิตชีวามาก
(โหวเป็นบรรดาศักดิ์รองจากชั้น กง ได้รับยศจากการสืบสกุล หรือได้รับพระราชทานจากจักรพรรดิ เนื่องจากมีความดีความชอบ บรรดาศักดิ์ 5 ขั้นรองจากอ๋อง ได้แก่ กง โหว ป๋อ จื่อ หนาน ตามลำดับ )
ว่ากันว่า เสวี่ยเสวียยึดเมืองห้าเมืองติดต่อกัน และขับไล่ศัตรูที่ทรงพลังที่บุกโจมตี ออกจากดินแดนอาณาจักรเว่ย
เป็นเพราะขุนพลผู้รอบรู้อย่างเสวี่ยเสวีย รวมทั้งทหารผู้กล้าหาญและมีทักษะภายใต้เสวี่ยเสวีย ที่ทำให้ผู้คนในจักรวรรดิเว่ยอันยิ่งใหญ่สามารถอยู่อย่างสงบสุขได้
หลังจากจบแล้ว หยางจิ่วจึงปิดฝาโลงศพ
【เย็บศพสี่สิบหกศพ ให้รางวัลแก่โฮสต์ด้วยทักษะศัตรูนับหมื่น 】
ทักษะศัตรูนับหมื่นไม่ใช่วรยุทธ์การต่อสู้ที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ แต่เป็นวรยุทธ์แห่งสงคราม
ไม่ว่าวรยุทธ์การต่อสู้ของคนผู้หนึ่งจะสูงมากแค่ไหน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะกองทหารนับพันได้
แต่หลังจากเรียนรู้ทักษะศัตรูนับหมื่น ต่อให้ศัตรูบุกมาเป็นพัน ก็สั่งการทหารได้ดั่งแขนขา
หยางจิ่วเก็บข้าวของของเขาและกำลังจะออกไป เมื่อเห็นเสวี่ยเหรินซานยังคงยืนอยู่ข้างโลงศพ เขาจึงถามว่า "ขุนพลเสวี่ย เจ้ามีความปรารถนาที่ยังไม่สัมฤทธิ์ผลหรือไม่?"
“ดูสมองของข้าสิ เจ้าสามารถเห็นข้าและได้ยินข้า ดังนั้นโปรดนำข้อความไปให้เสวี่ยเสวีย บุตรชายของข้าด้วย…” เสวี่ยเหรินซานมีบางอย่างที่เขาอยากพูดกับเสวี่ยเสวีย แต่เขาไม่สามารถพูดด้วยได้ .
หยางจิ่วพูดด้วยรอยยิ้ม: "ติ้งซีโหวเสวี่ยเสวีย เพิ่งกลับมาที่ฉางอัน ขุนพลเสวี่ยสามารถไปพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยตัวเอง"
เสวี่ยเหรินซานรู้สึกงุนงง แต่เขาก็ติดตามหยางจิ่วและออกจากสำนักตงฉ่าง
เป็นเวลาดึกแล้ว และอาจไม่ง่ายเลยที่เข้าพบเสวี่ยเสวียในเวลานี้