บทที่ 126 ปรมาจารย์เปี้ยนถง
บทที่ 126 ปรมาจารย์เปี้ยนถง
หลินเป้ย ซุนซิงและหมิงหลาน ทั้งสามมาที่ห้องปรุงยา
โดยปกติแล้ว ร้านค้าว่านเป่าจะมีห้องปรุงยา ซึ่งจะมีนักปรุงยาทำการกลั่นโอสถเพื่อขาย
“ท่านเจ้าตำหนัก ทำไมท่านถึงมาที่นี่?” ชายวัยกลางคนเดินเข้าไปทักทายหมิงหลาน
ชายวัยกลางคนผู้นี้ชื่อ เปี้ยนถง และเขาเป็นนักปรุงยาระดับ 3 ของร้านค้าว่านเป่า
“ข้ามีสูตรยาชนิดใหม่ เลยพาคนผู้หนึ่งมากลั่นมัน และทดสอบผลของโอสถที่กลั่นมาได้” หมิงหลากล่าว
“ซุนซิง ท่านก็อยู่ที่นี่ด้วย?” ปรมาจารย์เปี้ยนถงพูดกับซุนซิง
ทั้งคู่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของหมิงหลาน ดังนั้นพวกเขาจึงรู้จักกันเป็นอย่างดี
“ถูกต้อง วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อดูการปรุงยาของนายน้อยหลิน ข้ากำลังเตรียมเตาปรุงยาที่ดีที่สุด นายน้อยหลินจะทำการกลั่นโอสถระดับ 3” ซุนซิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“นายน้อยหลิน? เด็หนุ่มที่อยู่ข้างๆ ท่านน่ะเหรอ เขาสามารถกลั่นโอสถระดับ 3 ได้?” ปรมาจารย์เปี้ยนถงถามอย่างสงสัย
หลินเป้ยดูอายุเพีบงแค่ 17 - 18 ปี เขาเป็นนักปรุงยาระดับ 3 งั้นหรือ?
เขาไม่เคยเห็นนักปรุงยาระดับ 3 ที่อายุน้อยขนาดนี้มาก่อน
ทั้งเปี้ยนถง และซุนซิงมีอายุเกิน 40 ปีแล้ว ทั้งสองยังติดอยู่ที่นักปรุงยาระดับ 3 อยู่เลย
เป็นการยากที่จะก้าวสู่ระดับต่อไป
ในความเป็นจริง เมื่อเทียบกับหลายๆ คนแล้ว การเป็นนักปรุงยาระดับ 3 ถือว่าดีมากแล้ว อย่างน้อย เขาก็สามารถทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตอย่างไร้กังวล
“ไม่ว่าเขาจะกลั่นได้หรือไม่ เราจะทราบได้ถ้าให้เขาลอง” ซุนซิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ตามข้ามา” ปรมาจารย์เปี้ยนถงกล่าว
ในแง่ของความคุ้นเคยกับห้องปรุงยา ไม่มีใครคุ้นเคยมากไปกว่าปรมาจารย์เปี้ยนถงผู้นี้
หมิงหลานและคนอื่นๆ ติดตามปรมาจารย์เปี้ยนถงไปที่ห้องปรุงยาขนาดใหญ่ ภายในมีเตาปรุงยาสีแดงอ่อนซึ่งดูเก่าและเข้มขลัง
“นี่คือเตาปรุงยาที่ดีที่สุดของร้านค้าว่านเป่าเรา มันคือเตาปรุงยาระดับ 4 ขั้นต้น ข้ามักจะใช้เตาปรุงยานี้เพื่อกลั่นโอสถอยู่เสมอ” ปรมาจารย์เปี้ยนถงกล่าว
เตาปรุงยาระดับ 4 มีค่ามากกว่าอาวุธวิญญาณระดับ 4 มาก
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยการที่เตาปรุงยาผ่านการใช้งานมาอย่างยาวนาน ทำให้ปราณของสมุนไพรที่ตกค้างอยู่ในเตา มีส่วนช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพการกลั่นโอสถมากขึ้นอีกด้วย
มีคำพูดในโลกการปรุงยาว่า ยิ่งใช้เตาปรุงยามากเท่าใด ก็ยิ่งมีจิตวิญญาณมากขึ้นเท่านั้น และอัตราความสำเร็จของการปรุงยาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
ด้วยเตาปรุงยานี้ ทำให้อัตราความสำเร็จในการกลั่นโอสถมากขึ้นถึง 2 ส่วน (20%)
"ไม่เลวเลย"หลินเป้ยรู้สึกว่าเตาปรุงยานี้ดีมาก ๆ
เตาปรุงยาที่หลินเป้ยใช้ เป็นเตาปรุงยาใหม่ แต่ถึงจะเป็นเตาปรุงยาใหม่ เขาก็สามารถกลั่นโอสถระดับสูงได้ ซึ่งแสดงให้เห็นทักษะการปรุงยาที่ถ่ายทอดโดยระบบนั้น แข็งแกร่งกว่าทักษะปรุงยาปกติอยู่มาก
ในตอนนี้ หลินเป้ยเป็นเหมือนปรมาจารย์ปรุงยาที่ช่ำชอง แน่นอนว่า เขาสามารถปรับกลั่นได้แต่โอสถระดับ 3 ได้เท่านั้น
เนื่องจากฐานการบ่มเพาะของหลินเป้ยต่ำเกินไป การกลั่นโอสถระดับ 3 จึงเป็นขีดจำกัดที่สุดแล้ว
เป็นเพราะปราณจิตวิญญาณของหลินเป้ยนั้น แข็งแกร่งกว่าคนปกติถึง 10 เท่า ทำให้เขาสามารถกลั่นโฮสถระดับ 3 ได้
นักรบแท้จริงที่เป็นนักปรุงยาทั่วไปสามารถกลั่นโอสถระดับ 2 ได้มากที่สุดเท่านั้น
“นำสมุนไพรมา” หลินเป้ยกล่าว
หมิงหลานพยักหน้า และผู้ใต้บังคับบัญชาของหมิงหลานก็นำสมุนไพรมาให้
หมิงหลานขอให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเตรียมสมุนไพรมาสามชุด ซึ่งหลินเป้ยสามารถกลั่นได้สามครั้ง
สมุนไพรทั้งหมดของโอสถสงบจิตนั้น มีสมุนไพรหลักสองชนิดเป็นสมุนไพรระดับ 3 ส่วนสมุนไพรเสริมอีก 20 ชนิด เป็นสมุนไพรระดับ 1 และระดับ 2
หมิงหลานไม่เชื่อว่าหลินเป้ยจะสามารถกลั่นมันได้ได้สำเร็จทั้งหมดในคราวเดียว
ดังนั้นนางจึงวางแผนที่จะให้โอกาสหลินเป้ยสามครั้ง
หลินเป้ยไม่ได้กล่าวอะไร มีเพียงเปลวไฟปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขาเท่านั้น ซึ่งมันเป็นเพลิงโอสถที่ควบแน่นโดยหลินเป้ย
จริงๆ แล้ว เชื้อเพลิงในการกลั่นโอสถนั้น ต้องใช้ปราณจิตวิญญาณจำนวนมาก
ทำให้การปรุงยาก็เป็นงานหนักเช่นกัน
เมื่อเห็นเพลิงโอสถในมือของหลินเป้ย ทุกคนก็พยักหน้า แสดงว่าเขาไม่ได้โกหก และถ้าสามารถควบแน่นเพลิงโอสถได้ ก็เป็นไปได้มากว่าเขาจะเป็นนักปรุงยา
ต่อไป มันจะขึ้นอยู่กับระดับการกลั่นของเขาแล้ว
ทุกคนเห็นหลินเป้ยส่งเพลิงโอสถในมือเข้าไปในเตาแรุงยาทันที หลังจากนั้นเขาก็ส่งปราณจิตวิญญาณไปในเตาปรุงยาอย่างต่อเนื่อง
ในเตาปรุงยาจะมีจุดที่สามารถกักเก็บปราณจิตวิญญาณได้ ซึ่งมันจะทำหน้าที่ค่อยๆ ส่งปราณออกมาอย่างสม่ำเสมอ
นักปรุงยาเพียงส่งปราณจิตวิญญาณเข้าไปให้เพียงพอ หลังจากนั้นจึงควบคุมขนาดของเพลิงโอสถเพียงอย่างเดียว
ด้วยวิธีนี้ นักปรุงยาไม่จำเป็นต้องใส่ปราณจิตวิญญาณเข้าไปในเตาปรุงยาอย่างต่อเนื่อง
แน่นอน เจ้าต้องแน่ใจว่ามีปราณจิตวิญญาณกักเก็บใว้ในเตาเพียงพอ ไม่เช่นนั้น จะทำให้เพลิงโอสถดับลงได้
เพลิงโอสถในเตาปรุงยาเพิ่มขึ้นทันที ดังนั้นหลินเป้ยจึงเปิดเตาปรุงยา และใส่สมุนไพรหลักทั้งสองเข้าด้วยกันเพื่อกลั่นสมุนไพรให้บริสุทธิ์
นี่คือสมุนไพรระดับ 3 และจะใช้เวลานานในการกลั่นให้บริสุทธิ์
เมื่อเห็นฉากนี้ ปรมาจารย์เปี้ยนถงและซุนซิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ทั้งสองต่างรู้สึกว่าหลินเป้ยประมาทเล็กน้อย
เป็นเรื่องยากมากที่จะกลั่นสมุนไพรระดับ 3 ทั้งสองชนิดให้บริสุทธิ์พร้อมกัน เพราะถ้าพลาดในขั้นตอนนี้ขึ้นมา สมุนไพรทั้งสองทั้งไหม้เป็นเถ้าทันทีถ้าล้มเหลว
แต่หลินเป้ยไม่สนใจสีหน้าของพวกเขาเลย แต่มุ่งเน้นความสนใจไปที่การปรุงยา
หลังจากนั้นไม่นาน สมุนไพรทั้งสองก็เกือบจะควบรวมกันแล้ว
เห็นดังนั้น หลินเป้ยโยนสมุนไพรอื่นๆ ทั้งหมดลงในเตาปรุงยาทันที
คราวนี้ ทั้งซุนซิงและปรมาจารย์เปี้ยนถงต่างหน้าซีดด้วยความตกใจ
ไอ้หนุ่ม โยนสมุนไพรทั้งหมดลงไปง่ายๆ อย่างนี้เลยเหรอ?
พวกเขารู้สึกว่าหลินเป้ยไม่เข้าใจวิธีการปรุงยาเอาซะเลย
เพราะสมุนไพรชนิดต่างๆ มีอุณหภูมิในการกลั่นที่แตกต่างกันไปแต่ละชนิด ปกติแล้วเวลาปรมาจารย์ปรุงยากลั่นโอสถ จะใส่สมุนไพรลงไปทีละชนิดตามลำดับ เพื่อค่อยๆ กลั่นให้บริสุทธิ์ไปที่ละส่วน หลังจากนั้นถึงค่อยควบรวมมันเข้าด้วยกันเพื่อทำให้มันเป็นโอสถ. .
แต่ข้อห้ามสำคัญของการปรุงยาคือห้ามผู้อื่นรบกวนโดยเด็ดขาด แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่พอใจเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ไม่พูด ทั้งสองรอดูหลินเป้ยล้มเหลวในครั้งนี้
หมิงหลานขมวดคิ้ว เมื่อนางเห็นการกลั่นโอสถเช่นนี้ ในฐานะนักปรุงยาระดับ 2 นางย่อมรู้วิธีการปรุงยาอยู่แล้ว
ซุนซิงและปรมาจารย์เปี้ยนถงเป็นอาจารย์ที่สอนของนาง ทำให้หมิงหลานได้เรียนรู้การปรุงยาจากพวกเขาเป็นหลัก
ทั้งสามเงียบและเฝ้าดูต่อโดยไม่พูดอะไร พวกเขาไม่ต้องการรบกวนหลินเป้ย
ทุกคนเห็นหลินเป้ยใช้ปราณจิตวิญญาณแผ่กระจายออกไปรอบๆ เพื่อควบคุมเปลวไฟภายในอย่างแม่นยำ
ทุกคนเห็นว่าขนาดไฟในแต่ละที่ต่างกันจริงๆ ไฟทางซ้ายแรงมาก แต่ไฟทางขวาเบากว่าเล็กน้อย ส่วนไฟที่อยู่ตรงกลางก็เป็นไฟกลางอ่อนๆ
เปลวไฟเหล่านี้กลั่นสมุนไพรในส่วนต่างๆ
เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนต่างแสดงสีหน้าเหลือเชื่อ ความสามารถในการควบคุมไฟนี้ สุดยอดเกินไปหรือเปล่า?
สิ่งที่หลินเป้ยทำ พวกเขาไม่สามารถทำได้ แค่คุมไฟชนิดเดียวให้สม่ำเสมอก็ยากมากแล้ว
ดังนั้นการกลั่นสมุนไพรให้บริสุทธิ์ จึงทำได้เพียงทีละชนิดเท่านั้น ตามการควบคุมความแรงของไฟ
ทักษะการปรุงยาแบบไหนกัน ที่สามารถควบคุมเปลวไฟได้ละเอียดอ่อนถึงเพียงนี้?
หลังจากนั้น หลินเป้ยกลั่นสมุนไพรทั้งหมด และกำจัดสิ่งสกปรกบางส่วนออก
ใช้เวลาไม่นาน สมุนไพรเหล่านี้ล้วนกลายเป็นของเหลวจิตวิญญาณ สิ่งเหล่านี้คือแก่นแท้ของสมุนไพร ซึ่งเป็นคุณสมบัติทางยาของสมุนไพรเหล่านี้
จากนั้นหลินเป้ยก็ใช้ทักษะอีกครั้ง เพื่อหลอมของเหลวจิตวิญญาณทั้งหมดเหล่านี้เข้าด้วยกันเพื่อควบรวมให้มันกลายเป็นโอสถ