ตอนที่ 510 มุ่งหน้าสู่โลก
ตอนที่ 510 มุ่งหน้าสู่โลก
หลังจากที่เซี่ยเฟยได้ฝึกฝนควบคุมพลังงานจากหัวใจจักรวาลสีขาวไปเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง เขาก็เชี่ยวชาญวิธีการเข้าใกล้พลังงานต้นกำเนิดระดับ 3 นี้อย่างสมบูรณ์
“เป็นไปได้ไหมว่านายเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ในการควบคุมพลังงาน เรื่องนี้มันจะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!” อันธอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันทำได้ยังไง ฉันแค่ทำทุกอย่างออกไปตามสัญชาตญาณ ตอนนี้พลังงานมหาศาลสามารถเคลื่อนที่ผ่านร่างของฉันไปโดยไร้สิ่งกีดขวางแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยักไหล่
“เอาล่ะขั้นตอนต่อไปคือการถ่ายโอนพลังงานต้นกำเนิดไปยังกรงเล็บภูติโลหิต ขั้นแรกนายควรสร้างภาชนะเพาะเลี้ยงขึ้นมาใหม่ แล้วนายค่อยป้อนพลังงานต้นกำเนิดเข้าสู่ภาชนะโดยใช้ร่างกายของนายเป็นตัวชักนำพลังงาน”
“เมื่อพลังงานเคลื่อนที่ผ่านร่างกายของนาย มันย่อมมีกลิ่นอายของนายอยู่ในพลังงานอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้นเมื่อกรงเล็บภูติโลหิตได้ใช้พลังงานนั้นในการเติบโต มันย่อมมีความคุ้นเคยกับนายมากขึ้นกว่าเดิม”
“เมื่อเป็นแบบนั้นผลข้างเคียงที่นายใช้กรงเล็บภูติโลหิตก็จะลดลงกว่าเดิมเป็นอย่างมาก เปรียบเสมือนกับการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว” อันธกล่าวอย่างภาคภูมิใจ เพราะในที่สุดทักษะที่มันได้เรียนรู้มาจากโซฟีก็ได้นำมาใช้งานแล้ว
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ซึ่งวิธีการเพาะเลี้ยงพืชในลักษณะนี้มันก็คล้ายกับการเลี้ยงลูก ที่ยิ่งเขาได้สัมผัสกับมันก่อนที่มันจะเติบโตเต็มที่ มันก็ยิ่งจะมีความใกล้ชิดกับตัวเขามากขึ้นในทุก ๆ วัน
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะสร้างตู้เก็บของมันขึ้นมาใหม่ แต่ฉันต้องการที่จะวางมันไว้บนยานรบเพื่อสะดวกต่อการเดินทาง” เซี่ยเฟยกล่าว
“นายจะไปไหน?” อันธถาม
“ฉันยังเหลือเวลาอีก 3 เดือนก่อนจะถึงวันนัด ฉันไม่รู้ว่าการเดินทางครั้งนั้นจะต้องใช้เวลานานแค่ไหน ระหว่างนี้ฉันต้องการจะกลับไปที่โลกก่อน”
“นั่นสินะ ตอนนี้ภูมิภาคดาวเหวทมิฬก็เดินทางมาในทิศทางที่ดีมากแล้ว และพอตเตอร์ก็อยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน นายเดินทางกลับไปบ้านก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร” อันธกล่าว
—
3 วันต่อมาเซี่ยเฟยก็ออกเดินทางโดยฟินิกซ์ พร้อมกับกองยานคุ้มกันของบริษัทควอนตัมและกองยานขนส่งของซาร่าโดยมีจุดหมายปลายทางนั่นก็คือดาวโลก
ภาพในหน้าจอที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าเซี่ยเฟยในปัจจุบันคือไทสันผู้ได้รับการแต่งตั้งให้กลายเป็นประธานาธิบดีของพันธมิตรคนใหม่ ส่วนผู้ช่วยที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกเสียจากวิลเลียมและเลย์ตันจากกรมทหาร
“ในที่สุดคุณก็เต็มใจจะออกมาจากภูมิภาคดาวเหวทมิฬสักที นี่เวลาก็ผ่านพ้นไปนานกว่า 2 ปีแล้วที่คุณเอาแต่หมกตัวอยู่ในเขตทุ่งดาวแห่งความตาย และไม่เคยปรากฏตัวขึ้นมาในที่สาธารณะอีกเลย ก่อนจะกลับไปที่โลกก็แวะเยี่ยมพวกเราที่กลุ่มดาวนครหลวงสักแป๊บหนึ่งสิ” วิลเลียมกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ใช่ อย่าคิดว่าคุณพัฒนาภูมิภาคดาวเหวทมิฬได้ดีเพียงแค่ที่เดียว พวกเราก็พัฒนานครหลวงขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน ตอนนี้สภาพแวดล้อมภายในดาวดูดีกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย” เลย์ตันกล่าวด้วยท่าทางที่เหมือนกับไม่ใส่ใจ
“ผมย่อมเชื่ออยู่แล้วว่านครหลวงย่อมพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว เพราะไม่ว่ายังไงมันก็คือจุดศูนย์รวมของพันธมิตร” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
สามจอมพลเงียบไปครู่หนึ่ง เพราะท้ายที่สุดการสร้างกลุ่มดาวนครหลวงที่เป็นจุดศูนย์กลางของพันธมิตร ก็ไม่ต่างไปจากการใช้กำลังทั้งหมดของพันธมิตรในการสร้างนครหลวงขึ้นมาใหม่เลย แต่ภูมิภาคดาวเหวทมิฬอยู่ภายใต้ความพยายามของเซี่ยเฟยเพียงลำพัง การจะนำสถานที่ทั้งสองแห่งมาเปรียบเทียบกันก็คงจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่
“ผมซาบซึ้งในความเมตตาของทุกคนมาก แต่ผมกำลังจะต้องออกเดินทางไกลในไม่ช้า ดังนั้นผมขอไม่กวนรบกวนพวกคุณในช่วงเวลานี้จะดีกว่า” เซี่ยเฟยกล่าวหลังจากหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่ง
สามจอมพลแห่งกรมทหารไม่คิดที่จะติเตียนเซี่ยเฟยใด ๆ เพราะท้ายที่สุดการเดินทางจากภูมิภาคดาวเหวทมิฬไปยังโลกก็จำเป็นจะต้องใช้เวลามากกว่า 2 เดือนแล้ว และพวกเขาก็ไม่อยากจะเข้าไปกวนเซี่ยเฟยที่ต้องการจะกลับไปเยี่ยมดวงดาวซึ่งเป็นบ้านเกิดของตัวเอง
—
ณ ห้องฝึกของเซี่ยเฟย
อุปกรณ์เก็บกรงเล็บภูติโลหิตชิ้นใหม่ถูกทำขึ้นมาจากคริสตัลสีขาวใสที่สามารถส่องแสงสว่างให้กับพืชต้นนี้ได้อย่างเพียงพอ และมันยังเป็นภาชนะที่ช่วยป้องกันไม่ให้พลังงานรั่วไหลออกไปยังด้านนอกได้อีกด้วย
เซี่ยเฟยหยิบหัวใจจักรวาลสีขาวออกมาจากแหวนมิติ แล้วถือมันเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้างและปล่อยให้พลังงานไหลเวียนไปทั่วทั้งร่างกาย
จากนั้นชายหนุ่มก็ค่อย ๆ ปล่อยมือซ้ายจนทำให้พลังงานที่ไหลออกมาเริ่มเกาะกลุ่มกันกลายเป็นควันที่เกือบจะฟุ้งกระจายออกไป
ชายหนุ่มเริ่มถ่ายโอนควันสีขาวเข้าไปในภาชนะแห่งใหม่ของกรงเล็บภูติโลหิตในทันที และทำให้ภายในกล่องแก้วใสถูกปกคลุมไปด้วยควันสีขาว
“พอแล้ว” อันธกล่าวอย่างประหม่า เซี่ยเฟยจึงรีบชักแขนข้างซ้ายของเขาออกและเอามือมาจับหัวใจจักรวาลด้วยมือทั้งสองข้างอีกครั้ง
พลังงานที่กรงเล็บภูติโลหิตสามารถดูดซึมเข้าไปได้มีไม่มากนัก และถ้าหากว่าเขาใส่พลังงานให้ต้นไม้มากเกินไป มันก็อาจจะทำให้พืชชนิดนี้สำลักสารอาหารตายได้เลย มันจึงจำเป็นจะต้องมีการควบคุมพลังงานที่ป้อนให้กรงเล็บภูติโลหิตอย่างเข้มงวด
หลังจากเซี่ยเฟยจัดการกับหัวใจจักรวาลสีขาวเรียบร้อยแล้ว เขากับอันธก็เฝ้าดูกรงเล็บภูติโลหิตด้วยความหวัง ก่อนที่พวกเขาจะสังเกตเห็นหมอกสีขาวเป็นจำนวนมากค่อย ๆ ถูกดูดซับเข้าไปภายในพืชต้นนี้
“อือ การเติบโตของมันผ่านไปอย่างรวดเร็วมาก ตอนนี้กรงเล็บภูติโลหิตกลายเป็นสีดำอีกครั้ง โดยมันก็หมายความว่ากรงเล็บภูติโลหิตกลายพันธุ์เป็นครั้งที่ 3 ซึ่งมันก็จะช่วยเพิ่มผลทางยาของมันขึ้นจากเดิมเป็นสามเท่า” อันธกล่าว
“ฉันแค่หวังว่ามันจะเติบโตอย่างเต็มที่ออกมาให้ฉันเก็บเกี่ยวได้เร็ว ๆ ตอนนี้เวลาใกล้จะหมดลงแล้วและฉันก็ไม่อยากเดินทางเข้าสู่ดินแดนผู้ใช้กฎด้วยพลังระดับลีเจนด์เท่านั้น” เซี่ยเฟยกล่าว
ความอ่อนแอย่อมทำให้เขาถูกรังแกไม่ว่าเขาจะเดินทางไปที่ไหน และนี่ก็คือความจริงที่เขาได้พิสูจน์มาด้วยตัวเองแล้วชั่วชีวิต ดังนั้นเขาจึงมีความปรารถนาที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นในทุก ๆ วัน เพื่อไม่ให้ใครเข้ามารังแกเขาในทุก ๆ ที่ที่เขาได้เดินทางไป
“ไม่ต้องห่วงตราบใดก็ตามที่พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของนายได้รับการซ่อมแซม มันย่อมทำให้นายกลายเป็นนักรบที่โดดเด่นอย่างแน่นอน เท่าที่ฉันรู้แม้แต่ภายในดินแดนของผู้ใช้กฎเองก็มีผู้ที่สามารถเปิดใช้งานพื้นที่สมองส่วนที่ 7 อย่างเต็มที่ได้เพียงแค่ 1 ใน 10,000 เท่านั้น สิ่งที่เราสมควรจะทำในตอนนี้จึงมีเพียงแค่การพยายามรอคอยอย่างอดทน” อันธกล่าว
—
ทุก ๆ 12 ชั่วโมงเซี่ยเฟยจำเป็นจะต้องเติมพลังงานให้กับกรงเล็บภูติโลหิตใหม่อีกครั้ง จากนั้นเขาก็เดินออกมาจากห้องฝึกและได้พบว่าแอวริลกับกระป๋องกำลังรอเขาอยู่ที่ประตู
“ไปที่ห้องนั่งเล่นกันเถอะ” แอวริลกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับก่อนที่เขาจะเดินไปพร้อมกับหญิงสาวอย่างมีความสุข
“อีกไม่นานนายจะเดินทางอีกครั้งแล้วใช่ไหม?” จู่ ๆ แอวริลก็พูดขึ้นมาอย่างกะทันหันเมื่อพวกเขาได้นั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น
เซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างฉับพลัน เพราะเขายังไม่เคยบอกแอวริลเรื่องที่เขาจะเดินทางไปยังดินแดนของผู้ใช้กฎเลย
“แล้วเธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?”
ความรักไม่เพียงแต่จะนำมาซึ่งความสุขเท่านั้น แต่มันยังนำมาซึ่งความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่อีกด้วย แน่นอนว่าเซี่ยเฟยไม่ใช่คนไร้ความรับผิดชอบที่จะทิ้งครอบครัวเอาไว้ข้างหลังและหยิบกระเป๋าหนีออกไปด้านนอกตามที่เขาต้องการ
แต่ดินแดนของผู้ใช้กฎเป็นดินแดนอันลึกลับที่เขาอาจจะไม่สามารถก้าวเท้าเข้าไปในสถานที่แห่งนั้นได้อีกเลย ถ้าหากว่าเขาพลาดโอกาสในครั้งนี้ไป มันจึงทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถต้านทานคำเชิญที่จะให้เขาเดินทางไปเข้าร่วมกับดินแดนผู้ใช้กฎในครั้งนี้ได้จริง ๆ
“ฉันแค่บังเอิญได้ยินตอนที่นายกำลังพูดคุยกับพวกคุณไทสัน ขอโทษด้วยนะ” แอวริลกล่าวด้วยใบหน้าที่รู้สึกผิด
“ใช่ ฉันกำลังจะต้องเดินทางไปยังสถานที่ที่ห่างไกลมาก ๆ แล้วมันก็อาจจะต้องใช้เวลานานกว่าที่ฉันจะเดินทางกลับมาได้” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“นี่แหละคือเซี่ยเฟยที่ฉันชอบ ไม่ว่านายจะไปที่ไหนฉันจะเป็นคนที่คอยสนับสนุนทุกอย่างให้กับนายเอง ผู้ชายควรออกไปไล่ตามความฝัน ก่อนหน้านี้นายยอมหยุดอยู่เฉย ๆ มานานกว่า 2 ปีแล้ว ในที่สุดนายก็จะได้เริ่มออกผจญภัยอีกครั้งเสียที อย่าลืมนะว่าหลังจากที่นายกลับมาช่วยเล่าเรื่องที่น่าสนใจระหว่างที่นายผจญภัยให้ฉันฟังด้วย” แอวริลกล่าวพร้อมกับกำหมัดแน่น
เซี่ยเฟยลูบผมหญิงสาวอย่างอ่อนโยน ท้ายที่สุดเขาก็รู้ดีกว่าใครว่าแอวริลไม่ต้องการที่จะแยกจากกับเขา เพียงแต่เธอจงใจพูดออกมาแบบนี้เพียงเพราะว่าเธอไม่อยากจะทำตัวเป็นภาระฉุดรั้งเขาเอาไว้
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกมีความสุขมาก และถึงแม้ว่าจะมีหญิงงามอยู่มากมายทั่วทั้งจักรวาล แต่คนที่เต็มใจเสียสละตัวเองเพื่อความสุขของเขาก็คงจะมีเพียงแค่แอวริลเพียงคนเดียว
“ฉันโชคดีจริง ๆ ที่ฉันมีเธอ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับสวมกอดแอวริลเอาไว้
“ฉันก็โชคดีเหมือนกันที่ฉันมีนาย” แอวริลสวมกอดเซี่ยเฟยกลับไปอย่างรักใคร่เช่นเดียวกัน
—
ระหว่างทางเซี่ยเฟยได้แวะกลุ่มดาวนครหลวงก่อนเดินทางกลับไปที่โลก แต่เขาไม่ได้เดินทางไปพบกับสามจอมพลแห่งกรมทหาร แต่เขาได้เดินทางไปพบกับพ่อและปู่ของแอวริลต่างหาก
นครหลวงเดิมถูกทำลายในระหว่างสงครามกับเผ่าเซิร์กไปแล้ว แต่ตระกูลเจี่ยนก็ได้สร้างหุบเขาและทะเลสาบขึ้นมาใหม่ น่าเสียดายที่ถึงแม้ว่าสภาพภายนอกของคฤหาสน์ตระกูลเจี่ยนจะดูเหมือนเดิมแต่เซี่ยเฟยกลับสัมผัสได้ถึงมนต์ขลังที่น้อยลง
ท้ายที่สุดธรรมชาติก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถสร้างขึ้นมาได้ง่าย ๆ ดังนั้นถึงแม้ว่าภายนอกมันจะมีรูปร่างที่เหมือนกับในอดีต แต่มันไม่สามารถที่จะนำบรรยากาศเหมือนเดิมกลับมาได้ภายในระยะเวลาอันสั้น
นับตั้งแต่ที่ตระกูลเจี่ยนได้สร้างสถานีฐานของระบบเรดาร์แบล็คแบทที่เซี่ยเฟยได้มอบให้เป็นของขวัญ มันก็ไม่มีบริษัทใดในพันธมิตรสามารถแข่งขันกับบริษัทสตาร์ยูไนเต็ดในเรื่องการสื่อสารได้อีกต่อไป
หลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไปไม่นานระบบเรดาร์แบล็คแบทก็ได้กลายเป็นอุปกรณ์พื้นฐานชิ้นหนึ่งในพันธมิตรไปแล้ว ซึ่งแม้แต่กรมทหารก็ยังจำเป็นจะต้องใช้ระบบเรดาร์แบล็คแบทในการติดต่อสื่อสารผ่านสัญญาณระยะทางไกลด้วย
ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันนี้เอง มันจึงทำให้ทั้งบริษัทสตาร์ยูไนเต็ดและบริษัทควอนตัมต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็น 10 บริษัทอันดับแรกที่มีความยิ่งใหญ่ที่สุดในพันธมิตร ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนยังรู้ว่าทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลเจี่ยนกำลังจะได้แต่งงานกับเซี่ยเฟยอีกในไม่ช้า ซึ่งมันก็หมายความว่าอีกไม่นานทั้งสองบริษัทก็คงจะอยู่ภายใต้การควบคุมของเซี่ยเฟย
เมื่อนำยักษ์ใหญ่ทั้งสองมาผนึกกำลังกัน ตัวตนของพวกเขาก็ไม่ใช่สิ่งที่พันธมิตรจะสามารถเพิกเฉยได้อีกต่อไป
หลังจากลงไปทักทายและรับประทานอาหารร่วมกันกับนิวแมนและเออเนส เซี่ยเฟยก็ออกเดินทางพร้อมกับแอวริลอีกครั้งโดยมีจุดมุ่งหมายคือดาวโลก
ในห้องฝึกฝน
กรงเล็บภูติโลหิตดูดซับพลังงานปริมาณมหาศาลเข้าไปอีกครั้ง แต่มันก็เปลี่ยนจากสีแดงเข้มกลับเป็นสีเขียวอ่อนเหมือนเดิมทำให้เซี่ยเฟยแสดงสีหน้าอันผิดหวังออกมา
“มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง?! ตามบันทึกที่ฉันได้อ่านมาอย่างมากที่สุดกรงเล็บภูติโลหิตควรจะกลายพันธุ์ได้ไม่เกิน 5 ครั้ง แต่นี่มันกลายพันธุ์ครั้งที่ 6 แล้วนะ แล้วมันก็ยังไม่พร้อมที่จะให้เราเริ่มทำการเก็บเกี่ยวสักที” อันธอุทานขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ
“อย่างน้อยถ้ามันเติบโตเต็มที่ คุณสมบัติทางยาของมันก็เพิ่มขึ้นจากเดิมเป็น 6 เท่า” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับถอนหายใจโดยพยายามปลอบโยนทั้งอันธและตัวเขาเอง
“การกลายพันธุ์แต่ละครั้งจำเป็นจะต้องใช้เวลาในการเติบโต 1 เดือน พวกเราจะต้องเดินทางไปยังดินแดนผู้ใช้กฎเดือนหน้าแล้วนะ ฉันหวังว่ามันจะเก็บเกี่ยวได้ก่อนที่นายจะออกเดินทาง” อันธกล่าวพร้อมกับส่ายหัวอย่างผิดหวัง
เซี่ยเฟยไม่ได้พูดอะไรพร้อมกับถอดเสื้อออกและเริ่มฝึกฝนอย่างหนักอีกครั้ง
รอยสักที่แขนซ้ายของเขายังคงอยู่ แต่ถึงแม้ว่าเขาจะพยายามดึงพลังของมันออกมาอย่างเต็มที่ แต่เขาก็ยังไม่สามารถทำความเข้าใจความลึกลับของกฎแห่งความโกลาหลได้
หงส์ครามในแขนขวาของเขาก็ยังคงนอนหลับสนิทตั้งแต่ที่มันออกมาช่วยเขาคว้าจับหัวใจจักรวาลสีขาวในครั้งแรก ซึ่งตั้งแต่นั้นเป็นต้นมามันก็ไม่เคยตื่นขึ้นมาให้เขาได้ใช้งานมันอีกเลย
ทั้งกฎแห่งความโกลาหลและหงส์ครามต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นอาวุธชิ้นสำคัญที่จะช่วยพัฒนาความสามารถของเขาได้อย่างก้าวกระโดด แต่การที่เขายังไม่สามารถที่จะใช้อาวุธทั้งสองชิ้นนี้ได้ มันก็ทำให้เซี่ยเฟยค่อนข้างที่จะรู้สึกหงุดหงิดอยู่มากพอสมควร
“ช่างมันไปก่อนก็แล้วกัน บางทีทุก ๆ อย่างอาจจะเฉลยออกมาหลังจากที่เราได้ออกเดินทางไปยังดินแดนผู้ใช้กฎ” เซี่ยเฟยพยายามปลอบใจตัวเอง
ขณะนี้เหลือเวลาอีก 29 วัน 14 ชั่วโมงก่อนที่เซี่ยเฟยจะต้องเดินทางไปยังดินแดนของผู้ใช้กฎตามที่เขาได้ตกลงกับหยูฮัวและหยูเจียงเอาไว้
***************