ตอนที่ 509 พิชิตพลังงานต้นกำเนิด
ตอนที่ 509 พิชิตพลังงานต้นกำเนิด
ณ บ้านของเซี่ยเฟยบนทะเลสาบ 4 ชั้น
เมื่อเซี่ยเฟยเดินทางกลับมาบ้านแอวริลก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ท้ายที่สุดเซี่ยเฟยก็เคยมีประวัติหายตัวไปเป็นเวลานานเหมือนกับเป็นเรื่องปกติ จนทำให้หญิงสาวอดที่จะรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาไม่ได้
การที่จู่ ๆ เซี่ยเฟยไม่ได้หายตัวไปไหนเป็นเวลานานกว่า 2 ปีนี้ มันก็ทำให้แม้แต่ตัวของแอวริลเองก็รู้สึกประหลาดใจ และถึงแม้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเธอจะได้ใช้ชีวิตกับเขาอย่างมีความสุข แต่เธอก็เริ่มสังหรณ์ใจว่าการหายตัวไปของเซี่ยเฟยหลังจากนี้อาจจะมีระยะเวลาที่ยาวนานขึ้นกว่าเดิม
แอวริลถือว่าเป็นคนที่เข้าใจเซี่ยเฟยมากกว่าใคร ๆ และสิ่งที่เธอคาดเดาก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว ว่าเซี่ยเฟยกำลังจำเป็นจะต้องจากไปหลังจากที่เขาใช้เวลาอันเงียบสงบอยู่กับเธอมาถึง 2 ปี
“คืนนี้เดี๋ยวฉันทำบะหมี่ผัดให้นายนะ กินคู่กับมะเขือเทศกับแตงกวาที่นายชอบด้วย” แอวริลกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เอาสิ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“นี่นายยังไม่ได้บอกแอวริลเรื่องนั้นอีกเหรอ?” อันธกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ หลังจากที่หญิงสาวเดินออกไปจากห้องฝึกของเซี่ยเฟย
“เรื่องของฉันเดี๋ยวฉันจัดการเอง ว่าแต่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานายทำอะไรระหว่างที่อยู่กับโซฟีบ้าง?” เซี่ยเฟยกล่าว
“ความรู้ในระบบของโซฟีอยู่ในระดับที่น่าทึ่งมาก ไม่ว่าจะเป็นความรู้เกี่ยวกับพืชพันธ์ุหรือวิธีการปรุงยาต่าง ๆ ล้วนแล้วแต่เป็นข้อมูลที่ฉันไม่เคยได้รู้รายละเอียดพวกนี้มาก่อน” อันธกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แล้วผลการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องวิญญาณอมตะล่ะ เป็นยังไงบ้าง?”
“เธอยังหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมร่างกายของฉันถึงกลายเป็นวิญญาณ แล้วเธอก็คิดว่าคงจะมีเพียงแค่พ่อของเธอเท่านั้นที่สามารถอธิบายคำตอบในเรื่องนี้ได้”
“ความจริงฉันก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเท่าไหร่หรอก ฉันสนใจเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับสมุนไพรกับการปรุงยามากกว่า” อันธชอบศึกษาเรื่องเกี่ยวกับการปรุงยามาก เขาจึงใช้ช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมานี้ในการอ่านข้อมูลเกี่ยวกับสมุนไพรและการปรุงยาอย่างมีความสุข
“ระหว่างที่นายมีความสุข ทางฝั่งของฉันก็เหมือนกับจะใช้ชีวิตไปโดยเปล่าประโยชน์ โชคดีที่ฉันยังมีแอวริลคอยอยู่เคียงข้าง ไม่อย่างนั้นชีวิตในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ก็คงจะไร้ประโยชน์มากเกินไป” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
จู่ ๆ บรรยากาศก็กลายเป็นภาพที่น่าหดหู่ เพราะท้ายที่สุดเซี่ยเฟยก็ยังคงฝึกฝนอย่างหนักในทุก ๆ วันที่ผ่านมา แต่การที่เขาไม่พัฒนาความแข็งแกร่งขึ้นเลย มันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างโหดร้ายสำหรับเขาอยู่เล็กน้อย
“ถ้าฉันเดาไม่ผิดไม่เพียงแต่นายจะไม่เพิ่มระดับพลังเท่านั้น แต่พลังของนายก็คงจะถดถอยลงด้วยใช่ไหม?” อันธกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“อือ ก่อนหน้านี้ฉันเคยเพิ่มความเร็วจนถึง 30,000 เมตรต่อวินาทีได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้ฉันจำเป็นจะต้องเคลื่อนไหวอย่างจริงจังมากถึงจะสามารถทำความเร็วในระดับนั้นได้ ว่าแต่นายรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?” เซี่ยเฟยกล่าว
“ฉันเคยบอกไปแล้วว่าพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของนายได้รับความเสียหายอย่างหนัก และมันก็จำเป็นจะต้องพึ่งพาน้ำยาเพื่อเพิ่มความก้าวหน้าอยู่เสมอ ครั้งสุดท้ายที่นายดื่มน้ำยาเพื่อทะลวงเข้าสู่ระดับลีเจนด์ มันได้สร้างผลข้างเคียงที่รุนแรงและการถดถอยของพลังก็เป็นเรื่องที่ไม่สามารถจะหลีกเลี่ยงได้” อันธกล่าวด้วยสีหน้าที่เศร้าหมอง
เซี่ยเฟยทำได้เพียงแต่กัดฟันทนรับความเจ็บปวดนี้เอาไว้ แต่เขาย่อมไม่ยอมหยุดพัฒนาเพียงแค่นี้อย่างแน่นอน
“ขอฉันลองดูพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของนายก่อนก็แล้วกัน ว่าในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้มันมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง” ทันทีที่พูดจบอันธก็รีบหายตัวไปตรวจพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเซี่ยเฟยในทันที
…
“นี่มันร้ายแรงกว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีก แต่ว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะแก้ไขไม่ได้” อันธกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง หลังจากที่เขาได้ตรวจสอบพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเซี่ยเฟยจนเสร็จ
“ฉันขอดูกรงเล็บภูติโลหิตหน่อย บางทีพืชต้นนี้อาจจะแข็งแกร่งกว่าที่เราได้คาดคิดเอาไว้ ฉันพึ่งได้เรียนรู้ข้อมูลเกี่ยวกับกรงเล็บภูติโลหิตมาเพิ่ม ว่ามันเป็นพืชที่อาจจะมีการกลายพันธุ์และเติบโตวนกลับไปกลับมาซ้ำ ๆ โดยที่เราไม่อาจจะสามารถคาดเดาระยะเวลาการออกผลของมันได้” อันธกล่าว
“ทำไมมันถึงเป็นแบบนั้นล่ะ?” เซี่ยเฟยถามขณะหยิบภาชนะที่บรรจุกรงเล็บภูติโลหิตออกมาจากแหวนมิติ
“มันคือการกลายพันธุ์เพื่อพยายามพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองมากยิ่งขึ้น ซึ่งโดยปกติสิ่งนี้มักจะเกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญา แต่สำหรับพืชมันก็มีการกลายพันธุ์เป็นบางครั้งบางคราวด้วยเหมือนกัน” อันธกล่าวก่อนที่เขาจะเริ่มสังเกตกรงเล็บภูติโลหิตอย่างระมัดระวัง
ในที่สุดอันธก็ได้สังเกตพบว่ากรงเล็บภูติโลหิตมีสีเข้มกว่าเดิมเล็กน้อย ซึ่งมันเป็นเครื่องยืนยันว่าพืชชนิดนี้ได้เกิดการกลายพันธุ์ขึ้นมาแล้ว
“กรงเล็บภูติโลหิตต้นนี้เกิดการกลายพันธุ์จริง ๆ แล้วมันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับนาย” อันธกล่าว
“เป็นเรื่องดี? มันเป็นเรื่องดีตรงไหน? ฉันกำลังจะเข้าไปในดินแดนของผู้ใช้กฎนะ แต่พลังของฉันหยุดอยู่กับที่มาเป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
“อันที่จริงถึงแม้ว่านายจะกินกรงเล็บภูติโลหิตเข้าไป มันก็ไม่ได้รับประกันว่านายจะสามารถซ่อมแซมพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของนายได้ เพราะท้ายที่สุดพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ก็เป็นสิ่งที่พิเศษมาก แล้วมันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงเรื่องที่พื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของนายได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงเลย”
“แต่กรงเล็บภูติโลหิตกลายพันธุ์มันก็มีความแตกต่างไปจากเดิมอยู่เล็กน้อย เพราะทุก ๆ การกลายพันธุ์ 1 ครั้งมันจะช่วยเพิ่มผลของการรักษาขึ้นเป็น 2 เท่า และถ้าหากว่ามันมีการกลายพันธุ์ 3 ครั้งมันก็จะเพิ่มผลการรักษาขึ้นจากเดิมเป็น 3 เท่า หมายความว่ายิ่งมันมีการกลายพันธุ์บ่อยครั้งแค่ไหน มันก็ยิ่งเพิ่มโอกาสที่จะซ่อมแซมพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของนายได้มากเท่านั้น”
“การที่มันมีสรรพคุณดีขึ้นเป็นเรื่องที่ดีก็จริง แต่ระยะเวลาก็เป็นเรื่องสำคัญด้วยเหมือนกัน ไม่ว่ายังไงเวลาที่ฉันได้ตกลงกับหยูฮัวและหยูเจียงเอาไว้มันก็ใกล้เข้ามาทุกที” เซี่ยเฟยกล่าว
“ตามกฎของพลังงาน หัวใจจักรวาลสีขาวช่วยเร่งการเติบโตของกรงเล็บภูติโลหิตได้ ถ้านายใช้พลังงานจากหัวใจจักรวาลสีขาวมาเป็นสารอาหารให้กรงเล็บภูติโลหิต มันก็น่าจะช่วยเร่งกระบวนการเติบโตของสมุนไพรชนิดนี้ให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น” อันธกล่าว
“พลังงานในหัวใจจักรวาลสีขาวรุนแรงมาก การบริโภคพลังงานเข้าไปโดยตรงแบบนั้นมันจะไม่อันตรายเกินไปหน่อยเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างกังวล
“ไม่ต้องห่วง กรงเล็บภูติโลหิตของนายกลายพันธุ์มาแล้ว 2 ครั้ง และมันก็ไม่ใช่พืชที่บอบบางเหมือนกับเมื่อก่อนอีกต่อไป” อันธกล่าวอย่างหนักแน่น
—
ในตอนกลางคืนแอวริลก็นอนหลับใหลด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข
เซี่ยเฟยเดินทางไปที่ทะเลสาบ 4 ชั้นเพียงลำพัง ก่อนที่เขาจะเตรียมตัวกระโดดลงไปในทะเลสาบ
“เอาแล้วนะ” เซี่ยเฟยกล่าว
“ฉันพอจะได้เรียนรู้เคล็ดลับอะไรบางอย่างเกี่ยวกับวิธีการควบคุมหัวใจจักรวาลสีขาวมาบ้างแล้ว โดยปกติในฐานะที่มันเป็นพลังต้นกำเนิดระดับ 3 ทำให้มันมีพลังงานบริสุทธิ์และยากที่จะควบคุมได้ แต่อย่างน้อยวิธีที่ฉันได้เรียนรู้มามันก็น่าจะทำให้เราพอจะควบคุมพลังงานพวกนั้นได้บ้าง”
“คืนนี้พวกเราจะต้องพิชิตพลังงานจากหัวใจจักรวาลสีขาวให้ได้ ไม่อย่างนั้นการเดินทางไปยังดินแดนของผู้ใช้กฎก็คงจะเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับนายมากยิ่งขึ้น” อันธกล่าว
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับก่อนที่เขาจะกระโดดลงไปในทะเลสาบ ซึ่งชายหนุ่มก็ได้ใช้แขนทั้งสองข้างในการแหวกว่ายน้ำในทะเลสาบอย่างรวดเร็ว
ก้นทะเลสาบอยู่ลึกลงไปประมาณ 1 กิโลเมตร และเนื่องมาจากเวลานี้เป็นช่วงเวลาในตอนกลางคืนบริเวณก้นทะเลสาบจึงอยู่ภายใต้ความมืดสนิท เซี่ยเฟยจึงจำเป็นจะต้องใช้อุปกรณ์มองกลางคืนจากชุดต่อสู้เพื่อที่จะทำให้เขาสามารถมองภาพใต้น้ำให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ในที่สุดชายหนุ่มก็ได้พบกับยานบรรทุกลำเก่านอนอยู่บนพื้นทราย โดยเขาจงใจนำยานลำนี้มาจอดไว้และเอาหัวใจจักรวาลสีขาวเก็บเอาไว้ภายในยานอวกาศอีกที เพื่อไม่ให้แสงของหัวใจจักรวาลสีขาวส่องสว่างกลายเป็นที่สะดุดตา
ชายหนุ่มใช้กุญแจเปิดเข้าไปภายในยานและเมื่อเขาได้พบกับหัวใจจักรวาลที่ถูกติดตั้งเอาไว้ในโกดังของยาน เขาก็จำเป็นจะต้องเว้นระยะห่างจากก้อนพลังงานก้อนนั้นเพื่อไม่ให้เขาเข้าใกล้มันมากเกินไป
“เอาล่ะส่วนต่อไปคือส่วนที่ยากที่สุด พลังงานที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากหัวใจจักรวาลสีขาวจะแล่นเข้าสู่เส้นพลังงานไปในร่างกายของนาย แล้วมันก็คือสาเหตุที่ทำให้นายรู้สึกเจ็บปวด ดังนั้นวิธีการเดียวที่นายจะเริ่มควบคุมพลังของมันได้คือนายจะต้องบังคับให้พลังงานไหลเข้าไปในมือขวาและปล่อยพลังงานออกไปจากมือซ้าย”
“จำไว้ว่าพลังงานในหัวใจจักรวาลสีขาวเป็นพลังงานที่รุนแรงมาก ดังนั้นอย่าพยายามเก็บพลังงานพวกนั้นเอาไว้ใช้เอง ยิ่งไปกว่านั้นร่างกายของนายในปัจจุบันยังไม่แข็งแรงพอที่จะรองรับพลังงานดั้งเดิมของจักรวาลได้ ดังนั้นถ้าหากว่านายไม่ปลดปล่อยพลังของมันออกมา ร่างกายของนายก็จะบวมเป่งก่อนที่จะระเบิดออกมาเป็นจุณ” อันธเตือนอย่างจริงจัง
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ตระหนักว่ากุญแจสำคัญในการพิชิตพลังงานในหัวใจจักรวาลสีขาว คือการพยายามเปลี่ยนร่างกายของเขาให้กลายเป็นตัวนำพลังงาน เพื่อให้พลังงานไหลผ่านร่างกายของเขาไป แล้วมันก็ดูเหมือนกับว่าอันธจะมีความก้าวหน้าอย่างน่าอัศจรรย์ ในระหว่างที่เขาได้ไปอยู่กับเทพธิดาผู้พิทักษ์เป็นเวลาถึง 2 ปี
“โอเค ฉันจะลองดู”
เซี่ยเฟยกางแขนทั้งสองข้างออกไปพร้อมกัน ก่อนที่เขาจะใช้นิ้วสัมผัสกับพลังงานที่ปล่อยออกมาจากหัวใจจักรวาลสีขาวโดยตรง
สัมผัสที่ร้อนฉ่าแล่นสู่ร่างกายของเขาในทันที ซึ่งชายหนุ่มก็พยายามหมุนเวียนพลังงานผ่านร่างกายและปล่อยพลังงานนั้นออกไปทางแขนซ้ายของเขา
เมื่อเซี่ยเฟยเริ่มชักนำพลังงานได้ครั้งหนึ่งแล้วชายหนุ่มก็เคลื่อนฝ่ามือไปข้างหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้พลังงานที่ไหลผ่านร่างของเขาทวีความรุนแรงขึ้นจากเดิมเช่นเดียวกัน เซี่ยเฟยจึงรู้สึกเหมือนกับการพยายามชักนำกระแสน้ำอันเชี่ยวกราดให้ไหลผ่านร่างกายของเขาไป
ตอนแรกเซี่ยเฟยคิดว่ากระบวนการชักนำพลังงานอันบริสุทธิ์นี้คงจะทำให้ร่างกายของเขารู้สึกเจ็บปวดมาก แต่ในความเป็นจริงมันกลับกลายเป็นเรื่องตรงกันข้าม เพราะไม่เพียงแต่เขาจะไม่รู้สึกเจ็บปวดเท่านั้น แต่เขายังรู้สึกสบายตัวอย่างบอกไม่ถูกอีกด้วย
“ดีมาก! ร่างกายของนายปรับตัวเข้ากับพลังงานดั้งเดิมได้มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว สมแล้วที่นายเป็นพวกที่เกิดมาพร้อมกับสายเลือดของนักรบ” อันธกล่าวอย่างตื่นเต้น
ในเวลาเพียงแค่ไม่นานมือของเซี่ยเฟยก็อยู่ห่างจากหัวใจจักรวาลสีขาวไม่ถึง 1 เมตร แต่ทุกๆ 1 เซนติเมตรหลังจากนี้ไปพลังงานที่ไหลผ่านร่างของเขากลับเพิ่มปริมาณมากขึ้นเป็น 2 เท่า
หากพลังงานที่เห็นไหลผ่านร่างของเซี่ยเฟยในก่อนหน้านี้เปรียบเสมือนกับแม่น้ำ ตอนนี้พลังงานที่กำลังไหลผ่านร่างของเขาก็คงจะเป็นเหมือนกับมหาสมุทร
80 เซนติเมตร, 70 เซนติเมตร, 50 เซนติเมตร!
เซี่ยเฟยใกล้ที่จะสัมผัสกับหัวใจจักรวาลสีขาวได้แล้ว แต่มันก็แลกมากับร่างของเขาที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงทั่วทั้งตัวเช่นเดียวกัน โดยร่างของเซี่ยเฟยในปัจจุบันเหมือนกับเหล็กร้อนที่ถูกเผาด้วยเปลวไฟ และทั่วทั้งร่างของเขาต่างก็ล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยพลังงาน
ทันทีที่ปลายนิ้วของเขาสัมผัสเข้ากับหัวใจจักรวาล มันก็ทำให้เซี่ยเฟยเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง
ความรู้สึกนี้เป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ แต่เขาก็รู้สึกราวกับว่าเขาสามารถทำลายล้างดาวทั้งดวงได้ด้วยการโจมตีออกไปเพียงแค่ครั้งเดียว
“อันตราย!” อันธส่งเสียงตะโกนเตือนขึ้นมาอย่างฉับพลัน
พลังงานในหัวใจจักรวาลสีขาวถูกปล่อยออกมาอย่างไม่คงที่ ซึ่งสามารถสังเกตเห็นได้จากแสงสว่างที่กระพริบขึ้น ๆ ลง ๆ แน่นอนว่าในช่วงที่แสงสว่างยังคงเบาบางพลังงานของมันก็จะลดลง แต่เมื่อแสงสว่างเพิ่มความเข้มขึ้นพลังงานที่ถูกปลดปล่อยออกมาก็จะทวีความรุนแรงขึ้นเช่นเดียวกัน
ในช่วงเวลาที่เซี่ยเฟยสัมผัสกับหัวใจจักรวาลสีขาวในตอนแรกนั้นคือช่วงที่พลังงานกำลังเบาบางลง แต่ในวินาทีต่อมาที่แสงสว่างของมันได้เพิ่มขึ้น พลังงานก็เริ่มไหลเข้ามาภายในร่างของชายหนุ่มอย่างบ้าคลั่ง
“รีบปล่อยมือเดี๋ยวนี้!!” อันธตะโกนเตือนอย่างสิ้นหวัง
น่าเสียดายที่ความเร็วเสียงไม่สามารถเทียบกับความเร็วแสงได้ ก่อนที่คำพูดของอันธจะดังไปจนถึงหูของเซี่ยเฟย พลังงานจำนวนมากมายมหาศาลก็ได้พุ่งเข้าสู่ร่างของชายหนุ่มแล้ว
ระบาย!
ไม่มีใครคาดคิดว่าในช่วงเวลาอันวิกฤตเซี่ยเฟยจะสามารถหาวิธีรับมือกับพลังงานอันมากมายมหาศาลภายในร่างของเขาได้อย่างฉับพลัน เพราะในขณะที่พลังงานกำลังจะฉีกกระชากร่างกายของเขาออกจากกัน รูขุมขนทั่วทั้งร่างของเขาก็ถูกบังคับให้เปิดออกอย่างกะทันหัน เพื่อระบายพลังงานออกไปผ่านทางรูขุมขนพวกนี้
นี่คือปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นตามสัญชาตญาณและมันก็เป็นสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดของนักรบ
ในที่สุดหัวใจจักรวาลสีขาวก็ได้ถูกเซี่ยเฟยจับเอาไว้อย่างแน่นหนา แน่นอนว่าในตอนนี้พลังงานของมันไม่สามารถที่จะทำอันตรายใด ๆ ร่างกายของเขาได้อีกต่อไป
“ฉันคิดว่าฉันรู้วิธีควบคุมพลังงานของมันแล้วนะ” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างจริงจัง
***************
แสงสีขาวออกตัวทุกรูขุมขนเลยสินะ เอ่อ…คิดถึงพวกซุปเปอร์ไซย่าอะไรพวกนี้เลยอ่ะ 555