ตอนที่ 508 อัจฉริยะกลับกลายเป็นคนธรรมดา
ตอนที่ 508 อัจฉริยะกลับกลายเป็นคนธรรมดา
วันนี้เป็นวันที่แอวริลเดินทางกลับมา เซี่ยเฟยจึงยืนรอคนรักพร้อมกับขนอุยและกระป๋อง
แอวริลก้าวเท้าลงมาจากรถด้วยรอยยิ้ม กระป๋องจึงรีบเข้าไปช่วยแอวริลยกกระเป๋าเดินทาง แต่รูปลักษณ์ของกระป๋องที่เปลี่ยนไปก็ทำให้แอวริลค่อนข้างที่จะรู้สึกประหลาดใจอยู่พอสมควร
“อ้าวกระป๋อง! นี่นายเปลี่ยนร่างใหม่เหรอ? ดูเหมือนร่างนี้จะดูดีขึ้นนะ”
กระป๋องยกมือขึ้นมาลูบหัวด้วยความเขินอาย ก่อนที่มันจะรีบยกสัมภาระทั้งหมดของแอวริลเข้าไปภายในบ้าน
“ดูเหมือนเธอจะผอมลงนะ” เซี่ยเฟยเดินเข้าไปหาแอวริลด้วยรอยยิ้ม
“ฉันว่าฉันน่าจะอ้วนขึ้นมากกว่า พ่อกับปู่เตรียมอาหารเอาไว้ให้ฉันเยอะแยะเลยตั้งแต่ที่ฉันเดินทางกลับไปยังพันธมิตร ฉันว่าฉันกินอาหารเข้าไปไม่หยุดเลยนะ” แอวริลกล่าวพร้อมกับเดินเข้ามาสวมกอดเซี่ยเฟยอย่างออดอ้อน
ซาร่าที่เดินทางมาส่งแอวริลรู้สึกเศร้ากับความใกล้ชิดของทั้งสองคนอยู่เล็กน้อย และเธอก็ไม่สามารถที่จะเก็บอารมณ์ที่สื่อสารผ่านมาจากสีหน้าของเธอได้
“อยู่ทานอาหารเย็นด้วยกันก่อนสิ เดี๋ยวฉันให้คนเตรียมกุ้งคริสตัลจากทะเลสาบ 4 ชั้นเอาไว้ให้” เซี่ยเฟยกล่าวกับซาร่า
“คืนนี้กองยานขนสินค้าจะต้องเดินทางกลับไปยังพันธมิตรอีกครั้ง เอาไว้โอกาสหน้าก็แล้วกันนะ” ซาร่าส่ายหัวพร้อมกับกล่าวปฏิเสธอย่างมีชั้นเชิง
แม้ว่าซาร่าจะยังไม่คุ้นเคยกับมารยาทเช่นนี้มากนัก แต่เธอก็พอที่จะเรียนรู้เรื่องการปฏิเสธมาบ้าง เธอจึงหาข้ออ้างขอตัวลาและเดินทางกลับไปยังที่พักของเธอ
“คุณปู่เป็นยังไงบ้าง?” เซี่ยเฟยถาม
“ตอนนี้คุณปู่ไม่เป็นอะไรแล้ว แค่ในตอนสงครามการเดินทางทำให้คุณปู่พอจะมีปัญหาเรื่องหัวใจอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ท่านเพียงแค่ต้องการการพักผ่อนให้เพียงพอเท่านั้น”
ทันใดนั้นแอวริลก็สังเกตเห็นเหมือนกับว่าขนอุยพยายามที่จะหลบเลี่ยงเธอ เธอจึงพุ่งตัวเข้าไปหาเจ้าตัวน้อยพร้อมกับอุ้มร่างของมันขึ้นมา
“ว่าไงขนอุย นายคิดถึงฉันไหม?”
“ดูนี่สิ ฉันเอาของอร่อย ๆ มาฝากนายเยอะเลย”
ท่าทางของแอวริลทำให้ขนอุยพูดอะไรไม่ออก แล้วมันก็มองไปทางเซี่ยเฟยด้วยน้ำตาราวกับขอร้องไม่ให้มันต้องชิมขนมที่แอวริลจะเอามาป้อนมัน
“ขนอุยจะต้องชอบขนมของเธอแน่ ๆ ปกติเจ้านี่มันเป็นพวกตะกละตลอดอยู่แล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มโดยไม่สนใจท่าทางเหมือนกับเด็กจะร้องไห้ของขนอุยเลยแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตามชายหนุ่มก็เปลี่ยนสายตาเป็นเย็นชาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับสบสายตาของขนอุยราวกับว่าเขากำลังสั่งการห้ามไม่ให้ขนอุยขัดคำสั่งแอวริลแม้แต่เพียงนิดเดียว เจ้าตัวเล็กจึงทำได้เพียงแค่พยักหน้าอย่างเศร้าสร้อยและนั่งรอการทรมานจากหญิงสาวเท่านั้น
—
ในที่สุดมื้ออาหารก็สิ้นสุดลง เซี่ยเฟยกับแอวริลจึงนอนเคียงคู่กันอยู่บนเตียงพร้อมกับรับชมทะเลสาบนอกหน้าต่าง และรับฟังเสียงของน้ำในทะเลสาบที่มีเสียงคลื่นกระทบฝั่งดังขึ้นมาเป็นระยะ ๆ
“ครั้งนี้ฉันได้เจอนิโคลด้วย”
“นิโคล ซอว์เยอร์?” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว ก่อนที่เขาจะสัมผัสได้ถึงลางที่ไม่ค่อยดี
“ใช่ ฉันกับนิโคลรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก อันที่จริงฉันคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ดีมากและเธอก็ชอบทำอะไรจนสุดขั้วด้วยเหมือนกัน” แอวริลกล่าวพร้อมกับแอบดูปฏิกิริยาของเซี่ยเฟย
“อือ” เซี่ยเฟยตอบกลับอย่างเฉยเมย
“ดูเหมือนว่านิโคลจะชอบนายนะ”
“เหรอ”
“ซาร่าก็ถามถึงนายบ่อยเหมือนกัน”
“อื้อ”
เซี่ยเฟยแกล้งทำเป็นว่าเขาไม่รู้ว่าแอวริลต้องการจะสื่อถึงอะไร แต่ในความเป็นจริงเขาก็พอจะคาดเดาความคิดของหญิงสาวได้บ้างแล้ว
“เซี่ยเฟย! ในพันธมิตรการมีภรรยาหลายคนถือว่าเป็นเรื่องปกตินะ นายอยาก…”
ก่อนที่แอวริลจะทันพูดจนจบ เซี่ยเฟยก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“เลิกพูดเรื่องนี้กันเถอะ ฉันขอแค่เธอคนเดียวก็พอแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าว
แอวริลสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นที่กระจายไปทั่วทั้งหัวใจของเธอ และยิ่งเธอได้อยู่กับเขามากเท่าไหร่เธอก็ยิ่งสัมผัสถึงความใส่ใจที่เขามีให้เธอมากเท่านั้น
“แต่…”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น”
เซี่ยเฟยกดปุ่มที่ข้างเตียงทำให้เพดานห้องนอนค่อย ๆ เปิดออก เผยให้เห็นกระจกใสที่สะท้อนให้เห็นถึงดวงดาวสว่างไสวไปทั่วทั้งห้องนอน
“ดาวบนฟ้าสวยดีเนอะ”
“อืม”
“เธอรู้ไหมว่าจักรวาลกว้างใหญ่แค่ไหน? แล้วมันมีจุดสิ้นสุดของจักรวาลหรือเปล่า?”
“ไม่รู้สิ” แอวริลตอบพร้อมกับส่ายหัว
คำพูดของเซี่ยเฟยฟังดูเป็นบทสนทนาที่จริงจังมาก แอวริลจึงมองไปยังคนรักด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหลงใหล เพราะเธอชอบท่าทางจริงจังของเซี่ยเฟยมากที่สุด
“เธอรู้ไหมว่าจักรวาลถือกำเนิดขึ้นมาได้ยังไง?”
“ไม่รู้สิ”
“เธอรู้หรือเปล่าว่าใครคือผู้ปกครองจักรวาลอันกว้างใหญ่แห่งนี้?”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“เธอรู้หรือเปล่าว่านักสู้จะสามารถพัฒนาพลังไปได้ไกลแค่ไหน?”
“ไม่รู้เลย”
“เธอรู้ไหมว่ามีเผ่าพันธุ์ที่มีสติปัญญากี่เผ่าพันธุ์ที่มีชีวิตอยู่ในจักรวาล?”
“ไม่รู้”
เซี่ยเฟยสวมกอดแอวริลและมองไปยังหญิงสาวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเสน่หา
“คำถามพวกนี้คือคำถามที่ฉันอยากรู้คำตอบมากที่สุด และฉันก็อยากจะหาคำตอบของคำถามพวกนี้ให้ได้ทั้งหมดในช่วงชีวิตของฉัน แน่นอนว่าฉันจำเป็นจะต้องทุ่มเวลาและความสำคัญในการพยายามหาคำตอบที่ไม่รู้ว่าจะมีคำตอบจริง ๆ รอฉันอยู่ไหม แต่ถึงแบบนั้นฉันก็ยังอยากจะลองพยายามจนสุดชีวิต”
แอวริลพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น เพราะการที่เธอได้เห็นเซี่ยเฟยพยายามอย่างหนักเพื่อไล่ตามความฝัน มันก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งของเธอเช่นเดียวกัน
“ไม่ว่านายจะทำอะไรฉันคนนี้จะคอยสนับสนุนการตัดสินใจของนายอย่างเต็มที่ แต่ถ้าหากว่านายต้องการจะหาน้องสาวให้กับฉัน เรื่องนั้นฉันก็ไม่คิดที่จะปฏิเสธด้วยเหมือนกัน” แอวริลกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์
“ฉันยังพูดไม่ชัดพออีกเหรอ?” เซี่ยเฟยถามอย่างสับสน
“คือว่าฉัน... ฉันทนรับนายคนเดียวไม่ไหว” แอวริลกล่าวพร้อมกับซุกใบหน้าที่แดงก่ำลงไปบนเตียง
คำตอบนี้ถึงกับทำให้เซี่ยเฟยพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เพราะท้ายที่สุดเขาก็เป็นนักสู้ที่ทรงพลังแต่แอวริลเป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่อ่อนแอ
ในความเป็นจริงคือแอวริลยังไม่ได้เปิดพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเธอออกมาด้วยซ้ำ เพราะในกรณีของตระกูลที่ร่ำรวยพวกเขาก็ไม่คิดที่จะให้คนในตระกูลดื่มน้ำยาปรับสภาพยีน ท้ายที่สุดน้ำยาชนิดนี้ก็ยังคงไม่ใช่น้ำยาที่ปลอดภัย 100% และถึงแม้ว่ามันจะมีความเสี่ยงไม่ถึง 1% แต่พวกเขาก็ไม่คิดที่จะมอบความเสี่ยงนั้นให้กับลูกหลานของตัวเอง
“เรื่องนี้เป็นปัญหาใหญ่จริง ๆ สินะ” เซี่ยเฟยส่งเสียงพึมพำขึ้นมาเบา ๆ
—
ความเร็วในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานภายในภูมิภาคดาวเหวทมิฬเพิ่มขึ้นจากเดิมมากขึ้นเรื่อย ๆ มันจึงมีอาคารสูงระฟ้าเริ่มปรากฏขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ขณะที่น้ำจากทะเลสาบ 4 ชั้นก็เริ่มหล่อเลี้ยงพื้นดินที่แห้งแล้งให้มีพืชพรรณเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทุกคนจึงต่างก็คิดว่าเรื่องนี้เป็นปาฏิหาริย์ที่เซี่ยเฟยได้สร้างขึ้น เพราะท้ายที่สุดมันก็ไม่มีใครเข้าใจว่าสาเหตุที่พืชพันธ์ุได้เติบโตอย่างผิดธรรมชาติ นั่นก็เพราะว่าพวกมันได้รับพลังงานจากหัวใจจักรวาลสีขาวที่ถูกติดตั้งเอาไว้ใต้ก้นทะเลสาบ
ที่สำคัญกว่านั้นคือน้ำในทะเลสาบ 4 ชั้นไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมอันแห้งแล้งของดาวนิวเอิร์ธเพียงดวงเดียว เพราะสภาพแวดล้อมของดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ ก็เริ่มมีพืชพรรณสีเขียวงอกขึ้นมาเช่นเดียวกัน และถึงแม้ว่าดาวเคราะห์พวกนั้นจะยังคงอยู่ห่างไกลจากการเป็นดาวมีชีวิตระดับ A แต่มันก็มีดาวหลาย ๆ ดวงที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะจะเป็นสถานที่ปลูกพืชทนแล้งได้ ซึ่งมันก็ช่วยให้พวกเขาสามารถเพิ่มแหล่งอาหารให้กับผู้คนในภูมิภาคดาวเหวทมิฬได้มากกว่าเดิม
ยิ่งภูมิภาคดาวเหวทมิฬถูกพัฒนาขึ้นมามากเท่าไหร่ ผู้คนก็เริ่มมองเห็นโอกาสทางธุรกิจในภูมิภาคดาวแห่งนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ หลาย ๆ ครอบครัวจึงพากันย้ายจากพันธมิตรมาตั้งธุรกิจในภูมิภาคดาวอันห่างไกลแห่งนี้ และเพื่อรับประกันการขนส่งที่ปลอดภัยทางบริษัทควอนตัมจึงขยายจำนวนยานป้องกันออกไปจาก 1,200 ลำกลายเป็น 3,000 ลำ
ด้วยการรักษาความปลอดภัยอันหนาแน่นเช่นนี้ประชาชนเพียงแค่จะต้องจ่ายค่าขนส่งเพียงแค่เล็กน้อย พวกเขาก็สามารถส่งสินค้าไปกลับระหว่างพันธมิตรกับภูมิภาคดาวเหวทมิฬได้แล้ว มันจึงทำให้การค้าระหว่างพันธมิตรกับภูมิภาคดาวเหวทมิฬเป็นเรื่องที่สะดวกสบายกว่าเดิมมาก
ยิ่งเวลาผ่านไปผู้คนก็ค่อย ๆ ลืมเลือนเรื่องราวของวีรบุรุษผู้กอบกู้พันธมิตร เพราะเซี่ยเฟยแทบที่จะไม่ปรากฏตัวในที่สาธารณะ มันจึงมีผู้จดจำเรื่องราวของเขาได้ลดน้อยถอยลงไปเรื่อย ๆ
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเซี่ยเฟยได้ใช้ชีวิตกับแอวริลอยู่ในทะเลสาบ 4 ชั้นอย่างสงบสุข ซึ่งถ้าหากว่าเขามีอะไรจำเป็นจะต้องทำเขาก็มักที่จะมอบหมายงานให้ผู้ช่วยเป็นผู้ลงมือ เพราะเขาต้องการที่จะอยู่กับหญิงสาวให้ได้นานที่สุด
ไม่ว่ายังไงเขาก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าความสงบสุขนี้จะอยู่ได้อีกเพียงแค่ไม่นาน เพราะวันที่เขาจะต้องเดินทางไปยังดินแดนของผู้ใช้กฎก็ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ มากขึ้นทุกที
ในช่วงเวลาที่ผ่านมาหยูฮัวเคยมาเยี่ยมเซี่ยเฟยครั้งหนึ่ง แล้วมันก็ดูเหมือนว่าเขาจะสนใจขนอุยมาก ซึ่งการเดินทางมาในครั้งนี้ก็เป็นเพราะเขาต้องการที่จะมาเน้นย้ำวันเวลาที่พวกเขาได้ตกลงกันเอาไว้
แอวริลยังไม่รู้เรื่องที่เซี่ยเฟยจะต้องเดินทางไปยังดินแดนของผู้ใช้กฎ และถึงแม้ว่าช่วงเวลาที่เธอได้อยู่กับเซี่ยเฟยจะเรียบง่ายแต่มันก็ไม่ได้ขาดความตื่นเต้น เธอจึงใช้เวลาในทุก ๆ วันไปราวกับการเสพน้ำผึ้งพระจันทร์จนทำให้เธอมึนเมาไปกับความสุขชนิดที่ไม่มีทางรู้ลืม
เซี่ยเฟยอยากจะบอกกับแอวริลเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนว่าเขากำลังจะต้องเดินทางไปยังดินแดนอันไกลแสนไกล แต่ทุกครั้งที่เขาได้เห็นรอยยิ้มของเธอ เขาก็ไม่สามารถที่จะพูดอะไรออกมาได้ จนกระทั่งเวลาได้ผ่านพ้นไปเหลือเพียงแค่ 3 เดือนก่อนที่เขาจะต้องออกเดินทาง
—
แวมไพร์เดินทางไปยังบริเวณขอบชายแดนของภูมิภาคดาวเหวทมิฬอีกครั้ง และเมื่อสะพาน เชื่อมต่อของยานทั้งสองลำได้เชื่อมเข้าหากัน วอร์สตาร์ก็เดินมาหาเซี่ยเฟยพร้อมกับสร้อยหินมัวร์ที่อยู่ในมือ
เซี่ยเฟยสวมสร้อยหินมัวร์กลับไปไว้ที่คอของเขาอีกครั้ง ก่อนที่จะได้พบกับอันธที่ไม่ได้เจอหน้ากันเป็นเวลากว่า 2 ปี แน่นอนว่าเพื่อนเก่าอย่างพวกเขาย่อมมีเรื่องต่าง ๆ ให้พูดคุยกันอย่างมากมาย แต่พวกเขาก็ยังไม่รีบร้อนเพียงแต่จ้องหน้ากันอย่างเงียบ ๆ เท่านั้น
“นี่คือระบบเรดาร์แบล็คแบทที่พวกเราได้ช่วยกันพัฒนาอย่างสุดกำลัง แล้วฉันยืนยันได้ว่ามันไม่มีใครสามารถสอดแนมระบบเรดาร์นี้ในระหว่างการสื่อสารได้ ฉันเชื่อว่าแม้คุณจะต้องเดินทางไปยังดินแดนของผู้ใช้กฎ แต่มันก็น่าจะสามารถติดต่อกลับมาหาพวกเราได้เหมือนเดิม”
วอร์สตาร์กล่าวก่อนที่เขาจะวางกล่องโลหะ 3 กล่องให้กับเซี่ยเฟย โดยกล่องแต่ละกล่องได้บรรจุเรดาร์แบล็คแบทรุ่นปรับปรุงใหม่เอาไว้ ซึ่งเรดาร์ในรุ่นปัจจุบันนี้ก็เป็นระบบเรดาร์รุ่นที่โซฟีพยายามพัฒนาอย่างสุดกำลังแล้ว
ระบบเรดาร์รุ่นใหม่ไม่ได้มีรูปร่างขนาดใหญ่เทอะทะอีกต่อไป ซึ่งมันก็จำเป็นจะต้องใช้เพียงแค่หัวใจจักรวาลสีม่วงเป็นแหล่งพลังงาน ไม่จำเป็นจะต้องนำไปติดตั้งในระบบของยานที่ซับซ้อน
ปัจจุบันระบบเรดาร์แบล็คแบทรุ่นใหม่มีเพียงแค่ 4 ชุดเท่านั้น ซึ่งโซฟีได้เก็บเอาไว้ 1 ชุด, เซี่ยเฟยได้เก็บติดตัวเอาไว้หนึ่งชุด ส่วนอีก 2 ชุดที่เหลือเซี่ยเฟยก็ตัดสินใจที่จะมอบให้ชาร์ลีกับแอวริล
หลังจากพูดคุยกันสักพักวอร์สตาร์ก็กล่าวคำอำลา ก่อนที่เขาจะขับยานเข้ารูหนอนแล้วจากไป
หลังจากนั้นเพื่อนเก่าทั้งสองคนก็นั่งเคียงข้างกันบนโซฟา ซึ่งในปัจจุบันอันธดูไม่แตกต่างไปจากเมื่อ 2 ปีก่อนมากนัก แต่ภายในแววตาของเขากลับดูมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
“ช่วงที่ฉันไม่อยู่เป็นยังไงบ้าง?” อันธถามด้วยรอยยิ้ม
“ฉันไม่รู้ว่าทำไมกรงเล็บภูติโลหิตถึงยังไม่เติบโตให้เก็บเกี่ยวได้สักที หงส์ครามก็ยังคงอยู่เหนือเกินกว่าการควบคุมของฉัน แม้แต่พลังของฉันก็ถูกหยุดเอาไว้ที่ระดับลีเจนด์ ซึ่งไม่ว่าฉันจะพยายามทำอะไรในช่วง 2 ปีนี้แต่ฉันก็ไม่สามารถที่จะเพิ่มระดับเกินกว่าระดับลีเจนด์ได้อีกแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าว
การที่นักสู้ไม่สามารถพัฒนาพลังเพิ่มขึ้นจากเดิมได้ถือได้ว่าเป็นความเจ็บปวดที่ไม่สามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้จริง ๆ เซี่ยเฟยในตอนนี้แทบจะไม่มีความแตกต่างจากเซี่ยเฟยเมื่อ 2 ปีที่แล้ว และถึงแม้ว่าเขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษารอยยิ้มต่อหน้าของแอวริล แต่ภายในใจของเขากลับมีความกดดันค่อย ๆ สะสมเพิ่มมากขึ้นไปเรื่อย ๆ
เป็นไปได้ไหมว่าตอนนี้อัจฉริยะผู้เปิดพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ได้อย่างสมบูรณ์จะกลายเป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่เดินทางมาจนถึงทางตันแล้ว เพราะไม่ว่าเขาจะพยายามใช้วิธีไหนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่เขาก็ไม่สามารถที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองได้เลยแม้แต่นิดเดียว
***************