บทที่ 76 - ไทต์ที่กลับมา
ได้โปรดมาติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 76 - ไทต์ที่กลับมา
"ไม่!"
คูลเลอร์กรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก แต่ไม่สามารถหยุดหลินเฉินไม่ให้เข้ามาใกล้ได้เลย
เมื่อเห็นสิ่งนี้ คูลเลอร์ก็กัดฟันและใช้พลังงานทั้งหมดของเขาเพื่อควบแน่นลูกบอลพลังงาน ก่อนที่จะโยนมันลงไปเบื้องล่างเขา
ลูกบอลพลังงานมีพลังงานเพียงพอที่จะทำลายดาวเคราะห์ เมื่อเห็นเช่นนี้ หลินเฉินที่กำลังไล่ตามเขาอยู่ก็ได้แต่ขมวดคิ้วและหันหลังกลับ ก่อนที่จะบินไปหาลูกบอลพลังงาน
หลินเฉินปรากฏตัวเบื้องหน้าลูกบอลพลังงานโดยไม่มีการป้องกันใดๆ ทันที เขาตะโกนออกมาเสียงดังและโล่พลังงานสีเหลืองเขียวก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาเพื่อป้องกันการโจมตีที่กำลังจะเข้ามปาะทะ
พลังงานที่น่าสะพรึงกลัวได้ระเบิดออกมา ซึ่งเพียงพอที่จะทำลายดาวเคราะห์ได้ทันที
ตู้ม!
พลังงานอันยิ่งใหญ่และน่าสะพรึงกลัวกระจายออกไปในทุกทิศทาง ลูกบอลพลังงานกลายเป็นเปลวไฟขนาดใหญ่ ซึ่งพุ่งสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าเป็นพันๆ เมตร
เมฆด้านบนถูกกวาดออกไปในทันที และระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นก็แผ่กระจายออกไปทั่วพื้นที่
ในขณะนี้ ดาวเคราะห์ทั้งดวงดูเหมือนกำลังจะสั่นสะเทือนเล็กน้อย!
คูลเลอร์บินเข้าไปในยานอวกาศของเขาและเมื่อเท้าของเขาถึงยาน เขาก็สั่งว่า: "รีบออกไป! บินหนีไปทันทีด้วยความเร็วสูงสุด!”
"อะไรนะขอรับ? ราชาคูลเลอร์ เครื่องยนต์ของยานอวกาศยังไม่อุ่นเครื่องการบินเลย ด้วยความเร็วสูงอาจทำให้เครื่องยนต์ระเบิดได้นะขอรับ…”
นักบินมนุษย์ต่างดาวหันกลับมาและเตือนเขา
แต่ทันทีที่เขาพูดจบ ลำแสงก็พุ่งทะลุศีรษะของเขาไป
คูลเลอร์พูดออกมาด้วยความโกรธ: “มีใครอยากพูดอะไรไร้สาระอีกบ้าง! ออกไปจากที่นี่ด้วยความเร็วสูงสุดเดี๋ยวนี้!”
ในเวลานี้ ควันบนพื้นผิวของดาวเคราะห์ได้หายไปแล้ว ส่วนหลินเฉินกำลังยืนอยู่กลางอากาศ
เขามองขึ้นไปและเห็นยานอวกาศของคูลเลอร์มุ่งหน้าออกไปจากชั้นบรรยากาศ เขายกมือขึ้นสูงพร้อมกับค่อยๆ เคลื่อนมันไปที่เอวของเขาและทำท่าเหมือนกับกำลังใช้พลังคลื่นเต่า
“คา…เม…คา…”
ครู่ต่อมา หลินเฉินก็เคลื่อนย้ายไปด้านหลังยานอวกาศของคูลเลอร์และผลักมือทั้งสองข้างของเขาไปข้างหน้า
"เม….ฮ่า!"
คลื่นพลังงานสีทองหนาแน่นได้กลืนกินยานอวกาศของคูลเลอร์ไปป
แต่เกือบจะในเวลาเดียวกันกับที่หลินเฉินทำการเคลื่อนย้ายมา ยานอวกาศของคูลเลอร์ก็หายไปจากที่นั่นทันเวลาพอดี!
“ข้าช้าไปหนึ่งก้าวงั้นหรือ? ช่างมันเถอะ”
เมื่อเห็นว่าคูลเลอร์หลบหนีไปแล้ว หลินเฉินก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้และหันบินกลับไปที่ยานอวกาศของไซย่า ตอนนี้เขาไม่มีเวลาแล้ว แต่เขาจำเป็นต้องให้ความรู้แก่ฮานาเซียอย่างถูกต้องเสียก่อน
ทั้งหมดเป็นเพราะนางที่ทำให้เขาพลาดการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ระดับโลกในครั้งนี้
หากเขาดูแลนางไม่ถูกต้อง มันคงยากที่จะขจัดความขุ่นเคืองในใจของเขาไปได้
……
ในเวลาเดียวกัน ณ อวกาศรอบนอกที่อยู่ไม่ไกลจากดาวเคราะห์อิฟริต มากนัก ยานอวกาศที่เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วของคูลเลอร์ก็หยุดลง
มีเสียงสัญญาณเตือนสีแดงแสบแก้วหูดังก้องไปทั่วภายในยานอวกาศ
คูลเลอร์ที่สงบลงยืนนิ่งอยู่ตรงกลางห้องบัญชาการของยานอวกาศ
“ท่านคูลเลอร์ เครื่องยนต์ของยานอวกาศเสียและต้องใช้เวลาในการซ่อมแซม” เซาเซอร์เข้ามารายงานตัว
“อืม” คูลเลอร์ตอบกลับแล้วถามว่า “เซาเซอร์ เกิดอะไรขึ้นกับฐานข้อมูลของอิฟริต?”
อิฟริทได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดในจักรวาล แม้ว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาจะไม่ได้อยู่ในสายตาของคูลเลอร์ แต่ก็มีฐานข้อมูลบนดาวของพวกเขาที่ได้รับการเก็บรักษาไว้เป็นเวลาหลายพันปี ซึ่งถือได้ว่าเป็นบันทึกความลับมากมายของจักรวาล
คูลเลอร์ส่งคนของเขาไปโจมตีดาวเคราะห์อิฟริตเพื่อฐานข้อมูลนั้น ทั้งหมดเพื่อหาวิธีเพิ่มความแข็งแกร่งของเขา
“การวิเคราะห์ได้เริ่มขึ้นแล้ว ช่างเทคนิคกำลังมองหาข้อมูลในฐานข้อมูลที่อาจเกี่ยวข้องกับการเพิ่มความแข็งแกร่งขอรับ”
เซาเซอร์หยุดชั่วคราวและพูดว่า “ว่าแต่ท่านคูลเลอร์ ข้าได้ยินจากช่างเทคนิคว่าพวกเขาพบดาวเคราะห์ที่น่าสนใจในฐานข้อมูลด้วย ดาวเคราะห์ดวงนี้ถูกระบุว่าเป็นพื้นที่หวงห้ามสำหรับสิ่งมีชีวิตของชาวอิฟริต”
"โอ้? ดาวเคราะห์ดวงนั้นมีชื่อเรียกว่าอะไร?”
“ขอตอบนายท่าน ดาวดวงนี้มีชื่อว่า ทวารดวงดาวยักษ์(บิ๊กเก็ตสตาร์) ตามบันทึกของอิฟริต ว่ากันว่าปีศาจที่เคยทำลายอารยธรรมเทคโนโลยีโบราณนับไม่ถ้วนได้ถูกผนึกอยู่ภายใน”
ปัง!
หางของคูลเลอร์กระแทกกับตัวยาน
“เซาเซอร์ หลังจากที่ยานอวกาศได้รับการซ่อมแซมแล้ว สั่งให้มุ่งหน้าไปยังทวารดวงดาวยักษ์”
“ขอรับท่านคูลเลอร์!”
……
ข้อผิดพลาดทุกอย่างเกิดเพราะอาการท้องอืดท้องเฟ้อ
หลังจากที่หลินเฉินกลับไปที่ยานอวกาศของชาวไซย่า เดิมทีเขาวางแผนที่จะสั่งสอนฮานาเซีย แต่ทันทีที่เขาเห็นฮานาเซีย นางก็เริ่มร้องไห้และโยนตัวเข้าไปในอ้อมแขนของหลินเฉิน
“ฝ่าบาท ข้าไม่ได้ท้องนะ!”
“แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้ตั้งครรภ์ ก็ไม่เป็นไรหรอก ว่าแต่เป็นเรื่องใหญ่อะไรหรือเปล่า?”
“แต่ข้าอยากตั้งท้องลูกของฝ่าบาทจริงๆ นะ!”
“ไม่เป็นไร ในอนาคตเราก็มาพยายามกันอีกเถอะ”
"ได้เลยฝ่าบาท! ถ้าอย่างนั้นฝ่าบาท เรามาเริ่มกันเลยเถอะ!”
ทันทีที่นางได้ยิน ฮานาเซียก็ไม่สนใจเลยว่าพวกเขาสองคนอยู่ในห้องพยาบาลและรีบวิ่งไปหาหลินเฉิน
เพราะเขามาเล่นกับฮานาเซีย หลินเฉินจึงพลาดการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ของโลกครั้งที่ 21
เมื่อรู้ว่าถึงเขาจะกลับมาที่โลกตอนนี้ เขาก็อาจจะไม่สามารถดูการแข่งขันได้ทัน หลินเฉินจึงยอมแพ้ที่จะกลับไปที่โลกในขณะนี้แล้ว นอกจากนี้ เขาเองก็เตรียมที่จะทุ่มเทพลังงานทั้งหมดของเขาในการฝึกจิตใจของเขาด้วย
ซึ่งเขาเองก็มีแผนจะฝึกบาร์ดัคอีกคน
ในฐานะนักรบชาวไซย่าที่ระดับพลังปกติ ตอนนี้เขาเป็นรองแค่หลินเฉินเท่านั้น ในที่สุดความแข็งแกร่งของบาร์ดัคก็ทะลุ 1 ล้านจุด หลังจากที่หลินเฉินปลดล็อกศักยภาพของเขาให้
จากการสังเกตของหลินเฉิน เซลล์ S ในร่างกายของเขามีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดอยู่แล้ว ตราบใดที่เขาฝึกฝนมากขึ้น บาร์ดัคอาจกลายเป็นซูเปอร์ไซย่าคนที่สามบนดาวเคราะห์เบจิต้าถัดจากฮานาเซีย
ซึ่งเมื่อมีซูเปอร์ไซย่าคนที่สามบนดาวเคราะห์เบจิต้า หากพวกเขาพบเหตุการณ์เช่นนี้บนดาวเคราะห์อิฟริตอีก หลินเฉินอาจจะไม่ต้องช่วยพวกเขาทุกครั้งเลย
นั่นเป็นเหตุผลที่หลินเฉินตั้งใจที่จะต้องฝึกพวกเขาเป็นการส่วนตัว
ในขณะเดียวกัน ณ โลก
เช่นเดียวกับในเนื้อเรื่องต้นฉบับ การแข่งขันศิลปะการต่อสู้บนโลกจบลงด้วยการประลองระหว่างโกคูและผู้เฒ่าเต่า ซึ่งใช้นามแฝงว่าแจ็คกี้ชุน
ผลของการประลองยังคงเป็น ผู้เฒ่าเต่าที่ชนะอย่างลากเลือด
ผู้เฒ่าเต่าที่คิดว่าตัวเองไม่มีอะไรจะสอนโกคูก็แนะนำให้โกคูเริ่มฝึกด้วยตัวเอง
ในเวลานี้ บูลม่าเผลอพูดถึงหอคอยคารินและวังพระเจ้าที่นางเคยไปกับหลินเฉินเมื่อตอนที่นางยังเป็นเด็ก ซึ่งทำให้โกคูตัวน้อยอยากไปมาก เขาวางแผนที่จะหาลูกบอล 4 ดาวของปู่ ก่อนที่จะไปฝึกที่นั่น
แต่ระหว่างทาง โกคูก็ถูกโจมตีโดยกองทัพโบว์แดงที่กำลังตามหาลูกแก้วมังกร พวกเขาจึงเริ่มการต่อสู้เพื่อลูกแก้วมังกรกับกองทัพโบว์แดง
ขณะที่โกคูตัวน้อยกำลังทะลุผ่านหอคอยมัซเซิ่ลไป ณ ที่ไหนสักแห่งในเมืองตะวันตก ทันใดนั้นเด็กสาวผมทองก็ปรากฏตัวขึ้นบนถนน
"อ่า! ในที่สุดข้าก็กลับมาแล้ว!”
ไทต์ยืดบิดขี้เกียจและมองไปที่สภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยด้วยความตื่นเต้น แต่นางก็ไม่ได้สังเกตเลยว่าคนที่เดินผ่านไปมารอบๆ กำลังมองมาที่นางด้วยสายตาประหลาดใจ
“นี่ นี่ ผู้หญิงคนนั้นจู่ๆ ก็โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ เห็นหรือเปล่า?”
“น…นางเป็น…ผีไหม?”