บทที่ 12 เหตุใดเจ้าหมอนั่นจึงได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดินีเพียงคนเดียวกัน?
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 12 เหตุใดเจ้าหมอนั่นจึงได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดินีเพียงคนเดียวกัน?
“นอกจากนี้ เรายังตัดสินใจให้เจ้าสามารถเข้าร่วมราชสำนักเช้าในช่วงรุ่งสางได้ทุกวัน!” เหล่าข้าราชการตกใจอีกครั้งและหันไปมองหลินเป่ยฟาน
ถ้าก่อนหน้านี้พวกเขาแค่อิจฉาและเกลียดเขา คราวนี้พวกเขาแค้นและริษยาจนแทบจะเป็นบ้า!
พวกเจ้ารู้ไหมว่าราชสำนักในช่วงรุ่งสางคืออะไร?
มันเป็นศูนย์กลางของอำนาจประเทศ!
การรวมตัวกันของเหล่าข้าราชการที่พูดคุยเกี่ยวกับกิจการของชาติ ตัดสินชะตากรรมของประเทศ!
โดยปกติแล้ว จะมีเฉพาะเสนาบดีที่สำคัญที่มีระดับสามขึ้นไปเท่านั้นที่มีโอกาสมาที่นี่เป็นประจำ ข้าราชการที่มีตำแหน่งต่ำกว่าระดับสามจะมาที่นี่ได้ ก็ต่อเมื่อถูกเรียกโดยจักรพรรดินีเท่านั้น
ส่วนข้าราชการชั้นผู้น้อย การได้เข้าไปในราชสำนักช่วงรุ่งสางถือเป็นบุญตาอย่างมาก
หลินเป่ยฟานสามารถไปที่ราชสำนักช่วงรุ่งสางได้หลายครั้ง เพียงเพราะเรื่องที่เขาทำในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง
ยิ่งไปกว่านั้น การเข้าร่วมราชสำนักช่วงรุ่งสางไม่เพียงแต่เป็นเกียรติอย่างยิ่ง แต่ยังเป็นโอกาสที่หาได้ยากอีกด้วย
เพราะกิจการทั้งหมดของประเทศจะถูกดำเนินในที่นี่
การอยู่ที่นี่จะทำให้เขาเข้าใกล้ศูนย์กลางอำนาจมากขึ้น
หากมีนโยบายใดๆ ที่ประกาศจากที่นี่ในอนาคต เขาจะเป็นคนแรกที่รู้
ยิ่งไปกว่านั้น จักรพรรดินีแห่งราชวงศ์อู่ผู้ยิ่งใหญ่ก็อยู่ที่นี่ด้วย
เขาสามารถพบนางได้บ่อยๆ อีกทั้งยังสามารถแสดงความคิดเห็นและมีอิทธิพลต่อนโยบายระดับชาติได้
หากทำผลงานได้ดี ก็สามารถเพลิดเพลินกับความเมตตาของจักรพรรดินีและได้รับการเลื่อนตำแหน่งอีก
มีผลประโยชน์อยู่มากมาย
ทุกคนอดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะและถอนหายใจออกมา หลินเป่ยฟานมีโชคแบบไหนกัน?
เหตุใดเจ้าหมอนั่นจึงได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดินีเพียงคนเดียว?
ในเวลาเพียงสองวัน เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งที่มีค่าตอบแทนสูงอย่างผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษา และได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมราชสำนักช่วงรุ่งสางทุกวัน...
ราวกับอุกกาบาตที่กำลังพุ่งขึ้น!
ในเวลานี้ หลินเป่ยฟานก็ประหลาดใจมากเช่นกัน เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าจักรพรรดินีจะ “โปรดปราน” เขามากนัก ซึ่งทำให้เขารู้สึกคล้ายกับกำลังท่วมท้นไปด้วยความรัก
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ทำอะไรที่สำคัญเลยนะ แค่ค้นหาไปตามเรือนเท่านั้นเอง
เป็นไปได้ไหมว่านางชอบเขา?
หลินเป่ยฟานอดไม่ได้ที่จะสัมผัสใบหน้าของตน ราวกับว่าความหล่อเหลาของเขากำลังเข้าสู่ยุคทอง คล้ายกับห้วนกุ๋ยและซงหยู่ เขาขอให้คะแนนความหล่อของตนเองเพิ่ม 10 แต้ม
อืม เป็นไปได้มากทีเดียว!
จักรพรรดินีอาจจะชอบเขาจริงๆ!
จักรพรรดินีช่างเด็กน้อยกว่าที่เขาคิดไว้นัก!
หลังจากถอดเสื้อคลุมของจักรพรรดินีแล้ว นางก็คงเป็นเพียงสตรีธรรมดาคนหนึ่งและถูกครอบงำด้วยความหล่อเหลาอันเอาการของข้า!
บางครั้งการดูดีเกินไปก็เหมือนกับการนอกใจ ช่างแย่เหลือเกินที่ข้ามิอาจควบคุมเสน่ห์ของข้าเอาไว้ได้!
เมื่อเห็นท่าทางประหลาดใจของหลินเป่ยฟาน จักรพรรดินีก็พอใจมาก 'ยามนี้ข้าจะอนุเคราะห์เจ้าและข้าจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อส่งเสริมและยกระดับเจ้า เพื่อให้เจ้ารู้สึกถึงความเอื้ออาทรของจักรพรรดินีและความเมตตากรุณาของจักพรรดินีแห่งสวรรค์ เช่นนั้นเจ้าก็จงรับใช้ข้าอย่างสุดหัวใจเสีย!'
“ท่านหลิน ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง!” จักรพรรดินียิ้มและให้กำลังใจเขา
“ข้ารับใช้ของท่านจะไม่ละทิ้งความพยายามและพร้อมจะอุทิศจนตัวตาย!”
หลินเป่ยฟานโค้งคำนับและตะโกนออกมาอย่างเคร่งขรึม "ดีมาก!"
จักรพรรดินีหัวเราะ “มีใครในพวกท่านมีข้อโต้แย้งหรือไม่?”
เหล่าเสนาบดีมองหน้ากัน พวกเขาจะคัดค้านอะไรได้บ้างเล่า? จักรพรรดินีแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่านางต้องการส่งเสริมข้าราชการคนใหม่ที่ได้คะแนนสูงสุด หลินเป่ยฟาน และถ้าพวกเขาต่อต้านนาง พวกเขาก็คงจะเป็นพวกเขลาเบาปัญญาแล้ว
เขาเป็นเพียงข้าราชการชั้นผู้น้อยระดับหก ไม่ได้มีนัยสำคัญอะไร ดังนั้นการที่เขาเลื่อนตำแหน่ง จึงไม่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวมหรอก!
“ฝ่าบาททรงพระปรีชาสามารถ!” ข้าราชการทุกคนตะโกนออกมา
"ดี! ในเมื่อท่านหลินเพิ่งกลายเป็นข้าราชการที่ได้คะแนนสูงสุดและเพิ่งได้เลื่อนระดับ ต่อจากนี้คงจะยุ่งมากกว่าเดิมเล็กน้อย! ด้วยเหตุนี้ข้าจะให้วันหยุดแก่ท่านเพิ่มสองสามวัน! สามวันต่อถัดมา ท่านจะต้องไปที่สถาบันแห่งชาติเพื่อเริ่มปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นทางการ!” จักรพรรดินียิ้มออกมา
“ขอบคุณฝ่าบาท ขอบคุณองค์จักรพรรดินี!” หลินเป่ยฟานตอบกลับไปอย่างมีความสุข
ทันทีที่การพูดคุยในราชสำนักสิ้นสุดลง หลินเป่ยฟานก็ออกไป วันรุ่งขึ้น เขาถอดเสื้อผ้าทางการและสวมเสื้อคลุมสีขาวที่สะอาดและเรียบง่าย จากนั้นเขาก็เดินออกไปตามถนนอย่างตื่นเต้นราวกับนายน้อย บอกตามตรง ตั้งแต่เขาข้ามมาต่างโลก เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในการศึกษาและเตรียมตัวสำหรับการสอบของจักรพรรดิ ทำให้เวลาว่างมีน้อยมาก
ตอนนี้เขากลายเป็นผู้ทำคะแนนสูงสุดในการสอบข้าราชการ ระบบของเขาจึงถูกเปิดใช้งาน ซึ่งทำให้เขาได้รับความแข็งแกร่งมามากมายจนเขาไม่ต้องกังวลอะไรเลย ด้วยเหตุนี้เขาจึงคิดจะใช้ประโยชน์จากสามวันนี้ เพื่อทำการสำรวจเมืองหลวงและพักผ่อนไปด้วย
ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางของราชวงศ์อู๋ที่ยิ่งใหญ่ เมืองหลวงแห่งนี้มีประชากรหนาแน่นและคึกคัก ผู้คนและยานพาหนะไหลเวียนไปมาอย่างต่อเนื่องบนท้องถนนสายหลัก และร้านค้าเองก็เรียงรายไปตามถนนด้วย สร้างบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาเป็นอย่างยิ่ง
ทว่าที่มีชีวิตชีวายิ่งกว่าคือการพูดคุยกันของผู้คนต่างหาก
หูของหลินเป่ยฟานผงกขึ้นขณะที่เขาเดินเข้าไปใกล้มุมหนึ่งที่กลุ่มคนกำลังพูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวา
ชายชราคนหนึ่งกำลังพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น: “ขอบอกเลยว่าผู้กล้าราตรีเป็นคนที่ยอดเยี่ยมที่สุด! เมื่อคืนก่อน เขาแจกจ่ายเงินอีกครั้งแล้ว รู้ไหมว่าข้าได้มากเท่าไร? ฮ่าฮ่าฉัน ข้าเหรียญเงินแปดตำลึงและตอนนี้ชีวิตของข้าดีขึ้นมากแล้ว!”
“ใช่เลย ผู้กล้าราตรีเป็นคนที่ดีมาก! ข้าได้รับบาดเจ็บที่หลังและต้องการเงินเพื่อซื้อยา แต่เมื่อข้าตื่นขึ้นมาในยามเช้าวันนี้ ข้าก็พบเหรียญทองชิ้นหนึ่งบนโต๊ะข้างเตียงของข้าและมันก็พอดีกับค่ายาข้าพอดี! ขอบคุณท่านผู้กล้าราตรี! ฮ่าฮ่า!”
“ข้าเองก็หวังว่าจะมีคนดีอย่างเขาเพิ่มอีก!”
“คนดีอะไรกัน? ข้าว่าผู้กล้าราตรีไม่ใช่มนุษย์ด้วยซ้ำ เขาเป็นพระโพธิสัตว์ที่ยังมีชีวิตอยู่ต่างหาก! ไม่เช่นนั้นเขาจะมีจิตใจที่เมตตาเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”
“เจ้าพูดถูก เขาเป็นพระโพธิสัตว์ที่ยังมีชีวิตอยู่! พระโพธิสัตว์ผู้ยังมีชีวิต!”
หลินเป่ยฟานฟังพวกเขาพูดกันอย่างมีความสุข เพราะพวกเขากำลังพูดถึงเขาในฐานะ “ผู้กล้าราตรี”
สรรเสริญข้าอีก สรรเสริญมากเท่าที่พวกเจ้าต้องการเลย ข้าไม่รังเกียจอยู่แล้ว!