นักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 39
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 39
“เฮ้อ…”
หลังจากแสดงจังหวะสายน้ำทั้ง12ท่าแล้ว ราอนก็ถอนหายใจออกเบาๆ
‘ถือว่าทำได้ดีเลย’
ร่างกายของเขาเคลื่อนไหวตามที่เขาคิดได้ทุกอย่าง ทั้งกระแสการไหลและท่าทางล้วนเป็นอย่างที่เขาต้องการ
ดูเหมือนว่าการใช้'วงแหวนแห่งไฟ'เพื่อทำความเข้าใจกระแสการไหลของมันก่อนที่จะลองเคลื่อนไหวร่างกายจะเป็นความคิดที่ดี
“หืม?”
คิ้วของราอนเลิกขึ้น สนามฝึกซ้อมที่ควรจะมีเสียงดังเพราะทุกคนกำลังทำการฝึกจังหวะเท้าของตัวเองกลับเงียบฉี่เหมือนกับอยู่ในห้องสมุด
ราอนรู้สึกได้ถึงสายตาแปลกๆ ที่จ้องมองเขาจากด้านหลังจึงหันไปมอง
"บ้าไปแล้ว…"
“นั่น…?”
เบอร์เรนและมาร์ธาต่างก็อ้าปากค้างอย่างเสียสติ รูนันกำลังโบกมือมาทางเขา เขาอ่านปากของรูนันที่กำลังขมุบขมิบแล้วดูเหมือนรูนันจะอยากให้เขาไปสอนท่าทางให้เธอ
คนที่ดูตกใจไม่ได้แค่มีแค่พวกเขาเท่านั้น ยังมีเหล่าผู้ฝึกฝนและผู้ฝึกสอนคนอื่นๆ ที่เบิกตากว้างจนดวงตาแทบจะถลนออกมา
“ทำไมเธอ…?”
“ราอน”
ราอนได้ยินเสียงคนเรียก เมื่อหันกลับไปเขาก็เจอกับริมเมอร์ที่มายืนตรงหน้าเขา
“เธอรู้จักจังหวะสายน้ำมาก่อนไหม?”
ดวงตาสีเขียวของเขาวูบไหวเบาๆ ราวกับสายพิณที่ถูกดีดเขารู้สึกประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่ครับ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้รู้จัก”
มันอาจจะคล้ายคลึงกับฝีเท้าเงาที่เขาได้เรียนรู้ในชีวิตก่อน แต่เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับจังหวะสายน้ำมาก่อนเลยด้วยซ้ำ
“แล้วเธอ...”
ริมเมอร์ยังพูดไม่จบแต่ราอนก็รู้ได้เลยว่าเขาอยากจะถามอะไร
“ผมจะอธิบายยังไงดีล่ะ…”
ราอนยิ้มออกมาเล็กน้อยและเกาคอของเขา
“ผมอ่านการไหลได้”
“อ่านการไหลเหรอ?”
"ใช่แล้วครับ ตอนที่อาจารย์สาธิตจังหวะเท้านั้นผมก็สังเกตเห็นการไหลของมันได้ก่อนที่จะเห็นท่าทางและลำดับของมันซะอีก”
จังหวะสายน้ำมีความคล้ายกับฝีเท้าเงาที่เขาเคยใช้ในชีวิตก่อน เขาเลยสามารถเรียนรู้มันได้อย่างง่ายดาย
“ผมมองเห็นป่าก่อนที่จะมองเห็นต้นไม้ นั่นคือวิธีที่ผมทำความเข้าใจมัน”
"โห สุดยอดเลย”
ริมเมอร์จับหัวของตัวเองแล้วอุทานออกมา ดูเหมือนเขาจะพูดไม่ออกอีกแล้ว
“ฉันคิดว่าคงต้องใช้เวลากันอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ซะอีก”
ริมเมอร์พึมพำ เขาไม่คิดว่าจังหวะเท้าที่เขาตามหามาอย่างยากลำบากอันนี้จะมีคนที่สามารถทำตามได้ง่ายขนาดนี้
“ขอโทษครับ”
“ไม่ๆ ไม่มีอะไรให้เธอต้องขอโทษหรอก ฉันแค่ตกใจนิดหน่อยน่ะ”
“อ่า…”
ราอนแอบเลียริมฝีปากของเขา
'ฉันทำมันได้เร็วเกินไปเหรอ?'
เขารู้สึกตื่นเต้นมากในตอนที่เขาได้เห็นจังหวะเท้า ดังนั้นเขาถึงรีบร้อนที่จะทำมันให้ได้ เขาไม่คิดว่าริมเมอร์จะตกใจขนาดนี้
'จริงๆ แล้วฉันก็ค่อนข้างมั่นใจในจังหวะเท้าของตัวเองในชาติก่อนอยู่แล้ว'
ความเก่งกาจโดยรวมในฐานะนักฆ่าของเขาอาจจะเทียบไม่ได้กับคนที่ช่ำชอง แต่กับเรื่องจังหวะเท้าแล้วนั้นเขาคิดว่าเขาทำได้ดีไม่แพ้ผู้เชี่ยวชาญ
ประหลาดใจกับการก้าวเดินธรรมดาเนี่ยนะ… มนุษย์ช่างน่าสมเพชจริงๆ หากย้อนกลับในตอนที่ข้ายังอาศัยอยู่ในอาณาจักรปีศาจ ราชาแห่งแก่นแท้ได้สร้าง’ก้าวแห่งบุปผาน้ำแข็ง’ ที่ใช้เพียงก้าวเดียวก็สามารถแช่แข็งทั้งภูเขาและมหาสมุทรได้...
'อ้อ โอเค'
ราอนไล่ราธซึ่งจู่ๆ ก็เริ่มโอ้อวดเกี่ยวกับตัวเองออกไป
“อะแฮ่ม”
ริมเมอร์กระแอมในลำคอ และหันหลังกลับไปโดยเอามือไพล่ไว้ที่หลัง
“เอาล่ะ แน่นอนว่าเธอทำได้ดีมากสำหรับครั้งแรก แต่ท่าทางของเธอยังขาดๆอยู่ การไหลดูดีแล้ว แต่ร่างกายยังไม่ถูกทั้งหมด เธอจะไปให้ใครช่วยก็ได้นะแต่ยกเว้นฉัน”
“รับทราบครับ”
ราอนพยักหน้าแล้วหมุนตัวกลับไป แน่นอนว่าเขารู้ว่าเขาสามารถทำได้ดีกว่านี้อีกมาก นี่เป็นแค่ครั้งแรกเอง
"ฮะ!"
“ร-เราต้องสอนเขาเหรอ?”
“ฉันว่าเขาทำได้ดีกว่าฉันอีก…”
ผู้ฝึกสอนส่ายหัวและพากันคิ้วขมวดหน้าย่นไปหมด
* * *
* * *
หลังจากฝึกจังหวะสายน้ำ มาร์ธาก็ออกจากสนามฝึกไปพร้อมกับคาเมล
“ท่าทางพวกนั้นค่อนข้างดูดีเลยนะครับ”
คาเมลยิ้มให้มาร์ธา
“มันเป็นท่าพื้นฐานของจังหวะเท้าอื่นๆอีกทีน่ะ ฉันควรจะตั้งใจทำมันให้ถูกต้อง”
"เข้าใจแล้วครับ"
มาร์ธาพยักหน้าเบาๆ และเดินไปทางอาคารหลัก
“คุณหนูครับ มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?”
คาเมลรู้สึกเหมือนเธอแตกต่างไปจากปกติ เขาจึงขึ้นมาเดินข้างเธอ
“เฮ้อ…”
มาร์ธาที่เคยอยู่เงียบๆ ก็หันหน้ามาขมวดคิ้ว
“การเรียนรู้จังหวะเท้ามันยากแค่ไหนเหรอ?”
“อืม…จังหวะเท้าอันนี้เป็นแค่ขั้นพื้นฐานแน่นอนก็จริงครับ แต่การเรียนรู้มันก็ไม่น่าง่ายเลย กระแสของมันค่อนข้างซับซ้อน…”
คาเมลหลับตาลงครู่หนึ่งก่อนตอบกลับ
“แต่คุณหนูของผมมีพรสวรรค์อยู่แล้วครับ น่าจะใช้เวลาไม่เกินสามวันก็เข้าใจการไหลของมันได้”
"สามวัน? ไอ้เวรนั่น…”
อยู่ๆมาร์ธาก็สบถออกมาพร้อมกับทำสีหน้าตกตะลึง
"คุณหนู?"
“แล้วเป็นไปได้ไหมที่ผู้ฝึกฝนจะเลียบแบบมันได้ในครั้งเดียว?”
“เป็นไปไม่ได้หรอกครับ ถ้าเป็นนักรบที่พอมีฝีมือก็อาจจะพอทำได้หรอก แต่ผู้ฝึกฝนนั้นขาดทั้งทฤษฎี ความรู้ และประสบการณ์ พวกเขาได้รู้จักศิลปะการต่อสู้มาแค่ผิวเผิน”
“แต่มีคนทำได้แล้วนะ…”
"อะไรนะครับ? คุณหนูหมายความว่า…?”
ดวงตาของคาเมลเบิกกว้าง
'เป็นไปแล้วงั้นเหรอ?'
แม้ว่าท่าทางของจังหวะสายน้ำจะค่อนข้างธรรมดา แต่ต้องใช้เวลานานถึงจะเข้าใจการไหลของมัน
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีผู้ฝึกฝนที่เข้าใจมันได้ในทันที เว้นแต่ว่าเขาจะเป็นสัตว์ประหลาดที่เรียนรู้ศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เกิด
มาร์ธายังคงดูตกใจไม่หาย
นั่นทำให้เขานึกได้ถึงผู้เข้าร่วมการฝึกฝนคนหนึ่ง
"ไม่มีทาง… คุณชายราอนงั้นเหรอครับ?”
“จะเป็นใครได้อีกล่ะนอกจากไอ้บ้านั่น!”
“ฮะ…?”
คาเมลรีบยกมือปิดปากของตัวเองก่อนที่จะเผลอสบถคำหยาบออกไป
“เกิดอะไรขึ้นบ้างเหรอครับ?”
“หลังจากการสาธิตสิ้นสุดลงทุกคนก็เริ่มลองปฏิบัติตามทันที มีแต่เขาที่ยังยืนนิ่งอยู่กับที่แล้วหลับตา พอการฝึกกำลังจะสิ้นสุดลงเขาก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง แล้วจากนั้น…”
มาร์ธาบรรยายทุกอย่างเกี่ยวกับเหตุการณ์อันน่าประหลาดใจที่พึ่งเกิดขึ้น
“หา…”
คาเมลส่ายหัว
'เด็กคนนั้นมันบ้าไปแล้ว'
แปลว่าเขากำลังเรียนรู้เรื่องจังหวะสายน้ำในหัวของเขาในตอนที่เขาหลับตา
'อายุแค่นี้แต่สามารถใช้มโนภาพได้แล้ว…'
เขาคิดว่าราอนก็พอจะมีพรสวรรค์อยู่บ้าง นั่นคงทำให้เขาเติบโตอย่างไม่ลำบากเท่าไหร่
แต่ว่าไม่ใช่แบบนี้
ราอน ซีกฮาร์ทเป็นสัตว์ประหลาดที่จะเป็นสะพานเชื่อมแสงของอาคารรองเข้ากับอาคารหลักได้
'ฉันต้องรีบรายงานเรื่องนี้'
นี่เป็นข้อมูลที่สำคัญมาก เขาจำเป็นต้องบอกเดเนียร์เกี่ยวกับสิ่งนี้ในทันทีหลังจากที่เขาพามาร์ธาไปถึงอาคารหลักแล้ว
“หืม?”
ทันใดนั้นเขาก็พึ่งรู้ตัวว่ามาร์ธาไม่ได้เดินอยู่ข้างๆ เขาแล้ว เมื่อเขาหันกลับไปมองหาก็เห็นเธอเดินอยู่ด้านหลังของเขาและก้มศรีษะลงตลอดเวลา
'เวรเอ๊ย…ฉันคงประเมินมันต่ำไป'
เธอพึ่งพ่ายแพ้ให้กับราอนเมื่อไม่นานมานี้ เขาคงระวังตัวขึ้นเหมือนกัน
“คุณชายราอนกับคุณหนูของผมย่อมมีพรสวรรค์ที่แตกต่างกันออกไป มันไม่มีอันไหนที่ดีไปกว่ากันหรอกครับ…”
แล้วคาเมลที่กำลังปลอบใจเธอก็ต้องหยุดหลังจากที่ได้สบตากับมาร์ธา
'สายตาแบบนั้น'
สายตาของมาร์ธาไม่ใช่สายตาของคนที่กำลังเศร้า
มันเป็นสายตาของคนที่อยากเอาชนะ
เป็นดวงตาของสัตว์ร้ายที่กำลังจะออกล่าเหยื่อ
และมันเป็นดวงตาแบบเดียวกับที่เขาเคยเห็นมาก่อนในที่กบดานแห่งหนึ่งของลัทธิโลหิตขาว ที่ซึ่งเขาได้พบกับเธอเป็นครั้งแรก
"ฉันตื่นเต้น"
มาร์ธาแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย
“อย่างน้อยคนที่เอาชนะฉันได้ก็ไม่ใช่พวกกาก”
รอยยิ้มชั่วร้ายที่ปรากฏใบหน้าอันสง่างามของเธอดูเหมือนกับเป็นภาพฝันร้าย
'ฉันเข้าใจเธอผิดไป'
คาเมลกลืนน้ำลายลงคอ นั้นอสักครู่มาร์ธาไม่ได้กำลังผิดหวังกับความสามารถของเธอ
แต่เธอกำลังตื่นเต้นเมื่อได้นึกถึงการเอาชนะราอนซึ่งแข็งแกร่งกว่าเธอได้
มาร์ธาไม่ใช่คนที่มีอะไรให้เขาต้องคอยกังวลเลย
"ถึงแล้วครับคุณหนู"
คาเมลโค้งคำนับให้มาร์ธาแล้วเธอก็เดินผ่านเขาไป
เขาสามารถมองเห็นอนาคตอันสดใสได้จากแผ่นหลังเล็กๆของเธอ
นักดาบหญิงที่ได้นั่งอยู่บนบัลลังก์
***
“... นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น นายว่ามันเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อไหมล่ะที่เด็กอายุเท่านั้นจะเรียนรู้โดยแค่หลับตาคิดนิ่งๆได้? หลานชายของนายต้องเป็นอัจฉริยะแน่ๆ!”
ริมเมอร์ยิ้มกว้างและจ้องมองไปที่หินขนาดใหญ่บนภูเขาสุสานตอนเหนือ
“แกเป็นพ่อบ้านประจำตัวเขารึไง? พอมาเจอหน้าฉันทีไรก็เอาแต่พูดเรื่องเขา”
เสียงอันน่าเกรงขามดังมาจากยอดหิน ในที่สุดใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกของเกล็นก็ปรากฏขึ้นมาในสายตาของริมเมอร์
“ฉันแค่สนองความอยากรู้อยากเห็นของนายเท่านั้น”
ริมเมอร์ไม่หยุดยิ้มแม้เกล็นจะปล่อยแรงกดดันอันหนาวเย็นออกมาก็ตาม
“นายไม่แปลกใจรึไงเหรอที่หลานชายเรียนรู้ด้วยมโนภาพได้แล้ว”
“นั่นมันไร้สาระน่า อย่างน้อยเขาก็ต้องอยู่ในระดับสูงสุดหรือระดับผู้เชี่ยวชาญ ถึงจะใช้มโนภาพเพื่อที่จะเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ได้”
เกล็นโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ แต่เขาไม่สามารถซ่อนมุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อยได้
“เขาบอกว่าเขาเลือกที่จะอ่านการไหลของจังหวะเท้าก่อน แบบว่ามองดูป่าแทนที่จะเป็นต้นไม้น่ะนะ เขารู้ได้ยังไงนะว่าแก่นแท้ของจังหวะสายน้ำก็คือการไหล”
“นี่มันน่าทึ่งสุดๆไปเลยไม่ใช่เหรอ? ใครจะทำแบบนั้นได้อีก!”
“......”
เกล็นไม่ตอบกลับ เขาเอามือไพล่หลังและจ้องมองไปที่อาคารหลักด้านล่างภูเขา
“นายจะต้องมีความสุขมากแน่ๆ ดีนะเนี่ยที่ฉันมาเล่าให้นายฟัง”
ริมเมอร์ลอบยิ้มหลังจากที่เห็นการแสดงออกของเกล็น
"เงียบซะ ถ้าพูดเสร็จแล้วก็ออกไป แกต้องให้ความสำคัญกับเด็กทุกคนให้เท่าๆกัน อย่าให้ฉันต้องย้ำอีก”
“นายไม่ไว้ใจฉันงั้นเหรอ? ฉันคือดาบแห่งแสงไง ดาบแห่งแสงเชียวนะ! นายไว้ใจฉันได้แน่นอน”
“ดาบแห่งแสงอะไรกัน? ก็แค่เอลฟ์แก่”
เกล็นโบกมือไล่เพื่อแสดงท่าทีรำคาญ แต่ริมเมอร์กลับพิงหลังไปทางหินแทนที่จะจากไป
“อืม…คนรับใช้ในอาคารหลักดูยุ่งๆกันนะ พวกเขากำลังเตรียมจัดงานอะไรบางอย่างอยู่หรือเปล่า?”
ริมเมอร์ผิวปาก มองดูผู้คนในอาคารหลักที่กำลังวิ่งไปรอบๆ
“ไม่ได้จัดงานอะไรหรอก แค่จะมีแขกมาเยี่ยมเยือนนิดหน่อย”
“จะมีแขกมาเหรอ?”
“อีกไม่กี่วันทูตจากอาณาจักรโอเว่นจะมาที่นี่”
“ทูตของอาณาจักรโอเว่น…”
ริมเมอร์ขมวดคิ้ว โอเว่นคืออาณาจักรที่ตั้งอยู่ตรงกลางของทวีป เป็นหนึ่งในอาณาจักรที่อยู่ในราชาทั้งหกร่วมกับซีกฮาร์ท
"อย่างนี้นี่เอง"
มีไม่กี่กองกำลังที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับซีกฮาร์ท เขาถึงคิดว่ามันแปลกที่มีแขกมาเยี่ยมที่นี่ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นอาณาจักรโอเว่นซึ่งอยู่ใกล้เคียงกัน
“แล้วใครเป็นคนนำล่ะ?”
“ปกติแล้วควรจะเป็นดยุคทาร์ทัน แต่ฉันได้ยินมาว่าครั้งนี้เป็นเจ้าชายคนที่สาม”
“โอ้ ไอ้หมอนั่นมันขึ้นเป็นดยุคได้แล้วเหรอ?”
ริมเมอร์ยิ้มแหยๆ เมื่อได้ยินชื่อทาร์ทัน
"โอ๊ะ? เดี๋ยวสิ! องค์ชายสามคาร์เทนยังเด็กอยู่ไม่ใช่เหรอ? เขาน่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับราอนหรือเบอร์เรน…”
“ฉันก็ไม่ค่อยได้สนใจหรอก”
"โอเค"
ริมเมอร์พยักหน้า เกล็นไม่จำเป็นต้องใส่ใจอะไรมากถ้ากษัตริย์ของอาณาจักรไม่ได้มาเป็นทูตด้วยตนเอง
“สั่งให้ผู้เข้าร่วมการฝึกฝนทุกคนรักษารูปลักษณ์ที่เป็นระเบียบเรียบร้อยให้ตลอดล่ะ”
“ฮะ? ทำไมล่ะ”
“องค์ชายสามจะพาอัศวินฝึกหัดในอาณาจักรมาพร้อมกันด้วย พวกเขาบอกว่าต้องการเห็นการฝึกของนักดาบและเด็กฝึกหัด”
“แล้วนายก็ตอบกลับไปแล้ว?”
“แน่นอน ฉันให้เขาทำได้”
สายตาของเกล็นมุ่งหันไปที่ริมเมอร์
“การถูกมองไม่ได้ทำให้ดาบของซีกฮาร์ทอ่อนแอลง ซีกฮาร์ทไม่หนีและไม่ซ่อน”
“... ฉันไม่ได้ยินประโยคนั้นมานานแล้ว”
ริมเมอร์เคยได้ยินประโยคนั้นทุกวัน เขายิ้มออกมาอย่างขมขื่น
“ออกไปได้แล้ว แกเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน จะแอบอู้ไปอีกนานแค่ไหนกัน?”
เกล็นทำหน้านิ่วและลดมุมปากของเขาลง
“ฮับ!”
ริมเมอร์โค้งคำนับหลังจากยกมือทำความเคารพ เขาหันหลังและกำลังจะเดินลงจากภูเขา แต่เขาก็หยุดชะงัก
“หืม…”
เขาเลียริมฝีปากขณะมองดูสนามฝึกที่ห้าจากระยะไกล
'เจ้าชายคนที่สามกับอัศวินฝึกหัดเหรอ…'
เมื่อได้รู้ว่าทูตของอาณาจักรโอเว่นคือคนในวัยเดียวกับราอน เขาก็ผุดความคิดที่ดีๆขึ้นมาได้
ริมเมอร์หันกลับไปหาเกล็นและยิ้มกว้าง
“สีหน้าแบบนั้นของแก…กำลังคิดอะไรแผลงๆอีกแล้วสินะ…”
เกล็นขมวดคิ้วราวกับว่าเขาเห็นบางสิ่งที่ไม่น่าดู
“ไม่ใช่สักหน่อย เรื่องนี้มันจะไม่ไร้สาระ”
ริมเมอร์ยิ้มเหมือนสุนัขจิ้งจอกแก่แล้วส่ายหัว
“เพราะสิ่งนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับเด็กๆของซีกฮาร์ท”