บทที่ 16
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 16
ตู้ม!
ฮัลค์ที่ยืนฝ่ากระแสน้ำได้หันเหความสนใจไปครู่หนึ่ง ในขณะนั้นเอง เขาก็ถูกเตะโดยขาเหล็กอันทรงพลังของไรอัน
ด้วยเสียงที่ดังก้อง ร่างกายขนาดใหญ่ได้บินออกมาชนเข้ากับผนังของอาคารตรงข้าม
'ให้ตายเถอะ แข็งชะมัด!'
แม้ว่าไรอันจะเตะฮัลค์ได้สำเร็จ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้รับบาดเจ็บเลย
เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านออกมาจากปลายเท้าของเขา ไม่จำเป็นต้องก้มลงมองก็รู้ว่าเท้าขวาของเขาบวมมากอย่างแน่นอน
เมื่อเทียบกับหินซีเมนต์ก่อนหน้านี้ ร่างของฮัลค์แข็งแกร่งกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะร่างยักษ์เขียวตนนี้ถึงขั้นสามารถกันกระสุนได้เชียวนะ
[คะแนนชื่อเสียงจากฮัลค์ +55]
[คะแนนชื่อเสียงจากบรูซ แบนเนอร์ +70]
[คะแนนชื่อเสียงจากธันเดอร์โบลท์ รอส +45]
[คะแนนชื่อเสียงจากทหาร +0.05]
แม้ว่าสิ่งที่เขาทำจะยากลำบากไปหน่อย แต่ผลลัพธ์ก็ค่อนข้างน่าพอใจอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะค่าชื่อเสียงจากฮัลค์ที่จะได้เป็นหนึ่งในสมาชิกที่สำคัญของอเวนเจอร์สในอนาคต การโจมตีอีกฝ่ายทำให้เขาได้รับคะแนนสองเท่า มันน่าประหลาดใจพอๆ กับการถูกล็อตเตอรี่
ส่วนธันเดอร์โบลท์ รอส สแม้ว่าชื่อของเขาจะค่อนข้างไม่คุ้นเคย แต่ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่ตามล่าฮัลค์มาโดยตลอด คงเป็นนายพลรอสคนนั้นสินะ
ในใจของไรอัน เขาปรารถนาจะเก็บคะแนนนับพันจากฮีโร่ที่มีชื่อเสียงระดับตำนานอย่างเดอะฮัลค์ จากนั้นก็เปิด [หีบสมบัติทองคำ] และท่องไปในโลกมาร์เวลตามที่เขาพอใจ... ทว่าแค่การเตะครั้งเดียวใส่ฮัลค์ก็แทบจะทำให้เขาร่อแร่แล้ว อีกทั้งยังมีนายพลรอสที่กำลังมองดูจากระยะไกลอีก
ดังนั้นหลังจากการประเมินข้อดีและข้อเสียแล้ว ไรอันก็ได้แต่เลือกที่จะล่าถอยด้วยความไม่เต็มใจนัก
บนเฮลิคอปเตอร์ นายพลรอสมองดูอย่างเงียบๆ ขณะที่ไรอันถอนตัวออกจากที่เกิดเหตุ ด้วยความสามารถในการกระโดดเหนือมนุษย์ของฮัลค์ ทำให้พวกเขากลัวเกินกว่าจะลดระดับความสูงลงมา ทำให้พวกเขาได้แต่เพียงจ้องมองไปที่หลังของไรอัน
ไม่กี่นาทีต่อมา ยานเกราะก็มาถึงที่นี่
เมื่อเข้าไปในอาคารที่ฮัลค์พุ่งชน สิ่งที่พวกเขาพบคือร่องรอยของซากปรักหักพัง แต่ฮัลค์ที่เป็นเป้าหมายได้หายตัวไปแล้ว
พอลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ นายพลรอสก็มองไปที่ซากปรักหักพังที่ว่างเปล่าของอาคารและออกคำสั่งอย่างไร้ความรู้สึก "ค้นหาถนนที่อยู่ใกล้เคียง เขาต้องกลายเป็นแบนเนอร์แล้วแน่ๆ"
ในนิวยอร์ก มันเป็นเรื่องง่ายที่จะหาสัตว์ประหลาดสีเขียวขนาดยักษ์ แต่การจะหาตัวคนธรรมดาอย่างแบนเนอร์ถือได้ว่าเป็นเรื่องยากมาก พวกเขาได้ไล่ล่ากันมาหลายครั้งแล้ว แต่ด็อกเตอร์แบนเนอร์กลับมีวิธีการที่ค่อนข้างซับซ้อนจนสามารถหลีกเลี่ยงการไล่ล่าของทหารได้
ในช่วงกลางของตรอกซอกซอยที่มีกลิ่นเหม็นตลบอบอวล คนเร่ร่อนที่มอมแมมเบียดเสียดกันอยู่ที่มุมหนึ่งของ สีหน้าของเขาว่างเปล่า สายตาของเขาจ้องมองไปที่คนเดินเท้าที่เดินผ่านถนน เขาดูหมดความหวัง ราวกับว่าเขาเป็นเพียงชายไร้บ้านอีกคนหนึ่งที่ถูกบดขยี้ด้วยความเป็นจริงบนถนนในนิวยอร์ก แต่ลึกๆ แล้ว เขาตื่นตัวอยู่ตลอดเวลากับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว
เมื่อมองดูชายสองสามคนเดินออกไปจากถนนด้วยความเร็วที่คงที่และเป็นระเบียบด้วยลักษณะทางทหาร แบนเนอร์ก็ถอนหายใจเล็กน้อยด้วยความโล่งอกและพิงกำแพงโดยไม่สนใจกลิ่นเหม็นที่รายล้อมเขาเลย
หลังจากเปลี่ยนเป็นฮัลค์ ความทรงจำของเขาก็คลุมเครือมากและข้อมูลเกี่ยวกับโลกภายนอกก็ถูกตัดการเชื่อมต่อและไม่เป็นรูปเป็นร่างมาโดยตลอด
ความทรงจำสุดท้ายที่ฟื้นขึ้นมาในครั้งนี้ มีเพียงความทรงจำที่คลุมเครือของฮัลค์ที่ถูกเตะบินออกไป
'มีใครในโลกที่มีพลังในการเตะฮัลค์แบบนั้นกัน?'
...
“หืม”
ณ หอผู้ป่วยของโรงพยาบาล อีมิลได้ตื่นขึ้นมาจากอาการโคม่า
"นายรู้สึกตัวหรือยังทหาร?"
อีมิลพยายามหันศีรษะไปรอบๆ แต่ก็พบว่าเขาไม่สามารถขยับร่างกายได้อีกต่อไป แม้จะหันศีรษะก็ยังไม่ได้เลย
"อย่าพยายามเลยทหาร" นายพลรอสก้าวไปข้างหน้าและเข้าไปในห้องผู้ป่วยของอีมิล เมื่อมองไปที่ทหารผ่านศึกที่นอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลพร้อมกับห่อหุ้มร่างกายทั้งหมดด้วยผ้าพันแผล นายพลก็กล่าวว่า "นายได้รับบาดเจ็บสาหัส กระดูกของนายแตกมากกว่าครึ่งหนึ่งและก็เป็นอัมพาตชั่วคราว แม้ว่านายจะรักษาตัวเองได้ในอนาคต แต่คงต้องใช้ไม้ค้ำยันไปตลอดชีวิต นางจะไม่สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนทั่วไปและจะไม่สามารถยกของหนักได้ด้วยซ้ำ"
"ถ้าอย่างนั้นผมจะไม่สามารถกลับไปที่สนามรบได้เหรอครับท่าน?"
ความเป็นจริงที่รุนแรงของสถานการณ์ได้ทำลายความตั้งใจที่จะมีชีวิตอยู่ของอีมิลไปแล้ว เขาเบิกตากว้าง แต่ไม่สามารถหยุดน้ำตาไม่ให้ไหลมาที่มุมดวงตาของเขาได้ เขาถามด้วยเสียงแหบพร่า โดยใช้ส่วนที่เหลือเพียงส่วนเดียวของร่างกายที่สามารถขยับได้ นั่นคือปากของเขา
"ในทางทฤษฎี ก็ควรจะเป็นเช่นนั้น"
'ในทางทฤษฎีงั้นเหรอ?!'
ความตั้งใจที่จะมีชีวิตอยู่อีมิลได้ปรากฏขึ้นมา เพราะเขาทราบดีถึงความหมายเบื้องหลังของนายพลรอส ดวงตาของเขาเบิกกว้างในขณะที่เขาหอบหายใจแรง เขาถามอย่างกังวลว่า "ท่านครับ ท่านหมายความว่าผมยังมีโอกาสที่จะดีขึ้นมาได้สินะครับ?"
นายพลรอสยืนขึ้นพร้อมกับจ้องมองไปที่หน้าของอีมิล หลังจากกองทัพได้วิจัยมาหลายปี พวกเขายังไม่สามารถทำน้ำยาเซรุ่มสุดยอดทหารได้อย่างสมบูรณ์แบบ เช่นเดียวกับที่ใช้ในระหว่างโครงการกัปตันอเมริกาครั้งแรก เพราะว่ามันมีผลข้างเคียงมากมาย
ยิ่งมีอารมณ์ที่รุนแรง ก็จะสามารถผลักดันเพิ่มประสิทธิภาพของเซรุ่มได้
"แม้ว่าจะไม่มีการรับประกัน 100% แต่อย่างน้อยก็เป็นตัวเลือกหนึ่ง"
"นายจะตัดสินใจยังไงล่ะ?"
"ในเมื่อผมมีสภาพแบบนี้แล้ว ผมมีทางเลือกอื่นด้วยเหรอครับ?" อีมิลกลอกตาเพื่อมองผ้าพันแผลบนร่างกายของเขาและยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
ถ้าเขารู้ว่าเขาจะจบลงแบบนี้ เขาคงเลือกที่จะตายในสนามรบดีกว่า
เมื่อเห็นเช่นนั้น นายพลรอสก็พยักหน้า จากนั้นเขาก็หยิบกล่องเล็กๆ ออกมาจากกระเป๋า หยิบกระบอกฉีดยาที่มีของเหลวขุ่นสีน้ำเงินเข้มออกมาพร้อมกับฉีดเข้าไปในร่างกายของอีมิล
อึก--
...
[คะแนนชื่อเสียงจากบรูซแบนเนอร์ +60]
[คะแนนชื่อเสียงจากอีมิล บลอนสกี้ +40]
'มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?'
ที่บ้านไรอัน เขามองไปที่การแจ้งเตือนที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าด้วยความสับสน
เขายังไม่ได้ทำอะไรเลย ทำไมจู่ๆ เขาถึงได้คะแนนชื่อเสียงกัน?
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาลองย้อนคิดกลับไป การได้รับคะแนนชื่อเสียงจากแบนเนอร์ก็เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้
'แต่อีมิล? นั่นใครกันล่ะเนี่ย?'
ไรอันขมวดคิ้วพร้อมกับพยายามคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยอมแพ้ไป
'อืม ใครจะสนกันล่ะว่าเป็นใคร? ขอแค่ได้คะแนนชื่อเสียงก็พอแล้ว'
ไรอันเงยหน้าขึ้นและเหลือบมอง 560 คะแนนชื่อเสียงที่ปรากฏบนแผงข้อมูล เขารู้สึกได้เลยว่าการตัดสินใจของเขาก่อนหน้านี้ถูกต้องเป็นอย่างมาก เวลาผ่านไปเพียงไม่นาน เขาก็เก็บคะแนนชื่อเสียงได้ครึ่งหนึ่งของ [หีบสมบัติเหล็กดำ] แล้ว อย่างที่คนพูดกัน ความเสี่ยงสูงย่อมได้ผลตอบแทนที่สูง
...