บทที่ 38 การเข้าสู่ภูเขาเทียนหมัง
“ข้าต้องการทักษะการขยายร่างนี้!”
สไลม์เป็นสัตว์อสูรที่คล้ายกับโคลนซึ่งสามารถตัวใหญ่ขึ้นและตัวเล็กลงได้ ดังนั้นมีเพียงสไลม์เท่านั้นที่มีทักษะการขยายร่าง
มีสัตว์อสูรระดับเหนือธรรมชาติน้อยมากที่เชี่ยวชาญทักษะการขยายร่าง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะพบกับพวกมัน
ดังนั้นซืออวี๋จึงไม่ตั้งใจที่จะปล่อยสไลม์ออกไปหากเขาได้เผชิญหน้ากับมัน
แม้แต่วานรเช่นซุนหงอคงก็สามารถเรียนรู้ทักษะกฏร่างรวมศูนย์แห่งสวรรค์และปฐพี และเปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นวานรยักษ์ได้… ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องผิดหลักวิทยาศาสตร์สำหรับแพนด้าของเขาที่จะเรียนรู้การขยายร่าง!
กล่าวโดยย่อ นี่คือทักษะสากล สัตว์อสูรทุกประเภทเหมาะที่จะเรียนรู้มัน การเก็บมันไว้ก็ไม่เสียหาย
“ทุกคน ฟังทางนี้!”
หลังจากค้นหาทักษะที่เหมาะสมมาเป็นเวลานาน ในที่สุดซืออวี๋ก็รู้สึกว่าเขาจะพลาดทักษะนี้ไปไม่ได้ ในขณะนี้ นักฝึกสัตว์อสูรมืออาชีพโจวหวันซานผู้ที่รับผิดชอบการฝึกฝนก็ตะโกนขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“การฝึกฝนจะเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการในอีกครึ่งชั่วโมง ในเวลาครึ่งชั่วโมงนี้ พวกเจ้าสามารถไปที่ร้านค้าข้างฐานการฝึกฝนเพื่อเติมอาหารและยาของพวกเจ้า”
“แต่หลังจากเข้าไปที่ภูเขาเทียนหมัง ยกเว้นกรณีพิเศษบางอย่าง พวกเจ้าจะไม่สามารถออกมาได้อีกเป็นเวลาสามวัน”
ไม่ว่ายังไง ทุกคนมีกระเป๋าเพียงหนึ่งใบ จำนวนของที่พวกเขาสามารถเก็บได้นั้นขึ้นอยู่กับการเตรียมตัวของผู้สมัครเอง
ซืออวี๋ได้เตรียมสิ่งของพื้นฐานมาแล้ว แต่พวกมันอยู่ได้ไม่ถึงสามวัน เขาจะยังคงต้องหาอาหารหลังจากที่เข้าไปในภูเขาเทียนหมัง ในเวลาเดียวกัน เขาก็ยังได้เตรียมถุงนอนไปเช่นกัน
ในตอนนี้ ซืออวี๋เริ่มรู้สึดหมดหนทาง หากเพียงมิติฝึกสัตว์อสูรสามารถเก็บของสิ่งอื่นได้… การไม่มีอุปกรณ์มิตินั้นเป็นเรื่องที่ลำบากมาก
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ มีคลังมิติในโลกใบนี้ไหม?
นี่เป็นคำถามที่ควรพิจารณา… หากมี เขาต้องหามันมาในอนาคต
ใช่แล้ว ซากปรักหักพังอาณาจักรลึกลับนั่นในเขตผิงเฉิงดูราวกับคลังเก็บของขนาดใหญ่ไม่ใช่เหรอ? มันอาจเก็บของที่ไร้ชีวิตได้
ซืออวี๋ตกอยู่ในห้วงความคิดลึก
“ซืออวี๋”
ในขณะที่ซืออวี๋กำลังสงสัยว่าซากปรักหักพังอาณาจักรลึกลับจะเป็นของเขาได้หรือไม่ เฉินไคก็เข้ามาหาเขาในทันใด
“เจ้าต้องการสร้างทีมไหม?” เฉินไคเอ่ยถามขึ้นในทันที “ชั้นเรียนของข้าวางแผนสร้างทีมเพื่อล่างูหลามคลั่ง”
“อสูรเกราะน้ำแข็งของข้าสามารถเป็นสายควบคุมได้ มีบางคนในชั้นเรียนที่มีสัตว์อสูรธาตุสายฟ้าที่สามารถระเบิดปลาในทะเลสาบได้…”
ซืออวี๋เอ่ยถามขึ้นมาว่า “คราวนี้เจ้าก็สร้างทีมอีกแล้วเหรอ? เราจะแบ่งของยังไงล่ะ?”
เฉินไคกล่าวว่า “ไม่ว่ายังไง ผู้ตรวจสอบก็ไม่ได้ปฏิเสธ มันน่าจะเป็นไปได้ ทะเลสาบรอบงูหลามคลั่งก็ยังมีทรัพยากรหายากอยู่อีกไม่ใช่เหรอ? มันน่าจะเพียงพอนะ”
ซืออวี๋ส่ายหัวของเขาและกล่าวว่า “ไม่ พวกเจ้าไปกันเลย ข้ามีเป้าหมายอื่น”
เขารู้สึกว่าการติมตามคนเหล่านี้ไปอาจไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับการไปเพียงลำพัง และมันก็ไม่สะดวกมากเท่าไหร่
“อ่า ข้าเข้าใจแล้ว”
แม้ว่าเฉินไคจะต้องการสร้างทีมกับซืออวี๋มากกว่า แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแย่เนื่องจากเขาและเพื่อนร่วมชั้นของเขาได้ตกลงร่วมมือกันแล้ว
ส่วนเรท่องที่ผู้เข้าร่วมได้รับอนุญาตให้สร้างทีมหรือไม่ ไม่มีกฏที่ชัดเจนในฐานฝึกฝน อย่างไรก็ตาม สิ่งเดียวที่คล้ายกันก็คือทั้งหมาป่าเดียวดายและทีมขนาดเล็กบางส่วนต่างก็จับจ้องไปที่บอสขนาดเล็กไม่กี่ตัวที่มีระดับการเติบโตสูงกว่าปลุกตื่นขั้นเก้า
หากเขากำจัดหนึ่งในนั้น บางทีเขาอาจอยู่ในยี่สิบอันดับแรก
ต่อไป ซืออวี๋ก็ไปที่ร้านเพื่อซื้อถุงมือกันความร้อน และเขาก็กลับมา
มันยังเร็วเกินไปที่จะออกเดินทาง ดังนั้นซืออวี๋จึงอ่านสารบัญสัตว์อสูรต่อไป
เขาเพิ่งพลิกดูส่วนสัตว์อสูรดุร้ายเท่านั้นและยังไม่ได้ดูส่วนทรัพยากร การรวบรวมทรัพยากรก็ให้คะแนนเช่นกัน โดยรวมแล้ว มันคล้ายกับการทดสอบในปีที่ผ่านมา
อืมม… นอกเหนือจากสัตว์อสูรดุร้ายและทรัพยากร ยังมีอีกสองหน้า “เจ้าเรียนรู้เทคนิคการเอาชีวิตรอดประจำวันแล้วหรือไม่?”
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตา ครึ่งชั่วโมงผ่านพ้นไป ผู้ที่รับผิดชอบการฝึกฝนก็รวบรวมทุกคนอีกครั้ง
“ตอนนี้ก็สิบโมงแล้ว ทุกคน ออกเดินทางได้เลย พวกเจ้ามีอิสระที่จะปีนขึ้นเขาจากทางเข้าทั้งสี่”
มีการปิดล้อมรอบภูเขาเทียนหมัง โดยมีทางเข้าและออกเพียงสี่ทาง สภาพแวดล้อมของทางเข้าและออกแต่ละทางจะแตกต่างกัน
นักฝึกสัตว์อสูรทุกคนในปัจจุบันได้ศึกษาแผนที่อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว พวกเขายังมีเป้าหมายในการล่าในจิตใจเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงมีความคิดว่าพวกเขาจะเข้าไปทางไหน
ดังนั้นทันทีที่โจวหวันซานกล่าวเสร็จ นักฝึกสัตว์อสูร 100 คนก็แยกย้ายกันไปในทันใด
ในเวลาเดียวกัน จักรกลวิหคจำนวนหนึ่งที่มีขนาดเท่ากับนกกระจอกก็เริ่มบินขึ้นมาจากฐานฝึกฝนและสถานที่ปลอดภัยในภูเขา พวกมันเริ่มบินวนเหนือภูเขาเทียนหมัง
[เผ่าพันธุ์] : จักรกลวิหค
[คุณสมบัติ] : จักรกล
[ระดับเผ่าพันธุ์] : เหนือธรรมชาติขั้นต่ำ
[ระดับทักษะ] : การเก็บภาพ การเร่งความเร็ว
[หมายเหตุ] : จักรกลชีวิตเทียมที่ถูกใช้ในการติดตาม การตรวจสอบ และการเฝ้าระวัง
หลังจากที่จักรกลวิหคบินขึ้นไป สถานการณ์ตามจุดต่างๆ บนภูเขาเทียนหมังก็เริ่มปรากฎขึ้นอย่างชัดเจนบนหน้าจอขนาดใหญ่ในห้องตรวจการในฐานฝึกฝน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์อสูรดุร้ายที่มีระดับการเติบโตสูง พวกมันล้วนเป็นเป้าหมายที่สำคัญสำหรับการเฝ้าระวัง
นี่ไม่ใช่เพียงแค่เพื่อความปลอดภัยของนักฝึกสัตว์อสูรฝึกหัดเท่านั้น แต่ยังเพื่อดูศักยภาพของพวกเขาโดยตรงอีกเช่นกัน ขั้นตอนการเฝ้าดูเป็นหนึ่งในความสุขไม่กี่อย่างที่ผู้ตรวจสอบเหล่านี้ชื่นชอบ
การรอคอยผลลัพธ์การทดสอบนั้นน่าเบื่อเกินไปไม่ใช่เหรอ?
สำหรับเชิงเขาของภูเขาเทียนหมัง ที่ทางเข้าแห่งหนึ่งนั้นเป็นทางเข้าของพื้นที่ภูเขาแม่เหล็กไฟฟ้า ซืออวี๋และนักฝึกสัตว์อสูรฝึกหัดประมาณยี่สิบคนได้เลือกเข้าจากที่นั่น
สำหรับเฉินไคและคนอื่น พวกเขาเข้าจากอีกทางหนึ่งและเตรียมสร้างทีมเพื่อล่างูหลามคลั่ง
“อีเลฟเว่น ออกมา”
พื้นที่ด้านนอกสุดของภูเขาเทียนหมังต้องถูกกวาดล้างไปแล้ว โดยพื้นฐานแล้ว ไม่มีสัตว์อสูรดุร้ายอาศัยอยู่ ดังนั้นนักฝึกสัตว์อสูรส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะอัญเชิญสัตว์อสูรของพวกเขาที่นี่และให้พวกมันป้องกันพวกเขา
ซืออวี๋ก็เช่นกัน เขาเคยเห็นมันมาก่อน มีพืชจิตวิญญาณหายากจำนวนมากอยู่บนภูเขานี้ ไม่จำเป็นต้องกลัวว่าอีเลฟเว่นจะหมดแรง เขาสามารถปล่อยให้อีเลฟเว่นกินในขณะที่เขาเดินทางได้ ดังนั้นมันจึงน่าจะสามารถรักษาพละกำลังได้ตลอดการทดสอบ
“หือ?”
ในขณะนี้ หลังจากออกมาจากมิติฝึกสัตว์อสูร อีเลฟเว่นก็มองไปรอบตัวด้วยความสับสน
นี่คือที่ไหนกัน?
คู่ต่อสู้อยู่ไหน?
“ข้าจะพาเจ้าไปหาพวกมัน” ซืออวี๋ยังคงมั่นใจในความแข็งแกร่งของอสูรกินเหล็กน้อย
สัตว์อสูรดุร้ายที่นี่อาจกล่าวได้ว่าเป็นสัตว์อสูรป่าที่ไม่ได้รับการฝึกฝน พลังต่อสู้ของพวกมันส่วนใหญ่อาจด้อยกว่าสัตว์อสูรที่ถูกฝึกฝนโดยนักฝึกสัตว์อสูรเล็กน้อย
แม้ว่าอสูรกินเหล็กน้อยของเขาจะเป็นเพียงระดับปลุกตื่นขั้นหก แต่ด้วยสุดยอดการมองเห็นขั้นช่ำชอง การรักษาความเร็วสูงขั้นช่ำชอง และการเคลือบแข็งขั้นชำนาญ พลังต่อสู้ของมันควรจะอยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร…
ตราบใดที่พวกเขาไม่พบกับกลุ่มสัตว์อสูรดุร้าย พวกเขาก็จะอยู่ยงคงกระพัน
“อู๋~”
อีเลฟเว่นโบกมือและตามซืออวี๋ไป
ซืออวี๋กล่าวเสริมว่า “ไม่ว่ายังไง เจ้าก็ต้องให้ความนใจกับสภาพแวดล้อมรอบตัวเจ้า”
การรับรู้กลิ่นของอสูรกินเหล็กนั้นดีมาก แตกต่างจากการมองเห็นของมัน…
อย่างไรก็ตาม อีเลฟเว่นนั้นดีทั้งสองด้าน!
ด้วยความมั่นใจนี้ พวกเขาจึงผ่อนคลายและไม่พบกับอันตราย
ตอนนี้ มันถึงเวลาฝึกฝนอีเลฟเว่นในพื้นที่แห่งนี้แล้ว
เป้าหมายสุดท้ายคือสไลม์ไฟฟ้าของพื้นที่ภูเขาแม่เหล็กไฟฟ้า!
หลังจากที่สัตว์อสูรถูกอัญเชิญออกมา เป้าหมายต่อไปของซืออวี๋ก็ชัดเจนมากขึ้นในขณะที่เขาก้าวขึ้นไปบนภูเขา
เขาชำเลืองดูแผนที่ในหนังสือ เพื่อไปถึงจุดหมายปลายทางของเขา เขาต้องผ่านป่าหมูป่าก่อน…
สัตว์อสูรดุร้ายที่ชื่อว่า ‘หมูป่าหนามยาว’ อาศัยอยู่ในป่าแห่งนี้ มันมีพละกำลังมหาศาลและดูดุร้ายมาก เขี้ยวของมันแหลมคม ผิวหนังของมันหนา และมันก็ถูกปกคลุมไปด้วยหนามแหลมที่สามารถป้องกันการโจมตีได้ราวกับเม่น มันเป็นสัตว์อสูรที่มีเผ่าพันธุ์ระดับเหนือธรรมชาติขั้นกลางที่ทำให้เด็กหวาดกลัวจนน้ำตาไหล แต่เนื้อของมันก็สดและฉ่ำมาก
ซืออวี๋ยังคงมีหัวใจของวัยรุ่น น้ำลายไหลออกมาจากมุมปากของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ตามหนังสือ ระดับการเติบเฉลี่ยของหมูป่าหนามยาวในป่าหมูป่าคือระดับปลุกตื่นขั้นหก พวกมันถือได้ว่าเป็นแกนหลักของการฝึกฝนภาคสนามนี้
หมูป่าหนามยาวอาจไม่ใช่สัตว์อสูรที่ควรจะล้อเล่นด้วยได้ พลังต่อสู้ของพวกมันไม่อ่อนแอเลย ดังนั้นคะแนนที่ได้รับจากพวกมันก็ไม่ต่ำเลย อย่างไรก็ตาม ยิ่งมันเป็นเช่นนี้ ซืออวี๋ก็ยิ่งรู้สึกยินดีมาก
“อีเลฟเว่น ข้าจะพาเจ้าไปล่าหมู!”
“อู๋~”
…
ป่าหมูป่า
หมูป่าหนามยาวเป็นสัตว์อสูรที่อยู่กันเป็นกลุ่ม แต่ในกรณีที่สภาพแวดล้อมอันปลอดภัยของพวกมัน พวกมันมักจะแยกย้ายกันออกล่าซึ่งเปิดโอกาสให้นักฝึกสัตว์อสูรที่นี่
การจัดการกับกลุ่มหมูคงเป็นเรื่องน่าปวดหัวอย่างแน่นอน แต่การจัดการกับหมูป่าที่อยู่เพียงตัวเดียว นักฝึกสัตว์อสูรส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมการทดสอบในครั้งนี้น่าจะมีความมั่นใจอยู่บ้าง
ซืออวี๋และอีเลฟเว่นข้ามผ่านเส้นทางป่าและมาถึงใกล้กับป่าหมูป่า ในระหว่างนั้น พวกเขาก็พบกับสัตว์อสูรตัวอื่น แต่พวกมันล้วนเป็นหนูดินที่มีค่า 20 คะแนน ซืออวี๋ไม่ได้สนใจพวกมันเลย
การจัดการกับพวกมันเพื่อไม่กี่สิบคะแนนนั้นลำบากเกินไป มีแม้กระทั่งสัตว์อสูรที่ไม่ให้คะแนน เช่น หนอนไหมเขียวที่ซืออวี๋ไม่มองเมันลย
“พบมันแล้ว”
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขามาใกล้กับป่าหมูป่า ซืออวี๋ก็พบหมูป่าหนามยาวตัวหนึ่งที่กำลังหาอาหาร
[เผ่าพันธุ์] : หมูป่าหนามยาว
[คุณสมบัติ] : ดิน
[ระดับเผ่าพันธุ์] : เหนือธรรมชาติขั้นกลาง
[ระดับทักษะ] : เขี้ยวหิน
[หมายเหตุ] : สัตว์อสูรกลายพันธุ์ที่วิวัฒนาการมาจากหมูป่า มันเก่งด้านการพุ่งชนและแข็งแกร่งมาก เมื่อเขี้ยวของมันโดนศัตรู มันสามารถทำให้ศัตรูเป็นหินได้
“อู๊ด! อู๊ดด!! อู๊ดด!!”
ไม่ใช่แค่ซืออวี๋และอสูรกินเหล็กที่ค้นพบหมูป่าหนามยาว แต่หมูป่าหนามยาวก็ยังพบซืออวี๋และอสูรกินเหล็กเช่นกัน
ศัตรูตามธรรมชาติของหมูป่าหนามยาวคือสัตว์อสูรดุร้าย เช่น หมาป่า หมี เสือดาว และนกที่ดุร้าย ดังนั้นพวกมันจึงต้องระวังการซุ่มโจมตี พวกมันฉลาด ดุร้าย และระวังตัวมาก
ในตอนนี้ มันสัมผัสได้ถึงอันตรายและเงยหน้าขึ้นมา หนามยาวบนร่างกายของมันตั้งตรงขึ้นมาอย่างกะทันหันพร้อมกับที่มันส่งเสียงคำรามออกมา
หมูป่าหนามยาวซึ่งมักจะอาศัยอยู่ในป่ารู้ดีว่ามันอาจเป็นเป้าหมายของนักล่าบางคน
มันเริ่มค้นหาอย่างระมัดระวัง แต่เมื่อมันเห็นซืออวี๋ที่อ่อนแอและผอมบาง และอสูรกินเหล็กที่ตัวเล็กเช่นอีเลฟเว่น มันก็ตกตะลึงในทันที
นั่นมันอะไรกัน?
น้ำลายแห่งความยินดีไหลออกมาจากมุมปากของหมูป่าหนาวยาวโดยไม่รู้ตัว หมูป่าหนามยาวเป็นสัตว์อสูรที่กินไม่เลือก พวกมันกินพืชและเนื้อ สำหรับหมูป่าหนามยาวในปัจจุบัน มันรู้สึกเพียงแค่ว่าสถานการณ์นั้นกลับตาลปัตรในทันใด!
อันที่จริงแล้ว นักล่าก็คือตัวมัน!
อาหารมาเคาะถึงหน้าประตูหน้าบ้านมันแล้ว!
Fanpage : ผีเสื้อกลางคืน