นักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 35
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 35
“เรียกผมไปพบเหรอครับ?”
รารอนหรี่ตาลง เกล็นเรียกเขาให้เข้าไปพบทันทีหลังจากจบการประลองงั้นเหรอ…
“เอ่อ… อันที่จริงแล้วเขาบอกให้ฉันพาตัวแทนของผู้ฝึกฝนไปพบเขาน่ะ”
ริมเมอร์ยักไหล่
'ผู้ฝึกฝนอันดับหนึ่งน่ะเหรอ?'
ก็แปลว่ามันไม่ได้สำคัญว่าเป็นจะเป็นใครน่ะสิ ขอแค่เป็นผู้ฝึกฝนอันดับที่หนึ่งก็พอ บางทีเกล็นอาจจะคิดว่ามาร์ธาเป็นคนชนะในการต่อสู้
'หึๆ'
เขาอยากหัวเราะออกมาอยู่เหมือนกัน ดูเหมือนว่าเขาจะเอาชนะผู้ฝึกฝนที่เกล็นคาดการณ์ไว้ว่าจะเป็นที่หนึ่งได้ทีละคน ทั้งเบอร์เรนและคราวนี้ก็มาร์ธา
“แล้วทำไมเขาถึงต้องเรียกไปพบล่ะครับ?”
“ฉันจะไปรู้ได้ไงล่ะ?”
ริมเมอร์ยักไหล่และส่ายหัว แต่ดูจากสีหน้าของเขาแล้ว ดูเหมือนว่าเขารู้เหตุผลอย่างแน่นอน เขาแค่ยังไม่อยากบอกราอน
“แล้วผมต้องไปตอนไหน?
ราอนถามออกไปพร้อมกับลูบไล้ที่กล่องไม้
"ตอนนี้เลย!"
“…เข้าใจแล้วครับ”
เขาพยักหน้าและปัดฝุ่นบนเสื้อผ้าของเขาออก
“เธอจะไปแบบนั้นเหรอ? จะไม่ไปเปลี่ยนชุดก่อนรึไง?”
"ครับ"
“เธอไม่กลัวท่านเจ้าตระกูลรึไง?”
“แล้วทำไมผมต้องกลัวด้วย? เขาไม่ได้จะกินผมสักหน่อย”
แน่นอนว่าสายตาเย็นชาของเกล็นทำให้เขาอึดอัดมาก แต่เขาไม่จำเป็นต้องกลัว
“เธอนี่ตลกจังแฮะ”
ริมเมอร์พยักหน้างึกๆและหัวเราะคิกคักไปด้วย เขาแตะที่ไหล่ของราอนด้วยสีหน้าพึงพอใจ
"งั้นก็ไปกัน!"
"ครับ"
ราอนเดินตามริมเมอร์ที่มุ่งหน้าไปทางห้องโถงในคฤหาสน์หลัก
“คุณหนูมาร์ธาเป็นฝ่ายแพ้จริงๆงั้นหรือ?”
“แพ้ให้เด็กตัวเล็กแค่นี้…”
“เหลือเชื่อเลย”
“พรสวรรค์ของพวกเขาแตกต่างกันจะตายไป”
“เขาแค่โชคดีแน่ๆ ไม่มีทางเป็นเพราะอย่างอื่นไปได้หรอก!”
ในระหว่างทางเขาก็พบกับผู้คนที่ต่างแอบมองเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจและคาดไม่ถึง
“เหมือนทุกคนจะรู้อยู่แล้วว่าเธอเป็นคนเอาชนะมาร์ธาได้”
ริมเมอร์ยิ้มให้เขา
"งั้นเหรอครับ?'
“เพราะว่าพื้นที่ของซีกฮาร์ตก็มีอยู่แค่นี้…”
เพราะพื้นที่ของซีกฮาร์ทเป็นพื้นที่ปิดที่ห้ามไม่ให้ใครเข้าหรือออกได้ง่ายๆ ข่าวลือจึงแพร่กระจายไปทั่วได้อย่างรวดเร็ว
“มาร์ธาเก่งมากจนเธอสามารถเอาชนะเด็กทุกคนในสายตรงได้เลย เป็นเรื่องปกติที่ข่าวจะแพร่ไปเร็วขนาดนี้”
"งั้นเหรอครับ..."
“เธอก็ต้องระวังตัวไว้ให้ดีนะ เดี๋ยวนี้ข่าวลือแบบไหนก็แพร่กระจายออกไปเร็วเหมือนๆกันหมด ทั้งข่าวด้านบวกและด้านลบ...”
แล้วริมเมอร์ก็ชี้ไปที่ตัวเอง ดูเหมือนเขาจะหมายถึงว่าตอนที่ศูนย์พลังงานของเขาพังไปนั้น ข่าวก็แพร่กระจายออกไปเร็วเหมือนกัน
“ยังไงก็ดีใจด้วยอีกครั้งนะ ต่อไปจะเป็นโอกาสที่ดีมากแล้วก็ฉันจะขอให้ผ่านไปด้วยดี”
ริมเมอร์เดินไปตามทางเดินในคฤหาสน์พร้อมกับผิวปาก ดูเหมือนว่าอัศวินในคฤหาสน์จะรู้อยู่แล้วว่าพวกเขามาเข้าพบผู้เป็นหัวหน้าตระกูลและไม่ได้เข้ามาขัดขวางพวกเขา
“ท่านเจ้าตระกูลกำลังรออยู่เลยครับ”
เมื่อพวกเขาเดินผ่านทางเดินยาวบนชั้น1จนไปถึงห้องโถง พ่อบ้านของเกล็นก็มาต้อนรับพร้อมกับเปิดประตูให้พวกเขาด้วยรอยยิ้ม
แอดดด
ประตูเหล็กบานคู่ขนาดใหญ่เปิดออกจากกัน เสียงของมันดังจนแทบทำให้ใจเขาหยุดเต้น พลังงานอันหนักหน่วงแผ่ความกดดันออกมาจากหลังบานประตู
ราอนกุมหน้าอกด้านซ้ายของเขา
'ออร่าของเขามันหนักขนาดนี้ตลอดเลยเหรอ…?'
แล้วเกล็นก็ปล่อยความกดดันของเขาออกมามากขึ้นอีก ราอนไม่สามารถหยุดมือของเขาจากการสั่นได้เลย
ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะเป็นมนุษย์ธรรมดา…
น้ำเสียงของราธก็สั่นเทาเช่นเดียวกัน
“ตอนนี้เธอรู้สึกถึงออร่าได้แล้วใช่ไหม?”
ริมเมอร์ยิ้มให้ราอนทั้งๆที่มีเหงื่อหยดหนึ่งไหลลงบนหน้าผากของเขา
“นั่นไงล่ะ... ราชาของพวกเรา”
เขายกยิ้มมุมปากแล้วเดินเข้าไป
“อึก”
ราอนกลืนน้ำลายและเดินตามเขาไป ยิ่งเข้าใกล้เขาก็ยิ่งรู้สึกกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ ความรู้สึกเหมือนไหล่ของเขาถูกกดทับด้วยพลังงานอันทรงพลัง
“สวัสดีครับท่านเจ้าตระกูล!”
ราอนซึ่งอยู่ข้างๆพร้อมกับริมเมอร์คุกเข่าลง ในที่สุดคลื่นพลังงานที่เกล็นปล่อยออกมาก็ลดลง
แม้แต่พลังของเดรุสก็ยังเทียบไม่ได้เลย
"ยืนขึ้นได้"
ราอนรู้สึกโล่งใจในทันทีและยืนขึ้นตามคำสั่งของเขา เมื่อสายตาได้สบดข้ากับดวงตาสีแดงของเกล็นก็ทำให้ดวงตาของเขาเริ่มพร่ามัว มันเป็นความกดดันที่มหาศาลมากจริงๆ
“ผมพาผู้ฝึกฝนอันดับหนึ่งมาตามที่ท่านบอกแล้ว”
“…”
เกล็นจ้องไปที่ราอนโดยไม่แม้แต่จะสนใจริมเมอร์
ไม่แน่ใจว่าเขากำลังหงุดหงิดหรือเปล่า ราอนไม่สามารถอ่านความคิดของเขาได้เลย
“เธอได้รับ 'หมื่นเปลวเพลิง' หรือยัง?”
"ได้แล้วครับ"
“แล้วใช้เวลานานเท่าไหร่?”
“ใช้เวลาประมาณเจ็ดเดือนครับ”
“ช้าไปนะ”
เกล็นเอียงหัวเล็กน้อย แล้วมองเขาด้วยสายตาดูถูก
“งั้นแสดงออร่าให้ฉันดูทีสิ”
เมื่อได้ยินคำสั่งของเกล็น ราอนก็หันไปมองริมเมอร์ ราอนส่งสายตาถามประมาณว่าเขาควรแสดงออร่าให้เกล็นเห็นหรือเปล่า
“ปกติแล้วก็ไม่ควรทำนะ แต่ท่านเจ้าตระกูลเป็นคนขอ…”
“เข้าใจแล้วครับ”
ราอนลุกขึ้นยืน กำหมัดของเขาขึ้นมาด้านหน้า
ฟรึ่บ!
เปลวไฟสีแดงค่อยๆปรากฏขึ้นมา เปลวไฟอันแรกจากหมื่นเปลวเพลิง... ‘เปลวเพลิงลำดับที่หนึ่ง’
“นั่นมัน‘เปลวเพลิงลำดับที่หนึ่ง’ใช่หรือไม่?”
สายตาของเกล็นดูเหมือนจะวูบไหวเล็กน้อย
“จินตภาพของออร่าที่เธอคิดไว้คืออะไร?”
“ผมอยากให้มันเป็นเปลวไฟที่ไม่มีวันดับครับ”
“ไม่ดับงั้นเหรอ?”
“ผมจินตนาการถึงเปลวไฟที่ไม่มีวันดับไว้ครับ... ไม่ว่ามันจะได้เจอลมหรือฝนก็ตามก็จะไม่ดับ”
เกล็นจ้องมองเปลวไฟที่ลุกไหม้บนมือของราอนเป็นเวลานานโดยไม่พูดอะไรออกมา
“ก็ดีแล้วนี่”
"ว่าไงนะครับ?"
นี่เขาได้รับคำชมจากเกล็นงั้นเหรอ เขายื่นมือไปจับที่ใบหูของเขา เผื่อว่าเขาอาจจะได้ยินผิดไป
“นักดาบหรือนักเวทย์ธาตุไฟมักจะมีพลังโจมตีที่ยอดเยี่ยมแต่ความคงทนและการป้องกันของพวกเขากลับด้อยมาก เปลวไฟที่ไม่มีวันดับอาจช่วยให้เธอเอาชนะความอ่อนแอเหล่านั้นได้ ไปศึกษามันให้ดีๆล่ะ'
“…ข-เข้าใจแล้วครับ”
ราอนพยักหน้าด้วยดวงตาที่ประหลาดใจ เขาไม่เคยคิดเคยฝันว่าเกล็นจะให้คำแนะนำแบบนี้กับเขา ดังนั้นน้ำเสียงของราอนจึงสั่นเล็กน้อย
“มันอาจจะแปลกไปหน่อยที่ฉันพึ่งจะมาแนะนำเธอในตอนนี้ ฉันควรจะบอกเธอตั้งแต่พิธีทดสอบแล้ว”
“ครับ…”
อาจจะหมายถึงเรื่องที่เกล็นได้ให้คำแนะนำกับทุกคนยกเว้นราอนไปแล้วในระหว่างพิธี เขาเลยมาแนะนำราอนในตอนนี้แทน
'เป็นคนที่อ่านยากมากเลย'
ภายนอกของเกล็นเป็นคนที่เย็นชาราวกับถูกแกะสลักออกมาจากธารน้ำแข็ง แต่จริงๆแล้วเขาก็เอาใจใส่คนอื่นอยู่บ้างเหมือนกัน
เขาเป็นคนที่ตรงกันข้ามกับเดรุสโดยสิ้นเชิง เดรุสรับเด็กมากมายมาอยู่ในการดูแลแล้วใช้งานพวกเขาเหมือนทาส
“แล้วก็ต่อไป ฉันจะบอกเธอถึงเรื่องสำคัญ…”
เกล็นวางเท้าคาง และจ้องมองลงไปที่ราอน
“ในปีหน้า ฉันจะให้ผู้ฝึกฝนทุกคนเริ่มออกทำภารกิจ”
“ภารกิจเหรอครับ?”
“พวกเธอทุกคนก็ฝึกฝนกันมาเกือบหนึ่งปีและก็มีออร่ากันหมดแล้วด้วย... พวกเธอเป็นนักดาบมือใหม่แล้วและก็ควรจะออกไปหาประสบการณ์”
“เอ่อ…”
“เธอคิดว่าตัวเองยังเด็กเกินไปหรือเปล่า? ฉันว่าอายุไม่ใช่สิ่งสำคัญในการต่อสู้หรอกนะ ตราบใดที่เธอเป็นนักดาบและมีดาบอยู่บนมือเธอก็ต้องสู้”
'ไม่ใช่แบบนั้น... ฉันแค่คิดว่าตัวเองแก่เกินไปต่างหาก'
ในชีวิตก่อนหน้า เขาได้รับภารกิจลอบสังหารครั้งแรกตอนอายุแปดขวบ เขาเลยรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เด็กเกินไปแต่แก่เกินไปต่างหาก
“ไม่ใช่แค่เธอคนเดียวหรอกนะ ไปบอกให้ผู้เข้าร่วมการฝึกฝนทุกคนให้เตรียมตัวให้พร้อมด้วย ไม่รู้หรอกนะว่าจะได้ภารกิจแบบไหนแต่พวกเธอก็ต้องผ่านไปให้ได้”
“…เข้าใจแล้วครับ”
“ออกไปได้แล้ว”
เกล็นโบกมือไล่ ราอนคุกเข่าและลุกขึ้นเพื่อโค้งคำนับเขา จากนั้นจึงออกจากห้องโถง
“ถึงเวลาที่พวกเธอจะได้ทำภารกิจแล้ว!”
ริมเมอร์ยิ้มและคว้ามือของเขาขึ้นมาให้ประสานกัน
“จะเป็นภารกิจแบบไหนเหรอครับ?”
“ยังไม่มีการตัดสินใจน่ะ อาจจะเป็นการปราบสัตว์ประหลาด การปกป้องคน หรือไม่ก็กำจัดโจร… แต่ก็นั่นล่ะนะ ถึงยังไงพวกเธอก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับทุกสถานการณ์อยู่แล้ว แบบที่ท่านเจ้าตระกูลได้บอกไว้เมื่อสักครู่นี้ไง”
“แล้วอาจารย์ไม่ไปกับพวกเราด้วยเหรอครับ?”
“ฉันไปแน่ แต่ภารกิจของฉันแตกต่างจากของพวกเธอนะ ภารกิจของผู้ฝึกสอนคือการปกป้องเด็กๆอย่างเดียว”
"โอเคครับ"
“หือ?”
ดวงตาของริมเมอร์ฉายแววประหลาดใจ
'แน่นอนสิ ก็มันเป็นภารกิจของฉันเองนี่'
ในชีวิตก่อนหน้านี้เวลาที่เขาทำภารกิจเขาจะไม่ได้รับการช่วยเหลือเลยแม้แต่นิด ขนาดตอนที่เขาแปดขวบเองก็ไม่มีใครมาคอยตามดูแล ผู้ฝึกสอนจะคอยปกปิดหลักฐานเวลาพวกเขาทำพลาดครั้งใหญ่เท่านั้น
'ตระกูลซีกฮาร์ทนี่ดีกว่าที่ฉันคิด'
ราอนทิ้งริมเมอร์ที่กำลังตกใจไว้ข้างหลัง เขาเดินออกจากคฤหาสน์ด้วยรอยยิ้ม
* * *
* * *
หลังจากที่ราอนไปที่อาคารรองแล้ว ริมเมอร์ก็ย้อนกลับไปที่ห้องโถง
“นายท่านของฉันดูมีความสุขมากเลยนะ”
ริมเมอร์ยิ้มและมองดูเกล็นซึ่งยืนอยู่บนแท่น
“ฉันปกติ”
“เห… แต่มุมปากของนายยกขึ้นสูงกว่าปกติสองมิลลิเมตรนะ”
“หยุดพูดจาไร้สาระแล้วรายงานอาการของมาร์ธามาให้ฉันเดี๋ยวนี้”
“เธอมีรอยฟกช้ำค่อนข้างเยอะ แต่ได้พักไม่นานก็คงหายดีนั่นแหละ ปัญหาคือเหมือนเธอจะมีอาการช็อคทางจิตใจ”
“หากเธอผ่านเรื่องนั้นไปไม่ได้เธอก็ไม่ควรจะใช้ชื่อซีกฮาร์ทต่อ”
หลักการของซีกฮาร์ทไม่มีข้อยกเว้นสำหรับใครทั้งนั้น แม้กระทั่งกับมาร์ธาที่พึ่งได้เข้ามาเป็นบุตรบุญธรรมของคนในสายตรง
“นายช่วยราอนวาดจินตภาพของเขาหรือเปล่า?”
“ฉันเป็นอาจารย์ก็จริงนะ แต่ราอนเป็นคนวาดมันขึ้นมาเอง ฉันแค่ให้คำแนะนำเขานิดหน่อย”
ริมเมอร์ยักไหล่แล้วพูดต่อ
“นายรู้สึกยังไงที่ได้เห็นออร่าที่เหมือนกับออร่าของท่านเจ้าตระกูลคนแรกที่นายอยากเห็นมันมานาน?”
“ออร่ามันเหมือนกับที่บันทึกเอาไว้ทุกอย่าง ทั้งสวยงามราวกับดอกไม้ไฟ และเมื่อเทียบกับออร่าขนาดเดียวกันแล้วก็ถือว่าเป็นออร่าที่ทรงพลังมากที่สุด”
"ใช่แล้วล่ะ ออร่าของราอนทำลายออร่าไททันของมาร์ธาที่ฝึกมากว่าสี่ปีได้ มันเป็นพลังที่น่าเหลือเชื่อมากๆเลย ว่าแต่…สีของมันควรจะเป็นสีทองไม่ใช่เหรอ?”
“สีของมันขึ้นอยู่กับพลังของไฟ นายก็คอยสั่งสอนเขาในเส้นทางที่ถูกต้องด้วยล่ะ”
“...นายก็ใจดีกับเขาตลอด”
“……”
เกล็นไม่ตอบอะไรกลับไป เขาเพียงหลับตาแล้วโบกมือไล่ริมเมอร์เพราะเขาเริ่มทำตัวน่ารำคาญ
“งั้นก็เลือกแต่ภารกิจดีๆมาให้ละกันนะ”
“นั่นมันเป็นงานของฝ่ายบริหารทั่วไปไม่ใช่งานของฉัน อย่ามากังวลเรื่องนั้นแล้วไปช่วยฝึกฝนให้เด็กๆผ่านภารกิจทุกรูปแบบไปได้เถอะ”
"เชื่อมือฉันได้เลย! ฉันจะคอยสั่งสอนพวกเขาเป็นอย่างดีไม่ให้พวกเขาแอบขี้เกียจแน่นอน”
“….นายควรดูตัวเองก่อน”
เกล็นแอบหัวเราะ เมื่อเห็นการแสดงออกอย่างมั่นอกมั่นใจของริมเมอร์
“นี่เรียกว่าอาจารย์สองหน้าต่างหากล่ะ”
ริมเมอร์ยิ้มตอบ
***
“หืม?”
จูเดียลที่กำลังถอนวัชพืชในแปลงดอกไม้ต้องหันกลับมาเมื่อได้ยินเสียงจากด้านหลังเธอ
“ส... สวัสดีค่ะคุณชายราอน!”
ทันทีที่ได้สบตากับเขา เธอก็รู้สึกหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
“กลับมาแล้วเหรอคะ!”
เธอยืนขึ้นและสำรวจภายนอกของเขา เสื้อผ้าของเขาเต็มไปด้วยฝุ่นแต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนเลย
'ไม่มีทาง... เขาชนะเธอหรือเปล่า? ชนะมาร์ธาน่ะเหรอ?
เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะชนะกลับมาแบบไม่ได้รับบาดเจ็บเลย
“คุณชายชนะการประลองใช่ไหมคะ?”
"คิดว่าไงล่ะ?"
ราอนยิ้ม..
“เอ่อ…”
เมื่อได้มองดูรอยยิ้มแห่งชัยชนะของเขาก็ทำให้เธอนึกถึงวันนั้น แสงสะท้อนจากดวงตาสีแดงของเขาที่ลอยอยู่บนทะเลสาบ…ถ้าบอกว่าเขาเป็นปีศาจเธอก็คงจะเชื่อในทันที
'….แสดงว่าปีศาจแบบเขาไม่ได้พ่ายแพ้ให้กับแค่เด็กอัจฉริยะคนเดียวสินะ
เธอตระหนักได้อีกครั้งว่าราอนเป็นคนแบบไหน
“ศูนย์บัญชาการกองทัพคงจะติดต่อเธอมาอีกครั้งในเร็วๆนี้ เพื่อสั่งให้เธอตรวจสอบฉันให้ละเอียดยิ่งขึ้น”
“ค-ค่ะ”
“เขียนสิ่งที่เธอคิดว่าควรจะรายงาน แล้วนำมาให้ฉัน”
“เข้าใจแล้วค่ะ”
เขาฉีกยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ทำให้เธอขนลุก แล้วเดินเข้าไปในอาคารรอง จูเดียลถึงกับเผลอปล่อยเศษหญ้าออกจากมือ และแผ่นหลังของเธอก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
“สัตว์ประหลาดก็ต้องเอาชนะอัจฉริยะได้อยู่แล้ว…”
***
“ราอน!”
ทันทีที่ราอนเข้าไปในอาคารเสริม เขาก็ได้เจอกับซิลเวียที่กำลังจะสวมเสื้อตัวนอก
"แม่กำลังจะไปไหนเหรอครับ?"
“แม่จะไปไหนงั้นเหรอ?! แม่ก็กำลังจะออกไปตามหาลูกยังไงล่ะ! ลูกควรจะมาถึงที่นี่ได้ตั้งนานแล้ว”
ซิลเวียพุ่งเข้ามาหาเขาด้วยความเร็วที่มากกว่านักดาบทั่วๆไปเสียอีก
"ลูกสบายดีใช่ไหม? เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
ดวงตาของเธอสำรวจราอนไปทั่วทุกมุม
“ผมไม่ได้รับบาดเจ็บเลยครับ”
"เฮ้อ…"
ซิลเวียถอนหายใจและลูบหน้าอกของเธอด้วยความโล่งอก แต่ดวงตาของเธอก็ยังไม่เลิกจ้องไปตามร่างกายของราอน
“การประลองถูกยกเลิกเหรอ?”
“ไม่ใช่ครับ คือผมเป็นคนชนะ…”
“แล้วลูกก็ไม่มีแผลเลยงั้นเหรอ?”
“เพราะผมป้องกันไว้ได้…”
“ล…ลูกชนะโดยที่ป้องกันไว้ได้ทั้งหมด?”
“อึ้ม”
“จริงเหรอคะ?”
เฮเลนเผลอปล่อยเสื้อชั้นนอกของซิลเวียลงพื้น
เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่าความสามารถของมาร์ธานั้นยอดเยี่ยมพอๆกับคนในสายตรง ปฏิกิริยาที่ประหลาดใจของพวกเขาจึงไม่ได้น่าแปลกใจเท่าไหร่
“ถ-ถ้าไม่เจ็บงั้นก็มาทานข้าวก่อน! เฮเลนไปเตรียมอาหารเร็วเข้า!”
"ไม่เป็นไรหรอกครับ"
"ห๊ะ? แต่ลูกยังไม่ได้ทานมื้อเย็นเลย”
“ผมยังมีเรื่องต้องทำน่ะครับ…”
ราอนส่ายหัวและแอบล้วงมือไปแตะกล่องไม้ในกระเป๋าที่บรรจุยาอมฤตไว้
นี่จะเป็นเวลาที่น่าตื่นเต้น เพราะเขากำลังจะได้แข็งแกร่งขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง