ตอนที่ 500 วอร์สตาร์
ตอนที่ 500 วอร์สตาร์
ปัจจุบันเซี่ยเฟยกำลังโดยสารอยู่บนยานบรรทุกที่ทรุดโทรม เพื่อเดินทางออกจากเมืองไอร่อนออกไปยังจักรวาลที่เต็มไปด้วยดวงดาว เพื่อค้นหาร่องรอยของผู้นำหุ่นยนต์คนสุดท้าย ผู้ซึ่งเป็น 1 ใน 3 อดีตขุนพลคนสำคัญของเทพธิดาผู้พิทักษ์ และเป็นหุ่นยนต์นักรบที่แข็งแกร่งมากที่สุดในบรรดาหุ่นยนต์ทั้งหมด
“ครั้งสุดท้ายที่ฉันเห็นวอร์สตาร์ เขากำลังฝึกฝนอยู่ที่ขอบดินแดนแห่งความลับ ฉันหวังว่าตอนนี้เขาก็คงฝึกฝนอยู่ที่เดิมนะ” มอร์โรว์กล่าว
จากสถานการณ์มันก็ดูเหมือนกับว่ามอร์โรว์จะไม่ค่อยถูกกับวอร์สตาร์มากนัก ฮามิจึงจำเป็นจะต้องใช้เวลาเกลี้ยกล่อมอดีตหัวหน้าหุ่นยนต์วิศวกรตัวนี้อยู่นาน เพื่อให้พวกเขาออกเดินทางมาตามหาวอร์สตาร์ด้วยกัน
“หุ่นยนต์ฝึกฝนได้ด้วยงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถามด้วยความสงสัย
“การฝึกฝนของหุ่นยนต์ค่อนข้างที่จะแตกต่างจากการฝึกฝนในความคิดของคุณ สำหรับมนุษย์การฝึกฝนจะมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนร่างกายให้คุ้นชินกับทักษะการต่อสู้ที่ตัวเองได้เรียนรู้มา แต่สำหรับพวกเราชาวหุ่นยนต์แล้วการฝึกฝนของพวกเราจะมุ่งเน้นไปที่วิธีการคิด ว่าเราจะทำยังไงให้เราสามารถแสดงพลังออกมาได้อย่างสูงสุด ซึ่งบางครั้งเราก็จำเป็นจะต้องดัดแปลงร่างกายของเราให้มีความเหมาะสมกับทักษะที่พวกเราได้เรียนรู้มาเช่นกัน” มอร์โรว์กล่าวอธิบาย
เซี่ยเฟยพอจะจินตนาการภาพตามได้เล็กน้อย แล้วเขาก็อยากจะรู้ว่าหุ่นยนต์ที่ได้รับการยกย่องว่ามีพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดจะมีพลังการรบอยู่ในระดับไหนกันแน่
ระหว่างนั้นกระป๋องก็นำบะหมี่ผัดออกมาเสิร์ฟเพื่อคลายความหิวให้กับเซี่ยเฟยในระหว่างการเดินทาง
“กระป๋องต้องทำเตาไมโครเวฟขึ้นมาเอง กระป๋องเลยไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำ รสชาติของบะหมี่ผัดอาจจะแย่ลงกว่าที่กระป๋องเคยทำให้กิน” กระป๋องกล่าวขึ้นมาด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย
“ฉันกินอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละ ฉันไม่ใช่คนกินยากตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับตบหัวกระป๋องเบา ๆ
การได้กลับมารับใช้เซี่ยเฟยอีกครั้งทำให้กระป๋องมีความสุขมาก ซึ่งหลังจากที่ชายหนุ่มกินอาหารจนเสร็จมันก็รีบวิ่งเอาจานชามไปทำความสะอาด
“ตอนนี้หุ่นยนต์บริการเหมือนกระป๋องถูกกำจัดไปหมดแล้ว เพราะพวกมันไม่มีมนุษย์ที่ต้องคอยให้บริการอีกต่อไป ในโลกของหุ่นยนต์ตอนนี้จึงเหลือแต่พวกหุ่นยนต์ต่อสู้กับหุ่นยนต์วิศวกรรมที่ทำหน้าที่เป็นแรงงานเพียงแค่นั้น” มอร์โรว์กล่าว
“สำหรับพวกนายหุ่นยนต์บริการอาจจะไม่จำเป็น แต่กระป๋องคือหุ่นยนต์ที่สำคัญมากที่สุดสำหรับฉันแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยักไหล่
เมื่อกระป๋องที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลได้ยินคำพูดของเซี่ยเฟย มันก็พยายามทำงานหนักมากยิ่งขึ้นด้วยความรู้สึกขอบคุณที่เซี่ยเฟยยังคงให้ความสำคัญกับตัวมันอยู่
ขณะเดียวกันช่วงเวลานี้อันธก็เงียบเสียงไปอย่างผิดปกติ ซึ่งเซี่ยเฟยก็คิดว่าวิญญาณนักฆ่าคงจะกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องที่เทพธิดาผู้พิทักษ์มองเห็นวิญญาณอย่างเขาได้ และเขาก็คงจะครุ่นคิดว่าทำไมหุ่นยนต์ถึงมองเห็นวิญญาณได้แบบนี้
—
ณ ดาวเคราะห์อีกดวงหนึ่งที่ทำมาจากเหล็ก
ยานบรรทุกที่พวกเซี่ยเฟยเดินทางมาค่อย ๆ ร่อนลงจอดอย่างช้า ๆ ก่อนที่เขา, ฮามิและมอร์โรว์จะค่อย ๆ เดินลงมาจากยานทีละคน
สภาพแวดล้อมภายในดาวดวงนี้ค่อนข้างจะโหดร้ายอยู่พอสมควร เพราะทันทีที่ชายหนุ่มได้เดินลงมาจากยาน ร่างของเขาก็ปะทะเข้ากับลมหนาวและมีทรายสีดำปลิวว่อนไปทั่ว
เซี่ยเฟยพยายามใช้มือคว้าทรายสีดำในอากาศและเขาก็ได้พบว่าเศษฝุ่นสีดำที่ปลิวอยู่ในอากาศนี้ไม่ใช่ทรายเหมือนที่เขาคิดในตอนแรก แต่มันเป็นเศษโลหะที่ผุกร่อนขนาดเล็กรวม ๆ กันจนกลายเป็นเหมือนกับทะเลทรายไร้ที่สิ้นสุด
ใต้เศษฝุ่นโลหะมีเครื่องจักรขนาดใหญ่เป็นจำนวนมากยื่นออกมา ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าพวกมันถูกฝังอยู่ที่นี่มาเป็นเวลานานแล้ว
“ดาวดวงนี้คือดาวเคราะห์โลหะดวงแรกที่หุ่นยนต์สร้างขึ้นมา แต่วันหนึ่งมันก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นมาอย่างร้ายแรง ดาวเคราะห์ดวงนี้จึงถูกปล่อยทิ้งร้างเอาไว้”
“วอร์สตาร์ชอบสถานที่แบบนี้มาก เพราะมันเป็นดาวที่ไม่มีใครใช้อยู่อาศัยอีกต่อไปแล้ว ซึ่งมันก็สอดคล้องกับนิสัยรักสันโดษของเขา” มอร์โรว์กล่าว
“การมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวแบบนี้เป็นเรื่องที่ดีแล้ว ไม่เหมือนกับเทพธิดาผู้พิทักษ์ที่ไม่สามารถยึดเหนี่ยวจิตใจของตัวเองได้นั่นก็เพราะว่าเธอขาดเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเธอไป” เซี่ยเฟยกล่าว
“อันที่จริงเทพธิดาผู้พิทักษ์เป็นหุ่นยนต์ที่สมบูรณ์แบบเพียงตัวเดียวในบรรดาหุ่นยนต์ทั้งหมด แต่น่าเสียดายที่ความสมบูรณ์แบบของเธอมีมากจนเกินไป จนทำให้เธอขาดเอกลักษณ์สำคัญเฉพาะตัวของเธอไป” มอร์โรว์กล่าวอย่างขมขื่น
หลังจากนั้นพวกเขาก็ค่อย ๆ เดินไปบนทะเลทรายสีดำ โดยทิ้งรอยเท้าตื้น ๆ เอาไว้ระหว่างทาง ซึ่งตลอดการเดินทางเศษโลหะก็ถูกลมพัดเข้าใส่ใบหน้าสร้างความเจ็บปวดให้กับชายหนุ่มบ้างเป็นครั้งคราว
ทันใดนั้นเองบนเนินทรายที่อยู่ห่างไปไม่ไกล หุ่นยนต์ตัวหนึ่งก็ยืนต้านลมอย่างมั่นคงและมองมาที่เซี่ยเฟยด้วยแววตาที่เย็นชา
เซี่ยเฟยไม่เคยเห็นหุ่นยนต์ตัวไหนที่ให้ความรู้สึกองอาจเช่นนี้มาก่อนเลย บนร่างกายของเขาแสดงออกถึงกล้ามเนื้อที่คมชัด สัดส่วนทั่วทั้งร่างของเขาก็จัดอยู่ในความสมบูรณ์แบบ ซึ่งถ้าหากว่าหุ่นยนต์ตัวนี้เป็นมนุษย์ รูปร่างของเขาก็คงจะสร้างความประทับใจให้กับทุกคนที่ได้พบเห็นชายคนนี้ในครั้งแรก
วอร์สตาร์ยืนมองเซี่ยเฟยอยู่สักพัก ก่อนที่เขาจะหันหลังแล้วเดินจากไปโดยไม่พูดอะไร
“ไอ้นี่ยังขี้เก๊กอยู่เหมือนเดิม” มอร์โรว์ส่งเสียงพึมพำขึ้นมาเบา ๆ
ทุกคนพยายามเร่งฝีเท้าตามวอร์สตาร์ไปยังอาคารขนาดใหญ่ที่พังทลาย ซึ่งตลอดการเดินทางมอร์โรว์ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจกับความหยิ่งยโสของวอร์สตาร์ และเขาก็มักที่จะบ่นพึมพำกับตัวเองอยู่เสมอ
พื้นที่ส่วนกลางของอาคารเป็นเครื่องปฏิกรณ์สำหรับเติมพลังงาน วอร์สตาร์จึงได้เดินลงไปนั่งบนแผ่นโลหะก่อนที่เขาจะเสียบสายไฟเข้าสู่ร่างกายของตนเอง จากนั้นมันก็ได้มีไฟแสดงสถานะทางด้านซ้ายร่างกายของเขา พร้อมกับแถบชาร์ท 10 แถบที่บ่งบอกว่าร่างกายของเขาเหลือพลังงานอยู่มากน้อยแค่ไหน
เซี่ยเฟยนั่งรออยู่ใกล้ ๆ ทางเข้า ขณะที่มอร์โรว์ก็ทดลองนำสายไฟออกมาเสียบเข้ากับร่างกายของตัวเองเหมือนกัน
“พลังงานต้นกำเนิด? ไม่น่าเชื่อเลยว่าในซากปรักหักพังพวกนี้ยังเหลือพลังงานดี ๆ แบบนี้อยู่” มอร์โรว์กล่าวด้วยรอยยิ้มที่พึงพอใจ
“พลังงานต้นกำเนิดคืออะไร?” เซี่ยเฟยถามด้วยความสงสัย
“มันคือพลังงานบริสุทธิ์ที่อยู่ในหัวใจจักรวาลสีม่วงขึ้นไป ซึ่งถ้าหากมันจะดีที่สุดมันก็ควรจะเป็นพลังงานที่อยู่ในหัวใจจักรวาลสีขาว” มอร์โรว์กล่าว
ระหว่างนั้นฮามิก็พยายามทำจิตใจให้สงบ เพราะทั้งวอร์สตาร์และมอร์โรว์ต่างก็เคยเป็นขุนพลคนสำคัญของเทพธิดาผู้พิทักษ์ ดังนั้นการได้อยู่กับหุ่นยนต์ในตำนานทั้งสองคนพร้อมกัน มันจึงทำให้ฮามิทั้งรู้สึกประหม่าและตื่นเต้นไปในเวลาเดียวกัน
“ในจักรวาลมีหัวใจจักรวาลสีขาวด้วยเหรอ?” เซี่ยเฟยถาม
“มีสิ หัวใจจักรวาลสีแดงเรียกว่าพลังงานพื้นฐาน แต่มันก็มีความบริสุทธิ์ไม่เพียงพอ ดังนั้นไม่ว่ามนุษย์หรือหุ่นยนต์ที่ดูดซับพลังงานชนิดนี้เข้าไปมันก็จะก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกาย”
“หัวใจจักรวาลสีม่วงมีพลังงานระดับที่ 2 ที่มีความบริสุทธิ์ขึ้นมากกว่าเดิม โดยมันเป็นพลังงานที่ร่างกายสามารถดูดซับเข้าไปได้ แต่ไม่ควรดูดซับมากเกินไปไม่งั้นมันก็จะก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายด้วยเหมือนกัน”
“หัวใจจักรวาลสีขาวมีพลังงานอยู่ในระดับที่ 3 พลังงานในหัวใจจักรวาลสีขาวนี้ถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าพลังงานต้นกำเนิด ซึ่งไม่เพียงแต่สิ่งมีชีวิตจะสามารถดูดซับพลังงานเข้าไปเพิ่มพลังให้กับตัวเองได้เท่านั้น แต่พลังงานต้นกำเนิดยังเป็นแหล่งพลังงานที่ดีมากสำหรับพืชพันธ์ุ ทำให้มันกลายเป็นต้นกำเนิดของความอุดมสมบูรณ์” มอร์โรว์กล่าวอธิบาย
ทันใดนั้นเซี่ยเฟยก็ตระหนักว่าแก่นชีวิตที่เขาเก็บกู้ขึ้นมาจากก้นทะเลสาบดำในป่าเอเวอร์ไนท์นั้นก็คือหัวใจจักรวาลสีขาวที่มอร์โรว์เพิ่งอธิบายไปนั่นเอง
การพยายามดูดซับพลังงานจากหัวใจจักรวาลสร้างปัญหาให้กับเซี่ยเฟยมาโดยตลอด เพราะท้ายที่สุดเขาก็ไม่สามารถดูดซับพลังงานโดยตรงได้เหมือนกับขนอุย และเขาก็ไม่มีหน่วยแปลงพลังงานเหมือนในร่างของหุ่นยนต์
ด้วยเหตุนี้ถึงแม้ว่าเขาจะได้วิธีการดูดซับพลังงานมาจากเงาโลหิต แต่พลังงานที่แนะนำในหนังสือก็เป็นเพียงแค่พลังงานจากหัวใจจักรวาลสีม่วงเท่านั้น ไม่มีการกล่าวถึงหัวใจจักรวาลสีขาวเลยแม้แต่น้อย
กาลเวลาผ่านพ้นไปอย่างเงียบงัน ซึ่งวอร์สตาร์ก็ยังคงดูดซับพลังงานโดยไม่แสดงความเป็นศัตรูหรือความเป็นมิตรต่อผู้มาใหม่ ขณะเดียวกันมอร์โรว์ก็ไม่ได้พูดถึงจุดประสงค์ที่พวกเขาเดินทางมาที่นี่ บรรยากาศจึงเต็มไปด้วยความอึดอัดเพราะไม่มีใครยอมพูดอะไรออกมาแม้แต่นิดเดียว
ในที่สุดหลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปนานกว่า 1 ชั่วโมง มอร์โรว์ก็ไม่สามารถที่จะทนความอึดอัดในสถานการณ์นี้ได้อีกต่อไป
“องค์หญิง... ไม่ใช่สิเทพธิดาผู้พิทักษ์กำลังต้องการความช่วยเหลือจากพวกเรา”
“ท่านเทพธิดาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดและมีเหตุผลที่สุด เธอไม่จำเป็นจะต้องได้รับความช่วยเหลือจากใคร” วอร์สตาร์กล่าวอย่างเย็นชา
“แม้แต่ท่านเทพธิดาก็มีช่วงตกต่ำอยู่เหมือนกัน และตอนนี้เธอก็ได้ไปยืนอยู่ที่ปลายขอบเหวแล้ว” มอร์โรว์กล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“เรื่องนั้นมันก็เป็นเรื่องที่ท่านเทพธิดาตัดสินใจด้วยตัวเองเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นนายหรือฉันก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่ง” วอร์สตาร์กล่าว
“ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานแค่ไหนนายก็ยังมีนิสัยเย็นชาแบบนี้อยู่เหมือนเดิม เอาล่ะนายไม่จำเป็นจะต้องไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของเทพธิดาก็ได้ แต่ฉันหวังว่านายจะช่วยพวกเราตามหาร่างของเซียน่า” มอร์โรว์กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ร่างของเซียน่า? พวกนายจะตามหาร่างของเซียน่าไปทำไม?” วอร์สตาร์ผงะไปเล็กน้อย
“ตอนนี้เซียน่าเหิมเกริมมากไปแล้ว หากเรายังปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป สักวันหนึ่งเธอก็จะออกไปจากดินแดนแห่งความลับเพื่อไปสร้างอาณาจักรของเธอเอง”
“อะไรนะ! นี่เธอลืมอดีตไปแล้วเหรอ!!” วอร์สตาร์อุทานพร้อมกับกำหมัดแน่น
“ไม่หรอก แต่เธอแค่ปล่อยมันไปไม่ได้”
บทสนทนาระหว่างมอร์โรว์กับวอร์สตาร์ทำให้ฮามิรู้สึกสับสน เพราะถึงแม้ว่าเขาจะเป็นหุ่นยนต์แต่เขาก็ไม่รู้ว่าทั้งสองกำลังพูดคุยกันถึงเรื่องอะไร อย่างไรก็ตามเซี่ยเฟยกลับฟังบทสนทนาอย่างเงียบ ๆ ด้วยความสนใจ เพราะเขายิ่งได้รู้เรื่องของหุ่นยนต์มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งได้พบว่าเรื่องนี้มีความน่าสนใจมากขึ้นเท่านั้น
“แล้วมนุษย์คนนี้คือใคร?” วอร์สตาร์ถามขณะมองมาทางเซี่ยเฟยด้วยหางตา
“เขาชื่อเซี่ยเฟยเป็นมนุษย์ที่เทพธิดาเรียกหาด้วยตัวเอง”
“ทำไม?”
“เธออาจจะเรียกมาเพราะความรู้สึกผิดหรืออาจจะเพราะความอยากรู้ แต่ตอนนี้เทพธิดาไม่เหมือนเดิมแล้ว ใครจะรู้ว่าเธอเรียกเขามาทำไม” มอร์โรว์กล่าวอย่างคาดเดาความคิดเทพธิดาผู้พิทักษ์ไม่ได้เหมือนกัน
“คุณแข็งแกร่งไหม?” วอร์สตาร์หันไปกล่าวกับเซี่ยเฟยด้วยความเย็นชา
“ก็พอจะแข็งแกร่งบ้าง” เซี่ยเฟยตอบกลับเบา ๆ
“เทพธิดาบอกอะไรกับคุณ?”
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็เล่าเรื่องที่เขาได้พูดคุยกับเทพธิดาให้ฟัง
“คุณอยากทำลายเซียน่างั้นเหรอ?”
เซี่ยเฟยพยักหน้าโดยไม่พูดอะไรเพิ่มเติม
“มอร์โรว์ มนุษย์คนนี้ต้องการทำลายเซียน่า แต่นายต้องการที่จะช่วยเหลือเขาจริง ๆ เหรอ?”
“หุ่นยนต์ไม่ได้มีเรื่องของชีวิตกับความตายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ในความคิดของฉันเซี่ยเฟยก็แค่ตั้งใจจะปิดการทำงานของเซียน่าลงเท่านั้นเอง” มอร์โรว์กล่าว
“แล้วมันต่างกันยังไง?”
“ไม่ต่างหรอก ฉันก็แค่ไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยและนายก็น่าจะรู้ว่าฉันหมายถึงอะไร” มอร์โรว์กล่าวด้วยรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์
บทสนทนาตกอยู่ภายใต้ความเงียบงันขึ้นอีกครั้ง ซึ่งฮามิเกือบจะเป็นบ้าจากบทสนทนาของพวกเขาทั้งสาม ท้ายที่สุดไม่ว่าเขาจะพยายามวิเคราะห์บทสนทนาพวกนี้ยังไง แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าทั้งสามกำลังพยายามพูดถึงอะไรกันแน่
เซี่ยเฟยเริ่มสัมผัสได้ว่าปริศนาที่กวนใจเขากำลังใกล้จะได้คำตอบมากขึ้นเรื่อย ๆ ชายหนุ่มจึงจ้องมองไปที่วอร์สตาร์และมอร์โรว์ด้วยความตื่นเต้น
“เซียน่าทำผิดก็จริง แต่เราก็ไม่ควรปิดการทำงานของเธอลง” วอร์สตาร์กล่าวอย่างดื้อรั้น
“ตอนนี้สถานการณ์ชัดเจนมาก เซียน่าพยายามใช้อวัยวะจากมนุษย์ในอาณาจักรเทียนโลหิตเพื่อสร้างหุ่นยนต์ชีวภาพขึ้นมาเป็นจำนวนมาก หุ่นยนต์พวกนี้มีรูปลักษณ์ไม่ต่างไปจากมนุษย์ นายคิดไม่ได้จริง ๆ เหรอว่าเธอกำลังมีจุดมุ่งหมายคืออะไรกันแน่?”
“ในเวลาเดียวกันเธอก็กำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อกำจัดการควบคุมของเทพธิดาผู้พิทักษ์ เท่าที่ฉันสังเกตมาไม่ว่าจะเป็นนาย, มอร์โรว์หรือเซียน่าต่างก็ไม่ได้ถูกควบคุมโดยเทพธิดาผู้พิทักษ์ใช่ไหม? เซียน่าจึงหวังว่าลูกน้องของเธอก็จะไม่ถูกควบคุมโดยเทพธิดาผู้พิทักษ์ด้วยเหมือนกัน”
“เมื่อรวมสถานการณ์ทุกอย่างเข้าด้วยกันแล้ว ฉันเชื่อว่าถึงแม้ฉันจะไม่ต้องพูดอะไรไปมากกว่านี้ แต่นายก็น่าจะมีสมองมากพอที่จะประมวลสถานการณ์ได้” เซี่ยเฟยกล่าว
วอร์สตาร์ส่ายหัวอย่างขมขื่นราวกับว่าเขาไม่เต็มใจที่จะยอมรับบทสรุปที่เกิดขึ้นในหัว
“ลุกขึ้นมาเถอะ ฉันรู้วิธีที่จะช่วยให้นายแก้ปัญหาความขัดแย้งในใจได้อย่างรวดเร็ว” เซี่ยเฟยลุกยืนขึ้นพร้อมกับแสดงท่าทางออกมาอย่างเชิญชวน
“วิธีอะไร?”
“ทุกครั้งที่มนุษย์มีความขัดแย้งกัน พวกเราก็มักที่จะมีการปะทะกันอยู่เสมอ วิธีการนี้เหมาะสมสำหรับพวกเราอย่างเห็นได้ชัด เพราะไม่ว่าจะเป็นนายหรือฉันต่างก็เป็นนักสู้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย”
“วันนี้ฉันมีโอกาสได้พบนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของหุ่นยนต์ทั้งที มันก็คงจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายถ้าหากว่าฉันไม่ได้ลองสู้กับนายดู” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหยิบดาบดราก้อนสเกลออกมาตั้งท่าเตรียมพร้อม
***************
พี่เฟย vs วอร์สตาร์ ใครอยู่ฝั่งไหนบ้าง? เอ๊ะหรือจะเสมอนะ…