ตอนที่ 1280 หมอเท้าเปล่า(2)
ผู้จัดการร้านอาหารคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า : “ใช่ รีบโทรแจ้งตํารวจ!”
เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าเกินความสามารถของเขาแล้ว นี่ไม่ใช่อุบัติเหตุทั่วไป แต่เป็นปัญหาที่ร้ายแรงมาก ผู้จัดการร้านอาหารไม่ต้องการรับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะไม่โทรแจ้งตํารวจ อีกฝ่ายก็จะต้องโทรแจ้งตํารวจอยู่ดี สู้เขาโทรแจ้งตํารวจก่อนไม่ดีกว่าเหรอ อย่างน้อยๆ ทางเราก็ยังสามารถสร้างความไว้วางใจได้ ..ไม่มากก็น้อย
แน่นอนเมื่อพอเห็นผู้จัดการร้านอาหารโทรแจ้งตํารวจ ลูกค้าภายในร้านก็พากันสบายใจขึ้นเล็กน้อย คนอื่นกล้าโทรแจ้งตํารวจก่อน อย่างน้อยอีกฝ่ายก็มีความมั่นใจอยู่
หลังจากโทรแจ้งตํารวจไปแล้ว ผู้จัดการร้านอาหารก็ติดต่อไปหาเถ้าแก่เจ้าของร้านผ่านโทรศัพท์ทันที เพื่อรายงานเรื่องนี้ให้เจ้านายได้ทราบ
“พวกคุณมีใครเป็นอะไรหรือเปล่า? ก่อนหน้านี้มีใครดื่มซุปไก่เขาไปแล้วมีอาการผิดปกติอะไรไหม?” ในเวลานี้ผู้หญิงคนนั้นได้เริ่มเข้าไปซักถามลูกค้าภายในร้าน
“คุณผู้หญิง ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ ทางเราเองได้แจ้งเรื่องนี้ให้กับเถ้าแก่ของทางเราเกี่ยวกับปัญหาของเรื่องนี้แล้วครับ เถ้าแก่ของเราบอกว่าจะรีบมาในทันที และอีกอย่างทางเราก็ได้โทรแจ้งตํารวจแล้ว ผมเชื่อว่าทางตำรวจจะหาสาเหตุได้ว่ามันเกิดขึ้นจากอะไรครับ” ผู้จัดการร้านอาหาร ได้กล่าวขอโทษ และพยายามระงับอารมณ์ของอีกฝ่าย
แต่ทางผู้หญิงคนนั้นกลับยิ่งมีอารมณ์มากขึ้น : “ถ้าซุปไก่ของพวกคุณมีปัญหา ฉันอยากให้พวกคุณเลิกกิจการไปซะ!”
ฝ่ายผู้ชายก็มีอารมณ์เช่นกัน : “ถูกต้อง น้องสาวของฉันสบายดี และฉันก็เห็นว่ามันเป็นปัญหาของพวกคุณ!”
ผู้จัดการร้านอาหารได้ตัวสั่น
หลินฟาน นั่งอยู่ที่โต๊ะของตัวเอง และเฝ้าดูเหตุการณ์นี้ทั้งหมด
ในเวลานี้ หลินฟาน เห็นว่ามีบริกรมาเสิร์ฟอาหาร แต่เมื่อเขาเดินมาได้ครึ่งทางก็หยุด อาจเพราะได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ บริกรจึงหยุด และไม่กล้าเสิร์ฟอาหารให้เขา
หลินฟาน ได้โบกมือให้บริกร บริกรจึงถือจานเดินขึ้นมา
หลินฟาน ถามว่า : “นี่ของผมหรือเปล่า?”
บริกรพยักหน้า และสีหน้าของเขาเองก็ค่อนข้างอึดอัด เพราะสิ่งที่เขาถืออยู่ในมือก็คือ ‘ชามซุปไก่’ ซึ่งถือเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อเป็นพิเศษของทางร้านของพวกเขา หลินฟาน ได้เอ่ยขออาหารที่ขึ้นชื่อ ทางด้านบริกรก็ตัดสินใจเสิร์ฟซุปไก่ไปให้กับ หลินฟาน
หลินฟาน กล่าวว่า : “งั้นเอามาให้ผมเถอะ ขอบคุณ”
บริกรแปลกใจเล็กน้อย ซุปไก่ตรงหน้านั้นอาจจะดื่มแล้วทำให้คนตายได้ แต่แล้วทําไม หลินฟาน ถึงยังกล้าดื่มมันอยู่?
เขาไม่กล้าพูดอะไรมาก ได้แต่วางซุปไก่ในมือลง
กลิ่นของมันหอมจนเตะจมูก
หลินฟาน หยิบช้อนที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาตัก แล้วชิมมันเข้าไป และกล่าวชมว่า : “นี่มัน.. อร่อยมาก”
บริกร เมื่อเห็นสิ่งนี้ เขาก็ตกตะลึงไปเล็กน้อย และก็ไม่รู้ว่า หลินฟาน เป็นคนง่ายๆ หรือเรียกได้ว่ากล้าหาญเกินไปกันแน่ เขารู้ทั้งรู้ว่าซุปไก่ตรงหน้านี้อาจจะมีบางอย่างผิดปกติ แต่เขาก็ยังกลับกล้าดื่มมันเข้าไปจริงๆ
บริกร อดไม่ได้ที่จะเตือนไปว่า : “คุณผู้ชาย อย่าเพิ่งดื่มมันก่อนจะดีกว่าครับ…”
หลินฟาน ยิ้ม แล้วพูดว่า : “ทําไมล่ะ ซุปไก่ที่อร่อยขนาดนี้ ต้องดื่มในขณะที่มันยังร้อนๆ อยู่สิถึงจะดี”
บริกร เหงื่อตก และพูดว่า : “ผมเองเกรงว่า…”
หลินฟาน กล่าวว่า : “ไม่เป็นไรๆ ซุปไก่ของพวกคุณไม่มียาพิษหรอก”
บริกร ไม่รู้เลยว่า หลินฟาน มีทักษะทางการแพทย์ระดับบนสุด ซุปไก่นี้มีพิษหรือไม่นั้น โดยพื้นฐานแล้ว ..เขาสามารถแยกแยะมันออกได้ด้วยตาเปล่า
น้ำซุปไก่นี้ไม่ใช่แค่ไม่มียาพิษ วัตถุดิบที่ใช้ยังดีอีกด้วย การปรุงก็ถือว่าใช้ความร้อนได้อย่างพอดิบพอดีมาก สมกับเป็นร้านเก่าแก่อายุกว่าร้อยปี ด้วยความพิถีพิถันนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ธุรกิจจะเป็นไปได้ด้วยดีขนาดนี้
บริกรตกตะลึง หลินฟาน รู้ได้อย่างไรว่าซุปไก่ของพวกเขาไม่มีปัญหา?
ในเวลานี้ เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่อยู่ตรงนั้น ตกไปอยู่ในอาการโคม่าแล้ว และผู้หญิงคนนั้นก็สั่นด้วยความตื่นตระหนก เพราะเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่อยู่ในอ้อมกอดของเธอไม่ตอบสนองแล้ว
“ร.. รถพยาบาลล่ะ ทําไมรถพยาบาลถึงยังไม่มาอีก?” ผู้หญิงคนนั้นได้ร้องอุทานขึ้น สามีภรรยาสูงอายุที่อยู่ข้างๆ เธอ ก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเป็นกังวลอยู่ก่อนแล้ว
ผู้จัดการร้านอาหาร กล่าวว่า : “โรงพยาบาลอยู่ห่างจากที่นี่หก หรือเจ็ดกิโลเมตร หากรับโทรศัพท์เร็วที่สุดก็ต้องใช้เวลาเพิ่มอย่างน้อยๆ สิบนาที คุณผู้หญิง อย่าเพิ่งเป็นกังวล อีกไม่นานก็น่าจะถึงแล้วครับ”
ผู้หญิงคนนั้น ได้ด่าด้วยอารมณ์ในตอนนี้ออกไปว่า : “คุณบอกฉันว่าอย่ากังวล คุณดูน้องสาวของฉันที่เป็นแบบนี้ก่อนสิ นี่จะไม่ให้ฉันกังวลยังไง และนี่มันก็เป็นความผิดของพวกคุณทั้งหมด เป็นเพราะซุปไก่ที่พวกคุณทํา มันเป็นอันตรายต่อผู้คน!”
ผู้จัดการร้านอาหาร : “......”
ตอนนี้เขาไม่กล้าพูดว่าน้ำซุปไก่ของตัวเองไม่มีปัญหา และไม่กล้าพูดว่ามัน ..มีปัญหา แน่นอนว่าตอนนี้ต่อให้เขาพูดอะไรออกไปมันก็ผิด จึงตัดสินใจไม่พูดอะไร และเฝ้ารอให้เจ้านาย และตํารวจมาถึงก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ในขณะที่สมาชิกในครอบครัวของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนั้น กำลังเป็นกังวลเหมือนมดบนกระทะร้อน(1)..
“ขอโทษครับ เมื่อกี้ได้ยินผู้จัดการร้านพูดถึงระยะทางของโรงพยาบาล ผมคิดว่าผมจําเป็นที่จะต้องพูดหน่อยว่า เธออาจจะไม่ทันถึงมือหมอ..”
เสียงหนึ่งได้ดังขึ้น
ทุกคนมองไปตามเสียงนั้นไป แล้วก็ได้เห็น หลินฟาน ยืนขึ้น และเดินตรงไปที่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนั้น
ผู้หญิงคนนั้นที่ได้ยินจึงรีบพูดว่า : “หนุ่มหล่อ คุณพูดว่าอะไรนะ แล้วนี่คุณเป็นหมอเหรอ?”
หลินฟาน กล่าวว่า : “อืมม.. ครับ ผมเป็นหมอ ถ้าไม่รังเกียจให้ผมช่วยเธอ…”
ผู้หญิงคนนั้น ได้รีบพยักหน้า แล้วพูดอย่างตื่นเต้นออกไปทันทีว่า : “โอเคคะ คุณหมอ ต้องรบกวนคุณช่วยดูน้องสาวของฉันด้วย”
หลินฟาน ได้พยักหน้ารับ แล้วเดินไป แต่ถูกผู้ชายคนนั้นที่อยู่ข้างๆ ขวางเอาไว้
“คุณบอกว่าคุณ.. เป็นหมอ? รบกวนคุณแสดงใบประกอบวิชาชีพของคุณให้ผมดู เพราะผมเห็นว่าคุณดู ..จะไม่เหมือนหมอ?” ผู้ชายคนนั้น ได้ถามออกไปอย่างสงสัย
หลินฟาน กล่าวว่า : “คุณกำลังจะทำให้ผมเสียเวลาในการรักษา หรือคุณไม่ต้องการอยากให้ผม ..ช่วยชีวิต ผู้คนล่ะ?”
หากให้พูดอย่างเคร่งครัด เขาไม่ใช่ ‘หมอ’ จริงๆ เพราะเขาไม่มีใบประกอบวิชาชีพของแพทย์ แต่เขามีทักษะทางการแพทย์ระดับบนสุดอยู่ และอาจกล่าวได้ว่าด้วยทักษะนี้ เขาอยู่ยงคงกระพันในโลกแล้ว
แต่เขาเองเพิ่งยอมรับตรงๆ ไปว่าตัวเองเป็นหมอ นั่นก็เพราะเขาขี้เกียจทำให้มันเสียเวลา ไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะยังมามีปัญหากับคำพูดของเขาอยู่อีก
“ไอ๊หยา.. คุณพอได้แล้ว!” ผู้หญิงคนนั้นได้พูดด้วยความโกรธ และดึงผู้ชายคนนั้นออกมา และกลอกตาใส่เขาอย่างรุนแรง เห็นได้ชัดว่าเธอไม่พอใจอย่างรุนแรงต่อพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของเขา
ผู้ชายคนนั้นถูกดึงออกไปอยู่ด้านข้าง ดวงตาของเขาเปล่งประกายความขุ่นเคืองออกมาเล็กน้อย แต่มันก็หายไปในชั่วพริบตา และเขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
หลินฟาน จึงเดินไปหาเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ และรับเด็กหญิงตัวเล็กๆ จากมือของผู้หญิงคนนั้น และวางเด็กหญิงตัวเล็กๆ นอนราบลงกับพื้น
จากนั้น หลินฟาน ก็หยิบเข็มเงินออกมา สอดเข้าไปในจุดต่างๆ ตามร่างกายของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ และเริ่มใช้เทคนิคการฝังเข็ม เพื่อช่วยชำระล้างพิษในร่างกายของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้
“แพทย์แผนจีน?”
ทุกคนเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกประหลาดใจมาก ไม่คิดว่า หลินฟาน จะเป็นแพทย์แผนจีน วิธีการช่วยชีวิตของเขาก็คือ การฝังเข็มช่วยชีวิตผู้คน
สิ่งนี้ทําให้ทุกคนเริ่มสงสัยเล็กน้อยว่าการใช้เข็มเงินนี้ ‘ล้างพิษ’ มันทำได้ และน่าเชื่อถือได้จริงๆ นะเหรอ?
สักพักร้านอาหารที่เดิมทีคึกคักมากก็ได้เงียบลงไป ทุกคนต่างได้เฝ้าดู หลินฟาน ไม่มีใครกล้าพูด ทั้งทุกคนยังเต็มไปด้วยสีหน้ากังวล และดูตึงเครียดอย่างมาก โดยเฉพาะครอบครัวของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ก็ยิ่งเครียดจนแทบจะหายใจไม่ออก
สามีภรรยาคู่นั้นได้กอดกัน ร้องไห้พลางตัวสั่นด้วยความกลัว และความเป็นกังวล
ส่วนผู้ชายคนนั้นได้จ้องมองไปที่ หลินฟาน สีหน้าของเขาเองค่อนข้างดูซับซ้อนไปจริงๆ
ผู้จัดการร้านอาหารก็กํามือแน่น และอธิษฐานอยู่ในใจ ไม่ว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ จะถูกวางยาพิษด้วยเพราะเหตุผลใด เขาเพียงภาวนาขอให้ หลินฟาน ช่วยเธอกลับมาให้ได้ ถ้าเธอตายในร้านอาหารของพวกเขา ร้านอาหารแห่งนี้ก็จะต้องประสบกับปัญหาใหญ่
ในบรรดาผู้ชมทั้งหมด.. อาจจะมีเพียง หลินฟาน เท่านั้นที่ไม่ดูตื่นตระหนก แน่นอน หลินฟาน ไม่ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย เขาได้ฝังเข็มลงไปตามร่างกายของเธออย่างไม่เร่งรีบ
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน…
ข้างนอก ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงไซเรนของรถพยาบาลดังขึ้น และหมอก็ได้รีบวิ่งเข้ามา!
ไม่นานก็เห็นหมอผู้ชายคนหนึ่ง ได้รีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับพยาบาล
“ได้ยินว่าที่นี่มีคนถูกวางยาพิษ?” หมอผู้ชาย ได้ถาม
ผู้หญิงคนนั้นได้ขึ้นไป แล้วพูดว่า : “ใช่คะ คุณหมอ เป็นน้องสาวของฉัน.. แต่มีหมอหนุ่มหล่อคนนี้กําลังช่วยน้องสาวของฉันอยู่”
หมอผู้ชายคนนั้นได้เหลืองมองไปที่ หลินฟาน แวบหนึ่ง แล้วดูเข็มเงินตามร่างกายของผู้ป่วยอีกครั้ง เมื่อนั้นสีหน้าของเขาก็ได้เปลี่ยนไป และพูดด้วยความโกรธไปว่า : “เหลวไหล เขาเป็นหมอเหรอไง รีบหยุดเขาเร็ว!”
ผู้ชายคนนั้นได้เดินเข้ามา แล้วพูดว่า : “เมื่อกี้ผมก็พูดไปแบบนี้เหมือนกัน ผมต้องการดูใบประกอบวิชาชีพของเขา แต่เขาไม่ยอมให้ผมดู ผมว่าอย่างมากเขาก็เป็นได้แค่หมอเท้าเปล่า(2)”
เมื่อผู้ชายคนนี้จุดไฟขึ้นมาแบบนี้ หมอผู้ชายคนนั้นก็ยิ่งโกรธมากขึ้น และจ้องมองไปที่ หลินฟาน พร้อมกับตะโกนเสียงดังไปว่า : “หมอมืออาชีพอย่างเรามาถึงแล้ว คุณยังไม่รีบหยุดมืออีก หากเกิดความล่าช้าในการรักษาไปคุณสามารถรับผิดชอบได้หรือยังไง?!”
(1)[มดบนกระทะร้อน (热锅上的蚂蚁)] - เป็นสำนวนที่เปรียบเปรยอาการหงุดหงิด ฉุนเฉียว หรือร้อนใจ ราวกับมดที่อยู่ในกระทะที่เผาไฟจนร้อน
(2)[หมอเท้าเปล่า (赤脚医生)] - คือ เกษตรกรที่ได้รับการฝึกการแพทย์ และผู้ช่วยแพทย์ที่มีพื้นฐานขั้นต่ำ และทำงานอยู่ในหมู่บ้านชนบทในประเทศจีน อีกอย่าง หมอเท้าเปล่า ก็คือ หมอนอกระบบ ที่อยู่ในพื้นที่ชนบทซึ่งไม่รวมอยู่ในสถานประกอบการระดับชาตินั่นเอง