บทที่ 64 - ปลดล็อกศักยภาพและให้รางวัล
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 64 - ปลดล็อกศักยภาพและให้รางวัล
เมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมดนี้ หลินเฉินก็อดไม่ได้ที่จะปรบมือให้กับพารากัส
แม้ว่าเขาจะเป็นชาวไซย่า แต่เขาก็สามารถหาวิธีทำธุรกิจได้
แม้ว่าการปล่อยให้ชาวไซย่าทำธุรกิจจะฟังดูแปลกไปเล็กน้อย แต่หลินเฉินก็ต้องให้รางวัลเขา เพราะเขาได้เพิ่มอัตราการเกิดของชาวไซย่าขึ้น
รู้ไหมว่าชาวไซย่าในโลกนี้ ถึงจะไม่มีการแทรกแซงของฟรีเซอร์ แต่ก็ใกล้สูญพันธุ์ไปหมดสิ้นแล้ว
เพราะประชากรของดาวไซย่ารวมกันทั้งหมดมีน้อยกว่า 10,000 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่อันตรายต่อเผ่าพันธุ์มาก
ถึงต่อมาหลินเฉินจะปลดปล่อยชาวไซย่าจากเงื้อมมือของฟรีเซอร์และปิดดาวเคราะห์เบจิต้าจากโลกภายนอกเป็นเวลาห้าปี แต่ปัญหานี้ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข
เนื่องจากมีอาหารไม่เพียงพอ จึงไม่มีชาวไซย่าเกิดใหม่มากนัก
แต่ตอนนี้ต้องขอบคุณวิธีแก้ปัญหาของพารากัส ในที่สุดสิ่งนี้ก็เป็นไปในทางที่ดีขึ้นแล้ว
ตามรายงานของพารากัส ประชากรชาวไซย่าในปัจจุบันมีมากกว่า 10,000 คน!
มีทารกแรกเกิดในเกือบทุกครอบครัวของชาวไซย่า
กระทั่งราชาเบจิต้าที่แก่แล้วก็ให้กำเนิดเด็กชายอีกคน
“ราชาเบจิต้า เจ้าไม่เลวเลยนะ”
“ฝ่าบาทได้โปรดอย่าล้อเล่นเลย” ราชาเบจิต้าหน้าแดง
ฮานาเซียกอดหลินเฉินและกระซิบข้างหูของเขา “ฝ่าบาท แล้วเมื่อไหร่เราจะมีลูกของเราเองล่ะ?”
หลินเฉินได้แต่กระแอมไอและเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว: “ราชาเบจิต้า ยามนี้ความแข็งแกร่งของไซย่าเป็นอย่างไรบ้าง?”
ราชาเบจิต้าจึงกล่าวตอบว่า: “ฝ่าบาท หลังจากห้าปีผ่านไปนี้ นักรบชาวไซย่าที่มีระดับพลังมากกว่า 10,000 มีมากกว่า 2,000 คนและระดับพลังมากกว่า 100,000 มี 300 คน ส่วนผู้ทะลุทะลวงและมีระดับพลังมากกว่า 500,000 นอกจากพวกเราแล้วยังมีอีกสามคน!”
กล่าวได้เลยว่าชาวไซย่าประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วงหกปีที่ผ่านมา ราชาเบจิต้าจึงตื่นเต้นอย่างยิ่ง
ชาวไซย่าไม่เคยแข็งแกร่งขนาดนี้มาก่อนเลยในชั่วชีวิตของเขา
ไม่ใช่เพียงแค่นั้น พวกเขายังมีซูเปอร์ไซย่าอีกสองคนอย่างหลินเฉินและฮานาเซีย
ทั้งหมดนี้ทำให้ชาวไซย่ารู้สึกภาคภูมิใจมาก
หลินเฉินค่อนข้างพอใจกับการพัฒนาความแข็งแกร่งของชาวไซย่าพอสมควร เขาพยักหน้าและถามว่า “ว่าแต่ราชาเบจิต้า แล้วพวกเจ้าล่ะ? นอกจากฮานาเซียแล้ว มีใครกลายเป็นซูเปอร์ไซย่าบ้าง?”
“พวกเรา…”
เมื่อได้ยินหลินเฉินถามถึงพวกเขา สีหน้าของราชาเบจิต้าก็เปลี่ยนไปทันทีและเขามองหน้ากัน
ทั้งสองคุกเข่าลงด้วยความรู้สึกผิด
“ขออภัยฝ่าบาท เราทำให้ความคาดหวังของท่านสูญเปล่า ในช่วงหกปีที่ผ่านมา ไม่มีซูเปอร์ไซย่าคนใหม่ในหมู่ชาวไซย่าเลย ยกเว้นราชินีฮานาเซีย”
“แม้แต่ระดับพลังของเราก็แทบไม่ได้พัฒนาขึ้นเลย”
"โอ้?" เมื่อเขาได้ยินเช่นนี้ หลินเฉินจึงเปิดเครื่องวัดพลังของเขาทันทีและชำเลืองมองพวกเขาสองคน
แน่นอนว่าระดับพลังของราชาเบจิต้ามีเพียง 690,000 ในขณะที่พารากัสก็มีอย่างน้อยที่ 600,000 ซึ่งแทบจะไม่ต่างขึ้นเลยเมื่อเทียบกับหกปีที่แล้ว
ส่วนฮานาเซียในอ้อมแขนของหลินเฉิน แม้ว่านางจะสามารถแปลงร่างเป็นซูเปอร์ไซย่าได้ แต่ระดับพลังร่างปกติของนางมีเพียง 640,000 ซึ่งไม่สามารถเทียบกับราชาเบจิต้าได้ด้วยซ้ำ
“บาร์ดัคอยู่ไหน?” หลินเฉินเอ่ยถาม
“บาร์ดัคออกไปต่อสู้ข้างนอก ระดับพลังของเขาเพิ่มขึ้นมากกว่าของเรา แต่ก็เพียง 730,000… เราเสียใจมากฝ่าบาท ดูเหมือนว่าเราจะมาถึงขีดจำกัดแล้ว”
"ขีดจำกัดงั้นหรือ?"
หลินเฉินยิ้มออกมา
เป็นความจริงที่ในแง่ของฝีมือราชาเบจิต้าและผู้อื่นคงไม่ดีเท่ากับรุ่นของเบจิต้า แม้ว่าพวกเขาจะใช้วิธีการฝึกล่าสุด แต่พวกเขาก็แทบจะไม่สามารถเพิ่มระดับพลังขึ้นมไาด้เลย
แต่พวกเขาถึงขีดจำกัดแล้วหรือยัง?
หลินเฉินไม่คิดเช่นนั้น
เมื่อวางฮานาเซียลงบนพื้น หลินเฉินก็ลุกขึ้นยืนและเดินไปหาราชาเบจิต้าและพารากัส
“เจ้าสองคนทำได้ดีมากในช่วงหกปีที่ข้าจากไป เพื่อเป็นรางวัล ข้าจะพัฒนาศักยภาพของเจ้า”
"อะไรนะขอรับ?"
เมื่อเห็นหลินเฉินวางมือบนศีรษะของเขา ราชาเบจิต้าก็รู้สึกอับอายเล็กน้อย: “ฝ่าบาท ท่านกำลังทำอะไรหรือ?”
“ข้าจะปลุกพลังแฝงของเจ้า”
“พลังแฝง? มันมีของเช่นนั้นอยู่หรือ? ข้ารู้สึกว่าข้าถึงขีดจำกัดแล้ว…”
ทันทีที่ราชาเบจิต้าพูดจบ ออร่าบนร่างกายของเขาก็ปะทุออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ จนถึงขั้นทำให้คนอื่นๆ รอบตัวเขาจ้องมองมาที่เขาด้วยความตกใจ
“พลัง? พลังมัน! ความแข็งแกร่งของข้าจู่ๆ ก็เพิ่มขึ้น!” ราชาเบจิต้าอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้นและเปิดเครื่องวัดพลังทันทีเพื่อตรวจสอบตัวเอง
“ช่างน่าเหลือเชื่อเหลือเกิน! ระดับพลังของข้าเพิ่มขึ้น 100,000! ฝ่าบาท เมื่อครู่ท่านทำอะไรลงไป?”
“ข้าเพิ่งปลุกพลังแฝงของเจ้า ไม่เพียงแต่พลังแฝงของเจ้าเท่านั้น แต่มันยังควรเพิ่มขีดจำกัดของเจ้าด้วย หากเจ้าฝึกเป็นอย่างดี เจ้าก็น่าจะมีโอกาสพัฒนาได้อีกในอนาคต” หลินเฉินอธิบาย
"ขอรับ! ขอบคุณขอรับ ฝ่าบาท!
ทันทีหลังจากนั้น หลินเฉินก็ใช้ปลดพลังแฝงให้กับพารากัสและฮานาเซียอย่างต่อเนื่อง จนเพิ่มระดับพลังของพวกเขาอย่างมาก
โดยเฉพาะกับฮานาเซีย ระดับพลังของนางเพิ่มขึ้นเป็น 900,000 ในครั้งเดียว!
"น่าทึ่งมาก! ฝ่าบาท ท่านทำเช่นนั้นได้อย่างไรกัน?”
“ข้าจะไม่ขออธิบายสิ่งที่ข้าทำหรอก กล่าวโดยสรุปก็คือ มันเป็นรางวัลที่ข้ามอบให้พวกเจ้าสามคนสำหรับหกปีนี้ ราชาเบจิต้า!” หลินเฉินกล่าว
"ขอรับ!" ราชาเบจิต้าขานรับ
“แจ้งให้ทุกคนทราบว่าในอนาคต ตราบที่มีผู้ใดทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่หรือมีคุณค่าระหว่างภารกิจที่ทำ ข้าจะให้รางวัลเป็นการปลุกศักยภาพ”
“เข้าใจแล้วขอรับฝ่าบาท!”
ราชาเบจิต้าตอบอย่างตื่นเต้นและดวงตาของทหารชาวไซย่าที่อยู่ในที่นี่ต่างก็เปลี่ยนเป็นสีแดง
หลังจากให้รางวัลพวกเขาทั้งสามแล้ว หลินเฉินก็ฟังสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงหกปีที่ผ่านมา จากนั้นก็ไล่ทั้งกลุ่มออกและกลับไปที่วังเพื่อพักผ่อน
ในห้องนอนของเขา หลินเฉินกอดฮานาเซียเพื่อทดแทนความว่างเปล่าที่นางหายไปเป็นเวลาหกปี
หลังจากช่วงเวลาอันยาวนาน ฮานาเซียก็นอนอยู่บนหน้าอกของหลินเฉินและฟังเรื่องราวที่หลินเฉินหายไปเป็นเวลาหกปี
เมื่อนางรู้ว่าหลินเฉินไปอีกจักรวาลหนึ่ง ฮานาเซียก็อุทานออกมาทันที
“อีกจักรวาลหนึ่ง? ไม่น่าแปลกใจที่เราไม่ได้ยินข่าวจากท่านในช่วงหกปีที่ผ่านมาเลย เพราะท่านอยู่จักรวาลอื่นสินะ”
“มีชาวไซย่าเพียงไม่กี่คนที่เหลืออยู่บนโลกนั้นหรือ?”
“ซูเปอร์ไซย่าในตำนาน? ข้าคิดว่ามีเพียงเราที่จะแปลงร่างเป็นซูเปอร์ไซย่าได้เสียอีก? ถ้าอย่างนั้นเราไม่ใช่ซูเปอร์ไซย่าในตำนานงั้นหรือ?”
ขณะที่ฟังหลินเฉินพูด ฮานาเซียก็ถอนหายใจ
“คาคารอทสินะ? นั่นลูกชายของบาร์ดัคไม่ใช่เหรอ? ข้าจำได้ว่าตอนที่เขาเกิด ระดับพลังของเขามีเพียง 2 ใช่ไหม? ข้าไม่คิดเลยว่าเขาจะกลายร่างเป็นซูเปอร์ไซย่าได้ด้วย?”
เมื่อเขาได้ยินนางพูดถึงคาคารอท หลินเฉินพลันชะงักไป
จู่ๆ หลินเฉินก็ลุกขึ้นนั่งและพูดว่า “คาคารอท…โอ้ ไม่นะข้าลืมไปเสียสนิทเลย!”
“ฝ่าบาท? ท่านลืมอะไรงั้นหรือ?”
“ฮันนาห์ ยามนี้เดือนบนโลกเดือนอะไรแล้ว?”
หลินเฉินกลิ้งลงจากเตียงและลุกขึ้นจากเตียง พร้อมกับถามขณะแต่งตัว
"เดือน? ดูเหมือนว่าจะเป็นเดือนกันยายนกระมัง? ฝ่าบาท ท่านจะไปที่โลกงั้นหรือ?” ฮานาเซียเอ่ยถามขึ้น
“ขอโทษทีนะฮันนาห์ ข้าจะต้องเดินทางไปที่โลก”
“โลก? ฝ่าบาท ท่านจะไปหาไทต์งั้นหรือ?”
“ไม่ ข้าจะไปพบกับคาคารอท” หลินเฉินตอบกลับไป
“ลูกชายของบาร์ดัค? ทำไมกันล่ะ?”
“เพราะตำนานกำลังจะเริ่มต้น” หลินเฉินหันกลับมาพร้อมกับรอยยิ้ม
ปี 749 เดือนกันยายน เป็นเวลาที่คาคารอท ซึ่งมีชื่อว่าโกคูกำลังเริ่มต้นออกเดินทางครั้งแรกเพื่อค้นหาลูกแก้วมังกรทั้งเจ็ดลูก