นักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 34
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 34
มาร์ธา ซีกฮาร์ท เป็นคนที่มีความภาคภูมิใจในตัวเองเยอะมาก
เหตุผลที่เธอต้องออกจากการฝึกฝนในครั้งก่อนก็ไม่ใช่เพราะว่าเธอขาดความสามารถ แต่เป็นเพราะเธอเกือบจะทำให้พวกสารเลวสองคนสายตรงต้องตาย ทั้งๆที่พวกมันพยายามทำลายความภาคภูมิใจของเธอก่อน
เรื่องในตอนนั้นมันทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายยุ่งยากตามมาหลายเรื่อง เธอจึงตั้งใจที่จะมาผ่อนคลายในสนามฝึกที่ห้า แต่ก็ดันมีเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ทำให้การมาผ่อนคลายของเธอไม่เป็นไปอย่างที่คิด
ราอน ซีกฮาร์ท
เธอรู้สึกขัดหูขัดตาไอ้เด็กแก่แดดคนนั้นสุดๆ
เธอต้องการที่จะสู้กับมันให้เสร็จๆ ไป แต่เธอก็เห็นด้วยกับริมเมอร์ว่าการต่อสู้ทั้งๆที่เขายังไม่มีออร่านั้นถือเป็นเรื่องสกปรก เธอจึงยอมอดกลั้นเอาไว้
เมื่อเธอได้ยินว่าราอนได้รับออร่าแล้วเธอก็รู้สึกมีความสุขมากกว่าใครๆ ในที่สุดเธอก็จะได้แก้แค้นให้กับความอัปยศอดสูในครั้งนั้นของเธอ
พอการประลองเริ่มต้นขึ้น เธอก็ได้ปะทะฝีดาบกับราอน
พรสวรรค์ด้านดาบของมันส่องประกายมากยิ่งขึ้นในการต่อสู้ของจริง ถึงขนาดที่มันสามารถป้องกันตัวเองจากวิชาดาบที่มันไม่เคยเห็นมาก่อนแน่ๆ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
แต่ทันทีที่เธอเริ่มเรียกใช้ออร่าของไททัน ราอนก็กระเด็นออกไปอย่างง่ายดายอย่างกับเป็นตุ๊กตากระดาษ
ก็คิดไว้อยู่แล้วล่ะนะ
ขนาดที่แตกต่างกันเพียงนิดก็ทำให้ความบริสุทธิ์ของออร่าห่างชั้นกันมาก พอๆกับระยะห่างระหว่างดวงจันทร์กับโลก
สถานการณ์ทั้งหมดอยู่ในความควบคุมของมาร์ธา เธอสามารถหักกระดูกของราอนได้ทุกเมื่อที่เธอต้องการ
ถึงมันรู้แบบนี้แต่จิตวิญญาณในการต่อสู้ของมันก็ยังไม่หมดไป
ดวงตาของมันะเยาะเย้ยเธอ ดูเหมือนอยากจะพูดออกมาว่า ‘ก็เข้ามาอีกสิ ทำได้แค่นี้เองเหรอ'
มันบ้าไปแล้วรึไง
มันดูเหมือนกระต่ายโง่เขลาที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนเตรียมจะบีบคอมันอยู่
เป็นแค่ไอ้ตัวน่าสมเพชแท้ๆ
มาร์ธายิ้มและชี้ดาบของเธอลงพื้น เธอเพิ่มออร่าและความแข็งแกร่งให้มากขึ้น
ครืน!
เวทีประลองสั่นสะเทือน แต่ราอนยังคงอดทน
มันไม่ยอมล้มลงเลย แม้ว่าเธอจะโจมตีมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จะทำตัวน่ารำคาญเกินไปแล้ว
มันยังคงยืนหยัดแม้ว่าตัวเองจะไร้ความสามารถขนาดนั้น นั่นทำให้เธอเดือดดาลด้วยความโกรธ
'งั้นก็อย่าหาว่าฉันทำเกินไปละกัน'
คราวนี้ไม่แขนก็ขาของราอนอาจจะหัก แต่เป็นเพราะมันเองที่ไม่เหลือทางเลือกไว้ให้เธอเลย
เธอดึงออร่าที่ทรงพลังมากกว่าเดิมออกมา แล้วตวัดดาบไปด้านหน้า
นี่คือ ‘ถิรศิลา’
เธอจะเจาะการป้องกันของราอนโดยใช้พลังของหินอันแหลมคมอันนี้เอง
แต่ก่อนเธอจะได้พุ่งตัวออกไปนั้น
มีเปลวไฟสีแดงปรากฏขึ้นมาบริเวณปลายดาบของราอน
มันเป็นเปลวไฟที่มีขนาดเล็กมากๆ
แต่ก็ยังมีสีแดงที่เข้มกว่าและสวยงามกว่าเปลวไฟอื่นๆ เมื่อมาร์ธาได้เห็นมันก็รู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัวทันที
'นั่นมันอะไรกัน?'
มันเป็นพลังที่น่าขนลุกมาก จู่ๆ ร่างกายของเธอก็ถูกครอบงำไปด้วยความกลัว
'ไม่หรอกน่ะ แล้วฉันจะกลัวมันทำไม'
มาร์ธากัดฟัน เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอเผลอนึกกลัวราอน บางทีเธออาจจะแค่ตกใจเกินไปนิดหน่อย
ซูม!
เธอโจมตีโดยใช้ออร่าของไททันคลุมดาบทื่อๆของเธอ
ฮึ่ม!
ในขณะนั้นราอนก็ก้าวออกมา เปลวไฟขนาดเล็กที่ลุกไหม้จากดาบฝึกของเขารวมตัวกัน เกิดเป็นกลุ่มพลังยาวๆเส้นหนึ่ง
เส้นสีแดงค่อยๆลากจากทางซ้ายไปทางขวา
ออร่าของไททันละลายทันทีเมื่อสัมผัสโดนเส้นพลังอันนั้น
และ…
แคร๊ก!
ดาบฝึกอันทนทานนั้นได้หักลงครึ่งหนึ่งและส่วนที่หักออกนั้นก็กระเด็นออกไปในอากาศ
ปั่ก!
เสียงของเศษดาบที่หักปักลงไปบนเวทีประลอง ดังก้องไปทั้งสนาม
“…”
มาร์ธาจ้องไปที่ดาบที่หักครึ่งอย่างมึนงง
“ป-เป็นไปได้ยังไงกัน…”
ริมฝีปากและมือของเธอสั่นระริก น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยประหลาดใจ
“นี่น่ะเหรอพรสวรรค์ที่เธอพูดถึง?”
ราอน ซีกฮาร์ทจ้องมองไปที่เธออย่างเย็นชา เปลวไฟที่ปลายดาบของเขาได้ดับลงแล้ว
“พรสวรรค์ที่ทนต่อการโจมตีของเด็กอ่อนหัดไม่ได้… ก็ไม่เท่าไหร่นี่นา”
“แก…แก…”
มาร์ธา ซีกฮาร์ท ถึงกับพูดไม่ออก เธอก้มหัวลงเหมือนกับดาบที่หักไปของเธอ
***
“อะไรน่ะ! เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น!?”
“ด-ดาบที่ถูกปกคลุมไปด้วยออร่าของไททัน ถูกการโจมตีเพียงครั้งเดียวของเขาตัดครึ่ง–-”
“บ-บ้าไปแล้ว...”
ราอนรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองเขามาจากทุกที่ มีทั้งสายตาตื่นตระหนก ไม่ไว้วางใจ และประหลาดใจ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะลืมหายใจเสียด้วยซ้ำ
"ว้าว…"
ริมเมอร์เองก็ไม่ต่างกัน ดวงตาของเขาเบิกกว้างและหูแหลมๆของเขาก็ยาวขึ้นไปกว่าเดิม
เห็นได้ชัดว่าการที่เขาตัดดาบของมาร์ธาได้ทำให้ทุกคนประหลาดใจ
'ฉันเองก็แปลกใจเหมือนกัน'
พลังขั้นแรกของหมื่นเปลวเพลิง หรือที่เรียกว่า‘เปลวเพลิงลำดับที่หนึ่ง’นั้นเกินความคาดหมายของเขาไปมาก เขาเกือบจะควบคุมมันไว้ไม่ได้จนเกือบทำให้มาร์ธาบาดเจ็บไปแล้ว
'ถ้าพลังระดับนี้คือระดับสองดาวล่ะก็…'
หัวใจของเขาเต้นแรง เขาแทบจะเฝ้ารอให้มันไปถึงสามดาวหรือสูงกว่านั้นไม่ไหวแล้ว
“อั่ก…”
เขาลดสายตาลงเมื่อได้ยินเสียงร้องจากด้านล่าง ดวงตาของมาร์ธากลายเป็นสีแดงก่ำ
'ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้สินะ'
นี่ไม่ใช่การแสดงออกของผู้แพ้เลยสักนิด เธอยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้เพราะเธอไม่เข้าใจดาบของเธอหักลงได้อย่างไร
“ฉันยังไม่ยอมแพ้หรอกนะ”
เขาคิดไว้แล้วว่าคำพูดแบบนั้นจะออกมาจากปากของมาร์ธา เธอโยนดาบที่หักออกไปและกำหมัดแน่น
วือ!
ออร่าของไททันปรากฏขึ้นและล้อมรอบทั่วร่างกายของเธอ มันเป็นพลังงานที่แข็งแกร่งราวกับก้อนหินที่ไม่มีวันแตกหัก
“ฉันว่าแล้วว่าเธอต้องเป็นแบบนี้”
ราอนพยักหน้าและโยนดาบของเขาทิ้งตาม
“ฉันจะทำให้เธอต้องยอมรับความพ่ายแพ้เอง”
"ฉันไม่เคยแพ้!"
มาร์ธารีบลุกขึ้น ในครั้งนี้เธอพุ่งเข้าใส่เขาโดยตรง การเคลื่อนไหวของเธอตรงไปตรงมาแต่ว่ารวดเร็วและหนักแน่น
“ย๊าก!”
เธอตะโกนขึ้นพร้อมกับชูกำปั้นของเธอขึ้น
ปั่ก!
ราอนสกัดกำปั้นของเธอออกไปด้วยศอกของเขา ความตกใจทำให้ร่างกายของมาร์ธาเสียจังหวะ
แต่เธอยังไม่หยุด เธอกัดฟันและเล็งหมัดต่อไปไปที่ราอน
ผัวะ!
ราอนยกฝ่ามือขึ้น เขาสกัดกั้นหมัดของมาร์ธาอย่างนุ่มนวลและเตะสวนเข้าไปที่หน้าท้องของเธอ
“อั่ก!”
มาร์ธาเพียงแค่ร้องออกมาแต่ไม่ยอมถอยกลับไป กำลังใจของเธอแข็งแกร่งพอๆกับออร่าของเธอนั่นแหละ
“ยังหรอก… มันยังไม่จบ!”
มาร์ธากัดริมฝีปากของเธอแล้วพยายามปล่อยกำปั้นของเธอออกไป แม้ว่าเธอจะกำลังตื่นตระหนกอยู่แต่วิธีที่หมัดของเธอถูกปล่อยออกมาก็เป็นวิธีที่ถูกต้อง ศิลปะการต่อสู้ของตระกูลอันทรงเกียรติดูเหมือนจะยังเปล่งประกายแม้จะในเวลาแบบนี้
'แต่แค่นั้นยังไม่เพียงพอหรอก'
หมัดนั้นเต็มไปด้วยออร่าอันทรงพลังแต่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น... เธอยังฝึกฝนมันมาไม่เพียงพอ
วูม!
เขาหลบหมัดที่เล็งมาที่หน้าผากของเขา และใช้สันมือสับไปที่หลังของเธอ
“อุ้ก!”
ผลกระทบของมันทำให้เธอน้ำลายไหลออกมา หลังจากได้สติแล้วเธอก็เริ่มโจมตีแบบเร็วขึ้นอีก ความป่าเถื่อนของเธอนั้นสวนทางกับรูปลักษณ์ของเธออย่างมาก
'และเธอก็หนังเหนียวมากด้วย…'
แม้ว่าเธอจะถูกเขาชกซ้ำแล้วซ้ำเล่าแต่เธอก็ยังคงพยายามที่จะโจมตีเขากลับ ถ้าเป็นคนปกติแล้วโดนขนาดนี้ก็คงจะล้มไปนานแล้ว
ความมุ่งมั่นและความทนทานของร่างกายของเธอไม่ใช่เล่นๆ
“วืด!”
มาร์ธาเตะพื้น ทรายบนพื้นกระเด็นขึ้นมาบดบังการมองเห็นของเขา เขายังไม่ทันจะมองอะไรเห็นแต่เขาก็ปัดหมัดของเธอที่พุ่งเข้ามาไปด้านข้างได้ทันพอดี
ปั่ก!
การโจมตีของเธอให้ความรู้สึกเหมือนเป็นก้อนหินที่ถูกขว้างด้วยยักษ์ ร่างกายของเขาสั่นเทาในทุกๆครั้งที่เขาใช้ศอกสกัดไว้
“ย๊าาา!”
เธอจะไม่ยอมพลาดโอกาสนี้แน่ โอกาสที่เธอสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบาก เธอสูดลมหายใจเข้าและโจมตีด้วยหมัดต่อไปอย่างไม่ลดละ
ปั่ก!
หลังจากที่เธอปล่อยหมัดอย่างรวดเร็วยี่สิบครั้งรวด มาร์ธาก็หยุดพักหายใจเพียงครู่เดียว แต่ตอนนั้นเองที่หมัดของราอนชกเข้าที่หน้าท้องของเธอ
“อุ!”
มาร์ธาลดมือไปกุมท้องของเธอทันทีแล้วรีบก้าวถอยหลัง ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความระแวง
“เธอไม่ค่อยเก่งการใช้กำปั้นจริงๆด้วย”
ราอนสะบัดแขนของเขาที่เขาใช้ป้องกันหมัดของมาร์ธา
“ด-ได้ยังไงกัน…?”
"เพราะการฝึกฝนยังไงล่ะ"
เขาหัวเราะเยาะมาร์ธาที่กำลังตื่นตระหนก
* * *
* * *
'แม้แต่การลองใช้'หมื่นเปลวเพลิง'ในการป้องกัน… ก็ยังยอดเยี่ยม
อาจเป็นเพราะจินตภาพของเขาเป็นเปลวไฟที่ไม่มีวันดับ ออร่าจาก'หมื่นเปลวเพลิง'จึงไม่ได้มีประสิทธิภาพแค่เพียงอย่างเดียว
“ฮื่ม…”
มาร์ธาเงยหน้าขึ้นขณะที่กัดริมฝีปาก ออร่าของไททันถูกรวบรวมอยู่บนหมัดที่กำแน่นของเธอ
วือ!
เทคนิคพิเศษ'จุดเดียว' ประกอบด้วยออร่าเข้มข้นที่รวมกันในจุดเดียว
ความโกรธของเธอค่อยๆ หายไป สายตาโกรธแค้นของเธอกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
“ฉันยอมรับนะว่าแกแข็งแกร่ง”
พลังงานที่รวบรวมไว้ในหมัดของเธอเริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง
“แต่ฉันจะยอมรับความพ่ายแพ้ก็ต่อเมื่อแกสามารถเอาชนะสิ่งนี้ได้!”
มาร์ธาพุ่งตัวของเธอออกมา เป็นการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและหนักแน่นราวกับก้อนหินกลิ้งลงจากหน้าผา
“เฮ้อ”
ราอนถอนหายใจเบาๆ เขาก้าวเท้าซ้ายขึ้นมาและปล่อยหมัดออกไปโดยใช้พลังงานที่เรียกตั้งแต่จากฝ่าเท้าขึ้นมา
พลังงานเริ่มไหลจากข้อเท้าขึ้นไปผ่านกล้ามเนื้อต้นขาและไปถึงหลังของเขา หมัดที่เขาปล่อยออกไปนั้นเต็มไปด้วยแรงระเบิด
ตู้ม!
หมัดที่บรรจุเปลวไฟของ'หมื่นเปลวเพลิง' ได้ทำลายก้อนออร่าสีน้ำตาลของมาร์ธา จนแขนของเธอบิดเบี้ยว
"อ๊าก…"
ออร่าไททันของเธอแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ดวงตาของมาร์ธาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
วือ!
พร้อมด้วยแรงลมที่คล้ายกับพายุทอร์นาโด เธอหายเข้าไปในลมพายุนั้นและล้มลงไปในทันที
“อั่ก…”
หลังจากที่มาร์ธาล้มลงเธอก็ส่ายหัวให้เขาอย่างไม่ยอมรับ แล้วดวงตาของเธอก็ค่อยๆปิดลง
เธอหมดสติไปซะแล้ว แต่กำปั้นของเธอยังคงกำแน่น
'ความมุ่งมั่นของเธอนี่แหละที่น่าทึ่ง'
พลังใจแบบนั้นของเธอดูไม่เหมือนเด็กที่กำลังจะอายุสิบห้าปี เรื่องนี้มันน่าตกใจมากกว่าความสามารถหรือพรสวรรค์ของเธอเสียอีก
“อึก!”
“เอ่อ…”
“น-นั่นมันรุนแรงมาก”
"ไม่มีทางน่า แล้วมาร์ธาเป็นอะไรมากไหม…?”
เด็กๆที่ยอมรับในตัวมาร์ธารวมถึงเด็กที่ต่อต้านเธอ ทุกคนต่างอ้าปากค้าง
“ราอน ซีกฮาร์ท…”
เบอร์เรนจ้องไปที่ราอน หมัดที่กำแน่นของเขาสั่นเทา
“…”
สีหน้าของรูนันดูว่างเปล่าเหมือนอย่างเคย แต่กลับมีไอเย็นๆ ออกมาจากปากที่อ้าค้างไว้ของเธอ เหมือนว่านั่นจะหมายความว่าเธอกำลังรู้สึกตื่นเต้น
“โอ้…”
ริมเมอร์เองก็ตกตะลึงอยู่พักหนึ่งแล้วจึงรีบวิ่งไปที่มาร์ธาเพื่อตรวจดูอาการของเธอ
“เฮอะ ฉันอยากจะจะตำหนิเธอสักหน่อย แต่เธอก็เป็นลมไปซะก่อน”
ริมเมอร์เดาะลิ้นของเขาหลังจากตรวจสอบสภาพร่างกายของเธอเสร็จแล้ว
“วันนี้พอแค่นี้แหละ กลับถึงห้องแล้วก็ไปทบทวนถึงจุดบกพร่องของตัวเองกันด้วย”
“ครับ/ค่ะ”
“ทุกคนกลับไปได้เลย ยกเว้นราอน”
"ทำไมผมยังกลับไม่ได้ครับ…?"
“ฉันยังมีบางอย่างที่จะให้เธอ แล้วก็ยังเหลือคำแนะนำของฉันอีกไง”
เขาหันมายิ้ม แล้วริมเมอร์ก็รีบวิ่งไปที่ห้องพยาบาลโดยการกระโดดข้ามกำแพง
“ราอน ซีกฮาร์ท”
ขณะที่ราอนจ้องมองไปที่กำแพงที่ริมเมอร์พึ่งข้ามไป เบอร์เรนก็เดินเข้ามาหาเขา
“ฉันรู้อยู่แล้วว่านายจะตามมาทันแน่ๆ”
เบอร์เรนกำลังยิ้มให้เขา แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่ามันมาจากความชื่นชมหรือความคาดหวังกันแน่
“ฉันไม่เหมือนมาร์ธาหรอกนะ ฉันจะไม่ยอมแพ้แม้ว่านายจะวิ่งได้เร็วเหมือนกระต่าย ฉันจะไม่ยอมประมาทแม้ว่านายจะล้มลงเหมือนเต่า ฉันจะต้องเอาชนะนายในการสอบตอนสิ้นสุดการฝึกฝนให้ได้ และฉันจะยอมเอาทุกอย่างของฉันมาเป็นสิ่งเดิมพัน”
หลังจากพูดอย่างนั้นเขาก็เดินออกจากสนามฝึก ท่าทางของเขาดูดีขึ้นมาก
'เขาดูไม่เหมือนคนเดิมอีกแล้ว'
เบอร์เรนคนที่เห็นแก่ตัวและขี้อิจฉาไม่มีอยู่อีกต่อไป ดูเหมือนเขาจะคิดได้แล้ว
เขากำจัดความคิดเก่าของตัวเองออกไปและแทนที่มันด้วยความมั่นใจ
แปะ
มีคนแตะไหล่ของราอนจากทางด้านหลัง พอราอนมองกลับไปก็เห็นว่าเป็นรูนันนั่นเองที่ยืนอยู่ข้างหลังของเขาพร้อมกับดวงตาสีม่วงที่เป็นประกาย
หงึกๆ
เธอพยักหน้าให้เขา ดูเหมือนเธออยากจะบอกเขาว่า'ทำได้ดีมาก'
เธอกอดกล่องไอศกรีมเอาไว้แน่น แล้วเธอก็ค่อยๆวิ่งออกจากสนามฝึกซ้อมไป
“แค่นี้เหรอ?”
ราอนอ้าปากค้าง เขาไม่เข้าใจว่าเธอพยายามจะบอกอะไรเขาอีก
เขาส่ายหัวให้กับตัวเองแล้วเดินไปด้านข้างเวทีซึ่งมีเก้าอี้ตั้งอยู่
เขากำลังจะนั่งลงบนเก้าอี้เพื่อรอริมเมอร์ แต่เขาก็สังเกตเห็นหนังสือเล่มหนึ่งที่อยู่บนเวทีเสียก่อน
มันเป็นหนังสือที่ริมเมอร์ใช้เป็นหมอนของเขาเวลางีบหลับ ราอนเลยลองหยิบมันขึ้นมาอ่าน
“หือ?”
ราอนเบิกตากว้างหลังจากได้เห็นเนื้อหาข้างใน
'นี่มัน…'
เขาคิดว่ามันเป็นแค่หมอนของริมเมอร์แต่มันก็ไม่ใช่แบบนั้นเลย ภายในหนังสือมีรายละเอียดของผู้ข้าร่วมการฝึกฝนทุกคน
ทั้งจุดแข็ง จุดอ่อน ตลอดจนวิธีการแก้ไขได้ถูกเขียนไว้ในนั้นหมดแล้ว
เขาอ่านข้อมูลเกี่ยวกับเบอร์เรนที่ถูกเขียนในหน้าแรก
“มีความสามารถที่ยอดเยี่ยมแต่ก็ถือตัวมาก พอเข้ามาเป็นผู้ฝึกฝนแล้วเขาก็ได้เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาตระหนักได้แล้วว่าสิ่งที่เขาขาดคือความมุ่งมั่นและเริ่มทุ่มเทเวลามากมายในการทำสมาธิ เขาชอบใช้วิชาดาบที่สง่างามและเป็นระบบของตัวเอง…'
หากเขาไม่ได้เฝ้าดูผู้ฝึกฝนอย่างใกล้ชิดเขาคงเขียนสิ่งนี้ไม่ได้แน่ หนังสือเล่มนี้ไม่ได้มีเพียงข้อมูลของเบอร์เรนเท่านั้นแต่ยังมีรายละเอียดของผู้เข้าร่วมการฝึกฝนทุกคนด้วย
'แล้วของฉันล่ะ…?'
ราอนเปิดหาข้อมูลที่เขียนเกี่ยวกับเขา
'มีความสามารถอย่างมากในวิชาดาบและหมัด มีการรับรู้มานาที่ยอดเยี่ยมแต่กำลังดิ้นรนกับการพยายามปลูกฝังออร่า จำเป็นต้องสอนเขาเรื่องคุณสมบัติ ต้องหาทางทำให้เขารู้สึกได้ถึงไฟ…'
ข้อมูลในนั้นมีรายละเอียดเยอะมาก แบบที่ว่ามากจนเกินไป ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาทำถึงขนาดนี้
'อาจารย์ริมเมอร์…'
เขาคิดว่าริมเมอร์มักจะหาอะไรเล่นไปเรื่อยเหมือนคนขี้เกียจ แต่จริงๆ แล้วเขาสังเกตทุกๆอย่างอย่างละเอียดถี่ถ้วน
ราอนยิ้ม ความรู้สึกนี้ทำให้หัวใจของเขารู้สึกอบอุ่นขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกแบบนี้…คือว่ามันไม่ใช่ความรู้สึกที่ไม่ดี
เกินคาดนะเนี่ย
'ใช่ไหมล่ะ?'
แต่ข้าก็ยังไม่ชอบมัน มันปลิ้นปล้อนและน่ารำคาญมาก
หลังจากที่ล้มเหลวในการยึดครองร่างราอน ราธก็เริ่มมองโลกในแง่ลบมากขึ้นไปอีก
มีครั้งหนึ่งที่มีมนุษย์หูแหลมและคนแคระเข้ามาในแดนปีศาจ มันวุ่นวายมาก ข้าก็เลยจัดการแช่แข็งพวกที่ชอบเล่นซุกซนให้หมด…
'แกพูดมากอีกแล้วนะ'
ราอนเคาะสร้อยข้อมือดอกไม้ แล้วหลังจากนั้นราธก็เงียบลง การต้องมารับมือกับความพูดมากของราชาแห่งแก่นแท้เป็นเรื่องยากเสมอ
หึ! ราชาแห่งแก่นแท้คือคำจำกัดความของความเงียบ เจ้ากำลังบอกว่าข้าพูดมากเกินไปทั้งๆที่ข้าเป็นราชาที่พูดน้อยที่สุดในบรรดาราชาแห่งปีศาจ แล้วอย่ามาพูดอะไรบ้าๆอีกเชียวนะ! คำว่าพูดมากเกินไปมันหมายความว่า...
'...อืม'
เขาตีสร้อยข้อมืออีกครั้งเพื่อทำให้ราธเงียบลง ทันใดนั้นริมเมอร์ก็กลับมาด้วยการกระโดดข้ามกำแพง
เขาไม่เข้าใจริมเมอร์จะกระโดดข้ามกำแพงทำไม ทั้งๆ ที่ประตูก็มี
“ราอน!”
ริมเมอร์เดินยิ้มแฉ่งเข้ามาหาเขา สีหน้าของเขายังมีความประหลาดใจหลงเหลืออยู่เล็กน้อย
“เธอควบคุมออร่าได้ยอดเยี่ยมมากถึงเธอจะพึ่งได้รับมัน… เพียงแต่ว่าเธอไม่จำเป็นต้องตั้งรับทุกการโจมตี หรือโยนดาบของเธอทิ้งไปหรอกนะ”
ริมเมอร์ยื่นมือมาแตะไหล่ของเขา
“...นั่นคือสิ่งที่คนเป็นอาจารย์ควรจะพูดน่ะ อันที่จริงแล้วฉันพอใจกับการประลองนี้สุดๆ อันดับแรกคือขอแสดงความยินดีที่ได้เป็นเด็กฝึกอันดับหนึ่งต่อไปนะ แล้วก็นี่…มันเป็นของเธอแล้ว”
ริมเมอร์เอากล่องไม้ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อของเขาออกมาแล้วยื่นให้ราอน มันคือยาอมฤตที่มาร์ธาต้องมอบให้เขา
“ขอบคุณนะครับ”
ราอนก้มหัวขอบคุณริมเมอร์แล้วยื่นมือออกไปรับน้ำอมฤต
“มันเป็นของเดิมพันระหว่างพวกเธอสองคนนี่นา จะมาขอบคุณฉันทำไมล่ะ”
"ไม่หรอกครับ ผมยังต้องขอบคุณคุณอยู่ดี”
นี่ไม่ใช่คำขอบคุณสำหรับยาอมฤต นี่เป็นการขอบคุณสำหรับการดูแลการฝึกซ้อมของเขาและการคอยให้คำแนะนำต่างๆ
แม้ว่าเขาจะชอบมาสายและค่อนข้างขี้เกียจก็ตาม แต่เขามักจะเข้ามาให้คำแนะนำที่เหมาะสม ในช่วงเวลาที่เขากำลังต้องการเสมอ
ถ้าไม่ใช่เพราะคำแนะนำของริมเมอร์ ตอนนี้เขาอาจจะยังไม่ได้รับ'หมื่นเปลวเพลิง'เลยด้วยซ้ำ
ในชีวิตที่แล้วเขาก็มีแต่ครูที่ฝึกสอนให้เขาเป็นสัตว์เลี้ยง เขาจึงคิดว่าริมเมอร์คู่ควรกับได้รับการยกย่องจากเขา
"เอาเถอะๆ"
ริมเมอร์หัวเราะแล้วมองราอนด้วยสีหน้าพึงพอใจ
“งั้นผมกลับก่อนนะครับ”
"เดี๋ยวก่อนสิ"
เขาแอบไขว้นิ้วชี้และนิ้วกลางเข้าด้วยกัน
“ฉันบอกเธอไว้แล้วไม่ใช่รึไงว่าเราต้องไปที่ๆหนึ่งด้วยกัน”
“ไปที่ๆหนึ่งเหรอครับ?”
“ก็ต้องไปที่ห้องประชุมในคฤหาสน์ของท่านเจ้าตระกูลไง”
ริมเมอร์ยิ้มเผล่และชี้นิ้วของเขาไปทางทิศตะวันตก
“ก็หัวหน้าตระกูลเรียกพบเธอยังไงล่ะ”