ตอนที่ 1278 มันเป็นของดี
ในที่สุด หลินฟาน ก็สิ้นสุดการเดินทางไปยัง หยุนเหมิน อย่างสมบูรณ์ และเริ่มต้นเดินทางกลับ
จุดแรกที่เขากลับไปคือที่เมืองเฟิ่งเซี่ยน เพื่อไปเปลี่ยนเป็นรถ Rolls-Royce ของเขากลับมาก่อน ตอนนี้ รถ Rolls-Royce ของเขาก็คงซ่อมเสร็จแล้ว และหลินฟาน ก็ได้เปลี่ยนรถกลับมาอย่างราบรื่น
เขาเองไม่ได้ขับรถกลับไปที่เมืองหยุนเฉิงในทันที เพราะในเวลานี้ก็มืดค่ำแล้ว หลินฟาน เองก็ไม่ได้หลับมาเป็นเวลาสองวันกับอีกหนึ่งคืน ดังนั้นตอนนี้เรื่องต่างๆ ก็ได้รับการแก้ไขแล้ว เขาเองก็ไม่อยากที่จะรีบกลับไปที่เมืองหยุนเฉิง เขาเลยเลือกหาโรงแรมใกล้ๆ วางแผนที่จะนอนพักก่อน และค่อยรีบออกเดินทางในเช้าของวันพรุ่งนี้
เมื่อขับเข้ามาถึงเมืองเฟิ่งเซี่ยน หลินฟาน ก็พบโรงแรมแห่งหนึ่ง เขาได้ทำการเข้าเช็กอิน หยิบกุญแจแล้วออกไป
เมืองเฟิ่งเซี่ยนเป็นเมืองท่องเที่ยว มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าชมมากมาย แต่คืนนี้ก็ไม่มีอะไรให้ดูมาก หลินฟาน ออกมาแค่หาร้านอาหารเพื่อนั่งกินข้าวสำหรับมื้อเย็นก็เท่านั้น
ในเวลานี้สภาพจิตใจของ หลินฟาน ผ่อนคลายอย่างมาก เดินไปพลางก็ทบทวนการเดินทางมายังตอนใต้ของยูนนานของตนเองในครั้งนี้ หากให้สรุปอย่างสั้นๆ มันก็สรุปได้ว่าเขาบรรลุเป้าหมายในการมาครั้งนี้แล้ว ทั้งยังได้แก้ไขความขัดแย้งระหว่างเขากับ ชนเผ่าหยุน ซึ่งนับได้ว่าเป็นผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
แต่นอกจากนี้เขายังได้เข้าไปพัวพันกับข้อพิพาทของหยุนเหมินโดยไม่ได้ตั้งใจ และได้เรียนรู้ว่ามีแผนที่ขุมทรัพย์ที่อยู่ภายในหยุนเหมิน
จนถึงตอนนี้ แผนที่ขุมทรัพย์ของหยุนเหมินที่ว่านี้ ก็ได้รับความสนใจจากผู้คนอย่างน้อยๆ ก็สองระลอกแล้ว ทั้งสองระลอกนี้ก็ได้ถูกดูแลโดย หลินฟาน
ชายใบหน้าเหลี่ยมนั้นไม่มีอะไรจะต้องพูดถึง หลินฟาน อยู่ในหยุนเหมิน ในเวลานั้น.. เขามอง ชายใบหน้าเหลี่ยม สังหารผู้คนในหยุนเหมิน และแม้กระทั่งเด็กอายุสามขวบเขาก็ไม่เว้น หลินฟาน เลยต้องลงมือ โดยใช้โอกาสนี้ในการแก้ไขความขัดแย้งระหว่างเขากับหยุนเหมิน ชายใบหน้าเหลี่ยมจึงถูกเก็บกวาดลงไปในเวลานั้น
สําหรับสามคนที่พบในหมู่บ้านชิงหนิวนั้นค่อนข้างยาก แผนแรกของ หลินฟาน คือพาพวกเขาไปที่หยุนเหมิน และส่งมอบพวกเขาให้กับหยุนเหมิน แต่ หลินฟาน เพิ่งออกมาจากหยุนเหมิน เขาเองไม่ต้องการหันกลับไปที่หยุนเหมินในเวลานั้น เพราะมันเสียเวลา
ดังนั้น หลินฟาน จึงพาทั้งสามกลับไปที่หมู่บ้านชิงหนิว และมันก็เป็นไปตามที่ หลินฟาน คาดไว้ คนชั่วสามคนนี้ถูกชาวบ้านในหมู่บ้านชิงหนิว รุมทำร้าย ด้วยสภาพของพวกเขาในตอนนั้นก็ไม่สามารถทนต่อการรุมทำร้ายของพวกชาวบ้านได้ ผลคือ.. ชายที่มีตาสามเหลี่ยมนั้นถูกชาวบ้านทุบตีจนตาย
หลินฟาน เสนอให้แจ้งตํารวจ นี่ไม่ได้หมายความว่า หลินฟาน ต้องการแจ้งตํารวจจริงๆ เพียงแค่ต้องการให้หัวหน้าหมู่บ้านชิงหนิว เป็นฝ่ายริเริ่มที่จะจับความคิดของเขาเท่านั้น และหลินฟาน ก็คาดว่าหัวหน้าหมู่บ้าน ไม่ต้องการที่จะแจ้งตํารวจ
ดังนั้นทั้งสามคนจึงอยู่ในหมู่บ้านชิงหนิว ขณะที่ หลินฟาน ได้ส่งคนพิการให้ไปแจ้งข่าวเรื่องนี้ให้กับทางหยุนเหมินได้ทราบ
หยุนเหมิน เองน่าจะรู้วิธีจัดการอยู่ก่อนแล้ว, และหลังจากที่หยุนเหมินได้ข่าวก็ได้ส่งคนมาเอาตัวทั้งสามคนนั้นไป เมื่อนั้นก็แน่นอนอยู่แล้วว่านี่.. ถือเป็นทางออกที่สมบูรณ์แบบที่สุด
สิ่งที่ หลินฟาน สามารถช่วย หยุนเหมิน ..ได้ ก็มีเพียงเท่านี้เท่านั้น
ในความเป็นจริง ในเรื่องของสามคนชั่วนี้ หลินฟาน แทนที่จะทำเพื่อช่วยหยุนเหมิน เขากลับเลือกที่จะช่วยหมู่บ้านชิงหนิวเป็นหลัก เพราะเขาเป็นผู้ริเริ่มที่จะเข้าไปแทรกแซงในตอนแรก เพราะหญิงสาวในหมู่บ้านชิงหนิวถูกรังแก ก็เลยได้เข้าช่วยหยุนเหมินแก้ปัญหาใหญ่ไปในคราวเดียว กล่าวได้ว่า.. มันเป็นเพียงแค่ทางอ้อมเท่านั้น
แต่ถ้าบอกว่า หลินฟาน ไม่เห็นแก่ตัวเลย ตัวเขาเองก็ไม่เชื่อ เขายังมีความเห็นแก่ตัวอยู่เล็กน้อยจริงๆ นั่นก็คือ หยุน ชิงเย้า
หยุน ชิงเย้า เผยโฉมหน้าที่แท้จริงต่อหน้าเขา และแสดงความชื่นชม สนใจในตัวเขา แต่ หลินฟาน ไม่สามารถรับปากว่าจะเข้าร่วมกับหยุนเหมินได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ทำตามความปรารถนาของเธอเท่านั้น หลินฟาน ไม่ใช่คนใจร้าย เขาได้ช่วยทําความสะอาดคนชั่วทั้งสามคนนี้ โดยให้ถือซะว่าเป็นการตอบสนองน้ำใจของ หยุน ชิงเย้า อย่างจริงใจ
และนับตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับหยุนเหมินอีกต่อไป และไม่เกี่ยวข้องกับ หยุน ชิงเย้า อีกต่อไป หากยังมีศัตรูที่เข้ารุกรานหยุนเหมินอีกในอนาคต เขาก็ไม่อาจสามารถเข้าไปแทรกแซงมัน ..ได้อีกต่อไปเช่นกัน
ส่วนสำหรับแผนที่ขุมทรัพย์ของหยุนเหมิน มรดกอันยิ่งใหญ่ของ นิกายปีศาจในตำนานที่ว่านั่น หลินฟาน ก็ไม่ได้คิดสนใจอะไรมากอยู่ก่อนแล้ว
ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ไม่ได้ขาดเงิน..
ทรัพย์สมบัติของเขามีมูลค่าสุทธิเป็นแสนล้าน ทั้งยังมีกลุ่มแสนล้านที่ให้ต้องดูแล การไปปล้นสมบัติใหญ่โตอะไรนั้น เอาเวลามาพัฒนาบริษัทขึ้นมาดีกว่า
หลินฟาน ได้วางแผนที่จะกลับไปที่หยุนเฉิงในครั้งนี้ เขาจะมุ่งเน้นไปที่บริษัทมากขึ้น และทําภารกิจของระบบให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด
สร้างอาณาจักรธุรกิจล้านล้าน!
ปัจจุบัน กลุ่ม หยงจิ่ว เป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดกว่าสามแสนล้านแล้ว ถือเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหยุนเฉิง และเขาก็กล่าวได้ว่าเป็นขาใหญ่ผู้มีอิทธิพลในเมือง ในขณะเดียวกันในเจียงหนาน มูลค่าตลาดของกลุ่ม หยงจิ่ว ก็เป็นอันดับสองรองจาก กลุ่ม วั่นกู่ เท่านั้น
หลินฟาน มั่นใจมากว่าเขาจะก้าวแซงหน้า กลุ่ม วั่นกู่ และได้รับการเลื่อนตําแหน่งกลายไปเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในเจียงหนานได้ ..ในไม่ช้านี้
สําหรับเรื่องนี้ หลินฟาน ก็แทบอดใจรอไม่ไหวแล้ว
เมืองเฟิ่งเซี่ยน ในยามค่ำคืน ก็ยังคงคึกคัก อย่างไรเสียก็เป็นเมืองท่องเที่ยว ประดับประดาไปด้วยแสงไฟ บนท้องถนนก็ยังคงมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก
ชาวบ้านในท้องถิ่นก็ไม่พลาดโอกาสในการทําเงิน ทั้งสองข้างทางของถนนส่วนใหญ่ก็ต่างเต็มไปด้วยเหล่าพ่อค้ารายย่อยที่ขายผลิตภัณฑ์ประจำท้องถิ่น
หลินฟาน จําไม่ได้แล้วว่า.. การเดินทางท่องเที่ยวครั้งสุดท้ายของตัวเองคือเมื่อไหร่ แต่เขาได้คิดไปว่านี่ถือเป็นการท่องเที่ยวของเขาแล้ว
“เจ้าหนุ่ม มาดูนี่สิ!”
ในเวลานี้ ที่แผงขายของริมถนน ลุงคนหนึ่งได้กวักมือเรียกให้ หลินฟาน เข้าไป ลุงเองมีผิวคล้ำ เนื่องมาจากแสงแดดในทางตอนใต้นั้นแรงมาก มองปราดเดียวก็รู้ว่าเขาเป็นชาวบ้านในท้องถิ่น
แผงขายของของเขาขายพวกของเก่าโบราณ อย่างพวก ‘หยก’ ซึ่งทั้งหมดก็มีลวดลายตามงานศิลปะประจำท้องถิ่น ของแบบนี้พบเห็นได้โดยทั่วไปตามท้องถิ่นต่างๆ ของจีน โดยทั่วไปก็มักจะถูกทําด้วยมือ ไม่ใช่ของเก่าโบราณจริงๆ กล่าวคือเป็นการหาเงินจากนักท่องเที่ยวล้วนๆ
หลินฟาน เพียงแค่เหลือบมองไปโดยไม่รู้ตัว และก็ไม่อยากมองมันมากนัก เขาเลยได้ยิ้มแล้วส่ายหัว เพื่อบอกว่าเขาไม่สนใจ
คุณลุงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะแผงขายของของเขาไม่มีลูกค้าเข้าเลยแม้แต่คนเดียว เขาที่เห็นคนที่เดินผ่านไปมาจึงตะโกนเรียก แต่ไม่มีใครช่วยเขาซื้อ
พ่อค้ารายย่อยอย่างเขา มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาเงิน
ตอนนี้ หลินฟาน มีความคิดอยากที่จะซื้อของที่ไหนล่ะ เขาเองเพียงแค่อยากหาของกินสักอย่าง จากนั้นเขาก็จะเลือกกลับไปโรงแรมเพื่ออาบน้ำล้างตัว แล้วเข้านอน
แต่เมื่อ หลินฟาน วางแผนที่จะจากไปแล้ว สายตาของเขาก็กลับไปเห็นอะไรบางอย่างเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ และหยุดเดินในทันที
คุณลุงเมื่อเห็น หลินฟาน เปลี่ยนใจ และได้หยุดเดิน ทั้งยังมองเข้ามาในแผงขายของของเขาด้วยสีหน้าดีใจ ก็รีบร้องทักในทันทีว่า : “พี่ชาย เข้ามาดูก่อนสิ เผื่อมีบางอย่างถูกใจ สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ดีที่ฉันใช้ความพยายามอย่างมากในการรวบรวมมันมา!”
หลินฟาน พยักหน้า และเดินเข้าไปนั่งยองๆ อยู่ตรงหน้าแผงขายของพร้อมกับเอื้อมมือไปหยิบป้ายหยกขึ้นมา
ป้ายหยกนี้เนื้อเป็นสีเขียวทั้งตัว ทั้งตัวมีขนาดเท่าฝ่ามือของเด็กอายุสิบขวบเห็นจะได้ ทั้งยังมีสีที่ดูเรียบง่ายมาก..
เหตุผลที่ป้ายหยกนี้ดึงดูดความสนใจของ หลินฟาน เป็นเพราะในกองของวัตถุโบราณพวกนี้ ป้ายหยกนี้กลับเป็นของแท้เพียงแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น นี่คือประการที่หนึ่ง ประการที่สอง หลินฟาน สังเกตเห็นว่าลายเส้นของหยกนี้ ดูเหมือนจะไม่ง่าย มันกลับดูค่อนข้างพิเศษ ..เล็กน้อย
หยกแท้หนึ่งชิ้นนั้น มันก็นับว่าไม่ใช่เรื่องแปลก แต่หยกที่มีลวดลายแปลกประหลาดชิ้นหนึ่งนั้น มันกลับค่อนข้างพิเศษมาก..
“คุณลุง หยกชิ้นนี้ขายยังไง?” หลินฟาน ถาม
คุณลุงได้ยิ้ม แล้วพูดว่า : “พี่ชาย สายตาดีจริงๆ หยกชิ้นนี้เป็นของดี ถ้าคุณอยากจะซื้อ ฉันจะขายให้กับคุณในราคาถูกๆ เอาเป็นว่าฉันขายให้คุณเพียงแค่ 300 หยวนก็พอ!”
หลินฟาน ยังรู้สึกขบขันอยู่ในใจ ลุงคนนี้หลอกเขาอย่างชัดเจน
คุณลุงรู้ดีว่าสิ่งที่ตัวเองขายนั้น ล้วนเป็นขยะ รวมถึงป้ายหยกชิ้นนี้ด้วย ในสายตาของคุณลุงมันก็เป็นแค่ของปลอมเท่านั้น แต่คุณลุงกลับจงใจหลอก หลินฟาน เพื่อหาเงินเพิ่ม โดยบอกว่า ‘มันเป็นของดี’
พ่อค้ารายย่อยอย่าง คุณลุง หลินฟาน นับว่าไม่ใช่คนแปลกหน้าอะไร จริงๆ แล้วไม่ว่า หลินฟาน จะชอบชิ้นไหน เขาก็จะหลอก หลินฟาน แล้วรอให้ หลินฟาน เปิดปากต่อรองราคามา เมื่อนั้นในที่สุดเขาก็สามารถหาเงินจาก หลินฟาน ได้เสมอ
แต่สิ่งที่คุณลุงคนนี้ไม่เคยคิดฝันก็คือ ป้ายหยกชิ้นนี้เป็นของดีจริงๆ มูลค่าของมัน ก็มากกว่า 300 หยวน กว่าสิบเท่า หรือมากกว่า...
และหลินฟาน นี่ไม่ใช่ว่าเขากำลังต่อรองราคาครั้งใหญ่อยู่ ..หรอกหรือ?