บทที่ 62 เป็นแค่แมวแต่กล้าเอาชนะสุนัข
บทที่ 62 เป็นแค่แมวแต่กล้าเอาชนะสุนัข
หยางจิ่วเปิดท้องของหญิงสาวออก แล้วหยิบขวดพอร์ซเลนสีน้ำเงินขาวใบเล็กออกมาจากข้างใน
(ขวดพอร์ซเลน คือขวดที่ผลิตมาจาก ดินพอร์ซเลนและแร่อื่นๆ นำไปเผาทีอุณหภูมิสูง เนื้อกระเบื้องมีความละเอียด มีความหนาแน่นสูง รูพรุนน้อย)
นางคงรับประทานยาพร้อมขวดแล้วกลืนลงไป
หยางจิ่วเต็มไปด้วยความชื่นชม
เมื่อดึงจุกออกแล้วเห็นว่า สิ่งที่อยู่ในขวดไม่ใช่ยา แต่เป็นกระดาษที่เขียนข้อความ
มีเพียงหนึ่งบรรทัดง่ายๆ เท่านั้น:
"อาจารย์คือมู่หรงป้า"
ลายมือแย่มาก ดูเหมือนว่าจะเขียนอย่างเร่งรีบ
หยางจิ่วยัดกระดาษกลับเข้าไปในขวด ล้างแล้วใส่ลงในกระเป๋าแขนเสื้อ จากนั้นก็เริ่มเย็บศพ
คราวนี้เย็บศพ หยางจิ่วเย็บท้องก่อน เขาต้องการดูว่า หยฺงสาวจะฉีกลำไส้ของนางออกอีกหรือไม่?
หลังจากเย็บแล้วหยางจิ่วก็จ้องตรงไปที่หญิงสาว
หลังจากนั้นไม่นาน.
หญิงสาวไม่แม้แต่จะขยับมือเลย
หลังจากนั้น หยางจิ่วแต่งตัวให้นาง และ "คัมภีร์แห่งชีวิตและความตาย" ก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา
หญิงสาวชื่อ ตู๋กูตั้วหลัว นางมีภูมิหลังทางครอบครัวที่ดี และไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและเสื้อผ้า
แต่เมื่อนางอายุได้หกขวบ จู่ๆ นางก็ถูกพาตัวไป และพาไปที่วัดลัทธิเต๋าบนภูเขา
ในวัดเต๋า มีเด็กผู้หญิงอายุใกล้เคียงกับนาง
เพราะอยู่กับเพื่อนของนาง นางจึงเอาชนะความกลัวในการออกจากบ้านได้อย่างรวดเร็ว และเติบโตอย่างมีความสุขในวัดลัทธิเต๋า
อาจารย์สอนพวกนางถึงวิธีการอ่านและเขียน สอนศิลปะการต่อสู้ และปฏิบัติต่อพวกนางราวบุตรสาวของเขาเอง
นางมีซือเจี๋ยสิบเอ็ดคน ซึ่งทุกคนเรียกนางว่า "เสี่ยวซือเหม่ย" และปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดี
เมื่อเห็นสิ่งนี้ หยางจิ่วก็สับสนเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ได้
ผู้ที่อยู่ในวัดเต๋านั้น เป็นอาจารย์ของกานซือซือหรือไม่?
เดิมทีตู๋กูตั้วหลัวคิดว่า นางสามารถมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขที่นี่ตลอดไป จนกระทั่งวันหนึ่ง นางเห็นอี้สือซือเจี๋ย(ศิษย์พี่สาวสิบเอ็ด) ซึ่งอายุมากกว่านางหนึ่งปี ออกมาจากห้องอาจารย์และร้องไห้
โดยปกติแล้ว นางจะมีช่วงเวลาที่ดีที่สุดกับอี้สือซือเจี๋ย หลังจากซักถาม พี่อี้สือซือเจี๋ยก็บอกความจริงกับนาง
เมื่อพวกเขาอายุ 18 ปี พวกเขาต้องนอนกับอาจารย์
ตู๋กูตั้วหลัวรู้สึกหวาดกลัว ท้ายที่สุด นางอายุ 17 ปี และจะถึงตานางในปีหน้า
ด้วยความช่วยเหลือจากอี้สือซือเจี๋ย ตู๋กูตั้วหลัวจึงหนีออกจากวัดลัทธิเต๋า
เมื่อนางเดินออกจากภูเขา นางจินตนาการว่าต่อจากนี้ไป นางจะตระเวนไปตามยุทธภพ เพื่อต่อสู้ เพื่อความยุติธรรม
คืนนั้น นางพักอยู่ในโรงแรมเล็กๆ ในเมืองเล็กๆ ในกลางดึก จู่ๆ นางก็ถูกปลุกให้ตื่นเพราะเสียงดังข้างนอก
นางเปิดประตู แล้วเห็นอาจารย์กำลังสังหารคนอยู่ในโรงแรม
ทุกคนที่อาจารย์เห็นต่างถูกตัดหัวทิ้ง
ตู๋กูตั้วหลัวรีบปิดประตูด้วยความตื่นตระหนก
"ตั้วหลัวเพื่อเป็นเกียรติแก่ตระกูลตู๋กูของเจ้า ที่เจ้าสามารถมีส่วนร่วมในความสำเร็จข้า มู่หรงป้า เจ้าออกมาตอนนี้ และกลับไปพร้อมกับอาจารย์อย่างเชื่อฟัง อาจารย์จะไม่มีวันลงโทษเจ้า" อาจารย์ตะโกนขึ้นมาจากชั้นล่าง
ในรอบ 11 ปีนับตั้งแต่นางเข้าไปในภูเขา นี่เป็นครั้งแรกที่ตู๋กูตั้วหลัว รู้ชื่ออาจารย์ของนาง
ด้วยเหตุผลบางอย่าง นางก็เกิดความคิดแปลก ๆ ขึ้นมา นางรีบหาปากกาและกระดาษ เขียนคำว่า "อาจารย์คือมู่หรงป้า" แล้วยัดมันลงในขวดพอร์ซเลนของนาง
ในขณะนั้นเอง มู่หรงป้าก็เตะประตูแล้วเปิดเข้าไป
"ตั้วหลัว กลับบ้านกับอาจารย์!" มู่หรงป้าพูดอย่างเย็นชา
ตู๋กูตั้วหลัวส่ายหัวอย่างรุนแรง แม้กระทั่งโชว์กริชของนาง และพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทา: "ข้าจะไม่กลับ และข้าจะไม่มีวันกลับไป แม้ว่าข้าจะตายก็ตาม"
"อาจารย์เป็นผู้สอนวิทยายุทธ์ให้แก่เจ้า แล้วเจ้าคิดว่า เจ้าจะเอาชนะอาจารย์ของเจ้าได้งั้นหรือ?" มู่หรงป้ายิ้มอย่างเย็นชา
หลังจากนี้ อีก 200 วัน เขาก็จะได้ลั่วหงของตู๋กูตั้วหลัว แล้วรวบรวมลั่วหงทั้ง 12 คน เพื่อใช้เป็นยาได้ และเรื่องสำคัญก็จะสำเร็จ
(落红 ลั่วหง เลือดจากเยื่อพรหมจรรย์)
ตู๋กูตั้วหลัวสิ้นหวังอย่างยิ่ง แต่หากนางรักษาความบริสุทธิ์ของตัวเองไม่ได้ แล้วทำไมนางถึงจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป?
นางถือมีดไว้ในมือทั้งสองข้าง แล้วกระแทกมันเข้าที่หน้าท้อง
"ตั้วหลัว เจ้า..." มู่หรงป้าพยายามหยุด แต่มันก็สายเกินไป
ตู๋กูตั้วหลัว สีหน้าซีดขาว ดวงตาของนางแดงก่ำ และนางพูดอย่างดุเดือด: "มู่หรงป้า แม้ว่าข้าจะเป็นผี ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไป!"
ในขณะที่พูด นางออกแรงด้วยมือทั้งสองข้าง หลังจากนั้น ก็เฉือนท้องของนางด้วยมีดสั้น(ให้นึกถึง ฮาราคีรีนะครับ)
ในตอนนี้ มู่หรงป้ายิ่งสิ้นหวังมากขึ้น ยาที่กล่าวอ้าง เขาต้องรอสิบเอ็ดปีก็พร้อมที่จะใช้ แต่สิ่งนี้ดันมาเกิดขึ้น
"ขึ้นไปเร็ว" ทันใดนั้นก็มีเสียงเจ้าหน้าที่มือปราบดังมาจากด้านนอก
มู่หรงป้าโบกมือแล้วหนีไปทางหน้าต่าง
ตู๋กูตั้วหลัวหยิบขวดพอร์ซเลนออกมา แล้วกลืนลงไปในขณะที่นางยังหายใจอยู่
เมื่อเจ้าหน้ามือปราบรีบเข้ามา นางก็เสียชีวิตแล้ว
หลังจากอ่านชีวิตของตู๋กูตั้วหลัวแล้ว หยางจิ่วแน่ใจว่า ตู๋กูตั้วหลัวเป็นเอ้อสือซือเจี๋ย(ศิษย์พี่หญิงสิบสอง) ของกานซือซือ และมู่หรงป้า เป็นอาจารย์ของกานซือซือ
เจ้าหน้าที่มือปราบในเวลานั้น พบศพในโรงแรมแห่งหนึ่ง และศพที่เหลือควรนำไปเย็บโดยช่างเย็บศพในท้องถิ่นเพื่อฝัง แต่ตู๋กูตั้วหลัวไม่สามารถเย็บได้ หลังจากนั้น ศพนางก็ถูกส่งมายังฉางอัน ดังนั้นศพนางจึงต้องเก็บรักษาไว้ในตำหนักยมบาลได้อย่างเดียวเท่านั้น
หลังจากที่ตู๋กูตั้วหลัวเสียชีวิต มู่หรงป้า ก็พากานซือซือขึ้นไปบนภูเขาอีกครั้ง และการดูแลนี้กินเวลาเกือบ12 ปี
แต่ มู่หรงป้าไม่เคยคิดฝันว่า กานซือซือเลือกที่จะหลบหนีเหมือนตู๋กูตั้วหลัว
【ศพสามสิบห้าศพถูกเย็บ โฮสต์ก็ได้รับรางวัลเป็นดีเสือดาว 】
เอ่อ ตู๋กูตั้วหลัวกล้าที่จะหลบหนี เพราะนางดีเสือใช่ไหม?
ผลของดีเสือดาวนี้คือ ทำให้คนขี้อายและขี้ขลาด ได้รับความกล้าหาญอย่างมากในทันใด เพื่อที่พวกเขาจะได้กระทำการที่กล้าหาญได้
พูดง่ายๆ ก็คือ การกินดีเสือดาวนี้ สามารถทำให้คนที่ไม่มีสมอง เปลี่ยนเป็นรวดเร็วราวกับสัตว์ป่าได้
เมื่อเดินเดินออกจากห้องหมายเลข 285 อักขระหวง ด้วยความรู้สึกง่วงซึม หยางจิ่วจึงเลิกเย็บศพ ทิ้งโน้ตไว้ และกลับไปร้านเย็บศพเพื่อนอน
ในตอนนี้ สภาพเขาไม่ค่อยดี การเย็บศพในตำหนักยมบาลนั้น อันตรายมาก!
ข้างประตูตงฉ่าง มีสุนัขตัวเล็กสี่ตัว กำลังเห่าแมวสีส้มตัวหนึ่ง
แมวสีส้มตัวผอม หดตัวตรงมุม และแยกเขี้ยวของมันเพื่อทำให้สุนัขตัวเล็กตกใจ
แมวลากหางลงบนพื้น มีขนตั้งตรง และมันดูน่ากลัวมาก
กำแพงด้านหลังแมวสีส้มนั้นสูงมาก จนแม้แต่แมวที่ตัวเบาอย่างนกนางแอ่น ก็ไม่สามารถกระโดดขึ้นไปได้
แต่สุนัขตัวน้อยสี่ตัวนั้น ดูเหมือนจะเห่าอยู่ห่างๆ อย่างมีความสุข แต่พวกมันกลับขี้ขลาดไม่กล้าเข้าใกล้!?
หมาสี่ตัวเอาชนะแมวไม่ได้งั้นเหรอ?
แน่นอนว่าคนที่จะเรียกหา มักไม่ใช่คนที่มีทักษะดีที่สุด แต่คนที่บูดบึ้งก็มักมีทักษะพิเศษ
(ประมาณว่าอย่าดูคนที่หน้าตา)
เมื่อหยางติ่งเทียนพบเจ้า ข้าก็จะมอบโชคลาภให้กับเจ้าเล็กน้อย เจ้าแมวสีส้มตัวน้อย
หยางจิ่วโยนดีเสือดาวใส่หน้าแมวสีส้มอย่างตั้งใจ
กินซะ
นี่คืออาหารจานด่วน!
ควิบ ควับ กรุ๊บ!!(เสียงแมวกินครับ)
ในตอนนี้ หยางจิ่วเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ถ้าแมวสีส้มกินดีเสือดาวแล้ว มันจะมีความกล้าที่จะโจมตีสุนัขทั้งสี่ตัวหรือไม่?
ถึงแม้ว่ามันจะมีความกล้าหาญ แต่การตอบโต้ของแมวสีส้ม มันก็คือการกระแทกก้อนหินด้วยก้อนกรวด(เหมือนคนตัวเล็ก เข้าสู้กับคนตัวใหญ่)
จะได้รู้กันว่า ดีเสือดาวชิ้นนี้ หลอกลวงผู้คนไหม?
แมวสีส้มหิวมาก เมื่อได้กลิ่นเนื้อของดีเสือดาว มันจึงพุ่ง เข้ากัดดีเสือดาว และส่งเสียงกรนจากจมูกของมัน
สุนัขตัวน้อยสี่ตัวเห่าอย่างมีความสุขมากขึ้น ทุกตัวอยากจะตะครุบแมวเพื่อคว้าเนื้อ
ความเร็วที่แมวสีส้มกินนั้น เร็วกว่าคนล่วงประเวณีแล้วถูกจับได้ และหลบหนีไป
หลังจากคำรามไม่กี่ครั้ง ดีเสือดาวชิ้นหนึ่งก็เข้าไปในท้องของแมวสีส้ม
ว่ากันว่า ดีมีรสขม แต่ดีเสือดาวที่ได้รับจากระบบ ดูเหมือนมันจะไม่ขม
แมวสีส้มตัวสั่นสะท้าน มันยืดตัวขึ้นทันที ดวงตาแหลมคม จ้องมองไปที่สุนัขตัวน้อยสี่ตัว
เมื่อมองดูท่าทางนั้น แมวสีส้มก็กำลังวางแผนที่จะแข่งขันกับสุนัขตัวน้อย
ครู่ต่อมา แมวสีส้มก็กระโดดขึ้นสูง และรีบไปหาสุนัขตัวผู้ตัวน้อย ที่เห่ามากที่สุด!
เมื่อมันเข้าใกล้ กรงเล็บของแมวก็กางออก และตบหัวของสุนัขตัวผู้ตัวน้อยอย่างแรง
"เอ๋ง..." สุนัขตัวผู้ถูกตบ ขนของมันปลิวว่อน และมันวิ่งหนีไปด้วยความเจ็บปวด
แมวสีส้มกระโดดขึ้นลง และโจมตีอีกสามตัว
อีกสามตัวที่เหลือนั้นเป็นตัวเมีย และเมื่อสุนัขตัวผู้หนีไป พวกมันก็จะยิ่งไม่เต็มใจที่จะต่อสู้อีกต่อไป
โดยไม่คาดคิด แมวสีส้มวิ่งตามมันไป ข่วนก้นของตัวเมียเป็นครั้งคราว ทำให้ตัวเมียเห่าด้วยความเจ็บปวด
นี่... แมวกล้าทุบตีสุนัขหลังจากกินดีเสือดาวเข้าไปงั้นเหรอ?
หยางจิ่วไล่ตามแมว และเห็นแมวสีส้มกำลังต้อนสุนัขตัวเมียตัวผอมที่สุด และกำลังทำอะไรบางอย่างที่อธิบายให้ฟังไม่ได้ (-_-)