บทที่ 62 - อุบัติภัยและปี 749
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 62 - อุบัติภัยและปี 749
วิธีที่จะกลับไปยังพื้นที่เวลาเดิมนั้นง่ายเหมือนที่ระบบกล่าวไว้ก่อนหน้านี้
เมื่อหลินเฉินออกคำสั่ง พลังงานก็ได้ระเบิดออกมาจากร่างกายของเขาและเข้าทะลวงสู่พื้นที่มืด
ครู่ต่อมา ประตูกาลอวกาศที่ส่งหลินเฉิก็เปิดออก
จากประตูกาลอวกาศ หลินเฉินสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันแสนคุ้นเคย
ให้พูดเช่นไรดี?
มันคือกลิ่นของบ้าน!
ดังนั้นหลินเฉินจึงไม่ลังเลและดำดิ่งลงไป
ทันใดนั้น เขาก็เข้าสู่ห้วงมิติที่เต็มไปด้วยสีสันอันแปลกประหลาด
หลินเฉินที่เคยสัมผัสมาแล้วครั้งหนึ่งรู้โดยธรรมชาติว่าโลกนี้เป็นพื้นกาลอวกาศที่ไม่อาจอธิบายไม่ได้
จากประสบการณ์ครั้งก่อนของเขา มันคงไม่น่าจะนานนักก่อนที่เขาจะออกจากที่นี่และกลับสู่พื้นที่ภายนอก
แต่สิ่งที่แปลกคือ ครั้งนี้หลินเฉินกลับอยู่ในพื้นที่นี้เป็นเวลานาน
หลินเฉินเริ่มรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“ระบบเกิดอะไรขึ้น? ทำไมข้ายังไม่ออกไปอีก?”
แต่สิ่งที่น่าสงสัยคือ ระบบไม่ได้ตอบทันที แต่ใช้เวลาสักพักก่อนที่จะมีการตอบกลับมา
“ติ๊ง! จุดประตูกาลอวกาศได้หายไปแล้ว ประตูประตูกาลอวกาศกำลังถูกบังคับให้เปิดเพื่อผู้ใช้”
“เดี๋ยวก่อน จุดกาลอวกาศหายไปแล้วเหรอ? ที่พูดมามันหมายความยังไงกัน?” จู่ๆ หลินเฉินก็มีความรู้สึกไม่ดี
แต่ก่อนที่เขาจะได้ทันทำอะไร ทันใดนั้นประตูกาลอวกาศก็เปิดออกต่อหน้าหลินเฉินและครู่ต่อมา หลินเฉินก็ถูกดูดเข้าไปในประตูกาลอวกาศและกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง
……
ย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่หลินเฉินเพิ่งผ่านประตูกาลอวกาศ
ไม่นานหลังจากที่เขาจากไป ร่างสองร่างก็ปรากฏขึ้นในพื้นที่แห่งนี้
คนสองคนนี้ คนหนึ่งตัวสูงและอีกคนตัวเตี้ย แต่ดูเหมือนว่าคนตัวเตี้ยจะเป็นผู้นำ
“ท่านไคโอชิน เกิดความผิดปกติของกาลอวกาศที่นี่! ช่างน่าแปลกจริงๆ ทำไมมันถึงปรากฏอยู่ที่นี่กัน?”
“อาจเป็นเพราะอิทธิพลของหลุมดำ คิบิโตะอย่าเสียเวลา เตรียมตัวให้พร้อม! ไม่อย่างนั้นหากมีบางอย่างผ่านประตูกาลอวกาศไป มันคงจะไม่แน่ถ้ามันไปรบกวนลำดับเวลาเข้า!”
"ขอรับ!"
ร่างทั้งสองยกฝ่ามือขึ้นทันทีและเล็งไปที่พื้นที่ประตูกาลอวกาศที่ปรากฏขึ้นก่อนหน้านี้
ทันทีหลังจากนั้น พลังที่ไม่อาจอธิบายได้ถูกใช้กับพื้นที่นี้ไป
…
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนแล้วที่ร่างทั้งสองหายไป ในเวลานี้ พื้นที่ที่ว่างเปล่าได้ปรากฏประตูกาลอวกาศสีแดงโลหิตเปิดขึ้นอีกครั้ง
หลินเฉินรีบวิ่งออกมาจากหลังประตูและกลับไปยังพื้นที่แห่งโลกความเป็นจริง
ในขณะที่หลินเฉินออกมา ประตูกาลอวกาศก็หายไปทันที
หลินเฉินหันกลับมาและจ้องมองไปที่ความว่างเปล่ารอบตัวเขา เพื่อยืนยันว่านี่เป็นสถานที่ใกล้กับหลุมดำที่เขาเปิดประตูกาลอวกาศเป็นครั้งแรก
แต่เมื่อครู่มันเกิดอะไรขึ้นกัน?
“ระบบ? ข้าต้องการคำอธิบาย…”
"ติ้ง! ขอตอบกลับผู้ใช้ หลังจากตรวจสอบแล้ว ระบบพบว่าประตูกาลอวกาศไม่เสถียร ทำให้เวลากลับของผู้ใช้แตกต่างจากเวลาเดิม”
"ตอบมาให้ชัดเจน!"
"ติ้ง! ขอตอบกลับผู้ใช้ เวลาของโลกได้ผ่านพ้นไป 6 ปีแล้ว”
อะไรนะ? หกปี!
เห็นได้ชัดว่าเขาอยู่ในอีกโลกหนึ่งเพียงไม่กี่วัน ทำไมพอกลับมาโลกเดิมเวลามันถึงผ่านไปหกปีกัน?
“ระบบ เจ้ากำลังหลอกข้าหรือ? ทำไมมันถึงเป็ฯแบบนี้?”
“ประตูกาลอวกาศ…”
“หยุดบอกข้าแบบนี้ได้แล้ว อธิบายให้ข้าฟังด้วยภาษาของมนุษย์!”
"ติ้ง! ระบบสงสัยว่ามีการรบกวนจากภายนอกเข้ามาแทรกแซงกับประตูกาลอวกาศที่เปิดโดยผู้ใช้ หลังจากผู้ใช้ได้ออกไป พิกัดที่ประตูกาลอวกาศทิ้งไว้ก็ถูกลบไป ทำให้ผู้ใช้หาพิกัดที่ตั้งไว้ไม่เจอยามกลับมา”
“ลบไปงั้นเหรอ? เป็นผู้ใดกัน?”
หลินเฉินคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่พักหนึ่ง และตัดสินใจไปที่ดาวเคราะห์เบจิต้าดูก่อน ในชั่วพริบตา เขาก็จากไปหกปีแล้ว เขาไม่รู้ว่ามีสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นบนดาวเคราะห์เบจิต้าหรือไม่
ครู่ต่อมา หลินเฉินก็ปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้าบนดาวเคราะห์เบจิต้า
เมื่อเขาปรากฏตัวบนดาวเคราะห์เบจิต้า เขาก็เห็นภาพอันแสนวุ่นวายและสงบสุขบนดาว ซึ่งแตกต่างจากเมื่อหกปีก่อนมาก
บนดาว เขาสามารถเห็นยานอวกาศจำนวนมากเข้าและออกเป็นครั้งคราว เขาใช้พลังเพื่อตรวจสอบและสัมผัสได้ว่า นอกจากชาวไซย่าแล้ว ยังมีมนุษย์ต่างดาวอีกมากมายบนดาวเคราะห์เบจิต้า
ขณะที่หลินเฉินเริ่มลงมายังพื้นผิวของดาวเคราะห์ ไม่ไกลนักก็ได้มีเสียงไซเรนดังขึ้น
ยานอวกาศหลายลำที่มีไฟเตือนได้กระพริบเข้ามาใกล้ ชาวไซย่าและเอเลี่ยนสองสามคนได้บินออกจากยานอวกาศล้อมรอบหลินเฉินด้วยใบหน้าที่ดูระวังตัว
“นี่คือดาวเคราะห์เบจิต้า คนแปลกหน้าผู้ไม่มีที่มา จงประกาศจุดประสงค์ของเจ้าในการมาที่นี่ทันที!” ไซย่าที่มีเครื่องวัดพลังอยู่บนศีรษะของเขาตะโกนใส่หลินเฉิน
เหงื่อเย็นเหยียบได้หยดลงมาที่ใบหน้าของเขา เพราะในเครื่องวัดพลังของเขา ระดับพลังของผู้ชายเบื้องหน้าคนนี้มีพลังมากกว่า 500,000!
นี่คือระดับความแข็งแกร่งของนักรบชั้นยอดบนดาวเคราะห์เบจิต้าที่ถูกนำโดยราชินีฮานาเซีย ส่วนพวกเขาเป็นเพียงแค่สมาชิกหน่วยป้องกัน ซึ่งมีระดับพลังเพียงไม่กี่หมื่น เราจะยื้ออีกฝ่ายจนนักรบชั้นยอดมาทันไหมนะ?
เดี๋ยวก่อน…คนผู้นี้ เหตุไฉนถึงดูคุ้นมาก ข้าเคยเห็นเขาที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า?
เป็นผู้ใดกันนะ?
หลินเฉินมองพวกเขาพลางคิดในใจว่า ‘ในช่วงหกปีที่เขาจากไป เป็นไปได้ไหมว่าศัตรูจำนวนมากจากภายนอกได้มาเยือนดาวเคราะห์เบจิต้า?'
ไม่อย่างนั้นทำไมต้องตรวจตราและระวังตัวกันขนาดนี้ล่ะ?
ว่าแต่เอเลี่ยนพวกนี้มันอะไรกัน?
เฮ้อ ในช่วงหกปีที่ผ่านมาหลายอย่างได้เปลี่ยนไปมากจริงๆ
เมื่อคิดเช่นนี้ หลินเฉินก็ยังคงก้าวเดินไปต่อ
เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่สนใจคำเตือนของพวกเขา เด็กหนุ่มชาวไซย่าที่ดูอายุไม่เกิน 10 ปีก็ยิงคลื่นพลังงานใส่หลินเฉิน
"ไอ้โง่เอ้ย! ทุกคนระวัง เตรียมตัวต่อสู้กันทันที!”
เมื่อเห็นว่ามีคนจากฝั่งของพวกเขายิงเปิดไปแล้ว ชาวไซย่าที่เป็นผู้นำกลุ่มก็รู้ว่าสถานการณ์ไม่สามารถแก้ไขได้ ดังนั้นเขาจึงออกคำสั่งทันทีเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
แต่ในขณะนั้นเอง ผู้คนในที่นี่เห็นคลื่นพลังงานที่ชาวไซย่ายิงเข้าใส่ร่างของหลินเฉิน จากนั้นมันก็ได้เลือนหายไป
หลินเฉินยังคงเดินต่อไป ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"อะไรกัน?"
"เกิดอะไรขึ้น?"
ทุกคนมองไปที่เด็กชาวไซย่า และมองไปยังหลินเฉินด้วยความรู้สึกสับสน “ข-ข้าใช้กำลังทั้งหมดของข้าไปแล้วนะ!”
“ไม่ต้องกังวล ไปแจ้งหน่วยป้องกันในสำนักงานใหญ่ทันทีว่ามีคนกำลังบุกรุกเข้ามาในดาวเคราะห์เบจิต้า!”
ในไม่ช้า เหนือพื้นดิน ชาวไซย่าหลายสิบคนลอยขึ้นไปในอากาศก่อนที่จะบินไปหาหลินเฉิน
ครั้งนี้มีออร่าที่ดูแข็งแกร่งอยู่
“นั่นมันพารากัสใช่ไหม?”
เมื่อสัมผัสได้ถึงออร่าที่คุ้นเคยในหมู่พวกเขา หลินเฉินก็ยิ้มออกมา
ไม่นานนัก เขาก็ได้เห็นพารากัสบินมาพร้อมกับกลุ่มชาวไซย่าวัยรุ่นจำนวนหนึ่ง
ซึ่งเมื่อเขาเห็นใบหน้าของหลินเฉิ พารากัสก็หยุดนิ่งก่อนจะตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น
"อ่า! นั่นมันฝ่าบาท! ฝ่าบาทลิงค์กลับมาแล้ว!“พารากัสตะโกนออกมาด้วยความยินดี และเปิดเครื่องมือสื่อสารเพื่อใช้อำนาจของเขาตะโกนในช่องสื่อสารให้ทุกคนได้ยินทั่วกัน:”ทุกคน ฝ่าบาทลิงค์กลับมาแล้ว!”
ในขณะนี้ ดูเหมือนว่าทั้งดาวเคราะห์เบจิต้าจะเงียบหายไป
ผ่านไปเพียงชั่วพริบตา ออร่าสีทองได้โผล่ขึ้นจากวังและบินเข้ามาหาหลินเฉินอย่างรวดเร็ว
“ฝ่าบาทลิงค์!”
ฮานาเซียที่กลายร่างเป็นซูเปอร์ไซย่ากระแทกเข้าไปในอ้อมแขนของหลินเฉินและสูดดมกลิ่นของเขาคล้ายกับไม่ได้พบเจอกันมานานมากแล้ว