บทที่ 6 จักรพรรดินีผู้ยิ่งใหญ่ ในอนาคตจงโลภให้น้อยลง!
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 6 จักรพรรดินีผู้ยิ่งใหญ่ ในอนาคตจงโลภให้น้อยลง!
สิบนาทีต่อมา เหยาเจิ้งก็รักษาแผลเสร็จแล้ว
โชคดีที่งูไม่มีพิษ มิฉะนั้นเขาคงอาการหนักกว่านี้ อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายยังคงมองไปทางหลินเป่ยฟานด้วยความโกรธ “หลินเป่ยฟาน ทำไมเจ้าไม่พูดอะไรก่อนหน้านี้?”
หลินเป่ยฟานเสียใจมาก “ก็ท่านเป็นคนบอกให้ข้าหุบปาก!”
เหยาเจิ้งพูดไม่ออกและพยายามปกป้องตัวเอง “แล้วทำไมเจ้าไม่พูดก่อนหน้านี้ล่ะ? เจ้าลังเลและจงใจจะทำร้ายข้าหรือ?”
หลินเป่ยฟานยิ่งเสียใจมากขึ้นไปอีก “ข้าจะพูดออกมาได้ยังไงกัน? ข้ากลัวที่จะรบกวนการเสด็จของฝ่าบาท งูเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าขยะแขยงและถ้าพวกมันทำให้ฝ่าบาทหวาดกลัว มันคงไม่ดีแน่ นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าไม่กล้าพูดอะไรหรือปล่อยให้เจ้าขุดมันขึ้นมา!”
เหยาเจิ้งถึงกับพูดไม่ออกอีกครั้ง
จักรพรรดินีกลั้นหัวเราะและพูดว่า “เอาเถอะ ลืมเรื่องนี้ไปกัน ท่านหลินเป็นห่วงข้ามาก ดังนั้นคงกล่าวโทษเขาไม่ได้ ท่านเหยาก็ระมัดระวังในการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้ตรวจการด้วย ดังนั้นเขาจึงตกเป็นเหยื่อของงูพิษตัวนี้ พวกเจ้าทั้งสองคนไม่ได้มีความผิดเลย”
“สิ่งที่ฝ่าบาทตรัสเป็นความจริงอย่างยิ่ง!” หลินเป่ยฟานพยักหน้าเห็นด้วยทันที
ในใจของเขา เหยาเจิ้งรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง
สิ่งที่ข้าทำไปมันเสียเปล่างั้นหรือ?
เห็นได้ชัดว่ามันเป็นกลอุบายของไอ้สารเลวคนนี้ที่ทำให้ข้าตกหลุมพรางของมัน!
มันผู้นี้ไม่ใช่มนุษย์แล้ว!
ข้าแก่เจียนตาย มันยังคิดมาหลอกข้าอีก!
คิดว่าข้าเป็นคนจัดการได้ง่ายขนาดนั้นลเยเหรอ?
“ในเมื่อไม่พบอะไรแล้ว ท่านหลินก็เป็นผู้บริสุทธิ์ เช่นนั้นกลับไปที่วังกันเถอะ!” จักรพรรดินีโบกมือ
“เดี๋ยวก่อนฝ่าบาท ข้ามีบางอย่างที่จะทูล” เหยาเจิ้งตะโกนออกมา
“ท่านเหยา ท่านมีอะไรจะพูดอีก?”
เหยาเจิ้งจ้องไปที่หลินเป่ยฟานอย่างโกรธแค้นและก็กล่าวออกมาความเคารพ “ฝ่าบาท แม้ว่าจะไม่พบหลักฐาน แต่มันก็ไม่ได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของหลินเป่ยฟานเลย! ข้าได้เชิญคนที่ไปกับเขาในการค้นหาเรือนเมื่อวันก่อนนี้และพวกเขาก็สามารถเป็นพยานในสิ่งที่ข้าพูดได้!”
กลุ่มคนที่ตัวสั่นได้เดินออกมา
คนเหล่านี้เป็นคนที่มากับหลินเป่ยฟานในการค้นหาเรือนเมื่อวันก่อน
“ฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญ!” พวกเขาพูดขณะที่ตัวสั่นเทา
“ไม่ต้องมีพิธีรีตอง! บอกข้ามาเถอะว่าเกิดอะไรขึ้น!” จักรพรรดินีสั่ง
“ขอบคุณพะยะค่ะ ฝ่าบาท!”
พวกเขาพูดถึงรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันก่อนนี้ จักรพรรดินีมองไปทางหลินเป่ยฟานด้วยรอยยิ้มที่ไม่เหมือนกับยิ้มและถามว่า “ท่านหลิน ท่านมีอะไรจะพูดหรือไม่?”
หลินเป่ยฟานยังคงสงบนิ่งมากและตอบว่า “ฝ่าบาท พวกเขาใส่ร้ายและกล่าวหาว่าข้าทำผิด พวกเขากำลังใส่ร้ายข้าราชการผู้ซื่อสัตย์”
จักรพรรดินีถามด้วยรอยยิ้มออกมา “ทำไมเจ้าถึงพูดอย่างนั้นกันล่ะ?”
หลินเป่ยฟานจึงตอบอย่างหนักแน่น “ข้าไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงคิดจะกล่าวหาและใส่ร้ายข้า แต่ในฐานะข้าราชการที่ซื่อสัตย์ ข้าไม่มีอะไรต้องกลัว ถ้าข้าไม่ได้ทำ ข้าก็ไม่ได้ทำ”
จักรพรรดินีได้แต่กลอกตากับคำตอบของเขา นางได้แต่คิดในใจว่า “เจ้าคนนี้โกหกหน้าตาย แต่เหตุไฉนมันถึงดูน่าเชื่อถือขนาดนี้! ถ้าไม่ใช่เพราะข้ารู้เรื่องทั้งหมด ข้าคงคิดประหารเขาไปแล้ว!”
หลินเป่ยฟานกล่าวต่อ “ยิ่งไปกว่านั้น ฝ่าบาท ข้าสงสัยว่าพวกเขาถูกติดสินบน ถ้าไม่เชื่อก็ส่งคนไปค้นที่พักได้ หลังจากตรวจค้นแล้ว ความจริงจะชัดเจนเอง”
เหล่าพยานเริ่มกังวลและพูดว่า “ได้โปรดอย่าทำเช่นนั้น!”
จักรพรรดินีหรี่ตาลงและโบกมือ องครักษ์หลายคนออกมารับคำสั่งของนาง
“ไปค้นบ้านของพวกเขาให้ข้า!”
“ขอรับฝ่าบาท!” หนึ่งชั่วโมงต่อมา จักรพรรดินีมองไปที่คลังสมบัติที่พร่างพราวอยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้ามืดมน
มูลค่ารวมของสิ่งของที่ยึดมาจากบ้านของเหล่าพยานสูงถึง 300,000 ตำลึง
พยานเผยหน้าซีดและโค้งคำนับอย่างไม่หยุดหย่อน เพื่อวิงวอนขอความเมตตา
“ฝ่าบาท ข้ากระหม่อมผิดไปแล้ว ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย!”
“ฝ่าบาทได้โปรดเมตตาและไว้ชีวิตข้าจากการลงโทษของท่านด้วย!”
หลินเป่ยฟานยืนอย่างแน่วแน่และพูดว่า “ฝ่าบาท ดูพวกเขาสิ! พวกเขาทั้งหมดเป็นข้าราชการระดับต่ำ แต่พวกเขาทั้งหมดร่ำรวยกว่าข้าเสียอีก! จากตำแหน่งของพวกเขา พวกเขามั่งคั่งเกินกว่าสิ่งที่พวกเขาควรจะมีเสียอีก พวกเขาคือข้าราชการที่ทุจริต คำพูดของพวกเขาจะไปน่าเชื่อถือได้อย่างไร? พวกเขาอาจเป็นอันตรายต่อผลประโยชน์ของจักรวรรดิ ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงกล่าวหาข้าราชการผู้ซื่อสัตย์เช่นข้าเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง!”
จักรพรรดินีไม่พอใจและพูดว่า “พาพวกมันออกไปและประหารชีวิตให้หมด!”
“ฝ่าบาทได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย!”
“องค์เหนือหัว!”
ไม่ว่าพวกเขาจะอ้อนวอนอย่างไร ในท้ายที่สุดศีรษะของพวกเขาก็ต้องกลิ้งลงกับพื้น
หลินเป่ยฟานมาที่ด้านข้างของเหยาเจิ้งและมองไปทางเหยาเจิ้ง ซึ่งใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวและสีขาว
เขายิ้มและพูดว่า “ท่านเหยา นี่คือพยานที่ท่านเชิญมาหรือ? คงไม่มีพยานอีกแล้วสินะ?”
"เจ้า!" ใบหน้าของเหยาเจิ้งเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธ
“ดูเหมือนว่าข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าท่านหลินบริสุทธิ์จริงๆ!”
จักรพรรดินียิ้มและพูดต่อ “ยิ่งไปกว่านั้น ในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากเช่นนี้ ท่านหลินกลับสามารถบรรลุคะแนนสูงสุดในการสอบเข้าสถาบันแห่งชาติได้ ข้ารู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง!”
“ข้าไม่คู่ควรกับคำสรรเสริญของฝ่าบาทเลย” หลินเป่ยฟานตอบอย่างรวดเร็ว
“เจ้ามีค่าควรแล้ว แต่ในฐานะข้าราชการที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่และเป็นข้าราชการที่ได้รับการแต่งตั้งจากราชสำนัก การอาศัยอยู่ที่นี่มันแย่เกินไปและทำลายชื่อเสียงของราชสำนัก! เอาอย่างนี้ดีไหม ในเมื่อเรือนของอดีตเสนาบดีจ้าวถูกยึดไปแล้ว ข้าจะมอบเรือนหลังนั้นให้เจ้า เจ้าควรย้ายไปที่นั่นโดยเร็วที่สุดเลย!” จักรพรรดินีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งพร้อมกับพูดออกมา
หลินเป่ยฟานถึงกับตกตะลึง เขาเคยเห็นเรือนหลังนั้นมาก่อน มันตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวง มีขนาดใหญ่และหรูหรา ทั้งยังมีสภาพแวดล้อมที่งดงามมาก มันสามารถรองรับคนได้เป็นร้อย!
เรือนหลังใหญ่ในเมืองหลวงเช่นนี้มีมูลค่าอย่างน้อย 200,000 ตำลึง!
จักรพรรดินีได้ให้เรือนที่ดีเช่นนี้แก่เขา นางใจดีกับเขามากจริงๆ! หลินเป่ยฟานรู้สึกประทับใจมากและสาบานว่าในอนาคตจะโลภน้อยลง
“ขอบพระคุณสำหรับความกรุณาของฝ่าบาท!” หลินเป่ยฟานกล่าวเสียงดัง เขาเงยหน้าขึ้นมอง ทุกคนรอบตัวล้วนอิจฉาริษยาตัวเขาทั้งนั้น!
“ข้าหวังว่าท่านหลินจะซื่อสัตย์เช่นเดิมและก้าวไปในเส้นทางที่ไม่ทำให้ข้าผิดหวัง!” จักรพรรดินีกล่าวอย่างมีความหมายลึกล้ำภายใน
หลินเป่ยฟานจึงประกาศออกมาอย่างหาญกล้า “ข้าเต็มใจที่จะรับใช้ฝ่าบาทอย่างสุดความสามารถและพร้อมตายเพื่อฝ่าบาท!”
จักรพรรดินีปรบมือและหัวเราะออกมา “ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยม! จำคำพูดของเจ้าไว้! เช่นนั้นก็กลับวังกันเถอะ!”
เมื่อมาถึงจุดนี้ หลินเป่ยฟานก็กล่าวอีกครั้งว่า “ฝ่าบาท ในเมื่อเราอยู่ที่นี่แล้ว ทำไมเราไม่แวะไปที่บ้านของท่านเหยาและดูว่าเราจะเจออะไรที่ไม่คาดคิดอยู่หรือเปล่ากันล่ะ?”
เหยาเจิ้งจึงกล่าวออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว “หลินเป่ยฟาน เจ้าหมายความว่ายังไง?”
หลินเป่ยฟานยิ้มและพูดว่า “ข้าหมายความว่ายังไงเหรอ? ท่านเหยา ท่านเองก็ย่อมต้องรู้เป็นอย่างดี! ดังคำกล่าวที่ว่า ‘ผู้ที่เชื่อมโยงกับสีแดงย่อมถูกย้อมด้วยสีแดง ผู้ที่เชื่อมโยงกับสีดำย่อมถูกย้อมด้วยสีดำ’ ท่านกล้าที่จะนำกลุ่มข้าราชการทุจริตมากล่าวหาข้า ท่านกล้าพูดหรือว่าท่านไม่มีความสัมพันธ์กับพวกเขาเลย?”
"เจ้า!!!" เหยาเจิ้งโกรธมาก
จักรพรรดินีหรี่ตาพร้อมกับมองด้วยสีหน้าอันเข้าใจได้ยาก เหยาเจิ้งพูดออกมาด้วยความโกรธ “หลินเป่ยฟาน อย่าใส่ร้ายข้า! ข้าบริสุทธิ์และเที่ยงธรรมมาโดยตลอด ไม่เคยทำทุจริตใดทั้งสิ้น นับประสาอะไรกับการยักยอกเงินหลวง! เอาล่ะ ในเมื่อเจ้าอยากเห็น ข้าจะพาเจ้าไปที่นั่นเอง!”
เหยาเจิ้งโค้งคำนับและพูดว่า “ข้าขอเชิญฝ่าบาทมาเยี่ยมชมที่พำนักอันต่ำต้อยของข้า เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของข้า!” จักรพรรดินียิ้มและพูดว่า “เช่นนั้นเราแวะไปดูเถอะ!”