บทที่ 5: ข้าราชการระดับสูงร่ำไห้เพราะความยาจก: ข้าน่ะจนจริงๆ นะ!
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 5: ข้าราชการระดับสูงร่ำไห้เพราะความยาจก: ข้าน่ะจนจริงๆ นะ!
หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ทุกคนก็มาถึงลานของตัวเรือน
“นี่คือที่ที่ข้าราชการหลินอาศัยอยู่หรือ?”
“มันดูเก่ามากเลยไม่ใช่หรือ?”
“ผู้คนสามารถอาศัยอยู่ในที่แบบนี้ได้จริงเหรอ?”
ทุกคนต่างชะงักไป
จักรพรรดินีก็รู้สึกประหลาดใจมากขณะที่มองไปทางหลินเป่ยฟานและถามว่า “ข้าราชการหลิน ที่นี่เป็นบ้านของเจ้าหรือ?”
หลินเป่ยฟานพยักหน้าอย่างใจเย็น “ขอรับฝ่าบาท เพื่อความถูกต้อง ที่นี่เป็นที่อยู่อาศัยชั่วคราวที่ข้าเช่าไว้”
“ถ้าเจ้ากำลังเช่าที่พักอยู่ ทำไมไม่เช่าที่พักที่ดีกว่านี้ล่ะ?” ข้าราชการอีกคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
“ในเมื่อท่านไม่ใช่ข้า ก็ไม่รู้หรอกว่าชีวิตนี้มันต้องมีราคาแพงมากขนาดไหน!” หลินเป่ยฟานเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกแย่มาก “ข้าก็อยากจะเช่าที่ที่ดีกว่านี้ แต่น่าเสียดายที่สถานการณ์ทางการเงินของข้าไม่อาขทำได้! ที่นี่คือเมืองหลวง เมืองของจักรพรรดิที่ซึ่งทุกตารางนิ้วของแผ่นดินล้วนมีค่า! การซื้อบ้านก็มีราคาแพง การเช่าบ้านก็ไม่ได้มีราคาถูกเช่นกัน! รู้ไหมว่าข้าต้องใช้เงินเท่าไหร่ในการเช่าลานบ้านนี้เป็นเวลาหนึ่งเดือน?”
หลินเป่ยฟานชูนิ้วขึ้น “ตำลึงสิบเงิน! ข้าต้องใช้เงิน 10 ตำลึงเพื่ออยู่ที่นี่เป็นเวลาหนึ่งเดือน! นั่นคือ 120 เหรียญตำลึงต่อปี! ข้าเกิดในครอบครัวธรรมดา ข้าจะจ่ายเงินแบบนี้ได้อย่างไร? แต่ในการสอบของจักรพรรดินี เพื่อให้มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการเรียน ข้าจึงต้องกัดฟันและจ่ายเงินจำนวนมหาศาลขึ้นมา!”
“หลังจากใช้เงินก้อนใหญ่นี้ ข้าก็กลายเป็นแค่เกษตรกรที่ยากจนไม่ต่างจากขอทานบนท้องถนน เพียงแต่งตัวดีขึ้นเล็กน้อย! ข้ามักจะต้องประหยัดเงินทุกตำลึงทุกเหรียญที่ข้ามี ไม่อาจจ่ายทิ้งขว้างได้! ข้าถึงขั้นไม่กล้าขยับตัวไปไหนมากนักเพราะกลัวหิว!”
จักรพรรดินีได้แต่ส่ายศีรษะอย่างเห็นใจ “ข้าราชการหลิน ข้าไม่เคยคาดคิดเลยว่าเจ้าจะต้องทนทุกข์ทรมานมากขนาดนี้มาก่อน!”
“ใช่แล้ว ข้าทนทุกข์ทรมานมากในอดีต ทั้งหมดเป็นเพราะข้ายากจน!”
“ข้าจนมากจริงๆ! ข้าไม่มีพ่อแม่ ไม่มีพี่น้องหรือญาติ ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับตัวข้าเอง!” หลินเป่ยฟานพลันหวนนึกถึง “ข้าจำได้ลางๆ ว่าเมื่อปีที่แล้ว มีโจรมาปล้นบ้านข้า! ในเวลานั้นข้าซ่อนตัวอยู่ใต้เตียง ไม่กล้าส่งเสียงกลัวโจรจะหนีไป! ท่านรู้ไหมว่าตอนนั้นข้าคิดอะไรอยู่?”
“เจ้าคิดอะไรอยู่?” จักรพรรดินีถามขึ้น
“ตอนนั้นข้าหวังว่าเขาจะหาเงินเจอ!” หลินเป่ยฟานปิดบังใบหน้าของเขา
จักรพรรดินีและเหล่าข้าราชการต่างก็กระแอมไอออกมา
“ในท้ายที่สุดเขาก็ไม่พบอะไรเลยและวิ่งหนีไปพร้อมน้ำตา! ในช่วงวันหยุด เขาทิ้งข้าวไว้ที่บ้านของข้าให้สองถุงด้วยซ้ำ!”
จักรพรรดินีและเหล่าข้าราชการถึงกับไอออกมาอีกครั้ง
หลินเป่ยฟานรู้สึกขอบคุณและเช็ดน้ำตาตัวเองเบาๆ “ข้ารอดชีวิตมาได้ทุกวันตลอดทั้งปี ต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากหัวขโมยผู้นั้น เขาทำให้ข้ารู้สึกได้ว่ามีความรักและความเมตตาเช่นนี้อยู่บนโลกด้วย!”
“สภาพชีวิตเจ้าแย่เพียงนั้นเลยเหรอ?” ข้าราชการคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา “ข้าจำได้ว่าด้วยชื่อเสียงและตำแหน่ง ราชสำนักต้องให้เงินอุดหนุนสิ! หลินเป่ยฟาน เจ้าผ่านการสอบและได้รับรางวัลสูงสุด เจ้าไม่ควรอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชเช่นนี้!”
"จริงแท้! เงินอุดหนุนของราชสำนักมีมากมายมหาศาล ไม่มีทางที่เขาจะมีชีวิตแย่ถึงเพียงนั้น!”
“พูดตามตรง ข้าก็ไม่เชื่อเหมือนกัน”
“พวกท่านรู้เรื่องราวเพียงด้านเดียวเท่านั้น” หลินเป่ยฟานกล่าว “เหตุผลหลักคือตำแหน่งข้าพุ่งเร็วเกินไป! ข้าผ่านการสอบและได้รับรางวัลสูงสุดสามปีติดต่อกัน ก่อนที่ข้าจะได้รับเงินอุดหนุน ข้าก็กลับกลายเป็นข้าราชการระดับสูงเสียแล้ว! ถ้าข้าค่อยเป็นค่อยไป ทุกอย่างก็คงไม่เลวร้ายขนาดนี้!”
เหล่าข้าราชการต่างไอออกมาอีกครั้ง
พวกเขาจ้องมองไปทางหลินเป่ยฟานอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เจ้าหมอนี้มันเสแสร้งแน่นอน!
การได้รับรางวัลสูงสุดสามปีติดต่อกันไม่ดีพอหรือไง?
นี่คือสิ่งที่เหล่าผู้ทดสอบหลายคนใฝ่ฝันถึง!
แต่เขากลับบ่นว่ามันเร็วเกินไปเนี่ยนะ?
ไม่อยากจะเชื่อเลย!
จักรพรรดินีหัวเราะคิกคักออกมา
นางเริ่มรู้สึกว่าหลินเป่ยฟานช่างเป็นคนที่น่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ!
เขาคร่ำครวญออกมาเพราะความยากจน ด้วยท่าทางสง่างามและซับซ้อน เมื่อเขาอวดเบ่ง เขาก็ทำมันด้วยท่าทางอันแสนสง่างามและความซับซ้อนเช่นกัน!
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังสร้างข้อโต้แย้งที่น่าเชื่อถือจนผู้คนอยากจะทุบตีเขา!
“ถ้าอย่างนั้นหลินเป่ยฟาน ความโลภที่ไม่รู้จักพอของเจ้าเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าอยู่ในความยากจนสินะ” ข้าราชการเหยาเจิ้งเย้ยหยัน “เจ้าต้องทนทุกข์ทรมานก่อนที่จะเป็นข้าราชการ และตอนนี้เจ้ากำลังพยายามชดเชยสิ่งที่เจ้าขาดไปด้วยความโลภ”
“ท่านเหยา อย่ากลับขาวเป็นดำ! ข้าเป็นคนที่ศึกษาคำสอนของขงจื้อและเม่งจื๊อ ปฏิบัติตามหลักวิสุทธิชน หากท่านยังคงพูดเช่นนี้ต่อไป ข้าจะกล่าวหาท่านว่ากำลังหมิ่นประมาท!” หลินเป่ยฟานโต้กลับ
“ถ้าอย่างนั้นก็มาดูกันว่ามันจริงหรือเท็จ!” เหยาเจิ้งงผลักประตูเปิดออกและตะโกนว่า “ค้นหา! ค้นหาให้ถี่ถ้วนและละเอียด อย่าเหลือที่ใดไว้เด็ดขาด!”
"ขอรับท่าน!" ทหารกลุ่มหนึ่งรีบวิ่งเข้าไป
“ท่านครับไม่มีอะไรในห้องนั่งเล่น!”
“ท่านครับไม่มีอะไรในห้องหลัก!”
“ท่านครับไม่มีอะไรในเรือนพัก!”
“ท่านครับไม่มีอะไรในครัว!”
ในท้ายที่สุด ทหารทุกคนที่ค้นหาก็ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา เห็นได้ชัดเลยว่าพวกเขาไม่พบอะไรเลย
เหยาเจิ้งรู้สึกงุนงงเช่นเดียวกับเหล่าข้าราชการที่อยู่ที่นี่
“จะไม่มีอะไรได้ยังไงกัน? มันเป็นไปไม่ได้!” เหยาเจิ้งอุทานออกมา
หลินเป่ยฟานจึงพูดขึ้นว่า “แล้วพบอะไรหรือยัง? มองไปที่บ้านของข้าสิ มันว่างเปล่า แม้แต่โจรที่น่าสงสารก็ไม่สนใจที่จะขโมยจากข้า! ถ้ามีอะไรอยู่ พวกเจ้าคงพบตั้งแต่เดินเข้าไปแล้ว!”
เมื่อพิจารณาถึงผลที่ตามมา เขาก็ได้นำเงินที่ยักยอกไปแจกจ่ายก่อนแล้ว
ตราบใดที่ไม่มีหลักฐาน ก็ไม่มีใครจะมาเอาผิดเขาได้
“เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีอะไรเลย…บอกข้ามา! เจ้าเคลื่อนย้ายมันไปไว้ที่อื่นใช่ไหม?” เหยาเจิ้งตะโกนเสียงดังลั่น
หลินเป่ยฟานกางมือของเขาออกมาและพูดว่า “ข้าจะย้ายพวกมันไปที่ไหนได้? ข้ายากจนจนแทบไม่มีเงินซื้ออาหารด้วยซ้ำ!”
จากนั้นดวงตาของหลินเป่ยฟานก็มองไปทางด้านหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ
เหยาเจิ้งจ้องมองตามเขา
เขามองตามสายตาของหลินเป่ยฟานและเห็นต้นไม้ใหญ่ ซึ่งดูเหมือนจะเพิ่งถูกไถพรวน
เหยาเจิ้งหัวเราะออกมาอย่างมีชัย: "ฮ่าฮ่า! ข้าว่าแล้วเชียว หลินเป่ยฟาน เจ้าต้องซ่อนเครื่องประดับไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้แน่!”
หลินเป่ยฟานส่ายศีรษะทันที: "ไม่ใช่เลย! ไม่ใช่อย่างแน่นอน!"
“จะไม่มีได้ยังไงกัน? เมื่อครู่ข้าเห็นท่าทีน่าสงสัยของเจ้าแล้ว!” เหยาเจิ้งมาที่ด้านล่างของต้นไม้ใหญ่ เหยียบลงบนดินที่เพิ่งถูกกลบฝังอย่างภาคภูมิใจพร้อมกับกล่าวว่า: “ดูสิ ดินนี้สิมันเพิ่งถูกขุดขึ้นมา! ดังนั้นเจ้าคงซ่อนเงินที่ขโมยมาไว้ที่นี่ใช่ไหม?”
ดวงตาของทุกคนพลันแข็งทื่อและพวกเขาก็เห็นดินที่เพิ่งขุดขึ้นมา
เรือนของหลินเป่ยฟานถูกค้นหาไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ก็ไม่พบอะไรเลย
ถ้าอย่างนั้นเครื่องประดับน่าจะซ่อนอยู่ที่นั่น 80%
หลินเป่ยฟานตื่นตระหนกมาก: “ท่านเหยา มันไม่ได้อยู่ที่นั่นอย่างแน่นอน โปรดอย่าทึกทักเอาเอง !”
“ข้าแน่ใจว่าต้องใช่!” เหยาเจิ้งตะโกน: “เอาพลั่วมาให้ข้า ข้าจะขุดมันออกมาเอง!”
“ท่านเหยาอย่าทำเช่นนี้เลย เดี๋ยวท่านจะได้เสียใจนะ!”
“เงียบปากไปเลย! ข้าจะเสียใจมากกว่าถ้าหามันไม่เจอ!”
เหยาเจิ้งหยิบพลั่วเหล็กและเริ่มขุดด้วยความตื่นเต้น
หลังจากขุดเพียงไม่กี่ครั้ง หลุมก็ถูกเปิดออกมา
ในยามนั้นเอง เงาดำได้พุ่งออกมาจากด้านในและกัดมือของเหยาเจิ้ง