บทที่ 4: ข้าต้องการฟ้องเรื่องข้าราชการระดับสูงคนใหม่ผู้นี้!
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 4: ข้าต้องการฟ้องเรื่องข้าราชการระดับสูงคนใหม่ผู้นี้!
“ขอพระองค์ทรงพระเจริญ ขอพระองค์ทรงพระเจริญ!” ในห้องโถงของพระราชวังทองคำ เหล่าข้าราชการต่างกราบไหว้และเอ่ยปากอย่างพร้อมเพรียงกัน
ในราชวงศ์จักรพรรดิของโลกใบนี้ การคุกเข่าไม่ใช่ธรรมเนียมปฏิบัติ ทุกคนเพียงแค่ยืนและแสดงความเคารพ
“งดพิธีเถิด พวกท่านทั้งหลาย!” จักรพรรดินีกล่าวออกมาอย่างทรงอำนาจ
“ขอบคุณพะยะค่ะ ฝ่าบาท! พวกเขาทั้งหมดยืดตัวขึ้นและพูดอย่างพร้อมเพรียงกัน
จักรพรรดินีสำรวจเหล่าข้าราชการและในที่สุดที่เบื้องหลังของฝูงชน นางก็เห็นตัวหลินเป่ยฟาน นางเผยรอยยิ้มเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
หน้านี้นางมองว่าหลินเป่ยฟานเป็นคนที่น่าพอใจ แต่ตอนนี้นางถือว่าเขาเป็นคนที่น่าพอใจอย่างยิ่ง
ด้วยการจ้องมองที่น่ารื่นรมย์ นางก็ถามออกมา “ผู้ตรวจสอบหลิน เมื่อวันก่อนนี้ข้าสั่งให้เจ้าค้นหาบ้านหลังหนึ่ง ผลลัพธ์เป็นเช่นไร?”
หลินเป่ยฟานก้าวไปข้างหน้าและตอบอย่างใจเย็นว่า “ขอตอบฝ่าบาท เมื่อวันก่อนนี้ข้าไปยังเรือนพักของอัครมหาเสนาบดีจ้าวเพื่อค้นหาทรัพย์สินของเขา หลังจากค้นหาอย่างถี่ถ้วน ข้าก็พบเงินจำนวนมหาศาลที่ถูกขโมยไปเป็นจำนวน 200,000 ตำลึง มันถูกฝากไว้ในคลังของจักรวรรดิแล้ว ขอเชิญฝ่าบาทพินิจดู”
ณ จุดนี้ เสนาบดีหลายสิบคนก็มองเข้ามาและอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
สองแสนตำลึง? นั่นถือว่าเป็นจำนวนมหาศาลแล้วเหรอ?
เจ้ากล้าดียังไงถึงรายงานเรื่องนี้!
เมื่อเทียบกับสิ่งที่เจ้ายักยอกไป มันแทบจะเทียบกันไม่ได้ด้วยซ้ำ!
จักรพรรดินีทุบบัลลังก์ของนางและอุทานออกมาด้วยความโกรธ “เสนาบดีจ้าวคนนี้เป็นคนที่น่ารังเกียจยิ่ง! เขาอยู่ในตำแหน่งมานานกว่ายี่สิบปี และได้ยักยอกเงินที่ถูกขโมยไป 200,000 ตำลึง เขาทำลายชีวิตไปกี่ชีวิตแล้ว? การฆ่าเขาเป็นร้อยๆ ครั้งคงไม่เพียงพอที่จะดับความโกรธแค้นของประชาชนได้!”
“สิ่งที่ฝ่าบาทตรัสเป็นจริงทุกประการ!” หลินเป่ยฟานตอบกลับไปโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
ทุกคนในห้องราชสำนักต่างตกใจกันอีกครั้ง
นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย!
เจ้าทุจริตยิ่งกว่าเสนาบดีจ้าวเสียอีก แต่กล้าพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ตรงไปตรงมาเช่นนี้เนี่ยนะ!
เจ้ามีความละอายใจบ้างไหม?
จักรพรรดินีจึงสั่งการไปว่า “องครักษ์ พาเสนาบดีจ้าวออกไปและประหารชีวิตเขา! ส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจะต้องได้รับการลงโทษอย่างรุนแรง!”
“ขอรับฝ่าบาท!” องครักษ์ในชุดเกราะผ้าไหมได้รับคำสั่งและเดินออกจากห้องโถงของพระราชวังทองคำไป
หลังจากสั่งฆ่าคนไป อารมณ์ของจักรพรรดินีก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง “หลินเฟ่ยปาน ภารกิจของเจ้าถือว่าสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ข้าได้ตัดสินใจที่จะเลื่อนขั้นให้เจ้ากึ่งหนึ่ง! เดิมทีเจ้าเป็นเจ้าหน้าที่ระดับหก แต่ตอนนี้เจ้าจะกลายเป็นเจ้าหน้าที่ระดับห้า! ส่วนตำแหน่งในอนาคตของเจ้า ข้าตัดสินใจแล้ว…”
คราวนี้ทุกคนไม่สามารถอยู่เฉยได้อีกต่อไป!
เขาเพิ่งกลายเป็นข้าราชการชั้นสูงเมื่อวันก่อนนี้ และตำแหน่งอย่างเป็นทางการของเขาก็ยังไม่ได้รับการตัดสินใจ แต่เพียงแค่ยึดทรัพย์และค้นหาของที่ทุจริต เขาก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่งไปครึ่งขั้น!
มันเร็วเกินไปแล้ว!
มีใครที่แค่ตรวจสอบเรือนแล้วได้การเลื่อนระดับกัน!
ยิ่งไปกว่านั้น เขายักยอกเงินจำนวนมากและท่านยังคงเลื่อนขั้นให้เขาอีกเหรอ?
ความยุติธรรมอยู่ไหน?
ความยุติธรรมอยู่ตรงที่ใดกัน?
ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งลุกขึ้นยืนและกล่าวด้วยความเคารพว่า “ฝ่าบาท ข้ามีเรื่องจะทูล”
"เรื่องอะไรงั้นเหรอ?" จักรพรรดินีดูไม่พอใจมาก
นางเพิ่งเตรียมที่จะให้รางวัลแก่หลินเป่ยฟานและเอาใจเขา แต่ก็มีคนขัดจังหวะนางเสียแล้ว!
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นเสนาบดีชรา ความโกรธของนางก็หายไปในทันที อีกฝ่ายหนึ่งเป็นข้าราชการในราชสำนัก ชื่อเหยาเจิ้ง ซึ่งดำรงตำแหน่งมานานกว่า 30 ปีในฐานะข้าราชการของราชสำนัก
แม้ว่าตำแหน่งข้าราชการระดับเจ็ดของเขาจะไม่สูง แต่เขาก็มีอำนาจมาก เขามีหน้าที่ให้คำแนะนำแก่จักรพรรดิและดูแลพฤติกรรมของเหล่าข้าราชการ ทั้งเรื่องการละเมิดกฎหมายและระเบียบวินัย
“เจ้าต้องรายงานอะไรงั้นหรือ เสนาบดีเหยา?” จักรพรรดินีถามขึ้นมา
“ฝ่าบาท” เหยาเจิ้งตอบพลางมองไปทางหลินเป่ยฟานด้วยดวงตาสีแดง “ข้าต้องการที่จะฟ้องเรื่องข้าราชการระดับสูงคนใหม่ หลินเป่ยฟานผู้นี้! เมื่อวันก่อน เมื่อเขาไปค้นเรือน เขาได้ยักยอกเครื่องประดับที่มีมูลค่าสองล้านตำลึง ทั้งทองและเงิน! เขาเพิ่งจะกลายเป็นข้าราชการชั้นสูง แต่ก็ได้ยักยอกเงินจำนวนมหาศาลเช่นนี้ไปแล้ว ฝ่าบาท ได้โปรดดำเนินการตรวจสอบด้วย!”
เจ้าหน้าที่ที่อยู่ที่นี่อดไม่ได้ที่จะยิ้มกับการแสดงที่เกิดขึ้น จักรพรรดินีบนบัลลังก์มังกรยังคงสงบนิ่งและถามหลินเป่ยฟานว่า “นี่เป็นความจริงหรือไม่ เสนาบดีหลิน?” นางรู้สึกคาดหวังมากว่าหลินเป่ยฟานจะผ่านวิกฤตนี้ไปได้เช่นไร
ถ้าเขาทำไม่ได้ นางจะเป็นคนช่วยเขาเอง! หลินเป่ยฟานยังคงสงบนิ่งมากและตอบกลับไปว่า “ฝ่าบาท ข้อกล่าวหาของเสนาบดีเหยานั้นไม่มีมูลความจริงเลย!”
"เจ้า!" ดวงตาของเหยาเจิ้งคล้ายกับกำลังพ่นไฟออกมา
หลินเป่ยฟานยืนตัวตรง เสียงของเขาดังออกมาดั่งฟ้าคำราม “ตั้งแต่เด็ก ข้าได้ศึกษาวิชาของขงจื้อและเม่งจื๊อ ทั้งยังปฏิบัติตามหลักวิสุทธิชน ข้ามีชีวิตที่เที่ยงธรรมและไม่เคยทำอะไรให้ต้องละอายใจ ข้าจะทำสิ่งที่ทั้งมนุษย์และพระผู้เป็นเจ้าดูหมิ่นอย่างการยักยอกเงินและทองสองล้านตำลึงเนี่ยนะ?”
จักรพรรดินีบนบัลลังก์มังกรแทบอยากจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา ผู้ชายคนนี้ช่างไร้ยางอายเหลือเกิน เห็นได้ชัดว่าเขายักยอกเงินไป แต่เขาก็ทำราวกับว่าเขาบริสุทธิ์! ไม่มีความละอายเลย ไร้ยางอายมาก!
เมื่อมาถึงจุดนี้ หลินเป่ยฟานก็เล็งปืนของเขากลับไปและถามว่า “ท่านเหยา ทำไมท่านถึงกล่าวหาข้าด้วยข้อกล่าวหาที่ไร้มูลความจริงเช่นนี้? ท่านรับสินบนจากผู้อื่นและจงใจใส่ร้ายข้าหรือ?”
เหยาเจิ้งโกรธมากจนเกือบจะอาเจียนเป็นเลือด เขาพูดตอบไปว่า “ในฐานะผู้เป็นคนให้คำแนะนำแก่จักรพรรดิที่ชอบธรรม ข้ามีหน้าที่ในการตรวจสอบและกำกับดูแลข้าราชการทั้งหมด ข้าจะรับสินบนและใส่ร้ายเจ้าหน้าที่ที่ซื่อสัตย์และเที่ยงธรรมได้อย่างไรกัน?”
“มันไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนั้นเสมอไป! เหรียญเงินจ้าวก็เป็นคนชอบธรรมและไม่ทุจริต แต่เขาก็ยังยักยอกเงิน 200,000 ตำลึงเลยใช่ไหม? ดังคำกล่าวที่ว่าไม่สามารถตัดสินหนังสือจากหน้าปกได้ ตัวตนภายนอกแม้นจะดีขนาดไหน ก็ไม่อาจรู้ได้ถึงตัวตนภายใน!” หลินเป่ยฟานโต้กลับไปอย่างประชดประชัน
เหยาเจิ้งตัวสั่นด้วยความโกรธและพูดว่า “ท่านจ้าวเป็นเจ้าหน้าที่ที่ทุจริต เจ้าจะเปรียบเทียบข้ากับเขาได้ยังไงกัน?”
“เช่นนั้นทำไมท่านถึงกล่าวหาว่าข้าโลภ?” หลินเป่ยฟานเอ่ยถาม
“ข้ามีหลักฐาน!”
เหยาเจิ้งพูดพร้อมกับประสานมือของเขา “ฝ่าบาท ท่านสามารถส่งคนไปสอบปากคำข้าราชการที่เราสืบค้นได้เลย เพื่อดูว่ามันเป็นจริงหรือไม่! ส่วนหลักฐานทางกายภาพ…เมื่อวันก่อนข้าได้ยินมาว่าหลินเป่ยฟานให้คนเอาเงินสกปรกกลับไปที่เรือนของเขาและหลายคนก็เห็นมัน เราสามารถส่งคนไปที่บ้านของเขาเพื่อตรวจสอบได้!”
ณ จุดนี้ เสนาบดีหลายคนก็ส่ายศีรษะ ดูเหมือนหลินเป่ยฟานจะจนตรอกเสียแล้ว เขายังเด็กเกินไปและโลภมาก ไม่ได้ทำสิ่งต่างๆ ให้รอบคอบพอจนปล่อยให้ตัวเองถูกจับได้!
“เจ้ามีอะไรจะพูดอีกไหม?” จักรพรรดินีถามอย่างใจเย็นโดยไม่แสดงอารมณ์ใดออกมา
“ฝ่าบาท ข้าบริสุทธิ์! หากท่านต้องการตรวจสอบก็ทำเช่นนั้นเลย! ข้าเดินบนทางที่เต็มไปด้วยขวากหนาม ไม่มีทางที่ข้าจะทำอะไรผิดกฎหมายหรือไม่เหมาะสม!”
หลินเป่ยฟานกล่าวด้วยความรู้สึกอันชอบธรรม จักรพรรดินีอยากจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาจริงๆ! เจ้าหมอนี้…โกหกหน้าด้านๆ!
เขาไม่มีความละอายเลยแม้แต่น้อย ผิวของเขาคงหนายิ่งกว่าพวกสุนัขจิ้งจอกเสียอีก!
จักรพรรดินีจึงประกาศเสียงดังว่า “ยอดเยี่ยมมาก! ในเมื่อเราไม่มีอะไรแล้ว ให้เราทุกคนไปที่บ้านของท่านหลินด้วยกันและดูว่าเขาทุจริตจริงๆ หรือไม่! ถ้าไม่มี เราก็ถือว่าลบมลทินออกจากชื่อของเขา ถ้าใช่ เขาจะถูกโยนเข้าคุก!”
“จักรพรรดินีทรงพระเจริญ!” ทุกคนต่างตะโกนพร้อมกัน