บทที่ 3. วันเอพริลฟูลส์
ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay
บทที่ 3. วันเอพริลฟูลส์
วันที่ 1 เมษายน เป็นวันเอพริลฟูลส์
ในขณะที่ชาวนิวยอร์กยังอยู่ในบรรยากาศที่รื่นเริง ตำรวจ ก็ได้รวมตัวกันที่ไทม์สแควร์
"เกิดอะไรขึ้น?"
“แม่ครับ ตำรวจเยอะจัง!”
"คงเป็นการแกล้งกันในวันเอพริลฟูลส์น่ะจ๊ะลูก"
“พวกเขาถือปืนจริง นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว”
“เราออกไปจากที่นี่กันเถอะ ถ้ามีอะไรอันตรายเกิดขึ้นอีก มันคงจะร้ายแรงมากแน่”
ผู้บัญชาการสเตซี่หันไปถามเจ้าหน้าที่ซิดนีย์โดยไม่สนใจปฏิกิริยาของประชาชนที่อยู่โดยรอบ
“แน่ใจนะว่ามันจะมาที่นี่?”
เขาเป็นผู้นำการดำเนินภารกิจนี้ที่มีแค้นเป็นการส่วนตัว เครื่องกีดขวางมากมายได้ถูกวางตั้งรอในระยะไกลเพื่อขัดขวางเส้นทางการหลบหนี โดยมีเป้าหมายที่ชัดเจน นั่นคือการจับกุมจอมโจรคิดและล้างความอัปยศที่เกิดขึ้นกับ ตำรวจ
"ตามเบาะแสในจดหมาย เรามั่นใจว่าสถานที่ดังกล่าวน่าจะอยู่ในไทม์สแควร์ค่ะ" เจ้าหน้าที่ซิดนีย์ กล่าวโดยถือจดหมายที่จอมโจรคิดทิ้งไว้ "วันเอพลิวฟูลส์เดย์ก็คือความหมายตรงตัว ส่วนทางแยกของโลกหมายถึงไทม์สแควร์อย่างแน่นอนค่ะ"
ความรู้สึกไม่แน่ใจเรื่องตำแหน่งของการก่ออาชญากรรมครั้งต่อไปของจอมโจรคิดจากจดหมายที่ทิ้งไว้นั้นทำให้ผู้บัญชาการสเตซี่ค่อนข้างหงุดหงิดพอสมควร แต่ในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีประสบการณ์ เขารีบจัดการกับอารมณ์ของเขาและถามต่อไปว่า "แล้วแสงจันทร์สีแดงล่ะ มันหมายความว่ายังไง?"
ซิดนีย์ส่ายศีรษะและตอบกลับไปด้วยความงุนงงเล็กน้อย “ไม่รู้สิค่ะ ฉันเคยคิดเรื่องความหมายของแสงจันทร์สีแดงเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่มีเงื่อนงำอะไรเลย”
“ขอโทษค่ะหัวหน้า”
“ไม่จำเป็นต้องรู้สึกแย่หรอก ซิดนีย์ คุณทำดีแล้ว”
ในเรื่องนั้น ผู้บัญชาการสเตซี่ไม่ได้คิดมากอะไร การที่สามารถระบุได้ว่า จอมโจรคิดจะปรากฏตัวขึ้นเมื่อไรและที่ไหนถือเป็นความสำเร็จอย่างมากแล้ว ส่วนเนื้อความจดหมายที่เหลือ ไว้คิดตอนที่จอมโจรคิดถูกจับได้ก็แล้วกัน
“ว่าแต่ หัวหน้า พวกเราไม่ได้อยู่ในที่โล่งเกินไปหน่อยเหรอคะ? ถ้าจอมโจรคิดมาเห็นคนเยอะเกินไปล่ะก็…”
ซิดนีย์กวาดสายตาไปยังผู้คนรอบๆ ไทม์สแควร์ และเธอก็อดไม่ได้ที่จะกังวล
"ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก จากการวิเคราะห์เครื่องแต่งกายของจอมโจรคิด การก่ออาชญากรรมและจิตวิทยาของเขา เราพบว่าเขาเป็นคนประเภทชอบแสดง พูดง่ายๆ ก็คือ ยิ่งมีคนเข้ามามากเท่าไหร่ เขายิ่งมีแรงจูงใจในการปล้นมากขึ้นเท่านั้น"
ซิดนีย์ไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่ผู้บัญชาการสเตซี่พูด เพราะมันเป็นเรื่องทางเทคนิคและซับซ้อนเกินไป แต่เมื่อนึกถึงอาชญากรรมในอดีตของ จอมโจรคิด ก็จะเห็นได้ชัดเลยว่าอีกฝ่ายไม่กลัวตำรวจจริงๆ การก่ออาชญากรรมหลายอย่างของเขาเกิดขึ้นต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ และเขายังถึงขั้นสามารถขโมยไปได้โดยไม่ทิ้งหลักฐานไว้เลย
"ตราบใดที่มันปรากฏตัวขึ้นที่ไทม์สแควร์ บทบาทอาชญากรของมันก็จะจบลงแน่นอน"
สเตซี่ดูมั่นใจมาก เพราะเขาใช้ทรัพยากรจำนวนมหาศาลเพื่อวางตากับดักไว้
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ซิดนีย์กลับรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยขณะที่เธอยืนดูแผนการของหัวหน้า
ความไม่สบายใจนี้ก็ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป
“เป็นอะไรไปซิดนีย์ เธอดูแปลกๆ ไปนะ”
เจ้าหน้าที่ที่อยู่กับทีมสังเกตเห็นใบหน้าบึ้งตึงของ ซิดนีย์ และแสดงความกังวลออกมา
"ฉันสบายดี" ทันใดนั้นซิดนีย์ก็ส่ายศีรษะแล้วหันไปหาเพื่อนเจ้าหน้าที่ของเธอพร้อมกับถามว่า "ริชมอนด์ คุณเคยเห็นพระจันทร์สีแดงไหม"
“พระจันทร์สีแดง?” ริชมอนด์ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ไม่เลย ฉันถามคนที่แผนกนิติวิทยาศาสตร์ก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขาบอกว่ามันเป็นปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่เกิดขึ้นค่อนข้างหายาก จะมีเฉพาะเมื่อมีสุริยุปราคาเต็มดวงบนดวงจันทร์"
ซิดนีย์พูดขึ้นขัดจังหวะคำอธิบายของริชมอนด์ "... พอมันดูดซับแสงสีม่วง น้ำเงิน เขียว และเหลืองไป ก็จะเหลือเพียงแสงสีแดงเท่านั้นที่จะทะลุผ่าน และเมื่อชั้นบรรยากาศหักเหแสงสีแดงบนพื้นผิวดวงจันทร์ พระจันทร์สีแดงจะเผยสีของมันออกมา”
ริชมอนด์มองมาทางเธอด้วยความประหลาดใจ ซิดนีย์ยักไหล่ "ฉันเองก็ถามเด็กๆ ที่แผนกมาแล้ว"
"แต่ตามทฤษฎี ไม่มีทางที่จะมีพระจันทร์สีแดงในเร็วๆ นี้หรอก เว้นแต่ว่า..."
“เว้นแต่อะไร?” ริชมอนด์พูดออกมา
สายตาของ ซิดนีย์ มองไปยังผู้บัญชาการซึ่งอยู่ไม่ไกล คนที่เดินบนถนนและสื่อมวลชนที่มารวมตัวกันรอบ ๆ ไทม์สแควร์ก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
"พระจันทร์สีแดงยังไม่ปรากฏขึ้นสักที"
"ริชมอนด์ วันนี้วันอะไรเหรอ?" ซิดนีย์ถาม
"วันที่ 1 เมษายน วันเอพริลฟูลส์"
"สุขสันต์วันเอพริลฟูลส์ ริชมอนด์!"
ริชมอนดสูดลมหายใจเข้าอย่างแรงโดยไม่รู้ตัว และมองไปทางซิดนีย์ด้วยสีหน้าตกใจ
"เราทุกคนถูกจอมโจรคิดหลอก!"
ด้วยรอยยิ้มอันขมขื่นบนใบหน้าของซิดนีย์ เธอรีบมองไปที่ผู้บัญชาการตำรวจสเตซี่ที่อยู่ใกล้ๆ
“เรื่องสำคัญที่สุดคือเราจะแจ้งเรื่องนี้กับหัวหน้าสเตซี่ยังไงดี?”
"อืม หายนะโดยแท้" ริชมอนด์ไม่สามารถจินตนาการถึงสีหน้าของผู้บัญชาการได้เลยเมื่อเขารู้ความจริง
...
[คะแนนชื่อเสียงจาก ซิดนีย์ +5]
[คะแนนชื่อเสียงจากริชมอนด์ +1]
[คะแนนชื่อเสียงจากจอร์จ สเตซี่ +10]
"ดูเหมือนตำรวจจะคิดผิดเรื่องวันเมษาหน้าโง่ของฉันสินะ"
ในแมนฮัตตัน ถัดจากอาคารสูงตระหง่าน ชายชราผิวดำคนหนึ่งมองดูข้อความที่ระบบส่งมาและพึมพำกับตัวเอง
ชายผิวดำผู้นี้คือไรอัน ด้วยทักษะการปลอมตัวของเขาจากจอมโจรคิด การปลอมตัวง่ายๆ แบบนี้จึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา
สาเหตุของการปลอมตัวไม่ใช่เพราะไรอันไม่มีอะไรจะทำ
จดหมายที่ส่งถึงตำรวจเป็นเพียงการเล่นตลกของวันเอพริลฟูลส์เดย์ เพื่อให้เขามีตัวตนและสร้างชื่อเสียงของจอมโจรคิดขึ้น
แต่จดหมายที่ส่งถึงคิงพิงเป็นการแจ้งให้ทราบถึงการโจรกรรมที่จะเกิดขึ้นจริง
การเตรียมการก่อนลงมือเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้การปล้นทั้งหมดเป็นไปอย่างราบรื่น
ทุกอย่างได้อธิบายไว้ในการ์ดอย่างชัดเจน จอมโจรคิดเป็นเพียงคนธรรมดาที่จะทำการขโมยของด้วยเล่ห์กลและการปลอมตัวที่น่าทึ่งของเขา เทคนิคแบบนี้อาจใช้การได้โดยไม่มีข้อจำกัดใดเมื่อต้องหลอกล่อกับคนธรรมดาเช่น ตำรวจ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับ คิงพิน .....
เขามีขนาดร่างกายที่ใหญ่เกินจริง มากกว่าคนปกติหลายเท่า
แถมไรอันก็รู้ด้วยว่าคนรอบตัวคิงพินไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ
ดังนั้นนอกเหนือจากการ์ดจอมโจรคิดแล้ว ใช่ว่าไรอันจะไม่มีไพ่ตายเก็บไว้อยู่
เป็นอีกครั้งที่สายตาของเขามองไปบนอาคารสูงตระหง่านของคิงพินเบื้องหน้าเขา
ไรอันหันกลับไปและหายจากบริเวณหัวมุมถนน พร้อมกับก้าวย่างที่สั่นคลอนคล้ายคนชรา ซึ่งบ่งบอกได้เลยถึงความชำนาญในการปลอมตัวของเขา